ถ้าหากจะพูดถึงเกมในความทรงจำของใครหลายๆคน โดยเฉพาะเกมกระดาน แน่นอนว่าเราจะต้องเคยผ่านเกมอย่าง เกมเศรษฐี หรือ Monopoly Game มันเป็นเกมที่สามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัยและสนุกสนานแล้ว เกมนี้ทำใหเราได้เรียนรู้กลยุทธ์เกี่ยวกับการซื้อ-ขายลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปในยุคที่เกมมือถือกำลังได้รับความนิยม เกมเศรษฐีที่เราคุ้นเคย ก็ทำให้ทาง เน็ตมาร์เบิ้ล นำเกมสุดฮิตมาสร้างแบบเกมทางมือถือเมื่อปี 2013 จนสร้างปรากฏการณ์สุดฮิตในช่วงนั้น และในปีนี้ก็มีภาคใหม่หลังจากที่รอคอยมานานกับ เกมเศรษฐี 2 : Meta World ที่นอกจากจะสนุกกว่าเดิมแล้ว เกมนี้ยังนำรูปแบบ Meta World เพื่อเพิ่มความสนุกให้กับเกมอีกด้วย
เมื่อพูดถึงเกมๆนี้แล้ว เราจะพาทุกคนไปย้อนเรื่องราวของเจ้าเกมกระดานพารวย ว่าใครเป็นผู้ให้กำเนิด มีที่มาที่ไปอย่างไรพร้อมกับเรื่องราวที่น่าสนใจมาฝากกันครับ…

ที่มา

จุดกำเนิดของเกมเศรษฐีที่เรารู้จักเป็นอย่างดี ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงประมาณปี 1904 เกิดจากไอเดียของหญิงชาวอเมริกันนามว่า เอลิซาเบ็ธ เจ. มากี้ ฟิลลิปส์ (Elizabeth J. Magie Philips) หรือ ลิซซี่ มากี้ (Lizzy Magie) ที่ต้องการสร้างแบบจำลองให้คนทั่วไปเข้าใจว่า คนที่เป็นเจ้าของที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างความร่ำรวยได้อย่างไร และค่าเช่าทำให้คนจนลงได้อย่างไร เธอจึงนำแนวคิดนี้มาสร้างเป็นเกม ในชื่อ The Landlord’s Game ก่อนที่เธอจะจดสิทธิบัตร แต่ทว่าความนิยมในตัวเกมยังไม่แพร่หลายในวงกว้าง เพราะยังเป็นของใหม่ ก่อนที่ในปี 1910 บริษัทเกมที่ชื่อ Economic Game ได้มาสานต่อจนเริ่มเป็นที่แพร่หลายแบบบอกต่อ ภายหลังก็มีการดัดแปลงกฎกติกาให้ระยะเวลาสั้นลงและมีความสนุกมากยิ่งขึ้น รวมถึง เปลี่ยนแปลงชื่อสถานที่เพื่อให้สอดคล้องกับบริเวณที่ผู้เล่นอาศัยอยู่จริง โดยจะรู้จักในชื่อเกมว่า Auction Monopoly ก่อนที่หลายคนจะรู้จักในชื่อของ Monopoly Game

จนกระทั่งในปี 1933 ชายที่มีชื่อว่า ชาร์ลส บี. ดาร์โรว (Charles B. Darrow) ก็ได้สร้างเกมเศรษฐีในแบบฉบับของเขาเอง ซึ่งรูปแบบเกมจะมี เนื้อหาของเกมมีทั้งการซื้อ การขาย การเช่าอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ก่อนที่จะชวนเพื่อนๆมาเล่นเกมของเขา ซึ่งเพื่อนๆก็ขอลอกรูปแบบเพื่อจะเอากลับไปเล่น ซึ่งชาร์ลสเห็นว่าเพื่อนๆชอบขนาดนี้แล้วคนอื่นๆก็น่าจะชอบ เขาจึงลองผลิตเกมนี้แล้วออกวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า ซึ่งปรากฏว่ายอดขายถล่มทลายจนมีคำสั่งซื้อเข้ามา ทำให้เขาตัดสินใจจะนำเกมนี้เสนอขายให้กับบริษัทผลิตเกมกระดาน

ในที่สุดเขาตัดสินใจขายเกมให้กับบริษัท พาร์คเกอร์ บราเธอร์ (Parker Brother) ซึ่งเป็นบริษัทของเล่นชื่อดังในเวลานั้น แต่ทว่า พวกเขาก็ปฏิเสธว่าเกมที่เขาผลิตนั้นมีจุดบกพร่อง 52 จุด อาทิ กฎกติกาที่ซับซ้อน, เวลาเล่นนานเกินไป หรือ เป้าหมายการชนะเกมที่ไม่ชัดเจน ทำให้เจ้าของเกมอย่างชาร์ลส จึงขอให้เพื่อนๆที่เคยเล่น มาช่วยออกแบบเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องก่อนจะวางจำหน่ายด้วยตัวเองอีกครั้ง คราวนี้ผลตอบรับดีมากจนมีการบอกต่อมาเรื่อยๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเพื่อนลูกสาวของผู้ก่อตั้ง จนถึงภรรยาผู้ก่อตั้ง ทำให้ประธานบริษัทพาร์คเกอร์อย่าง โรเบิร์ต บี.เอ็ม.บาร์ตัน (Robert B.M.Barton) จึงลองซื้อมาเล่นดู

ในที่สุดเขาจึงนัดชาร์ลสเข้ามาคุยที่สำนักงานก่อนจะเจราจาขอซื้อสิทธิ์ในการผลิตเกม ซึ่งตัวเขาก็จะได้ส่วนแบ่งจากการขาย โดยที่ชาร์ลสตอบรับข้อเสนอและพร้อมจะปรับปรุงให้สามารถเล่นในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ให้ยาวไป ซึ่งทำให้เขาร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีตัวจริงโดยมีรายได้จากการนำเกมที่เขาผลิตไปขายให้กับบริษัท พาร์คเกอร์ ในปี 1935 ในชื่อเกม Monopoly

นับตั้งแต่นั้นมาเกมเศรษฐีหรือ Monopoly ก็กลายเป็นเกมกระดานสุดฮิต และได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน ซึ่งลิขสิทธิ์ของเกมนี้ก็อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท Hasbro และมีการออกเวอร์ชั่นพิเศษต่างๆ รวมถึงไปแจมกับตัวละครจากการ์ตูนหรือภาพยนตร์ แล้วยังต่อยอดเป็นวีดีโอเกม จนถึงขนาดว่า มีการจัดการแข่งขันที่เรียกว่า Monopoly World Championships เพื่อค้นหาสุดยอดเจ้าแห่งเกมเศรษฐีโดยจัดครั้งแรกในปี 1973 และจัดต่อเนื่องมาเรื่อยๆ (แต่ไม่ทุกปี) แถมบางปียังมีการถ่ายทอดสดอีกด้วย เรียกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ

นอกจากนี้เกม Monopoly ยังได้รับการบันทึกจาก Guinness World Record ว่า เป็นเกมกระดานที่มีคนเล่นมากที่สุดในโลกประมาณ 500 ล้านคน โดยถูกนำไปผลิตเป็นภาษาต่าง ๆ มากถึง 26 ภาษา และจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ ประมาณ 80 ประเทศทั่วโลก

เกมเศรษฐีในเมืองไทย

การมาของเกมเศรษฐีในบ้านเรานั้น ไม่ได้มีการระบุบหรือบันทึกชัดเจนยิ่งนัก แต่ถ้าพูดถึงจุดที่ทำให้เกมเศรษฐีเป็นที่รู้จักในวงกว้างก็เป็นช่วงประมาณปี พ.ศ 2530 (ปี 1987) ที่มีการเปิดตัวเกมที่ชื่อว่า เกมมหาเศรษฐี โชคสองชั้น ซึ่งเราจะ ได้เล่นบทบาทสมมติเป็นนักธุรกิจ ลงทุนบนแลนด์มาร์กต่าง ๆ รวมถึงการเปิดการ์ดเสี่ยงโชคเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับการลงทุน เช่น ได้กำไรจากการขายหุ้น น้ำท่วม สินค้าเสียหาย เสียค่านำเข้าสินค้าหรือการล้มละลาย เป็นต้น

ซึ่งแนวคิดการออกแบบเกมนี้ตรงกับช่วงที่ในปีนี้เป็นปีที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตขึ้นมาก จึงกลายเป็นเนื้อหาหลักที่เกมเศรษฐีในรุ่นหลังๆจะยึดเป็นไอเดียในการออกแบบเกมนั่นเอง บางเกมอาจเปลี่ยนจากจังหวัดเป็นหมู่บ้านหรือโรงแรมก็มี

ส่วนเกมเศรษฐี ในบ้านเราก็มีหลายชื่อ เช่น เศรษฐีคอมพิวเตอร์, ขุมทรัพย์ ATM, เจ้าสัวอัครมหาเศรษฐี, ซูเปอร์เศรษฐี และ เกมมหาเศรษฐี ฯลฯ

จากเกมกระดานสู่เกมออนไลน์ยอดนิยม

เมื่อเวลาผ่านไปเทคโนโลยีก็เริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตมากขึ้น เกมก็เช่นกัน ซึ่งสมัยก่อนเกมเศรษฐีจะเป็นเกมที่เอาไว้เล่นผ่อนคลายหรือสังสรรค์กับเพื่อนฝูงและครอบครัว แต่เมื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล เกมเศรษฐีก็ได้รับการอัพเกรดมาในรูปแบบของเกมออนไลน์หนึ่งในนั้นคือเกม Line เกมเศรษฐี หรือ Get Rich ที่เปิดตัวในปี 2013 โดยเริ่มพัฒนาจากเกาหลีใต้ ก่อนจะเปิดให้บริการแก่ผู้เล่น จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินโดนีเซีย และไทย
เสน่ห์ของเกมยังคงเหมือนกับเกมกระดาน แต่ก็ได้มีการใส่ลูกเล่นหรือความพิเศษเพื่อเพิ่มความสนุกให้กับผู้เล่นมากขึ้นรวมถึงกฎใหม่ๆ จนเป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้เล่นโดยเฉพาะบ้านเราจนเป็นกระแสหลักในช่วงนั้น และตัวเกมก็ได้รับรางวัล เกมมือยอดเยี่ยมในงาน Thailand Game Show & Big Festival ซึ่งเป็นงานเกมที่ใหญ่ที่สุดในไทย ในปีพ.ศ. 2557

และในปี 2023 ภาคต่ออย่าง เกมเศรษฐี 2: Meta World เป็นผลงานเกมภาคต่อจาก เกมเศรษฐียอดฮิตขวัญใจมหาชน ที่มีผู้เล่นกว่า 200 ล้านคนทั่วโลก โดยตัวเกมจะนำเสนอกลไกเกมกระดานและโอกาสในการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์อย่างที่ดินและอาคารเสมือนจริงในโลกเมตาเวิร์ส ซึ่งได้อ้างอิงสถานที่ต่าง ๆ จากโลกจริง เช่น นครนิวยอร์ก โดยเกมนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของ MBX ซึ่งเป็นระบบนิเวศบล็อกเชนด้านเกมที่เปิดให้บริการโดย MARBLEX

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของ เกมเศรษฐี ที่นำมาเล่าสู่กันฟังครับ ใครมีความทรงจำเกี่ยวกับเกมเศรษฐี ลองมาเล่าแลกเปลี่ยนสู่กันฟังได้ครับผม…

@P.PETTY

ข้อมูลประกอบ
https://www.nanitalk.com/interesting-story/3175
https://www.creativethailand.org/view/article-read?article_id=33793&lang=km
https://thestandard.co/poponthisday05111935/