Transformers: Devastation [รีวิว/เรื่องย่อ/คอมโบ/SCREENSHOT]

 

Transformers : Devastation
ประเภท : Action
เครื่อง : PC, PS4, Xbox One, PS3, Xbox 360
วันวางจำหน่าย : ตุลาคม 2015
พัฒนาโดย : Platinum Games
จำหน่ายโดย : Activision

 

 

 

“ทรานส์ฟอร์เมอร์”ชื่อนี้แม่แต่ป้าขายข้าวแกงข้างบ้านแอดมินยังรู้จัก! เพราะเป็นชื่อหนังฟอร์มยักษ์ที่ดังเป็นพลุแตกในรอบหลายปีมานี้

ซึ่งเรื่องราวต้นฉบับ จะเล่าเรื่องของความบาดหมางของหุ่นยนต์ต่างดาวสองกลุ่มที่มีโลกเป็นสังเวียน กลุ่มหนึ่งต้องการทำลายมนุษย์โลกแล้วยึดโลกเป็นบ้าน อีกกลุ่มหนึ่งก็ต้องการปกป้องโลก บ้านหลังที่สองของพวกเขา และใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์อย่างสันติ ซึ่งเรื่องราว ประวัติตัวละคร แอดมินขอรวบรวมแยกไว้ในบทความ 3 ชุดนี้ครับ

https://www.metalbridges.com/transformers-database-encyclopedia/
https://www.metalbridges.com/transformers-autobots-character/
https://www.metalbridges.com/transformers-decepticon-character/

 

นั่นเป็นพล๊อตของอนิเมชั่น จากยุค 80 ที่หลายๆคนหลงลืมไปแล้ว แต่มีค่ายเกมเจ้าหนึ่ง ขอสวนกระแส ด้วยการปัดฝุ่น เอาดีไซน์ และสไตล์การเล่าเรื่องที่สุดแสนจะเชยสะบัด แต่คลาสสิคสุดๆ มาผนวกกับเกมเพลย์ที่ดุเดือดเลือดพล่านบ้าพลังสุดขีดสไตล์เกมญี่ปุ่น กับเกมที่มีชื่อว่า “Transformers : Devastation”

 

เกมนี้คือ!?
“Transformers : Devastation” เป็นเกมแอคชั่นฟันแหลกบ้าพลัง ผลงานของทีมงาน Platinum Games ทีมพัฒนาจากญี่ปุ่น อดีตทีมงานค่าย Capcom ที่สร้าง Devil May Cry และ Bayonetta ที่รับประกันความเร้าใจของเกมเพลย์แอคชั่นฟันแหลก และบอสตัวเท่าตึก

เนื้อหาของเกม Transformers : Devastation จะเล่าถึง “เมกกะตรอน” วายร้ายผู้นำของเหล่าดีเซ็ปติค่อน จักรกลเอเลี่ยนจอมเผด็จการ ที่ได้รับ “สัญญาณ” บางอย่างจากใต้ดินของเมืองที่สงบสุข เขาจึงทำการทำลายพื้นผิวเมือง และขุดมันขึ้นมา และเขาก็ได้พบว่า สัญญาณที่เรียกหาเขา คือ “Proudstar” ยานสำรวจของไซเบอร์ตรอนยุคโบราณของ “โนว่า ไพรม์” ผู้นำของชาวไซเบอร์ตรอนที่หายสาปสูญมานานนับล้านปี

และที่ยานนั้น ก็ยังเป็นที่ซ่อนของ “Ferrotaxis” อุปกรณ์วิเศษที่สามารถ “เปลี่ยนลักษณะทางชีวภาพของดาวโลกให้เป็นดาวจักรกล” เหมือนไซเบอร์ตรอนบ้านเกิดที่สูญสิ้นไปแล้ว…

แต่แผนชั่วของเมกะตรอนต้องสะดุด เมื่อพระเอกอย่าง “ออพติมัส ไพร์ม” และชาวคณะออโต้บอทผู้รักสันติและชาวโลก เข้ามาขวางไม่ให้แผนการล้างเผ่าพันธ์มนุษยชาติของเมกะตรอนสำเร็จได้…

และนี่คือหน้าที่ของผู้เล่นที่จะต้องพาเหล่าออโต้บอทเข้าต่อสู้กับกองทัพหุ่นยนต์วายร้ายด้วยการรัวปุ่มคอมโบ และสาดกระสุนทุกนัดใส่พวกดีเซปติค่อนนั่นเอง…

 

 

การควบคุม

 

คอมโบท่าชุด

 

 

 

 

 + R1 ตอนตัวเปล่งแสงสีฟ้า จะเป็นท่าพุ่งชน (ตัว “บัมเบิ้ลบี” จะพุ่งชนได้ 2 ครั้ง)

 

กด R1 ค้างเพื่อเปลี่ยนเป็นร่างรถ เร่งความเร็วให้สูงสุด + ค้าง (หรือ ค้างก็ได้ แต่จะเป็นท่าชุดกลางอากาศแทน ) จะเป็นท่าพุ่งต่อยรัวๆ (ต้องซื้อใน LAB ก่อน)

 

 

กด R1 สั้นๆ ในจังหวะที่ศัตรูกำลังโจมตี จะเป็นการกลิ้งหลบที่จะทำให้เข้าสู่สภาวะ Slow Motion (จอผู้เล่นจะเป็นสีฟ้า) ให้กด เพื่อทำการสวนกลับอย่างรวดเร็ว (ต้องซื้อใน LAB ก่อน)

 

 

ตัวละครแต่ละตัวจะมีท่ากดคอมโบที่ตายตัว แต่ผลลัพท์จะต่างกันตามแต่อาวุธที่ถืออยู่ (ดาบ / ดาบคู่ / ฆ้อน / สนับมือ) แต่จะมีท่าคอมโบที่ต้องซื้อใน LAB เพิ่มเติม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นท่าสวนกลับ(Counter) ซะมากกว่า

 

 

 

ยาน ARK

ในแต่ละด่าน ก็จะมีจุดเช็คพอยท์สีเขียวๆที่มี “โลโก้ของฝ่ายออโต้บอท” ส่วนใหญ่จะมีโลโก้นี้อยู่แถวๆหน้าห้องบอส หรือช่วงพักครึ่งของด่าน

 

ตามเนื้อเรื่อง “ยาน ARK” จะเป็นเหมือนบ้านพักของเหล่าออโต้บอท ที่มีซุปเปอร์คอมพิวเตอร์อย่าง “เทเลทราน-วัน” คอยให้คำแนะนำในยุทธวิธี และข้อมูลของภารกิจ…

ซึ่งเกมนี้ ยาน ARK (หรือระบบ Uplink) จะเป็นเหมือนห้อง Setting ตัวละคร ทั้งการซื้อขายอาวุธ การอัพเกรดสมรรถนะของออโต้บอทแต่ละตัว การอัพสเตตัสต่างๆ ซึ่งจะแยกออกไปตามหัวข้อต่างๆดังนี้

 

Weapons

หน้าต่างจัดการอาวุธ ทั้งสวมใส่ (Equip) และอัพเกรด (Synthesize) โดยความแรงของอาวุธจะถูกแบ่งตามเกรด ต่ำสุดคือ “Rank D” สูงสุดคือ “Rank S” แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ “Melee Weapon” (อาวุธระยะประชิด) กับ “Range Weapon” (อาวุธประเภทปืน)

โดยอาวุธก็จะมีออพชั่นที่ต่างกันไปตามเกรด ธาตุต่างๆ และการอัพเกรด (ตีบวกได้สูงสุดคือ เลเวล25 ที่แรงค์ S) แต่ก็สามารถเลือกใส่ และถอดออพชั่นอาวุธวัตถุดิบได้ตลอดเวลาในหน้าต่างอัพเกรดครับ

การอัพเกรดอาวุธ จะต้องใช้อาวุธ2ชิ้นในการตีบวก ชิ้นแรกคือ “ของที่ต้องการจะอัพเกรด” ส่วนอีกชิ้นคือ “อาวุธที่ไม่คิดจะเอามาใช้งาน” (จะมี”ออพชั่น”ติดหรือไม่ก็ได้)

 

“ดาบคู่ธาตุสายฟ้า” พริ้ว โหด ไว และทำให้ศัตรูชะงักได้

 

“ฆ้อนธาตุไฟ” เน้นพลังทำลายขั้นสูงสุดของเกมนี้ ตบศัตรูระดับบอสดิ้นเพียงการโจมตีไม่กี่ครั้ง…แถมมีคุณสมบัติลด HP คู่ต่อสู้ได้ด้วย

 

 

T.E.C.H.

เป็นการเสริมสมรรถนะของเหล่าออโต้บอท ด้วยแผ่นวงจรพิเศษที่ “วีลแจ๊ค” นักวิทยาศาสตร์ของออโต้บอทสร้างขึ้น โดยจะมีคุณสมบัติต่างๆตามที่ระบุเอาไว้ในแผงวงจรนั้นๆ เช่น EXP+50% + ได้เงินเพิ่ม 30% / กระโดดได้สูงขึ้น / พลังโจมตีด้วยอาวุธยิง+15% ฯลฯ

 

ซึ่งในการสร้าง (Develop) ก็จะมีค่าใช้จ่าย ยิ่งจ่ายแพง ยิ่งได้แผงวงจรเจ๋งๆมาประดับบารมี แต่ก็จะมีเรตในการได้แผงวงจรหายาก ด้วยการรอจังหวะกด “ให้แถบที่วิ่งให้ไปหยุดในช่องสีส้ม”

 

แผงวงจรที่ได้รับจากการสร้างในราคา 10,000 ส่วนใหญ่จะมีออพชั่นติดมา 2 อย่าง แต่บางอันมี “สถานะติดลบ”ด้วย ตอนติดตั้งก็คิดดีๆละกัน

 

 

STATUS

แปลตรงตัวเลยคือ “สถานะ” โดยการอัพก็จะมีค่าใช้จ่าย100 ต่อการอัพแถบ EXP 1 แถบสั้นๆ (กด ค้าง) โดยค่าสถานะ จะถูกแบ่งออกได้ดังนี้

STR -ค่าพลังโจมตีด้วยอาวุธประชิด (ส่งผลต่อพลังป้องกันและโจมตีโดยรวมเล็กน้อย)
CRG -ค่าพลังโจมตีด้วยอาวุธยิง
SPD -ค่าอัตราเร่ง และความเร็วในร่างรถ (มีผลต่อการออกท่าคอมโบชุด)
FRB -ค่าความคล่องตัว มีผลกับระยะเวลาหลบหลีก และสวนกลับในสภาวะ Slow Motion
SKL -ค่าฟื้นพลังสกิลท่าไม้ตายสุดยอด
END -ค่าพลังชีวิต ยิ่งเลเวลสูงแถบHPยิ่งยาว และส่งผลต่อพลังป้องกันด้วย
INT -ค่าฟื้นพลังสกิลพิเศษ (อัพคู่กับค่าSKL จะทำให้ใช้ท่าสุดยอดได้บ่อยขึ้น และ“ไอเทมกดใช้” อยู่นานขึ้น)
RNK -ค่าเลเวลโบนัส ส่งผลต่อพลังป้องกันและโจมตีโดยรวมทั้งหมดอย่างละ 10 หน่วย/เลเวล

 

 

LAB

LAB มีไว้ทำการซื้อขายไอเทมกดใช้ ฟื้นฟู ไอเทมบัฟต่างๆ และท่าคอมโบใหม่ๆ

 

 

Challenge Mode

โหมดหากินของผู้เล่นใหม่ เพราะเป็นโหมดที่ผู้เล่นสามารถเล่นเพื่อเอาเลเวล ไอเทม เงินรางวัลต่างๆได้ และสามารถจบด่านในเวลาสั้นๆ ซึ่งถ้าใช้ไอเทมเสริมอัตราการดรอปไอเทม/EXP/เงินรางวัล ก็จะเป็น “สถานที่ปั๊มเงิน” ครั้งละมากๆได้เป็นอย่างดี

แต่ควรจะเป็นฉากที่เน้นการต่อสู้กับฝูงศัตรู มากกว่าการดวลกับบอสตัวต่อตัว ซึ่งความยากก็จะมีลำดับเหมือนกับโหมดเนื้อเรื่องหลักนั่นเอง

 

 

SCREENSHOT

ช่วงแรกๆอาจจะพาลเบื่อได้ เพราะเกมมีฉากซ้ำค่อนข้างเยอะ (วิ่งในเมืองยันเบื่อ) แต่อย่างว่าครับ มันเป็นเรื่องราวของหุ่นยนต์ยักษ์ เลยมีฉากหลังได้ไม่กี่อย่าง…

 

ท่าไม้ตายสุดยอดของ “ออพติมัส ไพร์ม” ที่กวาดศัตรูทั้งหมดในรัศมีการมองเห็นของออพติมัส

 

“ซาวนด์เวฟ” พลสื่อสารของดีเซปติค่อน ที่สร้างความปวดหัวในดันเจี้ยนซากยาน Proundstar เป็นระยะๆในฐานะ “มินิบอส”

 

พลทหารชั่นต่ำสุดของฝ่ายดีเซปติค่อน ที่เราต้องเจอพวกมันตลอดทั้งเกม

 

ช่วงกลางเกมเราจะได้เจอกับพลทหารเกราะหนัก ที่มีค่าป้องกันสูง และฆ้อนที่ตบผู้เล่นจนจุกได้ในสองสามทีเท่านั้น (ตัวนี้เน้นการสวนกลับครับ ถึงจะพอเอาชนะได้ไม่ยาก)

 

“ดีวาสเตเตอร์” และ “เมนาซอร์” สองบอสระดับตัวเท่าบ้านที่ออกมาต้อนรับเหล่าออโต้บอทด้วย“ความมั่ว”ในการต่อสู้ เป็นการต่อสูที่ปวดหัวมาก เพราะพวกมันทั้งอึด และโหดสุดๆ ยิ่งระดับความยาก “MAGNUS” ทำเอาแอดมินปาจอยมาหลายครั้งแล้ว

 

“วีลแจ๊ค” กับท่าไม้ตายสุดยอด “ระเบิดไนโตรเจนเหลว”ที่ทำหน้าที่แช่แข็ง และทำลายศัตรูในวงกว้างได้ในคราวเดียว

 

ถ้าพลาดท่าจน HP หมดหลอด ถ้าผู้เล่นได้ซื้อไอเทม “Auto Repair Kit” ก็จะสามารถชุบชีวิตได้จนกว่าของจะหมด (ราคาอันละ 200,000 พกได้สูงสุด 15 ชิ้น)

 

“ไซด์สไวป์” พลรบความเร็วสูงสุดห้าวของออโต้บอท ที่มาพร้อมกับดาบคู่ และลูกเตะที่รวดเร็ว ถูกใจขาลุยแน่นอน

 

“กริมล๊อก” ไดโนบอทสมองน้อย แต่พลังทำลายล้าง และความอึด สูงที่สุดในกลุ่ม แต่ก็จัดเป็นตัวละครที่เล่นยากมากเช่นกัน

 

“ออพติมัส” ปะทะ “สตาร์สครีม” มือขวาของเมกะตรอนในมิติที่ 5 ที่สตาร์สครีมเป็นคนสร้างขึ้นมา

 

“เมนาซอร์” วายร้ายสุดโหดที่ให้เราได้ฟัดกับมันตั้งแต่กลางเกม และ “ดาบสายฟ้า” คือไอเทมพลังโจมตีสูง (ตามระดับความยาก ยิ่งยากยิ่งดรอปของดี) ที่ดรอปให้ผู้เล่นเมื่อปราบมันได้

 

สุดท้ายแล้ว ใครจะได้ครอบครอง “Ferrotaxis” ไอเทมเปลี่ยนโลกนี้ ระหว่าง “เมกะตรอนผู้ชั่วร้าย” และ “ออพติมัส ไพร์ม ผู้พิทักษ์โลก”

 

7.5/10 Rank C+
(และ 9/10 สำหรับสาวกทรานส์ฟอร์เมอรส์)

ถือเป็นเกมที่กล้านำเสนอเหล่าตัวละครจากซีรี่ยส์สงครามหุ่นกระป๋องในดีไซน์สุด Retro เพราะองค์ประกอบศิลป์ งานภาพที่ชวนให้นึกถึงอนิเมชั่นยุค 80 แบบดั้งเดิม สีสันสดใสแสบตา วูบวาบบ้าพลังสุดขีดจริงๆ

บวกกับเกมเพลย์ที่จัดว่า “มันส์มือ” เพราะตลอดเวลาที่ผู้เล่นเข้าปะทะกับฝูงดีเซปติค่อน คือความสนุกทีตัวเกมรีดเร้นออกมา สมกับสไตล์ทีมงาน Platinum Games ที่เคยฝากผลงานขึ้นหิ้งอย่าง Devil May Cry ซึ่งพวกเขาทำงานได้ไม่ขาดตกบกพร่องเลยครับ เป็นเกมเพลย์ง่ายๆ เข้าใจไม่ยากเท่าไหร่ และเอื้อต่อผู้เล่นใหม่ด้วยครับ

สิ่งที่เป็นหายนะของตัวเกม คือ “เนื้อเรื่อง” ครับ (คาดว่าทีมงานญี่ปุ่นไม่ได้ดูแลในส่วนนี้โดยตรง) มันเป็นเรื่องราวที่เชยสะบัด สมกับที่เคยได้รับการสรรเสริญมาแล้วว่า “เป็นอนิเมชั่นที่มีเนื้อเรื่องห่วยที่สุดของอเมริกา” เนื้อหาไม่สมเหตุผล การกระทำของตัวละครไร้ที่มาที่ไป ถึงแรงจูงใจในการก่อการร้ายของเมกกะตรอน จะมีน้ำหนักมากพอก็ตาม (เมกะตรอนต้องการทำให้โลกเป็นดาวไซเบอร์ตรอน เพื่อรักษาเผ่าพันธ์ตัวเองเอาไว้) รวมไปถึง “การแทงกั๊ก” ราวกับว่าจะมีภาคต่อในอนาคตยังไงยังงั้น

อีกส่วนที่ต้องจวก ก็คือบทบาทบอสอย่าง “ดีวาสเตเตอร์” และ “เมนาซอร์” ได้รับการอัพความสามารถให้โหดกว่าฉบับการ์ตูน และอึดถึกทนราวกับแรด มีลูกเล่นชวนปวดกบาลสารพัด แต่ในขณะที่บอสใหญ่อย่าง “เมกะตรอน” “ซาวน์เวฟ” “ช๊อคเวฟ” และวายร้ายขาประจำของดีเซปติค่อนอย่าง “สตาร์สครีม” กลับถูกลดบทบาท ความเก่ง ความโหดจนไม่น่าเชื่อถือว่า “เออ…ไอ้นี่มันบอสนะ” (แต่ไม่ได้บอกว่ามันปราบง่ายนะ ลองเล่นในความยากระดับ Commader / Magnus ดูได้ แล้วจะรู้ว่าตึงมือขนาดไหน เวลาพวกมันโผล่มาพร้อมๆกัน)

แอดมินใช้เวลา 7 ชม.44 นาที สำหรับการเล่นรอบแรก (เสพเนื้อเรื่อง เก็บทุกSecret) ในโหมดความยาก “Commander”

 

และ 1 ชม. 59 นาที ในระดับยากสุด “Magnus” ในการเล่นแบบสปีดรันในรอบที่สอง (กดข้ามคัตซีน)

 

ก็ขอบอกเลยว่าถือเป็นเกม “ทรานส์ฟอร์เมอร์ส” ที่ดีที่สุดของแอดมินไปแล้ว ถึงเนื้อเรื่องจะเดาง่าย และโคตรห่วยก็ตาม แต่สวนทางกับเกมเพลย์โคตรมันส์จริงๆครับ!!

แอดมิน AK47

 

เกมเพลย์โดย แอดมิน Ak47