War for the Planet of the Apes : มหาสงครามพิภพวานร
ผู้อำนวยการสร้าง : Dylan Clark
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Matt Reeves
ผู้เขียนบทภาพยนตร์ : Rick Jaffa / Amanda Silver / Mark Bomback
บทประพันธ์ดั้งเดิมโดย : Pierre Boulle
นักแสดงนำ : Andy Serkis / Woody Harrelson / Steve Zahn / Amiah Miller/ Karin Konoval / Terry Notary
แนว/ประเภท : Action, Drama , Sci-Fi
เรท : ไทย/ท , USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย : 13 กรกฎาคม 2560
ผู้ผลิต : 20th Century Fox
จากความถือดีของมนุษย์ ที่หมายมั่นว่าตนจะได้ปกครอง และสรรค์สร้างทุกสิ่ง และมอบสติปัญญาให้กับพวกสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่น การเอาชนะธรรมชาติ และโรคภัย จากตัวอย่างทดลองการรักษาอาการอัลไซเมอร์ สู่หายนะโลกครั้งใหม่ ที่มนุษย์เป็นผู้เริ่มก่อน มอบปัญญาให้ก่อน และอาจจะต้องสูญพันธุ์ก่อน เรากำลังพูดถึงหนังไซไฟ-แอคชั่น ดราม่าชั้นยอดที่เล่าเรื่องความขัดแย้งของ “คน กับ ลิง” ที่บานปลายกลายเป็นสงครามล้างอารยธรรมนุษย์ที่มีชื่อว่า “War for the Planet of the Apes : มหาสงครามพิภพวานร”
ในภาพยนตร์เรื่อง War for the Planet of the Apes ถูกนับเป็นผลงานตอนที่ 3 ของแฟรนไชส์เรื่องดัง โดย 2 เรื่องก่อนหน้านี้ก็คือ Rise of the Planet of the Apes / Dawn of the Planet of the Apes (ยังไม่นับ The Planet of the Apes เวอร์ชั่นปี 1968 และ เวอร์ชั่นของ ทิม เบอร์ตั้น ในปี 2001 นะ แต่มีความเกี่ยวเนื่องกัน “บ้าง”)
เรื่องราวในภาคนี้ จะทวีความหนัก และฮาร์ดคอร์กว่าสองภาคก่อนหน้า เมื่อ “ซีซาร์” (แสดงโดย Andy Serkis)และพลพรรคฝูงวานร ต้องปะทะกับ “กองกำลังฝ่ายมนุษย์” ที่ติดอาวุธระดับหน่วยพิเศษจัดเต็ม นำโดย “ผู้พันโหด” (แสดงโดย Woody Harrelson) หลังจากที่ฝูงวานรต้องพบกับความสูญเสียที่งคาดไม่ถึง ทำให้ซีซาร์ต้องทนทุกข์ และเจ็บปวดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ อีกทั้งซีซ่าร์เอง ก็ยังต้องต่อสู้กับสัญชาตญาณดิบของตน สัญชาติญาณแห่งสรรพสัตว์พึงมี…. “การฆ่าเพื่ออยู่รอด”
“ผู้พันโหด” ศัตรูของซีซ่าร์ในภาคนี้ ชายผู้ที่ในสมองมีเพียงแค่ “การฆ่าล้างพันธุ์ลิง” เท่านั้น
“I did not start this war” จากลิงที่รักสงบ เรียนรู้โลก เข้าใจในความเป็นไปของธรรมชาติ กลับดำดิ่งสู่ความเกรี้ยวกราด และบ้าคลั่งมากขึ้น มันอาจจะมาไกลเกินกว่าที่จะหันหลังกลับไปเช่นวันวานอีกครั้งก็เป็นได้…
แต่ในความขัดแย้งนี้ กลับมีเรื่องราวของมิตรภาพที่ดีงามแฝงอยู่…แต่มันจะจีรังยั่งยืน หรือเปลี่ยนโลกได้หรือไม่?
การเดินทางที่กำลังจะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งตำนานล้างพันธุ์มนุษย์ เพื่อแก้แค้นเผ่าพันธุ์ของเขา โชคชะตาได้นำพา “ผู้นำ” ทั้งสองเผ่าพันธุ์มาเผชิญหน้าทั้งซีซ่าร์ และผู้พัน โดยมีชะตากรรมของโลก และอนาคตเป็นเดิมพัน
“เดือดกว่าเดิม ดุกว่าเดิม และ ฉลาดกว่าเดิม” นี่คือคำจำกัดความของทีมสร้างที่กล่าวถึงหนัง War for the Planet of the Apes
“ฝ่ายหนึ่งอยู่รอด ฝ่ายหนึ่งจะต้องสูญพันธุ์” บทสรุปเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามในโรงภาพยนตร์!
Review 10/10 Rank S
ปิดฉากไตรภาคได้ประทับใจ หมองหม่น และมีความหวัง!!
ชื่อของผู้กำกับ Matt Reeves ไม่ทำให้แอดมินผิดหวังจริงๆ ตัวหนังทำออกมาได้ดีมาก ทุกอย่างเรียบเนียน ไร้รอยต่อ หาที่ติไม่เจอจริงๆ
เนื้อหาของหนังจะหนักไปที่กลุ่มลิงซะเกือบทั้งเรื่อง โดยจะเล่าเรื่องราวของการสูญเสีย การหักหลัง การกดขี่ข่มเหงที่มนุษย์กระทำต่อสัตว์ (คนรักสัตว์อาจจะน้ำตาซึมได้) มันทั้งเลวร้าย หมองหม่น และกดดันบีบคั้นอารมณ์อย่างถึงที่สุดของหนังชุดลิงครองโลกนี้
รวมไปถึงภาพของสงครามอันแสนโหดร้ายที่จัดเต็ม ซึ่งจริงๆควรเรียกว่า “หนังสงครามเต็มรูปแบบ” เลยก็ว่าได้ จะขาดก็แค่ความต่อเนื่องของฉากสงครามในระยะเวลาการฉายเท่านั้น (ใช้เวลาดราม่าฮาร์ดคอร์หนักหน่วงมาชั่วโมงกว่า) คือมันจะไปกองๆเอาช่วงท้ายเรื่อง แต่ก็สมกับการรอคอย เพราะจัดหนัก จัดเต็ม ทั้งดราม่า แอคชั่นปนกันยับชนิด “ตายกันไปข้างนึง” ไม่ได้มีความเป็นแฟนตาซีไซไฟแบบภาคก่อนๆเลยแม้แต่น้อย และโทนของหนังค่อนข้างเครียดจัดๆ อึดอัดสุดๆ แทบจะไม่มีจุดพักเลย ใครที่คิดจะหาหนังผ่อนคลายดูละก็ คิดใหม่ได้นะเออ
แถมงานเพลงประกอบ เสียงเอฟเฟ็กต์ในเรื่องมีส่วนช่วยในการดึงอารมณ์ร่วมเป็นอย่างดี รู้ว่าจังหวะไหนควรเล่นกับเพลงประกอบแบบไหน ยิ่งช่วงใกล้จบ เพลงประกอบ ซาวนด์ต่างๆจัดเต็ม ทำเอาแอดมินหูอื้อกับเสียงปืน เสียงระเบิด และเพลงในเวลาเดียวกันได้
แม้กระทั่งตัวละครฝ่ายมนุษย์เองก็มีจุดที่น่าสนใจ ถึงแม้ว่าจะถูกวางให้เป็น “ตัวร้าย” อย่าง“ผู้พัน”ให้เป็นคาแรคเตอร์ชนิด ร้ายบริสุทธิ์ ร้ายจนน่ากลัวว่ามนุษย์เราร้ายได้ขนาดนั้นเลยหรือ? แต่เมื่อหนังถึงจุดเฉลยเรื่องราว เราจะรู้ว่า เขาเองก็ร้ายเพราะมีเหตุและผลอันแสนเจ็บปวดเช่นกัน
แต่บทสนทนาในเรื่องนี้มีน้อยมากๆ ถึงแม้ว่าซีซ่าร์จะพูดได้ แต่ลิงตัวอื่นๆยังจำเป็นต้องใช้ภาษามืออยู่ ดังนั้นหนังจึงหนักไปทางการเล่าเรื่องด้วยภาพซะเยอะ แน่นอนว่างานภาพในเรื่องจัดว่าสวยงาม และเล่าเรื่องราวในตอนนั้นๆได้ดี
ตัวหนังอุดมไปด้วย CG ที่มีรายละเอียด “เหมือนจริงสุดๆ” จนแอดมินคิดว่า “เขาเอาลิงจริงๆมาเล่นใช่มั้ย?” คือเหมือนมาก สวยมาก ขนเป็นเส้นๆ ยิ่งซูม ยิ่งชัดถึงความชัดของริ้วไรขน รอยเหี่ยวย่นที่ไปกับฉากได้ มาตรฐานจากภาคก่อนหน้ามาดีแล้ว แต่ภาคนี้ยิ่งกว่า
ทั้งนี้เครดิตก็ต้องยกให้กับ “Andy Serkis” ที่เป็นต้นแบบ Motion Capture ให้ซีซ่าร์ได้ดีเหลือเชื่อ สมกับเป็น“เจ้าพ่อโมแคปฯ” โดยแท้จริง
สรุปโดยรวม นี่คือหนังที่ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด และสมควรแก่การเป็นภาคที่ “ปิดฉากไตรภาคพิภพวานร” อย่างแท้จริงครับ
แอดมิน Ak47
Trailer ซับไทย
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก