Transformers [Decepticon Character]

 

Transformers [Decepticon Character]
บทความชุดนี้ แอดมินจะกล่าวถึง “ตัวละครฝ่ายดีเซปติคอน”เท่าที่โผล่มาบ่อยๆ และคุ้นๆหน้าชาวโลกเป็นหลัก เพราะถ้าเล่าหมด เกรงว่าจะมีพื้นที่ไม่พอแน่ๆครับ

 

 

 

Decepticon

 

ภายใต้สันติภาพของดาวไซเบอร์ตรอนในอดีต… ได้มี “ความทะยานอยาก” เก็บซ่อนไว้ซึ่งความดำมืด กลุ่ม Decepticon ผู้ยึดมั่นในความทระนง และความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ไซเบอรตรอนของพวกตน เหล่าดีเซปติคอนได้อุทิศตนให้กับความสงบสุขและความรุ่งโรจน์ของ ดาวไซเบอร์ตรอนโดยแท้จริง

 

แต่ทว่าภายใต้การนำของ “Megatron” ไพรม์ ผู้ยึดติดกับคำว่า “ศักดิ์ศรี ความแข็งแกร่ง”แบบสุดหัวใจ เขาได้ถูกครอบงำโดยความโลภในอำนาจและเริ่มวางแผนในการช่วงชิง Allspark เพื่อใช้ในการสร้างกองทัพจักรกลเพื่อสานต่อการตามหา “แมทริกซ์แห่งจิตวิญญาณผู้นำ” ของเขา

 

ด้วยเหตุนี้ เหล่าดีเซปติคอน จึงไม่รู้จักคำว่า “คุณค่าของชีวิตผู้อื่น” ทำให้เป็นเผ่าพันธุ์ที่กระหายอำนาจ สงคราม และความบ้าคลั่ง โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่แสนจะเรียบง่าย “ยึดครองทั่วทั้งจักรวาล และทำลายล้างทุกเผ่าพันธุ์ที่บังอาจขวางทาง”

 

 

 

สงครามที่ไม่มีวันจบสิ้นของจักรกลทั้งสองฝ่าย ที่ยังคงห้ำหั่นกันตามบัญชาของ บ.Hasbro

 

Megatron นำกองทัพดีเซปติคอน เข้าโจมตีช่วงชิง Allspark ที่อยู่ในการควบคุมดูแลของ ออโต้บอททันที แต่หากวัดกันด้วย “กำลังพล” “แสนยานุภาพแห่งการทำลายล้าง” และ “จิตสังหาร”ที่เหี้ยมโหดกว่า

 

ทำให้ ออโต้บอท เหล่าหุ่นยนต์ชนชั้นแรงงาน ผู้รักสงบก็เริ่มพ่ายแพ้ ดาวจักรกลที่เคยรุ่งโรจน์ในอดีต บัดนี้เป็นดาวที่ไร้ซึ่งอารยธรรม และเต็มไปด้วยซากศพพี่น้องร่วมสายพันธุ์ เพราะความคิดเห็นทางการปกครองที่ต่างกันสุดขั้ว ดาวไซเบอร์ตรอน กลายเป็นดวงดาวที่ตายซาก

 

เมื่อดาวไซเบอร์ตรอน สัญลักษณ์ของอารยธรรม ล่มสลายไป เมกะตรอน จึงออกตามหา Allspark เขาต้องการทำลายล้างศัตรูและยึดครองจักรวาลเพื่อสถาปณา “จักรวาลแห่งไซเบอร์ตรอน” เพื่อทุกชีวิตสายพันธุ์จักรกล จะดำรงเผ่าพันธุ์สืบไป…

 

 

 

Megatron

 

“เมกะตรอน” ผู้นำจอมเผด็จการของกลุ่มดีเซปติคอน ผู้ที่ต้องการยึดครองจักรวาล เพื่อขยายเผ่าพันธุ์ชาวไซเบอร์ตรอน โดยไม่สนชีวิตของเผ่าพันธุ์อื่นๆในจักรวาล เป็นลูกหลานหุ่นยนต์ที่เป็นผลผลิตของ “ควินเทชชั่น” เผ่าเอเลี่ยนที่บุกดาวไซเบอร์ตรอน เพื่อใช้เป็นแหล่งผลิตหุ่นจักรกลไว้ยึดจักรวาล

 

แต่ทว่า เมื่อมีการผลิตจักรกลเหล่านี้มากขึ้น พวกมันเริ่มมีสติปัญญา จึงเริ่มก่อการกบฎ ต่อผู้สร้าง ควินเทชชั่น จึงถูกล้างเผ่าพันธุ์ เหลือแต่เผ่าจักรกลที่เรียกว่าไซเบอร์ตรอน และพวกมันก็แบ่งขั้วอำนาจออกเป็นสองฝ่าย จากการที่พวกมันรบกันเองในเวลาต่อมา คือ “ออโต้บอท” และ “ดีเซปติคอน” นั่นเอง…

 

 

 

เมกะตรอนแบบหนัง ไมเคิล เบย์ ที่หลายๆคนคุ้นเคย…

 

ในช่วงแรกของสงคราม…ออโต้บอทกำชัยชนะเสมอมา จนกระทั่งพวกดีเซปติคอน ได้อัพเกรดตัวเองให้มีระบบเปลี่ยนร่าง และจากนั้นก็สร้างเมกะตรอนขึ้นมา (ในส่วนนี้ ข้อมูลขัดแย้งกับในอนิเมชั่นที่ว่า “กลุ่มคอนสทรัคติค่อนเป็นหุ่นดีเซปติคอน ได้เป็นผู้สร้างเมกะตรอนขึ้นมา แต่ในอนิเมซีซั่นแรก กลับบอกว่า เมกะตรอน ล้างสมองพวกคอนทรัคติค่อนที่เคยอยู่กับออโต้บอทมาก่อน” และ “เรื่องการแปลงร่างเป็นยานพาหนะ ที่บอกว่าดีเซปติคอนแปลงร่างได้ก่อนจากการอัพเกรดระบบ แต่ในอนิเมซีซั้นแรก ได้ระบุว่า การแปลงร่างเป็นยานพาหนะ เกิดขึ้นครั้งแรกบนโลก!?”)

 

 

 

 

เหล่าเมกะตรอน และลูกหาบทั้งหลาย ก็ยังคงโลดแล่นในจักรวาลทรานส์ฟอร์เมอรส์ต่อไป…

 

เขาได้เสาะหาแหล่งพลังงานใหม่ เพื่อที่จะซ่องสุมกองกำลังอันแข็งแกร่งสำหรับการรุกรานจักรวาล แต่ในเวลาต่อมา เขาถูก Starscream โค่นอำนาจ และ ถูกดัดแปลงเป็น Galvatron ในภายหลัง(อนิเมซีซั่น2)

 

สิ่งที่ “นักรบหนุ่ม” อย่างเมกะตรอน นิสัยจะคล้ายๆกับออพติมัสอยู่บ้าง ตรงที่มีความกล้าหาญ เถรตรง ยึดมั่นในหลักการของตัวเอง ไม่ได้มาแบบวายร้ายงี่เง่าเสียสติ แต่มีสิ่งที่ต่างจากออพติมัส คือ “ความเลือดเย็น เย่อหยิ่ง ยอมใครไม่เป็น และโหดเหี้ยมอย่างไม่ลังเล”

 

แม้แต่ผู้ใกล้ชิดเขาที่สุดก็ยังถูกมองเป็นเพียง”เศษธุลี”เท่านั้น (สตาร์สครีม รู้ดีเลยในข้อนี้) สำหรับเขาไม่ใช่เพียงแค่การพิชิตพวกออโต้บอทส์ หรือครอบครองอำนาจสูงสุดบนดาวไซเบอร์ตรอนเพราะเป้าหมายของเขาไปไกลเกินกว่าเป็นผู้พิชิตดาวตัวเอง เขาวางแผนที่จะใช้เผ่าพันธุ์ตัวเอง กระจายไปทั่วจักรวาล

 

 

 

ไม่ว่าเมกะตรอนจะมาในรูปแบบไหน นิสัยใจคอ บุคลิกต่างๆ ก็ยังคงเป็นเมกะตรอนคนเดิม!

 

ฟังดูเผินๆ เหมือนเมกะตรอน จะเป็นนักรบผู้แสนจะชั่วช้าสามานย์เพียงไหน ในสายตามนุษย์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ “การต่อสู้ระหว่างออพติมัส กับ ตัวเมกะตรอนเอง ก็เป็นไปอย่างขาวสะอาด และสมศักดิ์ศรี” (ต่างจากลูกน้อง ที่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว สารพัดกลโกงเพื่อชัยชนะ) เพราะเมกะตรอนถือว่า เป็นการเคารพ และให้เกียรติแก่เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ ที่ถึงจะต่างแนวคิด แต่ก็ถือเป็นเผ่าเดียวกัน และยิ่งเป็นระดับผู้นำอย่างออพติมัส ไพรม์ ก็เป็น “คู่มือที่คู่ควร”แก่การหาความบันเทิงเริงใจ บนความบาดหมางนี้ด้วย

 

และเหตุนี้ ที่ทำให้เหล่าชาวไซเบอร์ตรอน ผู้ทระนงตน ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นระดับขุนนาง ไฮโซ ชนชั้นสูง บนดาวไซเบอร์ตรอน ที่จะหลงในคำพูดปลุกปั่นของเมกะตรอน ในขณะที่ออพติมัส เป็นหุ่นชนชั้นแรงงาน ที่ต้องการสันติ ไม่ต้องการไปรุกรานผู้อื่น และจะหาทางรักษาเผ่าพันธุ์ตนเอง ด้วยการเป็นมิตรกับทุกชีวิตในจักรวาล แม้จะอ่อนแอกว่าพวกเขาก็ตาม อีกทั้งยังยินดีถ่ายทอดวิทยาการต่างๆให้ผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

 

 

เมกะตรอน ในรูปแบบของเล่นในสมัยก่อน ที่มีลูกเล่นแปลงร่างเป็นปืนได้จริงๆ…

 

เมกะตรอน สามารถแปลงร่าง ย่อส่วนตัวเองเป็นปืน Walther P38 พลังแรงสูง ให้บรรดาลูกน้องได้ถือไปยิงเล่นได้ และยังมีร่างรถถังเอเลี่ยน (หนังของเบย์) ปืนเลเซอร์(ร่างกัลเวตรอน ในอนิเมซีซั่น2) รถแข่งสูตร1 (Galxy Force) ไปจนถึงร่างไดโนเสาร์!! (Beast wars)

 

 

Galvatron

 

“กัลเวตรอน” เป็นร่างที่ฟื้นขึ้นมาหลังจากความตายของเมกะตรอน ที่ได้รับการอัพเกรดแบบสุดขั้ว! แถมยังคไว้ซึ่งความทรงจำดั้งเดิมของตอนที่เป็นเมกะตรอนด้วย แต่ด้วยประสปการณ์ “เฉี่ยวนรก” มาแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้เขาเป็นจักรกลที่บ้าคลั่ง ป่าเถื่อน และดุร้ายยิ่งกว่าเดิม บวกกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆ ยากจะหยั่งถึง ที่พร้อมจะกระชากแผงวงจรของเพื่อนร่วมทีมตลอดเวลา หรืออาจจะเรียกว่า “เสียสติ”ไปเลยก็คงจะไม่ผิดนัก

 

 

 

กัลเวตรอน ที่ได้รับการชุบชีวิตจาก “ยูนิครอน” เพื่อสานต่อแผนชั่วร้าย

 

เรื่องราวที่มาของกัลเวตรอน เกิดขึ้นหลังจากการสู้รบใน “ออโต้บอทซิตี้” (เมืองที่เหล่าออโต้บอท ขอแบ่งพื้นที่จากชาวโลก มาสร้างเมืองใหม่) ดีเซปติคอนทั้งหลายก็อยู่ในสภาพย่ำแย่และพากันกลับไซเบอร์ตรอนไปก่อน บนยานที่ขนซากพรรคพวกที่ตายไปแล้วของดีเซปติคอน รวมไปถึงร่างของเมกะตรอนที่เสียหายหนัก ก็ได้ถูก “เททิ้ง” เป็นขยะอวกาศไปพร้อมๆกับซากชาวดีเซปติคอน เพื่อลดน้ำหนักยานที่จะพาพวกที่รอดกลับไปไซเบอร์ตรอน

 

 

 

 

ปืนเลเซอร์อนุภาค ที่เป็นร่างแปลงใหม่ และอาวุธทรงพลังกว่าตอนเป็นเมกะตรอน

 

แต่ด้วย “ดวงยังไม่ถึงฆาติ” เมกะทรอนโชคดี ในขณะที่ลอยเท้งเต้งในอวกาศแบบไร้จุดหมาย ซากของเขา ถูก “ยูนิครอน” เก็บกู้ และคืนชีพ พร้อมกับอัพเกรดใหม่ให้เป็นกัลเวตรอน และยังซ่อมแซมพรรคพวกที่ลอยเป็นซากจนกลายเป็นกองกำลังใหม่ ที่พร้อมจะสานต่อความโหดเหี้ยม และ ดำเนินแผนการยึดครองจักรวาลต่อไป…ร่างแปลงของกัลเวตรอน จะเป็นปืนเลเซอร์อนุภาค ที่ยังคงความสามารถในการย่อส่วน เพื่อให้เพื่อนร่วมทีมไว้ใช้งานได้เหมือนตอนเป็นเมกะตรอน…

 

 

 

 

Starscream

 

“สตาร์สครีม” หนึ่งใน Seeker (ผู้บุกเบิกในการสำรวจ) รุ่นเดียวกับ “เจ๊ทไฟร์” เคยลงมาที่โลกเมื่อนานมาแล้ว (และพลัดหลงกับเจ๊ทไฟร์ จนเจ๊ทไฟร์ถูกแช่แข็งเป็นไอติมข้ามศตวรรษในเวลาต่อมา)

 

 

สตาร์สครีม แบบหนังของ ไมเคิล เบย์ ที่เห้นกันจนชินตา…

 

ปัจจุบัน สตาร์สครีม ดำรงตำแหน่ง”มือขวา”(จอม”เลีย”)ของเมกะตรอน และถูกใช้งานเยี่ยงทาส แถมยังพ่วงตำแหน่ง ที่รองรับอารมณ์ “ผีเข้าผีออก”ของเมกะตรอนด้วย(?) แต่ถึงอย่างนั้น สตาร์สครีมเองก็ไม่ได้เป็นผู้ตามที่ดีนัก เพราะเขามีความคิดที่จะ “เลื่อยขาเก้าอี้”เมกะตรอนอยู่เนืองๆ ด้วยนิสัยที่มักใหญ่ใฝ่สูง จึงมีความคิดจะเป็นหัวหน้าดีเซปติคอนแทน และเขาก็ทำสำเร็จใน ก่อนจะถูก Galvatron สังหารในเวลาต่อมา ทำให้สถานะหลังจากนั้นของสตาร์สครีม เป็นเหมือน “วิญญาณ”โดยออกมาในรูปแบบพลังงานที่ไม่มีวันสูญสลาย (ไม่มีร่างจริง) ที่คอยก่อกวนทั้งสองฝ่ายด้วยความเจ็บแค้น…

 

เขาสามารถแปลงร่างเป็นเครื่องบินรบ F-15 Eagle แต่ในหนัง สตาร์สครีมจะสามารถแปลงเป็น F 22 Rapterได้ครับ

 

 

 

Skywarp

 

“สกายวาร์ป”สามารถแปลงร่างเป็นเครื่องบินรบเอฟ 15 อีเกิ้ล ตัวเขาคิดว่า “ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขา” และเหยียบย่ำดูถูกสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ว่า “เป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนต่ำต้อย” โดยมักจะโจมตีสิ่งมีชีวิตบนดินไม่มีทางสู้อย่างไร้เหตุผล

 

 

ภาพสกายวาร์ป แบบที่อยู่บนหน้ากล่องของเล่น ปี 1983 ตุ้ยนุ้ยเชียว!!

 

แต่เอาจริงๆแล้ว ตัวสกายวาร์ปเองก็ไม่ได้จงรักภักดีต่อพลพรรคดิเซปติคอนมากนัก เพราะเขาดันรู้สึกสงสารออโต้บอทที่บินไม่ได้ ที่ตนและผองเพื่อนไประราน แต่ด้วยความกลัวที่มีต่อเมกาตรอนและอิทธิพลของคนรอบข้างทำให้ลืมๆไปซะ แม้จะคอยย้ำเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าแท้จริงแล้วตัวเขานั้นต้องการอะไรกันแน่…

 

 

 

 

Sunstorm

 

“ซันสตรอม” ดีเซปติคอนบินได้ ที่ถูกสร้างขึนมาในเตาปฏิกรณ์ปรมาณู ส่งผลให้เขาเป็นดีเซปติคอนสายเครื่องบินรบ ที่มีพลังเหนือขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นในแง่ใช้อาวุธหรือปล่อยพลังงานความร้อนพลังงานแสงเข้มข้น รวมไปถึงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แม้จะมีพลังเหลือหลายก็จริง แต่นาเสียดาย ที่ซันสตรอมนั้นไม่อาจควบคุมพลังหรือหยุดการปล่อยพลังงานของตนได้ตามต้องการซะอย่างนั้น!!

 

 

ร้อนแรงแบบนี้ “ซันสตรอม” เท่านั้น!!

 

และเหตุดังกล่าว เขามักจะกล่าวหาว่า “เป็นพวกเสียสติ” อีกทั้งยังทำให้เขาต้องโดดเดี่ยวทุกครั้งที่ออกรบ แถมด้วยความที่เป็นดิเซปติคอน จึงไม่ต้องสงสัยว่าในที่สุดแล้ว ออโต้บอทคือศัตรูของมันหรือผู้สมควรถูกกำจัดในสายตาของซันสตรอมนั่นเอง…

 

 

 

 

Ramjet

 

“แรมเจ๊ท” เป็นดีเซปติคอนที่ถูกจัดอันดับว่า “โง่” ในระดับหัวตารางเลยก็ว่าได้ เพราะหมอนี่ถนัดการต่อสู้อยู่เพียงรูปแบบเดียว นั่นคือ “การพุ่งกระแทกชนคู่ต่อสู้ด้วยความสนุกสนานอย่างไม่คิดชีวิต” และโปรดปรานเป็นอย่างยิ่งกับพวกเป้านิ่งทั้งหลาย จึงลงเอยด้วยการสร้างศัตรูอย่างไม่มีหยุดหย่อน

 

ด้วยระบบกันกระแทกที่สร้างขึ้นเพื่อการนี้โดยเฉพาะ จึงสามารถดับคู่ต่อสุ้ได้ทันทีที่กระแทกเข้าใส่อย่างจังขณะที่รอดชีวิตกลับมาได้ แต่ฝากรอยถลอกรอยบุบ พร้อมความเสียหายของเครื่องบ้างเล็กน้อยเท่านั้นเอง

แรมเจ๊ท ในฉบับหนังสือการ์ตูน แอดมินรู้สึกว่า หน้าตาจะเริ่มฉลาดขึ้น!?

 

เหตุผลหนึ่งของพฤติกรรมอันแสนบ้าบิ่นสิ้นคิดนี้ เห็นจะมาจากบุคลิกของเขา ที่เป็นคนหุนหันพลันแล่นทำอะไรก่อนคิด และ กล้าหาญเป็นเลิศ นอกจากนี้ ยังติดตั้งที่ปล่อยระเบิดลูกปรายและปืนกลอัตโนมัติ ที่ไม่เคยเอาออกมาใช้งานเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะพุ่งชน ถนัดกว่า…

 

 

 

 

Shockwave

 

“ช๊อคเวฟ” แอดมินอาจจะจำกัดความไอ้หมอนี้ว่า “เป็นคอมพิวเตอร์มีขา ที่พ่วงเอาWikipedia มาด้วย” เพราะนอกจากกระบวนการทางความคิดที่เป็น ตรรกะที่มีระบบระเบียบแล้ว ยังพ่วงเอาความรู้ระดับ Wiki มาด้วย

 

 

 

ร่างแปลงของช๊อคเวฟ ที่เป็นปืนใหญ่พลาสม่าได้ ใครขวางทางล่ะก็ หายเป้นอากาศธาตุแน่ๆ!!เขามองว่า การทำการใดๆถ้าใช้อารมณ์ป็นที่ตั้งมักจะไม่รอด ดังนั้นทำให้ช๊อกเวฟเป็นพวก เย็นชา คิดเยอะ ลูกไม้แพรวพราว เหลียมจัด ทำทุกทางเพื่อชัยชนะ บวกกับรูปร่างอันชวนขนลุกของเขา ยิ่งวันไหนถ้าเขาอยู่ในแนวหน้าของการสู้รบ พวกออโต้บอทบางตัวถึงกับต้องหมายหัวช๊อคเวฟเป้นคนแรกๆเลยทีเดียว

 

 

 

ช๊อคเวฟ แบบในหนังของไมเคิล เบย์ ที่ขนพลพรรคจักรกลมาถล่มโลก ในหนังภาคที่สาม

 

ช๊อคเวฟนั้น เผลอๆอาจจะมีพลังสูงกว่าเมกะตรอนด้วยซ้ำไป แต่ทว่าความจงรักภักดีต่อผู้เป็นนายต้องมาก่อน แต่ถ้าวันไหนเขามานั่งใช้เหตุผล และวิจารณญาณแบบจริงๆจังล่ะก็ อาจจะเป็นหนึ่งในตัวเก็ง “การยึดอำนาจ”จากเมกะตรอน ที่มักจะทำตามอารมณ์มากกว่าเหตุผลเสมอ…รอแค่วันนั้นมาถึง ช๊อกเวฟไม่พลาดตำแหน่งผู้นำแน่ๆ….

Soundwave

 

“ซาวนด์เวฟ” หุ่นยนต์ดีเซปติคอนที่แปลงร่างเป็นเครื่องเล่นเทปคาสเซทสมัยพระเจ้าเหาตัวนี้ ทำหน้าที่เป็น “หัวหน้าหน่วยสื่อสาร” ประจำกลุ่ม ด้วยความสามารถในด้านความจำ รวมไปถึงการบันทึกเหตุการณ์ต่างๆได้นั้น ถูกอกถูกใจเมกะตรอนอย่างมาก ถึงมากที่สุด เรียกได้ว่าเป็น “ลูกรัก”เลยก็คงไม่ผิดนัก ถือเป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิใจมาก

 

 

 

 

ซาวด์เวฟ แบบหนังของไมเคิล เบย์ ที่ปรากฎตัวแบบสั้นๆ นอกชั้นบรรยากาศในหนังภาคที่สอง

 

แต่กับเพื่อนๆในกลุ่มดีเซปติคอนด้วยกันเองนั้น ซาวนด์เวฟ กลับไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ เพราะด้วยความที่เขาสามารถจับคลื่นเสียงต่างๆ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การหักหลัง และแบล็คเมล์หุ่นพวกเดียวกันได้ในภายหลังนั่นเอง บวกกับนิสัยชอบ “เลีย”เจ้านายอย่างเมกะตรอน ทำให้เวลาสู้รบ แล้วซาวนด์เวฟพลาดท่า จะไม่มีใครคิดเข้าไปช่วยซาวนด์เวฟเลยแม้แต่คนเดียว!!

 

แต่น้อยครั้งที่เขาจะพลาดท่า ด้วยความสามารถพิเศษในการใช้ “คลื่น” ทั้งการดักจับ ปล่อยสัญญาณลวง หรือการรบกวนการสื่อสารแล้ว ยังมีปืนคลื่นเสียงอันทรงพลัง ที่จะกระแทกศัตรูให้กระเด็นไปไกลนับกิโลเมตรเลยทีเดียว

 

 

 

 

Ravage

 

“ราเวจ” ดีเซปติคอนรุ่นจิ๋ว ที่เป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของซาวนด์เวฟ สามารถแปลงร่างเป็นเทปไมโครคาสเซ็ตต์และจงรักภักดีต่อเมกาตรอนชนิดถวายหัว แบบไม่มีใครเทียบเคียงอีกทั้งยังเป็นสายลับอีกด้วยครับ

 

ด้วยความที่มีขนาดเล็กมันจึงสามารถหลบหลีกซ่อนเร้นได้อย่างสบาย ดุจเงารอคอยจังหวะเหมาะๆ เข้าจัดการเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ แต่ก็มีจุดอ่อนคือไม่สามารถต่อกรแสงสว่างจ้าๆ ซึ่งทำให้ตาพร่ามัวไปชั่วขณะหนึ่ง ในส่วนนิสัยบางครั้งราเวจเหมือนจะเป็นพวกขี้คุย แต่บางครั้งกลับไม่พูดจา เอาแต่คำรามขู่ฟ่อๆ ใส่หุ่นยนต์ทุกตัวที่ไม่ใช่เมกาตรอนและซาวนด์เวฟ

 

 

 

 

ราเวจ แบบในหนังของไมเคิล เบย์ ปรากฎตัวในหนังภาคแรก ในฉากที่ไปบุกฐานทัพทหารอเมริกัน

 

นอกจากเทปคาสเซ็ตต์แล้วมันยังสมารถแปลงร่างเป็นหุ่นจากัวร์ที่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างเงียบเชียบพร้อมด้วยรูปลักษณ์สีดำของมันทำให้มันสามารถซ่อนตัวเองให้พ้นจากการตรวจจับทุกชนิดได้นอกจากนี้มันยังมาพร้อมประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นอันดีเลิศอีกด้วย ส่วนอาวุธของมันก็คือ ระเบิดโปรตรอนระดับรังสีต่ำขนาดหนึ่งเมกะตันสองลูกที่ติดอยู่ที่ตรงสะโพก

 

 

 

 

Barricade

 

“บาริเคด” ในหนังสือการ์ตูนของมาร์เวล ได้ระบุว่าชื่อเดิมคือ “รันเนอร์” เขาถูกสร้างขึ้นมาในยุคหลัง ที่ถูกลดสเกลลง(เพื่อลดต้นทุน ทำให้ผลิตได้หลายๆตัว) เพื่อสร้างหุ่นรุ่นใหม่ๆ โดยเรียกว่ากลุ่มพวกนี้ว่า “Micromaster” (เป็นกลุ่มที่เกิดก่อนดาวไซเบอร์ตรอนล่มสลายไม่นานนัก)

 

 

 

แบบในหนังของไมเคิล เบย์ ภาคแรก ที่กลายเป็นรถตำรวจจอมเถื่อนไปซะอย่างนั้น….

 

ตัว”รันเนอร์” มีความสามารถในด้านความเร็วบนท้องถนนสูงมาก และเขาเห็นศักยภาพของดีเซปติค่อนที่มีนโยบายแข็งกร้าว และไล่รุกรานดาวอื่นๆ ดังนั้น เพื่อที่สนองความต้องการของเขา ที่จะ”ครองสถิติ ผู้ที่เร็วที่สุดในจักวาล” โดยไม่สนถึงเรื่องความขัดแย้ง ศีลธรรม หรือเกมการเมืองของสองฝ่ายอย่าง ดีเซปติคอน กับ ฝ่ายออโต้บอทซักเท่าไหร่…ส่วนตัวเขา คงขอแค่ได้วิ่งเร็วๆทั่วจักรวาลก็พอแล้ว

 

เมื่อเข้ามาในกลุ่มจักรกลจอมโฉดดีเซปติคอน เขาก็มีชื่อใหม่เก๋ๆว่า “บาริเคด” มักจะทำงานสอดแนม คู่กับดีเซปติคอนที่ตัวไม่ใหญ่มากในแต่ละภารกิจ โดยใช้ทักษะด้านความเร็วของเขาในงานต่างๆที่เมกะตรอนมอบหมายให้ทำ และไม่นานนัก บาริเคด ก็ครองตำแหน่งหัวหน้าหน่วยย่อยที่ทำอยู่ แถมเวลาบู๊แหลก ก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว…

 

ด้วยภาพลักษ์ณที่หวือหวา โฉบเฉี่ยว ดีไซน์ของบาริเคดจึงออกไปทางยานพาหนะที่ใช้ความเร็วเข้ามาเป็นร่างแปลงเสียเป็นส่วนมาก

 

 

 

 

Scorponok

“สกอร์โพนอค” หุ่นดีเซปติคอนที่แปลงร่างเป็นแมงป่อง และป้อมปราการได้ เขาเป็นหัวหน้ากลุ่ม “เฮดมาสเตอร์” (หุ่นทรานส์ฟอร์เมอร์ส ที่ส่วนหัวแปลงเป็นหุ่นยนต์ขนาดจิ๋วได้ มาจากดาวเนบูลอนครับ เดี๋ยวอธิบายในบทความต่อๆไป) โดยส่วนหัว จะถอดออกมาเป็น “ลอร์ด ซาแร็ค”ผู้นำสุดโหดของดาวเนบูล่า

 

สกอร์โพนอค ถูกจัดเป็นของเล่นกลุ่ม Head Master ที่ส่วนหัว มีเจ้าตัวเล็กออกมาเล่นได้ด้วยครับ…

 

เขาขึ้นชื่อเรื่องความโหด อำมหิตแบบสุดขั้ว ถึงขั้น ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ เหลือเล็ดรอดในทุกๆที่ๆเขาเดินทางผ่าน ด้วยอาวุธสารพัด อย่างปืนต้านแรงดึงดูด กงเล็บที่แหลมคม ปืนเลเซอร์ความเข้มข้นสูง แต่ถึงอย่างนั้น บทบาทของเขา ก้มีเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง ในจักรวาลทรานสืฟอร์เมอร์สเท่าน้น แต่ทุกคนที่ได้ชม ก็ยังจดจำความร้ายกาจของเขาไม่มีวันลืม…ในหนังโรง สกอร์โพนอค ได้เข้าโจมตีฐานปฏิบัติการทางทหาร ซ็อคเซนต์ในกาทาร์ ร่วมกับแบล๊คเอาท์ ในหนังของไมเคิล เบย์ ภาคแรก

 

 

อีกซีนที่หลายๆคนจดจำ กับภาพที่สกอร์โพนอค โผล่กลางทะเลทราย และก็โดน “กระสุนซับบอท” ของพวก “ผู้กองเลนน๊อกซ์” และ “จ่าเอปส์” ถล่มยับในภาคแรก

 

 

 

 

Bludgeon

 

“บลัดเจี้ยน” ดีเซปติคอนประเภท “พรีเทนเดอร์” ที่มีเอกลักษณ์คือ เกราะรูปทรงกระดูกในชุดซามูไรที่ท่าทางน่ากลัว แถมยังแปลงร่างเป็นรถถังได้ด้วย

 

 

บลัดเจี้ยน ซามูไรผู้ตายไม่เป็น…

 

นิสัยก็คล้ายๆกับดีเซปติคอนทั่วๆไปคือ ดุ ดิบ เถื่อน แถมเจ้าตัวยังเชี่ยวชาญวรยุทธ์โบราณจากดาวไซเบอร์ตรอน ที่เรียกกันว่า “เมทัลลิกาโต้” (?) ที่ส่งผลให้ผู้ฝึกฝน เป็นคนวิปลาศ คลั่งศาสนา บ้าความรุนแรง และปราถนาที่จะเห็นการทำลายล้างเหนือสิ่งอื่นใด (เหมือนฝ่ายนี้จะมีแต่พวกไม่เต็มบาทแฮะ..)

 

 

 

 

Blackout

 

แบล็คเอ้าท์ ในต้นฉบับ จะเป็นหนึ่งในพวก “ไมโครมาสเตอร์” (พวกตัวเล็ก คล้ายๆกับ ราเวจน่ะแหละ สามารถแปลงเป็นอาวุธ หรือส่วนหนึ่งของร่างกายพรรคพวกได้ แต่ไม่นับเมกะตรอน อันนั้นมันย่อของมันเอง!!) สามารถแปลงร่างไปเป็นเฮลิคอปเตอร์ MH-53 JM Pave Low™ III/IV แบล็คเอ้าท์ คือดีเซปทิคอนส์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยมันทำหน้าที่ขนส่งสมาชิกคนอื่นๆ ในกลุ่ม และมีความสามารถที่จะรบกวนระบบเมคานิคผ่านแรงสั่นสะเทือนอีเล็คโทรแม็กเนติค

 

Blackout แบบในหนังของไมเคิล เบย์ ภาคแรก ที่มีอิมเจที่ดุดันกว่าอนิเมเยอะมาก!!

 

เขาเชี่ยวชาญด้านการก่อการร้าย สร้างความหายนะ แต่ในความเป็นจริงเป็นคนที่ขี้ขลาดมากๆคนหนึ่ง ตัวเขาพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูตรง ๆ และมักจะเล่นงานศัตรูจากด้านหลังเสียมากกว่า

 

แบล็คเอ้าท์ และคู่หูอย่างสกอร์โพนอค โจมตีฐานปฏิบัติการซ็อคเซนต์ในกาทาร์ในหนังของไมเคิล เบย์ ภาคแรก

 

 

 

 

BRAWL

 

“บรอว์ล” คือดีเซปทิคอนที่เลวทรามที่สุดอีกหนึ่งคน เป็นหนึ่งในลูกสมุนผู้ซื่อสัตย์ของเมกะตรอน เป็นหุ่นยนต์ผู้พร้อมรบตลอดเวลา เครื่องยนต์ของเขาคือรถถังซึ่งมีลักษณะพิเศษตรงมีป้อมปืนถึงสามชุด ขณะที่บรอว์ลเป็นพวกชอบคุยโว แต่เขาโม้ได้สมราคาฝีมือในการรบจริงๆ
เขาเป็นพวกเจ้าอารมณ์ การระเบิดความโกรธที่ควบคุมไม่ได้ทำให้เขาเป็นพวกที่สู้อย่างบ้าเลือดในการรบ

 

 

Brawl แบบในหนังของไมเคิล เบย์ ที่เป็นรถถังจริงๆ แถมนิสัยโหดดิบ ยังลามมาถึงในหนังด้วย

 

บรอว์ลถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่ง และเพื่องานนี้เพียงงานเดียว นั่นก็คือ “การทำลายล้าง” โปรแกรมในตัวจะยังคงอยู่ตราบใดที่ยังจำได้ ด้วยความโกรธจัด และรุนแรงจนเขาแทบไม่เหลือความรู้สึกในด้านอื่นๆเลย

 

สิ่งเดียวที่ทำให้เขาได้สัมผัสวินาทีแห่งความสุขก็คือความกราดเกรี้ยวจากการสู้รบ สำหรับบรอว์ลแล้ว ไม่มีสิ่งใดจะหอมหวานเท่ากับเสียงกัมปะนาทดังกึกก้องจากเกราะของร่างกาย ที่ปะทะกับเกราะของหุ่นออโต้บ็อทที่กำลังพลาดท่า…

 

 

 

 

Thunderwing

 

“ธันเดอร์วิงก์” เป็นหุ่นดีเซ็ปติคอน สาย “เมกาพรีเท็นเดอร์” (ระดับสูงกว่าบลัดเจี้ยน) นอกจากเขาจะสามารถแปลงร่างเป็นกระสวยอวกาศได้แล้ว เกราะนอกยังสามารถประกอบเป็นยานรบอวกาศออกมาได้ด้วย นอกจากนี้ในโหมดยานของทั้งตัวเขาเองและเกราะ ยังสามารถรวมร่างเป็นนักรบเอเลี่ยนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยักษ์โอนิจากตำนานญี่ปุ่นครับ

 

 

ถ้าจะพูดถึงศัตรูที่ตึงมือของออพติมัส ที่นอกจากเมกะตรอนแล้ว ก็มาธันเอร์วิงก์นี่แหละ…(ภาพจากTransformers : Prime)

 

แม้ว่าเขาจะมีตำแหน่งใหญ่โตในกองทัพดีเซปติคอน แต่ธันเดอร์วิงกลับ “ดำดิ่ง”เข้าสู้ด้านมืดในจิตใจ กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว แต่ก็ได้ความเก่งกาจเกินใครมาแทนที่ความวิปลาสในตัวของเขา…

 

 

 

 

Abominus

 

“อโบมินัส” หรือ เทอเรอร์คอน ถือเป็นตัวละครที่ดุดันและเกรี้ยวกราดมากที่สุด เพียงแต่ความเกรี้ยวกราดดังกล่าว จะเป็นไปในทิศทางของ “สัตว์ป่าที่ดุร้ายมากกว่า”

 

ตัวของเขาประกอบไปด้วย “เทอเรอร์คอน” หรือพวกดีเซปติคอนที่ “สามารถแปลงร่างเป็นอสูรกาย” และยังสามารถรวมร่างกันเป็นหุ่นทรานสฟอรเมอรส์ ประเภท “ร่างประกอบ” (หรือ “คอมบายน์เนอร์”) ได้ด้วยครับ…

 

 

เป็นชุดของเล่นที่มีขนาดใหญ่มากๆ ราคาสูง แถมผลิตจำนวนน้อยทุกภาค สำหรับ อโบมินัส!!

 

 

 

 

นับวันงานออกแบบยิ่งโหดขึ้นเรื่อย นี่คือ อโบมินัส จากอนิเมภาคล่าสุด Transformer : Beast Hunter

 

 

 

โดยอโบมินัส จะเป็นการรวมร่างของสมาชิกเทอร์เรอร์คอน ได้แก่
Hun-Gurr / Rippersnapper / Sinnertwin / Cutthroat / Blot

 

Hun-Gurr

 

“ฮันการ์”ผู้นำของพวกเทอเรอร์คอน เขาสามารถแปลงร่างเป็นมังกรสองหัว โดยตัวเขาเองก็สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเหล่าดีเซปติคอนในฐานะนักวางกลยุทธทางการรบ

ร่างแปลงมังกรสองหัว ดูน่ารักมุ้งมิ้งดีมั้ย!?

 

เก่งไม่เก่ง ดูเอาละกัน จับออพติมัสล่ามโซ่มาส่งเมกะตรอนได้ก็แล้วกัน…แน่นอนจริงๆ ฮันการ์!!
แต่ในทางกลับกัน เขาก็เป็นดีเซปติคอนที่ “ตะกละตะกลาม” สุดลิ่มทิ่มประตู มันจะสวาปามของกินทุกอย่างที่อยุ่ตรงหน้าหย่อนลงกระเพาะที่ดูเหมือนไม่รุ้จักเต็ม และกินได้ไม่รู้จักอิ่ม…

 

 

 

 

Rippersnapper

 

“ริปเปิสสแนปเปอร์” หุ่นยนต์เทอรเรอร์คอน ที่มีรูปร่างเป็น “ฉลามมีขา” และยังมีปัญหาด้านอาการทางจิต นั่นก็คือ “ปมเกลียดความอ่อนแอ” หมายความว่ามันจะ “กำจัดทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวได้และมีความสามารถด้อยกว่าตน” ซึ่งในที่นี้ก็คือพวกออโต้บอทและเหล่ามนุษย์นั่นเอง

พอมาเป็นของเล่นแล้ว รู้สึกน่ารักมากกว่าน่ากลัวนะเนี่ย…

 

เพราะเขาเชื่อว่าความอ่อนด้อยเหล่านี้เป็นตัวสะท้อนด้านอ่อนแอของตนออกมา อีกทั้งยังเกลียดกลิ่นของสิ่งที่มีคาร์บอนเป็นโมเลกุลนั่นหมายถึงบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายอันรวมไปถึงตัวเขาเองด้วย(อะไรของพีแกฟะ!?)

 

 

 

 

Sinnertwin

 

“ซินเนอร์ทวิน” เป็นดีเซปติคอนที่มี “ข้อมูลส่วนตัวน้อยมากๆ” แอดมินรู้แค่ว่า “เขาเป็นหุ่นยนต์ชายโฉดในพลพรรคเทอเรอร์คอนอีกตัว ด้วยความซาดิสม์ จิตวิปริตของซินเนอร์ทวิน ทำให้เขาเอาแต่จ้องเดินลาดตะเวนหาเหยื่อชะตาขาด เพื่อให้ตนแหวกชำแหละซากเหล็กออกเป็นชิ้นๆด้วยร่างที่แปลงเป็นหุ่นสุนัขสองหัว” แค่นี้แหละ…

 

 

 

Cutthroat

 

“คัทโทรท” มีนิสัยที่ออกจะแปลกกว่ากลุ่มเพื่อนเทอร์เรอร์คอนไปซักนิดครับ เพราะในขณะที่เหล่าดีเซปติคอน มีเป้าหมายที่จะกำจัดพวกออโต้บอทเพียงเพื่อให้พ้นๆทางไปซะ แต่สำหรับคัตโทรทแล้ว ถือเป็น “เรื่องสนุกชั้นเยี่ยม” โดยเขาจะใช้กรงเล็บอันมหึมาฉีกกระชากหุ่นออโต้บอทออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างป่าเถื่อนไร้ความปราณี ชนิดที่แม้แต่พวกดีเซปติคอนยังสยองกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ คัทโทรท ยังสมารถแปลงร่างเป็นหุ่น “กริฟฟิน” และยังไม่ค่อยเต็มใจซักเท่าไหร่ ที่จะต้องรวมร่างกับเหล่าเทอร์เรอร์คอนตัวอื่นเพื่อเป็น อโบมินัส เพราะเขาเห็นว่าอโบมินัส ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เชื่องๆตัวหนึ่งเทียบอะไรไม่ได้กับตนเลย

 

 

 

Blot

 

“บลอท” เป็นดิเซ็ปติคอนผู้สามารถแปลงร่างเป็น “ตัวตุ่น” ที่ไร้ค่า ต่ำช้า และน่าขยะแขยงมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นของเหลวเหนียวเหนอะ(คาดว่าน่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง) ที่ไหลซึมออกมาตามข้อต่อตลอดเวลา รวมถึงกลิ่นตัวที่เหม็นอย่างร้ายกาจชนิดที่ไม่ว่าพันธมิตรหรือคู่อริต้องเบือนหน้าหนี

 

และสิ่งที่ดูเหมือนจะยิ่งขับเน้นความไร้ค่าของเขา อีกนั่นก็คือสติปัญญาที่ไม่อาจกล่าวได้เลยว่า “ใต้กะโหลกเหล็กหนาๆของเขา จะมีสมองบรรจุอยู่” และมักจะถวายชีพให้แก่ผู้ที่เห็นคุณค่าในตัวเขาแม้จะเป็นเพียงการแสร้งทำ และคนๆ นั้นก็คือ ฮันการ์

 

จริงๆแล้วบรรดาเทอร์เรอร์คอนที่เหลือ เอือมระอา จนบางทีก็ไม่อยากให้เขามารวมร่างเป็นอโบมินัสได้ด้วยซ้ำ…เพราะรวมร่างที ก็ต้องล้างตัวกันที เพราะกลิ่นน้ำมันที่รั่วออกมา เหม็นคลุ้งแถมทิ้งคราบ ไปโดนเพื่อนร่วมร่างนั่นเอง

 

ว้า…พื้นที่หมดซะแล้วครับ ตัวละครเด่นๆที่มีบทบาทในหลายๆภาคของทรานส์ฟอรเมอร์ ที่แอดมินเลือกเอามาให้ได้อ่านกัน อาจะยังไม่จุใจเท่าที่ควร ต้องขออภัยจริงๆครับ เพราะตัวละครเยอะมากๆ

 

ไว้บทความหน้า แอดมินจะเล่าถึงเรื่องราวของทรานส์ฟอร์เมอรส์ในฝั่งอเมริกากันบ้างนะครับ แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้าครับผม!!

 

By Admin Ak Fourtyseven