DFC Intelligence บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาที่ดำเนินกิจการมายาวนานที่สุดซึ่งมุ่งเน้นเฉพาะในอุตสาหกรรมวิดีโอเกม ได้เผยแพร่รายงาน และคาดการณ์ตลาดปี 2024

โดยคาดการณ์ว่ารายได้จะเติบโตอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษนี้ ขณะเดียวกันก็เน้นย้ำถึงความเสี่ยงที่สำคัญสำหรับหนึ่งในสามผู้ผลิตคอนโซลรายใหญ่ จากการเติบโตอย่างเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ปี 2020 ถึงปี 2022 รายได้ที่ลดลงหลังการระบาดของ COVID-19 เป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน (เป็นการลดลงต่อเนื่องครั้งแรกตั้งแต่ปี 1984 ถึง 1985) ตลาดซอฟต์แวร์เกมพีซีและคอนโซลจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จาก 72,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 เป็น 83,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2028 และเมื่อรวมฮาร์ดแวร์พีซีและคอนโซลและรายได้จากเกม iOS/Android แล้ว อุตสาหกรรมวิดีโอเกมโดยรวมจะสูงถึงเกือบหนึ่งในสามของล้านล้านดอลลาร์ในปี 2028

เมื่อรวมกับรายได้จากฮาร์ดแวร์เกม (ซึ่งอยู่ที่ 82,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 แซงหน้าซอฟต์แวร์เป็นปีที่สองติดต่อกัน) อุตสาหกรรมคอนโซลและเกมพีซีโดยรวมจะสูงถึง 203,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2028 และแม้ว่า Nintendo จะเป็นผู้ชนะรายใหญ่ในบรรดาผู้ผลิตคอนโซล แต่ระบบรุ่นต่อไปของ Sony หรือ Microsoft อาจจะไม่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้มากนัก

David Cole ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ DFC Intelligence กล่าวว่า

“ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมวิดีโอเกมเติบโตขึ้นมากกว่า 20 เท่า และหลังจากที่ยอดขายฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ตกต่ำเป็นเวลาสองปี อุตสาหกรรมวิดีโอเกมก็มีแนวโน้มที่จะกลับมาเติบโตในอัตราที่ดีจนถึงสิ้นทศวรรษนี้ แม้ว่าปี 2025 จะเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นนี้ แต่ก็ยังมีคำถามสำคัญบางประการ เช่น ใครจะแพ้สงครามคอนโซลรุ่นต่อไป และใครจะชนะสงครามการจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์เกม และด้วยผู้จัดพิมพ์รายใหญ่ที่มุ่งเน้นไปที่บริการสดรอบๆ แฟรนไชส์ที่ยั่งยืน โอกาสสำหรับสตูดิโอขนาดเล็กจะมีมากมาย”

ไฮไลท์ของรายงาน/การคาดการณ์ใหม่ของ DFC มีดังนี้

ผู้เล่นจำนวนมาก : มีผู้คนมากกว่า 3,800 ล้านคนทั่วโลกเล่นวิดีโอเกมในปี 2024 และคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเกิน 4,000 ล้านคนภายในปี 2027 ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลก

สงครามคอนโซลรอบต่อไป : Nintendo จะเป็นผู้ชนะอย่างชัดเจนในคอนโซลรุ่นใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความพร้อมจำหน่ายที่เร็วกว่าและการแข่งขันที่จำกัด

DFC คาดการณ์ว่า Nintendo จะขายระบบคอนโซลรุ่นใหม่ได้ 15-17 ล้านเครื่องในปี 2025 และมากกว่า 80 ล้านเครื่องในปี 2028

การสูญเสียจากสงครามคอนโซล : ไม่มีพื้นที่เหลือสำหรับระบบคอนโซลหลักมากกว่าสองระบบ … ระหว่าง Sony หรือ Microsoft จะมีฝ่ายที่ต้องดิ้นรนอย่างหนัก ถ้ามีใครร่วงไปในอันดับที่สามซึ่งห่างไกลจากความคาดหมาย โดยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทใดจะสามารถสร้างแรงกระตุ้น หรือมีหมัดเด็ดที่สามารถเอาชนะได้อย่างเด็ดขาด

ยอดขายซอฟต์แวร์ยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง : รายได้จากเนื้อหาเสริม DLC  (ไม่รวมบริการสมัครสมาชิก) สำหรับเกมพีซี และคอนโซล จะยังคงเกินรายได้จากการขายเกมออกใหม่ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2022

ยอดขายฮาร์ดแวร์พุ่งสูง : การใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์พีซีและคอนโซลจะยังคงแซงหน้าการใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เริ่มขึ้นในปี 2023 เมื่อรวมรายได้จากฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์คอนโซลพีซีเข้าด้วยกันจะเข้าใกล้ 203 พันล้านดอลลาร์ในปี 2028 เมื่อรวมรายได้จากเกมมือถือเข้าไปด้วย (ตามข้อมูลของ Sensor Tower จะอยู่ที่ประมาณ 75 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023) ตลาดวิดีโอเกมทั่วโลกจะเติบโตเกือบหนึ่งในสามของหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ในปี 2028

การครองตลาด : การควบคุมการจัดจำหน่าย จะกลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันในหมู่เจ้าใหญ่ในอุตสาหกรรมเกม เช่น  Valve, Sony, Microsoft, Epic, Nintendo, Amazon, Google, Nvidia และบริษัทอื่นๆ ที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง นอกจากนี้ ความสัมพันธ์กับชุมชน ชื่อเสียงของบริษัท ประชาสัมพันธ์ การตลาดแบบกองโจรที่ซับซ้อน การผูกโยงผลิตภัณฑ์ และความเชี่ยวชาญด้านการตลาดอื่นๆ จะมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้มีเกมคุณภาพสูงล้นตลาดแล้ว ณ เวลานี้ อยู่ที่กลยุทธ์การนำเสนอของผู้จัดจำหน่าย ที่จะสรรหาวิธีสร้างการรับรู้ให้มากขึ้น และน่าจดจำนั่นเอง…

แอดมิน AK47

#ธุรกิจ #เกมส์ #Games #ConsoleGames

#Business #GameIndustriesForecast #PS5 #PC #Switch #Xbox#Nintendo  #เกมส์ออนไลน์

ที่มา www.dfcint.com/