Tokyo Ghoulเป็นผลงานมังงะที่โด่งดังอีกหนึ่งเรื่องทั้งในญี่ปุ่นและบ้านเรา มีการพูดถึงความคืบหน้าของเนื้อหากันทุกๆ อาทิตย์ตามเว็บบอร์ดต่างๆ แถมเนื้อหาภายในเรื่องก็ทิ้งปริศนาท้าท้ายความคิดของแฟนๆ เอาไว้มากมาย
สำหรับบทความนี้จะขอนำเสนอ “ข้อมูลของ Tokyo Ghoul ที่ควรรู้” เอามาให้ได้อ่านกัน ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น… มาดูกันเลย
Tokyo Ghoul : Manga
Tokyo Ghoul คือผลงานมังงะที่วาดโดย อ. Ishida Sui ซึ่งผลงานเรื่องนี้ได้วาดออกมาเป็น 2 ภาคด้วยกัน โดยครั้งแรกใช้ชื่อว่า “Tokyo Ghoul” ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยาสาร Weekly Young Jump ในเครือของสำนักพิมพ์ Shueisha เมื่อวันที่ 8 กันยายน ปี 2011จนถึงวันที่18 กันยายน ปี 2014 และได้รวมเล่มเป็นหนังสือการ์ตูนออกมาทั้งหมด 14 เล่มจบสำหรับในภาคแรก
Tokyo Ghoul ยังได้รับการตีพิมพ์เป็นฉบับภาษาไทย ซึ่งถือลิขสิทธิ์โดยทาง Siam Inter Comic ในชื่อ “โตเกียว กูล” ตีพิมพ์ออกมาแล้ว 14 เล่มจบสำหรับในภาคแรกเช่นเดียวกัน
ผลงานเรื่อง Tokyo Ghoul ที่ตีพิมพ์ลงในนิตยาสาร Weekly Young Jump
หน้าปกผลงานเรื่อง Tokyo Ghoul ฉบับรวมเล่มของภาคแรก ตีพิมพ์ออกมาแล้ว 14 เล่มจบ
Tokyo Ghoul : re เป็นผลงานมังงะภาคต่อจาก Tokyo Ghoul ที่จบชุดในภาคแรก และเป็นผลงานการเขียนในช่วงปัจจุบันของอ. Ishida Sui โดยตีพิมพ์ลงในนิตยาสาร Weekly Young Jump เช่นเดิม มีฉบับรวมเล่มออกมาแล้ว 8 เล่มยังไม่จบ
Tokyo Ghoul : re ได้รับการตีพิมพ์เป็นฉบับภาษาไทย ซึ่งถือลิขสิทธิ์โดยทาง Siam Inter Comic ในชื่อ “โตเกียว กูล : รี”
หน้าปกผลงานเรื่อง Tokyo Ghoul : re ตีพิมพ์ออกมาแล้ว 8 เล่มยังไม่จบ
Tokyo Ghoul : Light Novel
หลังจากที่ผลงานมังงะเรื่องนี้ได้จบภาคลงไปแล้ว… Tokyo Ghoul ได้ถูกนำมาแต่งเป็นนิยาย Light novel จำนวน 3 เล่มด้วยกัน แบ่งออกเป็น 3 ภาคคือ
Tokyo Ghoul-HIBI-(東京喰種トーキョーグール[日々]) หรือในภาคภาษาไทยคือ “โตเกียว กูล [วันคืน]”
Tokyo Ghoul-KUHARU-(東京喰種トーキョーグール[空白]) หรือในภาคภาษาไทยคือ “โตเกียว กูล [ช่องว่าง]”
Tokyo Ghoul-SEKIJITSU- (東京喰種トーキョーグール[昔日]) หรือในภาคภาษาไทยคือ “โตเกียว กูล [วันวาน]”
ซึ่งผลงานฉบับนิยาย Light novel ได้รับการแต่งเรื่องโดยอ.Shin Towada และเขียนภาพประกอบโดย อ. Ishida Sui เจ้าของผลงานดั้งเดิม ถือลิขสิทธิ์ฉบับภาษาไทยโดยทาง Siam Inter Comic
ในปี 2013 ทางสำนักพิมพ์ Shueisha ก็ได้นำเอาผลงาน Tokyo Ghoul [Jack] ซึ่งเป็นผลงานที่อ.Ishida SuiวาดลงในApp ดูมังงะออนไลน์อย่าง Jump Live มาตีพิมพ์เป็นรวมเล่มเพียง 1 เล่มจบ
หน้าปกมังงะ Tokyo Ghoul [Jack]
Tokyo Ghoul Anime
ผลงาน Tokyo Ghoul ยังได้ถูกนำมาสร้างเป็นอนิเมชั่นทีวีซี่รี่ย์และ OVA ซึ่งประกอบด้วย
Tokyo Ghoul TV Series
Tokyo Ghoul ผลงานฉบับอนิเมชั่นทีวีซี่รี่ย์ในครั้งแรกที่สร้างโดยทาง Pierrot ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม – 19 กันยายน ปี 2014 จำนวน 12 ตอนจบ
Tokyo Ghoul √A
Tokyo Ghoul √A (Root A) ผลงานฉบับอนิเมชั่นทีวีซี่รี่ย์ใน Season ที่ 2 สร้างโดยทาง Pierrot ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 มกราคม – 27 มีนาคม 2015 จำนวน 12 ตอนจบ
Tokyo Ghoul [Jack]
Tokyo Ghoul [Jack] ผลงานฉบับอนิเมชั่นในรูปแบบของ OVA สร้างโดยทาง Pierrot ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2015
Tokyo Ghoul : PINTO
Tokyo Ghoul : PINTO ผลงานฉบับอนิเมชั่นในรูปแบบขอ งOVAสร้างโดยทาง Pierrot ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมปี 2015
เอาล่ะ… เกริ่นข้อมูลกันมาคร่าวๆ แล้ว ทีนี่จะขอแนะนำข้อมูลที่มีภายในเรื่อง ซึ่งอ้างอิงจากหนังสือการ์ตูนเป็นหลักนะครับ
==================================
กูลคืออะไร ?
หากกล่าวว่า… มนุษย์คือผู้อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารด้วยแล้ว สิ่งที่คอยสร้างสมดุลเพื่อไม่ให้มนุษย์มีอำนาจเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นก็คือ “กูล” นั่นเอง
กูล เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทกินเนื้อไม่ต่างจากสัตว์กินเนื้อประเภทอื่นๆ เพียงแต่อาหารของกูลคือ “มนุษย์” และเป็นอาหารเพียงไม่กี่อย่างที่พวกกูลสามารถกินและรับรู้ถึงรสชาติได้ (พวกกูลสามารถรับรู้รสชาติของ “กาแฟ”ได้) มีลักษณะรูปร่างภายนอกเหมือนกับมนุษย์ปรกติทั่วไปทุกๆ ประการ หากอยู่ท่ามกลางคนหมู่มาก… โดยไม่มีทางที่จะแยกออกไปได้ว่าใครเป็นมนุษย์หรือใครเป็นกูล? เมื่อกูลกินเนื้อของมนุษย์จะสามารถอยู่ได้นานเป็นเดือน โดยที่ไม่ต้องกินเพิ่ม แต่ถ้าหากพวกกูลหิวจัดเมื่อไหร่… มันจะเป็นอะไรที่อันตรายอย่างมากเลยทีเดียว
อาหารหลังของกูลกินได้คือเนื้อมนุษย์ ซึ่งก็ไม่ต่างจาก “สัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็ก” ตามธรรมชาตินั่นเอง
กูลมีลักษณะทางกายภาพที่เหนือกว่ามนุษย์ปรกติทั่วไปอย่างมหาศาล 4 ถึง 7 เท่าตัว ภายในร่างกายของกูลนั้นจะประกอบด้วย RC Cells (Red Child) ซึ่งเป็นโครงสร้างทางโมลิกุล ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมนุษย์ธรรมดาที่มีสุขภาพดีจะมีค่าเฉลี่ยของ RC Cells ในร่างกายอยู่ที่ 200-500 แต่ในร่ายกายของกูลจะมีค่าเฉลี่ยถึง 1,000-8,000 เลยทีเดียว ซึ่งค่า RC Cells พวกกูลที่มีสูงจะช่วยให้ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้รวดเร็วก็คนธรรมดาทั่วๆ ไป ซึ่งการจะแยกแยะค่าRC Cellsระหว่างมนุษย์ทั่วไปกับกูล สามารถทำได้โดยใช้เครื่องสแกน RC ที่ติดตั้งเอาไว้ในสำนักงาน CCG ทุกๆ สาขาทั่วโตเกียว
กูลมีสามารถเปลี่ยนและแปรสภาพของเซลล์เม็ดเลือดแข็งตัวได้ อาจจะเรียกได้ว่าเป็น “กล้ามเนื้อแข็ง” ที่สามารถยื่นออกมาจากร่างกายได้อย่างอิสระ โดยจะมีอวัยวะที่เรียกว่า “คาคุโฮว”(赫包 Kakuhou = Red Wrap) ทำหน้าที่คอยเก็บกัก RC Cells ในร่างกาย เพื่อสร้าง “อาวุธของกูล” ที่เรียกว่า “คากุเนะ” นั่นเอง
หนึ่งในลักษณะของ “คากุเนะ” ของกูล
ในช่วงที่พวกกูลตั้งใจจะล่าเหยื่อหรือใช้คากุเนะ ดวงตาของพวกกูลจะเปล่งประกายเป็นสีแดงฉานราวกับปิศาจ ซึ่งจะเรียกว่า “คาคุเก็น” (赫眼Kakugan = Red Eye) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งเฉพาะที่บอกความเป็นกูลอีกเช่นกัน
ดวงตา “คาคุเก็น” ของพวกกูล
ประเภทของกูล
ฮินามิ กูลที่เกิดระหว่างกูลด้วยกัน ซึ่งถ้าพ่อแม่เป็นกูลที่มา “คากุเนะ” คนละสาย คนลูกจะได้จุดเด่นของสองสายมารวมกันได้ด้วย
กูลเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และอยู่ร่วมกันกับมนุษย์มาอย่างยาวนาน ถึงแม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่แยกสายพันธุ์ออกมาจากมนุษย์ แต่มันก็ไม่ใช่การแยกออกอย่างสิ้นเชิง… เพราะกูลกับมนุษย์สามารถ “สืบทอดทายาทร่วมกันได้” โดยกูลสามารถมีลูกกับมนุษย์ได้ หากเพียงแต่ถ้าฝ่ายแม่นั้นเป็นมนุษย์… โดยส่วนมากทารกจะเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์ เพราะทารกกูลที่มีแม่เป็นมนุษย์จะไม่ได้รับอาหารที่เพียงพอ เพราะทารกกูลเองต้องกินเนื้อมนุษย์เช่นเดียวกันกับกูลทั่วๆ ไป เว้นแต่ว่า… ผู้เป็นแม่ที่เป็นมนุษย์จะกินเนื้อของมนุษย์เพื่อเลี้ยงดูทารกกูลในครรภ์ ทารกกูลจึงสามารถมีชีวิตรอดอยู่มาได้
เอโตะ โยชิมุระกูลลูกครึ่งระหว่างมนุษย์และกูล
และกูลยังสามารถ “สร้าง” ขึ้นมาได้โดยการ “ตัดแต่งพันธุ์กรรม” จนเกิดเป็นพวกลูกผสม กูลจำพวกนี้จะความสามารถและลักษณะการใช้คากุเนะเช่นเดียวกับกูลในแบบธรรมชาติ ทว่า… สิ่งที่สังเกตได้ว่าเป็นกูลที่ถูกตัดแต่งพันธุ์กรรมก็คือ “มีคาคุเก็นเพียงข้างเดียว” เท่านั้น จะเรียกอีกหนึ่งชื่อได้ว่า “กูลตาเดียว” นั่นเอง
คาเนกิ กูลที่เกิดจากการดัดแปลงร่างกาย
และแม้ว่าจะมีความเป็นลูกผสม แต่การกินของกูลตาเดียวก็ต้องทานเนื้อมนุษย์เช่นเดียวกันกับกูลในแบบธรรมชาติเช่นกัน
อาวุธของกูล “คากุเนะ” มีกี่ประเภท
คาคุโฮว (赫包) คือ คากุเนะของกูลจะแบ่งออก 4 ประเภท ได้แก่
อูคาคุ (羽赫)
เป็นคากุเนะที่มีลักษณะของ “ปีก” ที่โผล่ออกมาจากด้านหลัง มีความสามารถในการต่อสู้ระยะใกล้กับไกล ทั้งยังมีความคล่องตัวที่สูงกว่าสายอื่นๆ แต่มีจุดด้อยคือ “การใช้พลังในการเปล่งออกมาค่อนข้างมาก” ทำให้ไม่เหมาะกับการต่อสู้แบบยืดเยื้อ
ซึ่งกูลที่ใช้คากุเนะสายอูคาคุ ก็มี คิริชิม่า โทวกะ, คิริชิม่าอายาโตะ, คายะ อิริมิ ฯลฯ
โควคาคุ (甲赫)
เป็นคากุเนะที่มีลักษณะของ “เปลือก” มีความสามารถในการป้องกันการโจมตี ซึ่งเรียกได้ว่าแข็งแกร่งมากที่สุดในหมู่คากุเนะด้วยกัน แต่มีจุดด้อยคือ “น้ำหนักที่มาก” ของโควคาคุทำให้ไม่ค่อยเหมาะในการต่อสู้เมื่อเจอคากุเนะสายโจมตีอย่างรุนแรงอย่าง “รินคาคุ”
ซึ่งกูลที่ใช้คากุเนะสายโควคาคุ ก็มี ชู ซึกิยาม่า, อาราตะ คิริชิม่า, คุคิ อูริเอะ ฯลฯ
รินคาคุ (鱗赫)
เป็นคากุเนะที่มีลักษณะของ“กงเล็บ” มีความสามารถในการโจมตีที่รุนแรงและยังมีความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายจากการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็วมากกว่าทุกๆ สาย แต่มีจุดด้อยคือ “ความอ่อนแอ” ทางร่างกายมีมากกว่าสายอื่นๆ
ซึ่งกูลที่ใช้คากุเนะสายรินคาคุ ก็มี คาเนกิ เคน, คิมิชิโระ ริเสะ, ยาคุโมะ โอโอโมริ ฯลฯ
บิคาคุ (尾赫)
เป็นคากุเนะที่มีลักษณะของ “หาง” จัดเป็นคากุเนะที่มีความสามารถที่สมดุลมากที่สุดในทุกๆ สาย ซึ่งค่อนข้างได้เปรียบมากในการต่อสู้ หากได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
ซึ่งกูลที่ใช้คากุเนะสายบิคาคุ ก็มี มาทาซากะ คามิชิโร่ (ซาจิ), โทรุ มัตซึริ, โนโร ฯลฯ
คาคุจา
Kakuja จัดเป็นกูลประเภทพิเศษกว่ากูลทั่วๆ ไป และไม่ได้เกิดขึ้นมาเองโดยความเป็นธรรมชาติ กูลที่จะเป็นคาคุจานั้นต้องเกิดจาก “การกินเนื้อพวกกูลด้วยกัน” ซึ่งโดยปรกติในร่างกายของกูลจะมีค่าของRC Cells ที่สูงอยู่แล้ว… การกินเนื้อของพวกเดียวกันจะยิ่งทำให้ความเข้มข้นของ RC Cellsในร่างกายสูงขึ้น เมื่อยิ่งสูงก็ยิ่งจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงจนเกิด “การกลายพันธุ์” จากความเป็นกูลทั่วๆ ไป ซึ่งการกลายพันธุ์นั้นจะมีความสามารถที่เพิ่มเติมมากขึ้นของคากุเนะ ทั้งยังมีความเป็นอันตรายอย่างมากกว่ากูลทั่วๆ ไปอย่างยิ่งยวด นั่นจึงเรียกว่า “Kakuja” ซึ่งแปลได้ว่า “การตื่นขึ้น” นั่นเอง
กูลที่เป็นคาคุจาตามท้องเรื่องจะมีอยู่ด้วยกัน 8 คนคือ
โยชิมุระ
ในฉายาว่า “นกฮูก” ลักษณะแบบ “มีดขนาดใหญ่ที่ดูคล้ายปีก”
ยาคุโมะ โอโมริ
ในฉายาว่า “เจสัน” ลักษณะแบบ “กงเล็บ”
คิริชิม่า อาราตะ
ในฉายาว่า “นักเก็บศพ” ลักษณะแบบ “เกราะ”
คาเนกิ เคน
ในฉายาว่า “ผ้าปิดตา” ลักษณะแบบ “ตะขาบ”
เอโตะ โยชิมุระ
ในฉายาว่า “นกฮูก” ลักษณะแบบ “สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่”
ทากิซาว่า เซย์โดะ
ในฉายาว่า “นกฮูก”
ยาสุฮิสะ คุโรนะ
ในลักษณะ “กงเล็บ”
ทาทาระ
ในลักษณะ “พ่นไฟ”
ทำไมพวกกูลต้องอยู่ในเขต“โตเกียว” มีที่อื่นไหม? มีประเทศอื่นไหม?
หากมองในเรื่องของพล๊อตเรื่องที่อ.Ishida Sui วางเอาไว้ตั้งแต่เริ่มเขียน เรื่องราวในการ์ตูนเรื่องนี้มีเวทีเป็นเมืองโตเกียวนั้นจะช่วยในเรื่องของการจำกัดวงและเชื่อมต่อการดำเนินเรื่องให้อยู่ในที่ๆ เดียว โดยที่คนอ่านไม่ต้องสนใจมองไปที่เมืองๆ อื่นในประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งเมืองโตเกียวเองก็มีประชากรมากถึง 37,126,000 คน (ตัวเลขอ้างอิงจากความเป็นจริงในเดือน สิงหาคม ปี 2014) ซึ่งด้วยจำนวนคนขนาดนี้ มากพอจะสร้างเหตุการณ์เชื่อมต่อเรื่องราวต่างๆ ในการ์ตูนได้
โตเกียวจะถูกแบ่งออกเป็น 23 เขตตามท้องเรื่อง
หากมองตามความเป็นจริงที่เป็นไปได้… กูลเองก็ไม่ได้อยู่เพียงแค่ในเขตเมืองโตเกียวเท่านั้น (ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอาจมีกูลในจังหวัดอื่นๆ ก็ได้) เพราะในการ์ตูนได้กล่าวถึงกูลที่อยู่ในประเทศเยอรมัน รวมไปถึงแหล่งซ่องซุ่มของกลุ่ม “ต้นอาโอกิริ” บนเกาะลู (Lou Island) ที่อยู่นอกชายฝั่งอ่าวโตเกียวอีกด้วย
CCG
ย่อมาจาก The Commission of Counter Ghou (CCG) เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการปราบปรามเหล่ากูลโดยตรง CCG นั้นจะมีเจ้าหน้าที่คอยออกสืบหาและเฝ้าระวังเหล่ากูลที่อาจก่อให้เกิดภัยต่อความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งตามลักษณะการออกปฎิบัติการของเจ้าหน้าที่ CCG นั้นจะเหมือน “นกพิราบ” ที่มีอยู่เต็มไปทั่วทุกๆ ที่ในเมืองโตเกียว ดังนั้นพวกเขาจึงถูกเรียกในอีกชื่อว่า “โดฟส์” (Doves) นั่นเอง CCG มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เขตที่ 1 และสาขาแยกในเขตที่ 20
ลำดับชั้นของเจ้าหน้าที่ของ CCG จะแบ่งออกเป็น เจ้าหน้าที่ระดับหนึ่ง, เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส และ เจ้าหน้าที่ชั้นพิเศษ
อาวุธของหน่วยพิราบ
ชื่อเรียกว่า “ควิกเก้” (Quinque)เนื่องจากผิวหนังของกูลไม่สามารถใช้อาวุธธรรมดาทำให้บาดเจ็บได้ CCGจึงได้คิดค้นและพัฒนาอาวุธพิเศษนี้ขึ้นมา ซึ่งควิกเก้นั้นสร้างมาจากคากุเนะของกูล และใช้การกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้า เพื่อสร้างรูปร่างของคากุเนะของกูลขึ้นมาได้ โดยปรกติแล้วควิกเก้จะเก็บซ่อนเอาไว้ในกระเป๋าเอกสารที่เจ้าหน้าที่ของCCGถือในระหว่างการออกปฏิบัติหน้าที่นั่นเอง
Quinx
“ควิงซ์” คือหน่วยพิเศษของ CCGที่คอยประสานงานร่วมกับทีมปฏิบัติการของมาโดะ โดยสมาชิกของหน่วย Quinx ทุกคนจะเป็นมนุษย์กึ่งกูลที่ได้รับการผ่าตัด โดยใช้เซลล์จากกูลปลูกถ่ายเข้าสู่ร่างกาย ภายใต้การดูแลของ Dr. Shiba ทำให้สามารถใช้คากุเนะในการต่อสู้ได้ ทั้งยังมีคาคุเก็นข้างเดียวเหมือนกับพวกกูลตาเดียวอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าแม้จะเป็นกูลแต่ก็สามารถควบคุมได้
โคคูเลีย
Cochlea (コクリア) เป็นศูนย์กักกันกูลที่อยู่ในเมืองโตเกียวเขตที่ 23 ที่แห่งนี้ใช้ในการควบคุมเหล่ากูลที่ถูกจับได้และกูลบางส่วนจะถูกนำมาเป็นอะไหล่ในการสร้าง
โครงสร้างของ โคคูเลียจะประกอบด้วย
LEVEL 0 เป็นชั้นแรกสำหรับใช้สำหรับกักกันกูลทั่วๆ ที่ไม่มีอันตรายมากนัก
LEVEL 1 เป็นชั้นที่สองสำหรับใช้สำหรับกักกันกูลระดับความอันตรายLV ขั้นA
LEVEL 2 เป็นชั้นที่สามสำหรับใช้สำหรับกักกันกูลระดับความอันตรายLV ขั้นS
LEVEL 3 เป็นชั้นที่สามสำหรับใช้สำหรับกักกันกูลระดับความอันตรายLV ขั้นSS
Disposal Room เป็นชั้นล่างสุดซึ่งห้องการกำจัด
(โคคูเลีย หมายถึง อวัยวะส่วนที่ทำหน้าที่ในการได้ยินของหู โดยการเปลี่ยนคลื่นเสียงให้เป็นการเคลื่อนไหวในเชิงกลของกระดูกทั้งสามชิ้นเป็นกระแสไฟฟ้า เพื่อส่งผ่านไปตามเส้นประสาทเข้าสู่สมอง ซึ่งสมองจะแปลความหมายสัญญาณไฟฟ้านั้นเป็นการได้ยินนั่นเอง)
ร้าน “อันเทย์กุ”
รูปจาก : aniSearch.com
อันเทย์กุ (あんていく) เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ในกรุงโตเกียวเขตที่ 20 ซึ่งร้านนี้เป็นร้านที่เหล่ากูลจะเข้ามาแวะเวียนใช้บริการและหาข่าวสารระหว่างกูลด้วยกันในย่านนี้ โดยร้านนี้บริหารโดย “โยชิมุระ” (Yoshimura) ผู้เป็นกูลอาวุโสประจำเขตที่ 20
ร้านนี้เป็นอาคารแบบสองชั้น มีโซนสำหรับใช้บริการลูกค้า มีห้องพักสำหรับพนักงานและมีชั้นใต้ดินเพื่อใช้สำหรับเนื้อมนุษย์ที่จัดหามาจากคนที่ฆ่าตัวตาย (อันเทย์กุจะไม่ลงมือสังหารเหยื่อมนุษย์อย่างพร่ำเพื่อเด็ดขาด)
สำหรับกฎเกณฑ์ของอันเทย์กุกับเขตที่ 20 นั้นจะตกลงกับเหล่ากูลในเรื่องของเขตพื้นที่การหากิน และจะไม่มีการล้ำเส้นระหว่างกันทั้งภายในเขตหากินและบริเวณร้านอันเทย์กุ ทว่าร้านอันเทย์กุที่โยชิมุระบริหารนั้นถูกทาง CCG ทำการกวาดล้างไปจนสิ้นแล้ว หลังจากที่ได้ทราบข่าวว่าที่แหล่งนี้เป็นสถานที่กบดานของเหล่ากูลตามท้องเรื่อง ก่อนที่ “คิริชิม่า โทวกะ” จะรับช่วงต่อมาเปิดร้านอันเทย์กุอีกครั้งในภาค : RE
ร้านอันเทย์กุถูกเผาหลังจากการ CCG เข้าทำการกวาดล้างไปในช่วงท้ายของอนิเมะซีซั่นสอง
คำว่า “อันเทย์กุ” (Anteiku) เป็นคำพ้องเสียงมาจากภาษาอังกฤษนั่นก็คือ “Antique” ที่แปลได้ว่า “ศิลปวัตถุ” นั่นเอง
ต้นอาโอกิริคืออะไร?
ต้นอาโอกิริ(アオギリの樹) เป็นองค์กรกูลที่เคลื่อนไหวในเชิงการก่อการร้าย ที่รวบรวมเอาเหล่ากูลที่กระหายเลือดมาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน มีเป้าหมายเพื่อเคลื่อนไหวสร้างความไม่สงบต่ออำนาจรัฐ ต้นอาโอกิริเป็นองค์กรที่โตขึ้นอย่างรวดเร็วและแตกกิ่งก้านสาขาออกไปหลายๆ เขตในกรุงโตเกียว โดยจุดที่เป็นแหล่งซ่องซุ่มใหญ่ๆ ของต้นอาโอกิริคือ เขตที่ 11, เขตที่ 18 และ เกาะลู
ผู้นำของเหล่าต้นอาโอกิริคือ “ราชาตาเดียว” (隻眼の王) ซึ่งแม้ในปัจจุบันยังไม่มีการบอกว่าเป็น “ผู้ใด?” แต่มีผู้รักษาการณ์คือ “เอโตะ” (ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว) และ “ทาทาระ” (ปัจจุบันตายแล้วโดยฝีมือของทากิซาว่า)
ปัจจุบันต้นอาโอกิริสูญเสียกองกำลังกูลไปเป็นจำนวนมากจากการวาดล้างครั้งล่าสุดของ CCGบนเกาะลู แต่นั่นก็ทำให้ทางCCGต้องถูกฝ่ายต้นอาโอกิริใช้แผนตลบหลังจากเข้าโจมตีโคคูเลีย เพื่อแหกคุกให้กับกูลระดับอันตรายอย่าง “บาทหลวง” และยังได้บุกสำนักงานสาขาใหญ่ของCCGสังหาร “โยชิโทกิ วาชู” ได้สำเร็จอีกด้วย(จากการช่วยเหลือของคนในตระกูลวาชูด้วยกันเอง)
ตัวตลกคือใคร?
ตัวตลก (ピエロ= The Clowns) เป็นกลุ่มกูลที่เคลื่อนไหวในเชิงทางลับ แทรกซึมอยู่ในกลุ่มของกูลอื่นๆ อย่างต้นอาโอกิริ, กลุ่ม V ทั้งยังให้ความช่วยเหลือ “โชตะ ฟุรุตะ” ในการโค่นล้มผู้นำตระกูลวาชู “โยชิโทกิ วาชู” อีกด้วย ถือว่าเป็นกลุ่มกูลที่กว้างขว้างในเชิงลึกอย่างมาก
ทั้งยังมีส่วนในการก่อเหตุการณ์ “ริเสะ” ในช่วงเล่มแรกๆ อีกด้วย ปัจจุบันยังไม่รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเหล่าตัวตลกต้องการสิ่งใดกันแน่? หรือจะมีความเป็นไปได้ว่า… ต้องการสร้าง “ราชาตาเดียวคนใหม่” ขึ้นมาเพื่อล้มราชาตาเดียวคนเดิม?
สมาชิกในกลุ่มประ
กอบด้วย หัวหน้าใหญ่, อูตะ, นิโกะ, โรมะ โฮอิโต้, โชวตะ, อิโทริ และ กุนโบ้
V คือใคร?
เป็นองค์กรของกูลที่อยู่เบื้องหลังของกรุงโตเกียว เท่าที่มีการเปิดเผยมานั้น… พวกเขาทำหน้าที่ในการ “รักษาสมดุล” ระหว่างมนุษย์และกูล พวกเขาคอยประสานงานร่วมกับตระกูลวาชู และสามารถเปลี่ยนแปลงได้หากมีการเปลี่ยนผ่านทางอำนาจภายในตระกูลวาชู (กรณีของโชตะ ฟุรุตะ)
ในอดีตนั้น… โยชิมุระเคยทำงานให้กับ V ในฐานะมือสังหารชื่อของ “คุเซ็น” มาก่อน
ตระกูลวาชู
ตระกูลวาชู (和修家) เป็นตระกูลที่ถือครองและควบคุมองค์กรCCG โดยถือเป็นตระกูลที่เก่าแก่มาตั้งแต่ปี 1890 เป็นตระกูลที่คอยกวาดล้างเหล่ากูลที่แหกคอกต่อกฎเกณฑ์ ทั้งยังมีพันธมิตรอย่าง Vคอยหนุนด้วย
ตระกูลวาชูมีลำดับของฝังครอบครัวที่ซับซ้อนการสืบทอดอำนาจการบริหารงานจากรุ่นสู่รุ่นนั้นจะสืบให้กับทายาทสายหลักเท่านั้น ส่วนทายาทสายรองจะได้เพียงงานที่ไม่ได้จับชิ้นใหญ่หรือที่เกี่ยวในส่วนการบริหารอะไร ทายาทของตระกูลวาชูนั้นมีทั้งสายเลือดจากฝั่งมนุษย์และกูลอยู่ร่วมกัน
ราชาตาเดียวคือใคร?
ราชาตาเดียว (隻眼の王) ผู้นำคนปัจจุบันของต้นอาโอกิริแม้จนถึงปัจจุบันยังไม่มีทราบว่าเป็นใครกันแน่ แต่จากข้อมูลภายในเรื่องและคำพูดของ “เอโตะ โยชิมุระ” ได้บอกถึงตัวตนของราชาตาเดียวเป็น “คนที่อยู่ใกล้ตัวมากๆ” ตามท้องเรื่องมีการแทรกคำใบ้ที่พยายามให้คนอ่านตีความไปต่างๆ นานา
ตัวตนของราชาตาเดียวคือผู้ที่อยู่ “จุดสูงสุดของเหล่ากูลทั้งปวง” ด้วยอำนาจบงอย่างที่ไม่รู้ว่ามีมากแค่ไหน แต่มันน่าจะมากพอที่จะ “สร้างความสั่นสะเทือน” ให้กับหลายๆ ฝ่ายอย่างมาก ซึ่งผู้ที่รู้ตัวตนจริงๆ ของราชาตาเดียวคนปัจจุบันในเวลานี้มีไม่กี่คน และมีการคาดหมายถึง “แผนการแต่งตั้งราชาตาเดียวคนใหม่” เพื่อล้มล้างคนเก่า โดยคาดหมายว่า “คาเนกิ เค็น” จะเป็นราชาตาเดียวคนใหม่นั่นเอง
=======================================
เนื่องจากการ์ตูนเรื่องนี้ยังไม่จบและมีเนื้อหาที่สามารถพลิกความคาดหมายของคนอ่านได้อยู่ทุกๆ อาทิตย์ หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะนำมาอัพเดทกันให้ได้อ่านนะครับ
miraclesaven