Universal Monsters คือจักรวาลภาพยนตร์ของเหล่าสัตว์ประหลาด จากค่าย Universal Studio ที่ได้ชื่อว่ามีตำนานและเรื่องราวอันน่าทึ่ง จนเป็นมรดกชิ้นสำคัญของวงการภาพยนตร์ รวมถึงเหล่าบรรดาสัตว์ประหลาดไม่ว่าจะเป็น แดร็กคูล่า, แฟรงเก้นสไตน์, มนุษย์หมาป่า ก็กลายเป็นตัวละครน่าจดจำในโลกภาพยนตร์ รวมถึงเป็นต้นแบบในการสร้างหนังหนังรวมจักรวาลอีกด้วยล
วันนี้เลยอยากจะพาไปดูเรื่องราวประวัติศาสตร์ของจักรวาลภาพยนตร์สัตว์ประหลาดที่มีเรื่องราวน่าสนใจ โดยเราจะไปดูตั้งแต่ยุคบุกเบิก ยุคปัจจุบัน และอนาคตต่อไปของจักรวาลหนังเรื่องนี้กันครับ…
ยุคบุกเบิก
หากเราจะย้อนไปยังจุดกำเนิดของจักรวาลสยองขวัญ มันเริ่มต้นในช่วงที่วงการภาพยนตร์กำลังค่อยเป็นค่อยไป เช่นกับแนวหนังสยองขวัญที่แต่เดิมจะเรียกหนังแนวนี้ว่า Dark Melodrama ซึ่งหนังที่เป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์บ่มเพาะจักรวาล ก็คงเริ่มจากหนังเรื่อง Hunchback of NotreDame ในปี 1923 แล้วได้นักแสดงที่ในเวลาต่อมาเขาคือบรมครูแห่งการเมคอัพที่คนในวงการต่างให้การยอมรับ เขาคือ Lon Chaney ที่แปลงโฉมเป็นคนค่อมบวกกับการแสดงอันยอดเยี่ยม ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังทำเงินสูงสุดในยุคนั้น
จากความสำเร็จของหนังเรื่อง Hunchback of NotreDame ชนิดถล่มทลาย(ในสมัยนั้น) ทำให้นายหัวของค่ายอย่าง Carl Laemmle จึงมอบบทที่ท้าทายให้กับนักแสดงผู้นี้อีกครั้ง กับผลงานระดับตำนานของนักเขียนชาวฝรั่งเศสอย่าง Gaston Leroux เรื่อง The Phantom of the Opera ที่เรียกว่าทุ่มทุนและลองผิดลองถูกหลายครั้ง รวมถึงตัวนักแสดงที่ตั้งใจกับการทุ่มเทเพื่อรับบทนี้หวังจะซื่อตรงต่อต้นฉบับแต่ก็ต้องแลกกับการเจ็บตัวบางครั้ง (การเมคอัพของ Chaney ที่เปลี่ยนเป็นนักดนตรีหน้าผี)
แต่อย่างไรก็ตามเป็นอีกครั้งที่งานออกมาประสบความสำเร็จแถมตัวละครหน้าผีของเรื่องนี้กลายเป็นตำนานในโลกภาพยนตร์มาจนถึงปัจจุบัน ฉะนั้นสรุปได้ว่า ยุคนี้คือยุคที่ทางค่ายหวังจะสร้างมาตรฐานใหม่ๆเป็นบรรทัดฐานให้กับโลกภาพยนตร์ในฐานะผู้นำของหนังแนวสยองขวัญ ที่สำคัญมันคือเมล็ดพันธุ์ที่จะเติบโตเป็นก้าวแรกของจักรวาลหนังสยองขวัญของค่าย
ยุคทองของตำนาน
ในช่วงยุค 30’s ถือเป็นจุดเปลี่ยนหลังจาก Carl Laemmle ส่งไม้ต่อเก้าอี้ตำแหน่งประธานของค่ายให้กับ Carl Laemmle Jr.ลูกชาย ทำให้หลายคนมองว่าเป็นการทำงานแบบเส้นสาย แต่อย่างไรก็ตาม การมาของเขาก็มีส่วนในการพัฒนาและนำพาไปสู่ความทันสมัยรวมถึงปรับปรุงระบบการผลิตผลงานที่มีคุณภาพมากขึ้น รวมถึงการสานต่อผลงานสยองขวัญในยุคก่อนให้กลับมาเป็นจุดสวนใจด้วยการผลิตและคุณภาพที่มากขึ้น แล้วยุคนี้ที่ได้ก่อกำเนิดดาวเด่นของจักรวาลหนังสยองขวัญมากมาย
ซึ่งเรื่องแรกที่ทำให้ภาพของจักรวาลเริ่มเด่นชัดนั่นคือ Dracula (1931) และ Frankenstein (1931) ที่เป็นการเปิดศักราชหนังสยองขวัญในยุคนี้อย่างงดงาม แล้วทำให้ชื่อของ Bela Lugosi และ Boris Karloff กลายเป็นนักแสดงแนวหน้าของวงการ ซึ่งบทบาทของทั้งคู่กลายเป็นไอค่อนของโลกหนังสยองขวัญ แล้วด้วยความฮิตจึงทำใหมีภาคต่อตามมาอีกเพียบ
นอกจากแดร๊กคูล่าและแฟรงเก้นสไตน์แล้ว ในปยุคนี้ก็ยังมีการกำเนิดตัวละครสยองขวัญมากมาย อาทิ มัมมี่ รวมถึง มนุษย์ล่องหน ที่กลายเป็นดาวเด่นตามมาดติดๆ รวมถึงเจ้าสาวแฟรงเก้นสไตน์ ในหนังภาคต่อ Bride of Frankenstein (1935
สานต่อและต่อยอดสู่จักรวาล (โดยไม่ได้ตั้งใจ)
เมื่อเข้าสู่ช่วงยุค 40’s ช่วงไฟสงครามที่ยังคุกรุ่น ทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในเวลานั้นจึงต้องปรับตัวจากผลงานคุณภาพมาเป็นผลงานที่ใช้ทุนต่ำ รวดเร็วแต่ยังคงมีประสิทธิภาพ โดยจำกัดหนังเพียงไม่กี่แนว แถมยุคนี้ยังไดให้กำเนิดดาวเด่นยุคใหม่อย่างมนุษย์หมาป่าใน Wolfman (1941) ซึ่งแจ้งเกิดให้กับ Lon Chaney Jr. ลูกชายของ Lon Chaney ลูกชายของ Lon Chaney ผู้บุกเบิกจักรวาล Universal Monster
เพราว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการเชื่อมจักรวาลสัตว์ประหลาด(อย่างไม่เป็นทางการ) เมื่อ Curt Siodmak นักเขียนบทเกิดนึกสนุกจับเอาสองตัวละครสัตว์ประหลาดอย่าง มนุษย์หมาป่า และ แฟรงเก้นสไตน์ มาร่วมจอใน Frankenstein meets The Wolfman (1943) ทำให้เกิดหนังรวมจักรวาล เช่น House of Frankenstein (1944) ตามด้วย House of Dracula
นอกจากหนังรวมดาวสัตว์ประหลาดแล้ว อีกหนึ่งหนังรวมจักรวาลสัตว์ประหลาดที่ไปแจมกับหนังของสองตลกชื่อดังในเวลานั้นอย่าง Abbott and Costello ใน Abbott and Costello :Meet Frankenstein (1948) ที่ให้สองตลกดังไปเจอกับสัตว์ประหลาดดาวดังสามตัว ซึ่งเรื่องแรกและเรื่องสุดท้ายของสามสัตว์ประหลาดในตำนาน หลังจากนั้นก็ไปแจมเจอกับสัตว์ประหลาดในจักรวาลอื่นๆอาทิ Abbott and Costello Meet the Invisible Man (1951), Abbott and Costello Meet Dr. Jekyll and Mr. Hyde ก่อนจะปิดท้ายด้วย Abbott and Costello Meet The Mummy
ในช่วงยุค 50’s ยังได้ให้กำเนิดอีกหนึ่งสัตว์ประหลาดในตำนานอย่าง กิลล์ แมน .จากเรื่อง Creature from the Black lagoon (1954) กลายเป็นหนังสัตว์ประหลาดยุคสุดท้ายที่กลายเป็นตำนานก่อนจะมีการสร้างภาคต่ออีกสองภาค หลังจากนั้น Universal ก็หันมาเน้นสร้างหนังเดี่ยวๆ มากว่าจะเป็นภาคต่อหรือรวมจักรวาล
รีเมคสมหวังปนผิดหวัง
หลังจากอยู่ในหลุมจำศีลเกือบสองทศวรรษจนในปี 1979 Universal จะนำสัตว์ประหลาดจาก Universal Monster ปลุกชีพให้คนรุ่นใหม่ได้ดูอีกครั้ง โดยปีนี้เองที่ปลุกชีพแดร็กคูล่า ใน Dracula (1979) กับการตีความและสัลบทบาทเพิ่มความแปลกใหม่โดยมี Frank Langella รับบทแวมไพร์ในตำนาน ซึ่งหนังประสบความสำเร็จ แต่ผลตอบรับก็ไม่ฮิต เพราะตอนนั้นมีหนังเล่าเรื่องแวมไพร์พร้อมใจนัดกันคืนชีพโดยมิได้นัดหมาย
อีก 2 ทศวรรษผ่านไปคราวนี้ Universal ตัดสินใจนำอักตัวละครสุดคลาสสิคอย่าง The Mummy ที่คราวนี้มีการใส่ความเป็นแอ็คชั่นผจญภัย ที่ได้ Stephen Sommers กำกับ สร้างเซอร์ไพรส์ฮิตเพราะกวาดรายได้แบบถล่มทลายจนมีภาคต่ออีกสองภาค รวมถึงมีหนังแยกจักรวาลอย่าง The Scorpion King ที่ต่อยอดภาคต่อแบบลงแผ่น ส่วนตัวผู้กำกับก็ได้รับความไว้วางใจจนได้สร้าง Van Helsing (2004) เพื่อจะคาราวะ Universal Monster ในอดีต แต่ก็ทำรายได้แบบหืดจับ
ปี2010 ได้ปลุกชีพมนุษย์หมาป่าที่ได้ Benicio del Toro มารับบทนำพร้อมทุนมหาศาล แต่กลับไม่เป็นที่ชื่นชอบและยังน่าผิดหวังในสายตานักวิจารณ์
ในปี 2014 พวกเขากลับมาอีกครั้งใน Dracula Untold ที่ให้ Luke Evans มารับบทนำกับการตีความจุดกำเนิดของราชาแวมไพร์ ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จทำให้แผนการภาคต่อจึงถูกพับเก็บไปโดยปริยาย ก่อนที่ปลายปี 2014 Universal ตัดสินใจทีจะทำโปรเจคใหญ่กับการสร้างจักรวาลสยองขวัญในชื่อ Dark Universe
Dark Universe
ในปลายปี 2014 ทาง Universal จะลองสู้อีกครั้งกับการพาเหล่าจักรวาลสัตว์ประหลาดในตำนานมาตีความร่วมสมัยด้วยไอเดียวใหม่ๆก่อนจะร้อยเรียงเป็นจักรวาลทมิฬ ในชื่อ Dark Universe โดยมีหนังเรื่อง The Mummy ที่ได้ Tom Cruise แสดงนำพร้อมได้ Russell Crowe รับบท Dr. Jekyll
Tom Cruise มารับบท Nick Morton และ Sofia Boutella มารับบท Ahmanet
ส่วนโปรเจกต์หนังเรื่องอื่น ๆ ในอนาคตนั้น ได้มีการวางตัว Javier Bardem ให้มารับบทเป็น Frankenstein ใน Bride of Frankenstein และ Johnny Depp เป็นมนุษย์ล่องหนใน The Invisible Man
แต่กลายเป็นว่าหนังเปิดจักรวาลอย่าง The Mummy กลับล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่อหนังทำเงินในบ้านไปเพียงแค่ 80,000,000$ (ทั่วโลกทำเงินไปทั้งหมด 409,000,000$) จากทุนสร้างกว่า 125,000,000$ ถึงแม้ว่าตัวเลขจากทั่วโลกจะไม่แย่แต่มันก็ไม่มากพอให้ทาง Universal ไฟเขียวให้ทำหนังเรื่องต่อไป กลายเป็นการปิดจักรวาลแสนสั้น
อนาคตของจักรวาลสัตว์ประหลาดภายใต้ชายคา Blumhouse
หลังจากล้มเหลวในการเปิดจักรวาลใหม่ ทำให้ Universal ตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบการสร้างหนังของจักรวาลสัตว์ประหลาด โดยได้ Jason Blum จากสตูดิโอหนังเชือดสุดคุณภาพเยี่ยม Blumhouse ที่พวกเขาจะตีความใหม่แบบร่วมสมัยและสมจริง
พร้อมได้ Leigh Whannell จาก Upgrade และ Saw มานั่งแท่นกำกับ โดยเริ่มจาก The Invisible Man (2020)
แล้วในปี 2024นี้ Leigh Whannell นำสูตรสำเร็จเดิมมาใช้ใน Wolf Man หนังมนุษย์หมาป่าที่เขาเตรียมไม้เด็ดมัดใจผู้ชมครั้งนี้ และจะเป็นประตูอีกก้าวที่เขาและค่าย Blumhouse จะนำตัวละครจากจักรวาลสยองขวัญมาทำต่อได้หรือไม่ คงต้องไปดูกันในโรงภาพยนตร์
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของจักรวาล Universal Monster ที่นำมาฝากกันครับ…
@P.PETTY
ข้อมูลอ้างอิง
หนังสือ Starpics Special Universal Monsters รวมประวัติศาสตร์มอนสเตอร์จากค่าย Universal
https://en.wikipedia.org/wiki/Universal_Monsters#
https://www.entertainmentearth.com/news/history-universal-monsters/?srsltid=AfmBOorHbVOA2ENvPdasv_7ImI9F5W7qDOy90L1dAZleaJbYjjD25WmH
https://www.beartai.com/buzz/movie/1273103
https://www.fathomevents.com/blog/the-rise-of-the-universal-monsters/
https://www.siff.net/blog/universal-horror
https://www.monstercomplex.com/blog/complete-universal-monsters
-
รายชื่อเกมออกใหม่ประจำเดือน [PS4 / PS5/ PC / Xbox SeriesX / XboxOne / Switch]
ข่าวเกมส์ออกใหม่ 2023 อัพเดทเกมส์มันส์ๆเกมไหนโดนใจ ไปอ่านกันได้
-
เติมเชื้อไฟแห่งการต่อสู้: Arena Breakout: Infinite ฤดูกาลแรกในไทย ‘เปลวไฟแห่งสงคราม’ เปิดให้เล่นแล้ว!
พร้อมให้เล่นแล้วตอนนี้
-
KAMEN RIDER 50 YEARS EXHIBITION IN THAILAND นิทรรศการ ครบรอบ 50 ปี คาเมนไรเดอร์
#DEX #DEXclub #มาสค์ไรเดอร์ #ไอ้มดแดง