รู้จักกับจักรวาล Universal Monster อดีต ปัจจุบัน อนาคตของเหล่าดาราสัตว์ประหลาดจากค่าย Universal
25 มกราคม 2568 02:03 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

Universal-Monster story (1)

Universal Monsters คือจักรวาลภาพยนตร์ของเหล่าสัตว์ประหลาด จากค่าย Universal Studio ที่ได้ชื่อว่ามีตำนานและเรื่องราวอันน่าทึ่ง จนเป็นมรดกชิ้นสำคัญของวงการภาพยนตร์ รวมถึงเหล่าบรรดาสัตว์ประหลาดไม่ว่าจะเป็น แดร็กคูล่า, แฟรงเก้นสไตน์, มนุษย์หมาป่า ก็กลายเป็นตัวละครน่าจดจำในโลกภาพยนตร์ รวมถึงเป็นต้นแบบในการสร้างหนังหนังรวมจักรวาลอีกด้วยล

วันนี้เลยอยากจะพาไปดูเรื่องราวประวัติศาสตร์ของจักรวาลภาพยนตร์สัตว์ประหลาดที่มีเรื่องราวน่าสนใจ โดยเราจะไปดูตั้งแต่ยุคบุกเบิก ยุคปัจจุบัน และอนาคตต่อไปของจักรวาลหนังเรื่องนี้กันครับ…

 

 

ยุคบุกเบิก

Universal-Monster story (2)

หากเราจะย้อนไปยังจุดกำเนิดของจักรวาลสยองขวัญ มันเริ่มต้นในช่วงที่วงการภาพยนตร์กำลังค่อยเป็นค่อยไป เช่นกับแนวหนังสยองขวัญที่แต่เดิมจะเรียกหนังแนวนี้ว่า Dark Melodrama ซึ่งหนังที่เป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์บ่มเพาะจักรวาล ก็คงเริ่มจากหนังเรื่อง Hunchback of NotreDame ในปี 1923 แล้วได้นักแสดงที่ในเวลาต่อมาเขาคือบรมครูแห่งการเมคอัพที่คนในวงการต่างให้การยอมรับ เขาคือ Lon Chaney ที่แปลงโฉมเป็นคนค่อมบวกกับการแสดงอันยอดเยี่ยม ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังทำเงินสูงสุดในยุคนั้น

Universal-Monster story (3)

จากความสำเร็จของหนังเรื่อง Hunchback of NotreDame ชนิดถล่มทลาย(ในสมัยนั้น) ทำให้นายหัวของค่ายอย่าง Carl Laemmle จึงมอบบทที่ท้าทายให้กับนักแสดงผู้นี้อีกครั้ง กับผลงานระดับตำนานของนักเขียนชาวฝรั่งเศสอย่าง Gaston Leroux เรื่อง The Phantom of the Opera ที่เรียกว่าทุ่มทุนและลองผิดลองถูกหลายครั้ง รวมถึงตัวนักแสดงที่ตั้งใจกับการทุ่มเทเพื่อรับบทนี้หวังจะซื่อตรงต่อต้นฉบับแต่ก็ต้องแลกกับการเจ็บตัวบางครั้ง (การเมคอัพของ Chaney ที่เปลี่ยนเป็นนักดนตรีหน้าผี)

 

แต่อย่างไรก็ตามเป็นอีกครั้งที่งานออกมาประสบความสำเร็จแถมตัวละครหน้าผีของเรื่องนี้กลายเป็นตำนานในโลกภาพยนตร์มาจนถึงปัจจุบัน ฉะนั้นสรุปได้ว่า ยุคนี้คือยุคที่ทางค่ายหวังจะสร้างมาตรฐานใหม่ๆเป็นบรรทัดฐานให้กับโลกภาพยนตร์ในฐานะผู้นำของหนังแนวสยองขวัญ ที่สำคัญมันคือเมล็ดพันธุ์ที่จะเติบโตเป็นก้าวแรกของจักรวาลหนังสยองขวัญของค่าย

 

 

ยุคทองของตำนาน

Universal-Monster story (4)

ในช่วงยุค 30’s ถือเป็นจุดเปลี่ยนหลังจาก Carl Laemmle ส่งไม้ต่อเก้าอี้ตำแหน่งประธานของค่ายให้กับ Carl Laemmle Jr.ลูกชาย ทำให้หลายคนมองว่าเป็นการทำงานแบบเส้นสาย แต่อย่างไรก็ตาม การมาของเขาก็มีส่วนในการพัฒนาและนำพาไปสู่ความทันสมัยรวมถึงปรับปรุงระบบการผลิตผลงานที่มีคุณภาพมากขึ้น รวมถึงการสานต่อผลงานสยองขวัญในยุคก่อนให้กลับมาเป็นจุดสวนใจด้วยการผลิตและคุณภาพที่มากขึ้น แล้วยุคนี้ที่ได้ก่อกำเนิดดาวเด่นของจักรวาลหนังสยองขวัญมากมาย

ซึ่งเรื่องแรกที่ทำให้ภาพของจักรวาลเริ่มเด่นชัดนั่นคือ Dracula (1931) และ Frankenstein (1931) ที่เป็นการเปิดศักราชหนังสยองขวัญในยุคนี้อย่างงดงาม แล้วทำให้ชื่อของ Bela Lugosi และ Boris Karloff กลายเป็นนักแสดงแนวหน้าของวงการ ซึ่งบทบาทของทั้งคู่กลายเป็นไอค่อนของโลกหนังสยองขวัญ แล้วด้วยความฮิตจึงทำใหมีภาคต่อตามมาอีกเพียบ

นอกจากแดร๊กคูล่าและแฟรงเก้นสไตน์แล้ว ในปยุคนี้ก็ยังมีการกำเนิดตัวละครสยองขวัญมากมาย อาทิ มัมมี่ รวมถึง มนุษย์ล่องหน ที่กลายเป็นดาวเด่นตามมาดติดๆ รวมถึงเจ้าสาวแฟรงเก้นสไตน์ ในหนังภาคต่อ Bride of Frankenstein (1935

 

 

สานต่อและต่อยอดสู่จักรวาล (โดยไม่ได้ตั้งใจ)
Universal-Monster story (5)
เมื่อเข้าสู่ช่วงยุค 40’s ช่วงไฟสงครามที่ยังคุกรุ่น ทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในเวลานั้นจึงต้องปรับตัวจากผลงานคุณภาพมาเป็นผลงานที่ใช้ทุนต่ำ รวดเร็วแต่ยังคงมีประสิทธิภาพ โดยจำกัดหนังเพียงไม่กี่แนว แถมยุคนี้ยังไดให้กำเนิดดาวเด่นยุคใหม่อย่างมนุษย์หมาป่าใน Wolfman (1941) ซึ่งแจ้งเกิดให้กับ Lon Chaney Jr. ลูกชายของ Lon Chaney ลูกชายของ Lon Chaney ผู้บุกเบิกจักรวาล Universal Monster

เพราว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการเชื่อมจักรวาลสัตว์ประหลาด(อย่างไม่เป็นทางการ) เมื่อ Curt Siodmak นักเขียนบทเกิดนึกสนุกจับเอาสองตัวละครสัตว์ประหลาดอย่าง มนุษย์หมาป่า และ แฟรงเก้นสไตน์ มาร่วมจอใน Frankenstein meets The Wolfman (1943) ทำให้เกิดหนังรวมจักรวาล เช่น House of Frankenstein (1944) ตามด้วย House of Dracula

Universal-Monster story (6)

นอกจากหนังรวมดาวสัตว์ประหลาดแล้ว อีกหนึ่งหนังรวมจักรวาลสัตว์ประหลาดที่ไปแจมกับหนังของสองตลกชื่อดังในเวลานั้นอย่าง Abbott and Costello ใน Abbott and Costello :Meet Frankenstein (1948) ที่ให้สองตลกดังไปเจอกับสัตว์ประหลาดดาวดังสามตัว ซึ่งเรื่องแรกและเรื่องสุดท้ายของสามสัตว์ประหลาดในตำนาน หลังจากนั้นก็ไปแจมเจอกับสัตว์ประหลาดในจักรวาลอื่นๆอาทิ Abbott and Costello Meet the Invisible Man (1951), Abbott and Costello Meet Dr. Jekyll and Mr. Hyde ก่อนจะปิดท้ายด้วย Abbott and Costello Meet The Mummy

Universal-Monster story (7)

ในช่วงยุค 50’s ยังได้ให้กำเนิดอีกหนึ่งสัตว์ประหลาดในตำนานอย่าง กิลล์ แมน .จากเรื่อง Creature from the Black lagoon (1954) กลายเป็นหนังสัตว์ประหลาดยุคสุดท้ายที่กลายเป็นตำนานก่อนจะมีการสร้างภาคต่ออีกสองภาค หลังจากนั้น Universal ก็หันมาเน้นสร้างหนังเดี่ยวๆ มากว่าจะเป็นภาคต่อหรือรวมจักรวาล

 

 

 

 

รีเมคสมหวังปนผิดหวัง
Universal-Monster story (8)
หลังจากอยู่ในหลุมจำศีลเกือบสองทศวรรษจนในปี 1979 Universal จะนำสัตว์ประหลาดจาก Universal Monster ปลุกชีพให้คนรุ่นใหม่ได้ดูอีกครั้ง โดยปีนี้เองที่ปลุกชีพแดร็กคูล่า ใน Dracula (1979) กับการตีความและสัลบทบาทเพิ่มความแปลกใหม่โดยมี Frank Langella รับบทแวมไพร์ในตำนาน ซึ่งหนังประสบความสำเร็จ แต่ผลตอบรับก็ไม่ฮิต เพราะตอนนั้นมีหนังเล่าเรื่องแวมไพร์พร้อมใจนัดกันคืนชีพโดยมิได้นัดหมาย

อีก 2 ทศวรรษผ่านไปคราวนี้ Universal ตัดสินใจนำอักตัวละครสุดคลาสสิคอย่าง The Mummy ที่คราวนี้มีการใส่ความเป็นแอ็คชั่นผจญภัย ที่ได้ Stephen Sommers กำกับ สร้างเซอร์ไพรส์ฮิตเพราะกวาดรายได้แบบถล่มทลายจนมีภาคต่ออีกสองภาค รวมถึงมีหนังแยกจักรวาลอย่าง The Scorpion King ที่ต่อยอดภาคต่อแบบลงแผ่น ส่วนตัวผู้กำกับก็ได้รับความไว้วางใจจนได้สร้าง Van Helsing (2004) เพื่อจะคาราวะ Universal Monster ในอดีต แต่ก็ทำรายได้แบบหืดจับ

ปี2010 ได้ปลุกชีพมนุษย์หมาป่าที่ได้ Benicio del Toro มารับบทนำพร้อมทุนมหาศาล แต่กลับไม่เป็นที่ชื่นชอบและยังน่าผิดหวังในสายตานักวิจารณ์

Universal-Monster story (9)
ในปี 2014 พวกเขากลับมาอีกครั้งใน Dracula Untold ที่ให้ Luke Evans มารับบทนำกับการตีความจุดกำเนิดของราชาแวมไพร์ ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จทำให้แผนการภาคต่อจึงถูกพับเก็บไปโดยปริยาย ก่อนที่ปลายปี 2014 Universal ตัดสินใจทีจะทำโปรเจคใหญ่กับการสร้างจักรวาลสยองขวัญในชื่อ Dark Universe

 

 

 

 

Dark Universe

Universal-Monster story (1)

ในปลายปี 2014 ทาง Universal จะลองสู้อีกครั้งกับการพาเหล่าจักรวาลสัตว์ประหลาดในตำนานมาตีความร่วมสมัยด้วยไอเดียวใหม่ๆก่อนจะร้อยเรียงเป็นจักรวาลทมิฬ ในชื่อ Dark Universe โดยมีหนังเรื่อง The Mummy ที่ได้ Tom Cruise แสดงนำพร้อมได้ Russell Crowe รับบท Dr. Jekyll

 Tom Cruise มารับบท Nick Morton และ Sofia Boutella มารับบท Ahmanet

 

ส่วนโปรเจกต์หนังเรื่องอื่น ๆ ในอนาคตนั้น ได้มีการวางตัว Javier Bardem ให้มารับบทเป็น Frankenstein ใน Bride of Frankenstein และ Johnny Depp เป็นมนุษย์ล่องหนใน The Invisible Man

แต่กลายเป็นว่าหนังเปิดจักรวาลอย่าง The Mummy กลับล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่อหนังทำเงินในบ้านไปเพียงแค่ 80,000,000$ (ทั่วโลกทำเงินไปทั้งหมด 409,000,000$) จากทุนสร้างกว่า 125,000,000$ ถึงแม้ว่าตัวเลขจากทั่วโลกจะไม่แย่แต่มันก็ไม่มากพอให้ทาง Universal ไฟเขียวให้ทำหนังเรื่องต่อไป กลายเป็นการปิดจักรวาลแสนสั้น

 

 

อนาคตของจักรวาลสัตว์ประหลาดภายใต้ชายคา Blumhouse
Universal-Monster story (10)
หลังจากล้มเหลวในการเปิดจักรวาลใหม่ ทำให้ Universal ตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบการสร้างหนังของจักรวาลสัตว์ประหลาด โดยได้ Jason Blum จากสตูดิโอหนังเชือดสุดคุณภาพเยี่ยม Blumhouse ที่พวกเขาจะตีความใหม่แบบร่วมสมัยและสมจริง

พร้อมได้ Leigh Whannell จาก Upgrade และ Saw มานั่งแท่นกำกับ โดยเริ่มจาก The Invisible Man (2020)

Universal-Monster story (11)
แล้วในปี 2024นี้ Leigh Whannell นำสูตรสำเร็จเดิมมาใช้ใน Wolf Man หนังมนุษย์หมาป่าที่เขาเตรียมไม้เด็ดมัดใจผู้ชมครั้งนี้ และจะเป็นประตูอีกก้าวที่เขาและค่าย Blumhouse จะนำตัวละครจากจักรวาลสยองขวัญมาทำต่อได้หรือไม่ คงต้องไปดูกันในโรงภาพยนตร์

 

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของจักรวาล Universal Monster ที่นำมาฝากกันครับ…

 

@P.PETTY

 

 

ข้อมูลอ้างอิง
หนังสือ Starpics Special Universal Monsters รวมประวัติศาสตร์มอนสเตอร์จากค่าย Universal
https://en.wikipedia.org/wiki/Universal_Monsters#
https://www.entertainmentearth.com/news/history-universal-monsters/?srsltid=AfmBOorHbVOA2ENvPdasv_7ImI9F5W7qDOy90L1dAZleaJbYjjD25WmH
https://www.beartai.com/buzz/movie/1273103
https://www.fathomevents.com/blog/the-rise-of-the-universal-monsters/
https://www.siff.net/blog/universal-horror
https://www.monstercomplex.com/blog/complete-universal-monsters