กำกับโดย : จอช คูลีย์
บทโดย : แอนดรูว์ บาร์เรอร์ / กาเบรียล เฟอร์รารี่ / สตีฟ เดสมอนด์ /ไมเคิล เชอร์แมน
อำนวยการผลิตโดย : ลอเรนโซ ดิ โบนาเวนตูรา /ไมเคิล เบย์
พากย์เสียงโดย : คริส เฮมส์เวิร์ธ / ไบรอัน ไทรี เฮนรี่ / สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน / คีแกน-ไมเคิล คีย์ / จอน แฮมม์ / ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น
กำหนดฉาย : ในไทย 26 กันยายน 2024
Transformers One ภาพยนตร์แอนิเมชันไซไฟ อิงจากของเล่น Transformers โดย Hasbro โดยจะ กำกับโดย จอช คูลีย์ (Josh Cooley) โดยไอเดียของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้รับการยืนยันแล้ว ว่าเป็น “เรื่องราวต้นกำเนิด” โดยมีฉากหลังเป็นดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอน และจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่าง โอไรออน แพ็กซ์ (หรือ ออพติมัส ไพร์ม ก่อนได้พลังจากแมทริกซ์) กับ D-16 (เมกะตรอน ในช่วงวัยหนุ่ม) ไปจนถึงวันที่ทั้งสองขัดแย้งกันทางอุดมการณ์ แล้วกลายเป็นศัตรูคู่แค้นกันในปัจจุบัน
Transformers One (2024) จะเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกในรอบ 38 ปีนับตั้งแต่ภาพยนตร์ต้นฉบับ: The Transformers: The Movie (1986)
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นการเปิดตัวงานพากย์ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกของ คริส เฮมส์เวิร์ธ นักแสดงคนดัง ที่ได้เข้าร่วมโปรเจ็กต์นี้หลังจากประทับใจกับบทภาพยนตร์
คริส เฮมส์เวิร์ธ รับบทเป็น โอไรออน แพกซ์ / ออพติมัส ไพร์ม
ไบรอัน ไทรี เฮนรี รับบทเป็น D-16 / เมกะทรอน
สการ์เลตต์ โจแฮนสัน รับบทเป็น เอลิตา วัน
คีแกน-ไมเคิล คีย์ รับบทเป็น บัมเบิลบี
จอน แฮมม์ รับบทเป็น เซนติเนล ไพรม์
ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น รับบทเป็น อัลฟ่า ไทรออน
และเป็นอนิเมชั่นเรื่องแรกที่ ปีเตอร์ คัลเลน เจ้าของเสียงออพติมัสในทุกๆภาค ทุกเวอร์ชั่นจนเป็นไอค่อนของตัวละครนี้ ไม่ได้ร่วมงานในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ในอนาคต หลังจากที่ตัวละคร โอไรออนแพกซ์ ได้กลายเป็น ไพร์ม เสียงของ ปีเตอร์ คัลเลน จะกลับมา เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ ถูกวางคอนเซปต์เป็น “หนังไตรภาค” นั่นเอง ซึ่งทางผู้สร้างอย่าง ดิ โบนาเวนตูรา ให้เหตุผลว่า เสียงของออพติมัสวัยหนุ่ม และเสียงของออพติมัสปัจจุบัน จำเป็นต้องแตกต่างกัน เพื่อความสมเหตุผลของช่วงวัย
Transformers One มีกำหนดเข้าฉายในไทย 26 กันยายน 2024 โดย Paramount Pictures
รีวิว Review
Transformers One อนิเมะขึ้นโรงเรื่องแรกในรอบ 40 ปี ของแฟรนไชส์หุ่นจักรกลต่างดาว ที่มีหัวใจ ความเป็นมนุษย์ และความซับซ้อนทางอารมณ์ ที่บาลานซ์กับความสนุกแบบอนิเมชั่นแนวผจญภัย
เรื่องราวของ Transformers One นั้นเรียบง่าย ที่เน้นไปที่ความสัมพันธ์ของสองเพื่อนรัก โอไรออน แพ็กซ์ กับ D-16 หุ่นยนต์คนงานเหมืองเอเนอร์จอนที่ใช้ชีวิตเสียงตายกับการขุดแร่ไปวันๆ โดยโอไรออน มีความฝันว่าอยากจะเปลี่ยนร่างได้ และใฝ่ฝันถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับ D-16 ที่แม้ว่าจะจริงจัง ซีเรียสกับชีวิต และไม่เคยมองโลกสวยงามแบบที่โอไรออนเป็น แต่ก็พร้อมสนับสนุนเพื่อนรักด้วยกำลังที่มีเช่นกัน…แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตา ก็ได้ทำให้ทั้งสองมาถึงจุดเปลี่ยน จากความคิดเห็นที่ต่างกัน และนำไปสู่เรื่องราวบานปลายใหญ่โต อันเป็นเรื่องราวของสงครามบนดาวไซเบอร์ตรอน…
ตัวหนังเล่นกับงานภาพที่ไหลลื่น สีสันสดใส และแฝงไปด้วยความหม่นหมองหดหู่ในสังคมดาวไซเบอร์ตรอนที่หุ่นยนต์ชนชั้นล่างต้องทำงานราวกับทาส และนำเสนอการผจญภัยของสองคู่หู่ที่ลุยถึงไหนถึงกัน จนมาพบกับความจริงที่ทำให้ทั้งสองต้องตกตะกอน และเลือกสิ่งที่ตนเชื่อมั่น ว่าจะใช้เหตุผล หรือ อารมณ์เป็นตัวตั้ง และใช้พลังที่ได้มานั้นเปลี่ยนแปลงดาวดวงนี้ได้อย่างไร? นี่คือโจทย์ที่ตัวหนังนำเสนอได้ลึกซึ้ง และพาเราดำดิ่งสู่จิตใจของสองตัวละครเอก ที่เราสามารถใช้คำว่า “ทำถึง” และ “โคตรดี” ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ในมุมของหนังจักรวาล ไมเคิล เบย์ อาจจะเด่นที่งาน CG เนื้อเรื่องชวนไปสมัครเป็นทหารอเมริกัน (55+) และฉากแอคชั่นอีรุงตุงนังทำเอามันส์แลกกับชั่วโมงทำงานของฝ่าย CG แต่สิ่งที่ในหนังโรงหลายๆภาคในช่วงหลังๆขาดหายไป คือ “ความมีชีวิต” อันเป็นแก่นสำคัญของ Transformers นับตั้งแต่เป็นการ์ตูนทีวีด้วยซ้ำ แม้ร่างกายจะเป็นจักรกล แต่ก็มีความรู้สึก มีหัวใจ โกรธได้ เศร้าเป็น และพาคนดูสนุก สะใจ และหม่นหมองใจได้
ซึ่่งใน Transformers One ทำออกมาได้ถึงแก่นสารสาระสำคัญอย่างที่ควรเป็น และแฟนๆเดนตายของTransformers อยากได้มานาน และฟิลลิ่งนี้ไม่ได้มีมานานแล้วนับตั้งแต่ BEAST WARS ในช่วงยุค 90s โน่นเลย!
ส่วนเสียงพากย์ Eng ที่ได้ดู สาวก Transformers หลายๆคนจะกังวลว่า ถ้าไม่ใช่เสียงของคุณปู่ ปีเตอร์ คัลเลน ที่พากย์เสียงออพติมัสมาตั้งแต่ยุค 80s ไม่ได้มาลงงานนี้ จะทำออกมาได้ดีหรือเปล่า บอกเลยว่า ดีเกินคาดครับ เสียงของ “คริส เฮมเวิร์ธ” เทพเจ้าสายฟ้าของเราทำออกมามีลูกเล่น ทั้งตอนที่เป็นโอไรออน หุ่นยนต์โลกสวยวัยหนุ่มสดใส หรือจะเป็นเสียงทุ้มหน่วงจิตในช่วงการต่อสู้ การสูญเสีย และปลุกเร้าใจด้วยคำคม ทำมาได้ดีมากๆ เผลอๆมารับงานพากย์แทนปู่ปีเตอร์ได้เลย แต่ค่ายจะสู้ค่าตัวไหวมั้ย นี่อีกเรื่อง (55+)
หรือจtเป็นเสียงหุ่นสาวห้าวอย่าง อีไลต้า วัน ที่ได้ “สกาเลตต์ โจฮันสัน” มาพากย์ ก็ดูเท่ เข้มแข็ง และตรงคาแรคเตอร์ รวมไปถึงนักพากย์คนอื่นๆที่แฟนๆ TF อาจจะไม่คุ้น ข้อดีคือความสดใหม่ที่ได้รับนั่นละครับ ไม่ยึดโยงของเดิม ก็นะ นักพากย์ยุค G1 ก็อายุรุ่นปู่ปีเตอร์กันหมดแล้ว…ให้รุ่นนั้นได้พักเถิด
สรุป เป็นหนังที่คุณไม่ต้องทำการบ้านอะไรเลย ตีตั๋ว-ดู-จบ และรับความประทับใจ ปนหน่วงจิตกลับบ้าน เหมือนตอนที่คุณนั่งดู นารุโตะ ตีกับ ซาสึเกะ ที่จะพากลับบ้านในช่วงท้ายภาคแรกๆ นั่นละครับ ฟิลนั้นเลย
แล้วถ้าคุณอินจัด ไปหาเกม Transformers War For Cybertron กับ Transformers: Fall of Cybertron มาเล่นต่อเลยก็ได้ ฟิลน่าจะต่อเนื่องจากฉากจบของเรื่องไม่น้อยเลยครับ (แต่เกมก็โคตรเก่าเลย 12 ปีแล้ว ไม่รู้ยังหาเล่นได้มั้ยนี่ละ)
***ตัวหนัง มี Mid Credit 1 ตัว และ End Credit หลังจบรายชื่อทีมงาน อีก 1 ตัว ***
[แอดมิน Ak47]
#transformersonethailandfanscreening
#Transaformers #TransformersOneTh
#ทรานส์ฟอร์เมอร์ส1 #UIPThailand
เล่นใหญ่ ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ ในอวกาศ!!
#ParamountPictures #TransformersOne #Transformers #OptimusPrime #Megatron #ทรานส์ฟอร์เมอร์ส1