วงการหนัง กับวงการเกม บ่อยครั้งที่เหมือนจะเป็นเส้นขนานกัน เพราะการทำเกมให้สนุกเหมือนหนังนั้น ก็ทำได้ยาก ในขณะเดียวกัน การทำหนังที่ดัดแปลงจากเกม ก็หาดีๆได้น้อยมากเช่นกัน เพราะหลายๆครั้ง เหตุผลของผู้สร้างทั้งหนัง และเกม ก็มักจะพูดว่า “ไม่อยากให้เกิดความซ้ำซาก” แต่บางเกม ก็เลวร้ายถึงขั้น“สปอยล์เนื้อเรื่องหนังมาดื้อๆ” เลยก็มี หรือไม่ก็ “เปลี่ยนเนื้อเรื่องให้ต่างจากหนังชนิด หน้ามือเป็นหลังเท้า” ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่มากพอ สำหรับคอหนัง ที่มักจะร้องยี้กับเกมที่มาจากหนัง ในขณะที่เกมเมอร์เองก็สาปแช่งทีมพัฒนา จนถึงขั้น”ชีวิตนี้ไม่อยากเล่นเกมจากหนัง” กันเลย
แต่ในโคลนตมดังกล่าว ก็ยังมีเพรชเม็ดงามซ่อนอยู่ และนี่คือ “10 อันดับเกมจากหนังที่ควรหามาเล่น” ที่ทางทีมงานเมทัลบริดจ์ได้ประชุมกัน จากประสปการณ์การเล่นเกมจากหนังที่ประทับใจของแอดมินแต่ละคน มาเรียงลำดับให้ได้อ่านกันครับผม!
ก่อนอื่น เราต้องแยกประเภทเกมจากหนังกันก่อนนะครับ โดยเกมจากหนังจะมีรูปแบบการสร้างอยู่ 3 รูปแบบดังนี้
1. เกมจากหนังที่ออกมาพร้อมหนังเรื่องนั้นๆ
เกมแนวนี้ สร้างภายใต้แนวคิด ส่งเริมให้คนมาดูหนัง ตัวเกมจะมีความห่วยระดับ “เหี้ยม ม.หาย” เลวร้ายสุดปลายตรีนมาก เพราะเป็นเกมที่ไม่มีความประณีตในการสร้างผลงานใด สักแต่จะทำให้ทันช่วงหนังเข้าโรง นึกภาพง่ายๆ ก็พวกเกม Iron Man / Rambo / Spiderman หรือไม่ก็ Transformers ของไมเคิล เบย์ น่ะแหละ
2. เกมที่หยิบเอาไอเดียของหนังมาทำ
ประเภทนี้เป็นเกมที่สร้างอย่างตั้งใจ และจะออกช้าชนิด ไม่สนใจกำหนดฉายในโรงเท่าไหร่ ทำเพราะใจรัก และความชอบ เพื่อสนองนี้ดแฟนๆซีรี่ยส์หนังเรื่องนั้นๆ ส่วนใหญ่เป็นเกมที่โคตรดี (ในมุมของการดัดแปลงอะนะ) ลองนึกถึงเกมพวกหนัง 007 หรือพวก Avatar / เอเลี่ยน vs พรีเดเตอร์ / Mad Max สิ งานดีๆทั้งนั้น!
3. เกมจากจากหนังที่ทีมสร้างหนังไปหยิบสื่ออื่นมาทำอีกที
อันนี้ค่อนข้างดีมากๆ แต่ก็หายากมากๆในยุคนี้ เพราะเป็นเกมที่สร้างจากพื้นฐานด้านเนื้อหาจากการอ้างอิงถึงหนัง และ สื่ออื่อนๆ เช่นการ์ตูนทีวี นิยาย ละคร บทประพันธ์ดั้งเดิม นึกอะไรไม่ออก ก็พวก Transformers ภาคที่ไม่เกี่ยวกับไมเคิล เบย์ / Power ranger / แฮร์รี่ พอตเตอร์ / Batman
(แต่กับ Street Fighter: The Movie ซึ่งเป็น “เกม ที่ทำจากหนัง ที่ดัดแปลงจากเกม” ก็โคตรกากจนขึ้นแท่น Hall of F**k หลายสำนักรีวิวทั่วโลกมาแล้วนะเออ เพราะมันเป็นอะไรที่เลวร้ายสุดยอดของวงการอีกเกมหนึ่งเลย)
—
10 . Transformers: Rise of the Dark Spark (Pc / PlayStation 3 / PlayStation 4 / Xbox360 / Xbox One / 3DS / Wii U)
เกมนี้จัดเป็นเกม “กึ่งดีกึ่งร้าย” เพราเนื้อหาของเกม ที่ร้อยเรียงกันจากสงครามบนดาวไซเบอร์ตรอน ที่ในหนัง และการ์ตูนไม่ได้พูดถึงมาก ก็จะมาใส่ในนี้ ลากยาวไปจนถึงการตามหา Dark Spark ไอเทมพลังงานด้านมืด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เชื่อมต่อกับหนัง Transformers 4 ซึ่งสวนทางกับเกมเพลย์ที่มึนๆงงๆ แต่มันส์ในอารณ์เมื่อเวลาที่ฝูงศัตรูยกขบวนกันมาให้ยิงเล่น แถมมีการอัพสเตตัสต่างๆ หรือสกิลใหม่ๆ ก็พอจะใหม่มีติในการเล่นขึ้นมาบ้าง
ด้วยความที่เป็นมัลติแพลตฟอร์ม งานภาพอาจจะไม่ได้ดูดีอะไรมากนัก แถมเกมเพลย์ขาดๆเกินๆอย่างที่บอกไปแล้ว ทีมงานเมทัลบริดจ์ที่ชื่นชอบทรานสฟอร์เมอร์ จึงขอยกให้ไปอยู่ในอันดับ 10 ครับ
9. Power Ranger : The Movie – Feat.Ivan Ooze (Super Nintendo)
อันดับที่ 9 นี้เชื่อว่าน่าจะเป็นอีกเกมที่เด็กๆยุค 90 ต้องเดินไปร้านเช่าเวลาเกม แล้วต้องเคยหยิบตลับนี้มาเล่นแน่นอน กับเกมต่อสู้ ที่หยิบเอาหุ่นรบจากขบวนการ เพาวเวอร์ เรนเจอร์ (ซึ่งว่าตามจริงๆแล้ว เด็กๆชอบเพราะรู้จักในฐานะหุ่นยนต์ยักษ์จากขบวนการเซนไตจากญี่ปุ่นที่เด็กๆรู้จักเป็นอย่างดีมากกว่า)
ตัวเกมจะมีหุ่นยนต์จากขบวนการชื่อดังสองขบวนการได้แก่ ไดเรนเจอร์ และ คาคุเรนเจอร์ โดยผู้เล่นสามารถเล่นสู้กับ AI ตามเนื้อเรื่อง หรือจะสู้กับผู้เล่นด้วยกันก็ได้ โดยเด็กๆก็จะงัดท่าไม้ตายเท่ๆใส่กันตลอด แต่ที่โกงสุดๆก็คงไม่พ้น “ดาบเพลิง คาคุเระไดโชกุน” นี่ละครับ ที่โคตรแรงเลย
ใครอยากย้อนวัย รำลึกความหลังแต่เก่าก่อน ก็ไปหาโหลดเอาหน้าอากู๋ก็แล้วกัน!!
8. James Cameron’s Avatar: The Game (Ps3 / Xbox360 /PC)
“อวตาร” สุดยอดหนังทำเงิน ที่สร้างปรกฎการณ์ช๊อกโลกด้วยเทคนิคการถ่ายทำที่ล้ำจินตนาการอันเลิศวิไลของ “เจมส์ คาเมรอน” ผู้กำกับเรื่องนี้ และหนังดังทะลุฟ้าเพดานบินแบบนี้ จะไม่มีเกม ก็ออกจะผิดปกติเกินไปหน่อย ทาง Ubisoft จึงรับบัญชาจากค่ายหนัง เร่งมือทำเกม “James Cameron’s Avatar: The Game” ถึงจะเป็นงานรีบ แต่ตัวเกมก็ให้งานภาพที่สวยงามอลังการ แลกกับการกินสเป็ค PC มหาศาล
จุดประทับใจของเกมนี้คือการที่ให้ผู้เล่นได้เดินชมความสวยงามของดาวแพนโดร่า เกมเพลย์ที่มีกลิ่นอายของ Lost Planet (เกมยิงเอเลี่ยนชื่อดังของ Capcom) และเมื่อเล่นไปถึงจุดๆหนึ่ง ตัวเกมก็จะให้ผู้เล่นเลือกฝ่ายว่า จะอยู่สู้เพื่อชาวนาวี่ (ชนพื้นเมืองในเรื่อง) หรือจะสู้เพื่อความมั่งคั่งของมนุษยชาติ? แน่นอนว่า ฉากจบไม่เหมือนกัน ผู้เล่นต้องเล่นให้ครบทั้งสองฝั่งเพื่อเก็บฉากจบของเรื่องนั่นเอง…
7. Batman (Super Nintendo)
นี่คือหนึ่งใน “เกมจาก”หนัง”แบทแมนที่ดีที่สุด” (ก่อนที่จะมี Arkham series มาชิงตำแหน่งไป …แต่จะว่าไป Arkham ก็ไม่ได้มาจากหนังตรงๆนี่นา) เป็นเกมเครื่องซุปเปอร์ที่เหล่าแอดมินสายดักแก่ของเวปเมทัลบริดสามารถนั่งเล่นได้เป็นวันๆผ่าน Emu (ตอนที่ไม่มีงานทำอะนะ) ด้วยความลื่นไหล ต่อเนื่องของเกมเพลย์ตามสไตล์ 2D Platform ที่มีความท้าทายสูงลิบตามแบบเกมยุคเก่า
ด้วยงานภาพพิกเซลสวยๆ เพลงประกอบที่เพราะติดหู และเนื้อเรื่องที่อ้างอิงถึงหนังแบทแมนเวอร์ชั่นของ “ไมเคิล คีตัน” แสดงเอาไว้ ก็สามารถถ่ายทอดฟิลลิ่งได้ดีทีเดียว! (ถ้าไม่ปาจอยพังไปซะก่อนนะ)
6. Spider Man (Xbox,PS2,Gamecube,PC)
ยอดชายนายหัวหยากไย่เกมนี้ จัดเป็นเกม Openworld ยุคแรกๆเลยก็ว่าได้ (แต่ไม่มีเควสยิบย่อยให้ทำนะ) ตัวเกมก็จะเล่าแบบในหนัง + งอกบางอย่างออกมาจากคอมมิค เป็นเกมที่มีกราฟฟิกสวย และเล่นสนุกมากๆในระบบ PS2 และเครื่องเกมยุคมิลเลนเนี่ยมทั้งหลายแหล่
ตัวเกมมีระบบอัพเกรด ท่าคอมโบ และการเดินเรื่องที่ชัดเจน แต่ระบบ Openworld กลับถูกนำมาใช้ไม่คุ้มเท่าไหร่ เพราะสุดท้ายแล้วตัวเกมก็เดินเป็นเส้นตรง บนฉากที่กว้างๆภายในเมืองนิวยอร์คเท่านั้นอยู่ดี ซึ่งนักวิจารณ์หลายสำนักของยุคนั้น ก็ออกปากชมว่าเป้นเกมที่เล่นสนุก เข้าใจง่าย และไม่ทิ้งความเป็นภาพยนต์ออกไป (ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณ “ต้นฉบับที่มาจากหนังสือการ์ตูน” ด้วยเช่นกัน)
5.Alien Vs Predator
จัดว่าเป้นเกมสายโหดเลือดสาดที่มีความแปลกใหม่ในยุคนั้น ความเร็วของเอเลี่ยนที่สามารถปีนกำแพง ทแยงมุมเดิน หรือการล่องหน พรางตัวไล่ฆ่าแบบ Stealth Kill ก็เป็นจุดขายที่ดี และแข็งเแรงมากๆ เพราะเป็นการทำเกมออกมาให้ใกล้กับช่วงหนังเพิ่งลาจากโรงไปไม่นานนัก
ตัวเกมจะมี 3 ฝ่ายให้ได้ลองเล่นกัน ฝ่ายแรกคือมนุษย์ที่ยืนงงกลางดงสัตว์ประหลาด ที่ต้องถือปืนกระบอกควายวิ่งหนีพวกนักล่า 2 ตัวนี้ให้ได้ ฝ่ายที่สองคือฝ่ายเอเลี่ยน รวดเร็วฉับไว เหมือนเล่นตัวละครสายนินจา ปีนป่ายไต่กำแพงได้ทุกมิติองศาชวนให้อ้วกดีไม่น้อย และฝ่ายสุดท้ายคือ “พรีเดเตอร์” นายพรานอวกาศ ผู้ชื่นชอบการล่าด้วยวิธีการสังหารสุดโหด (ซีนติดตาเลยคือพรีเดเตอร์หมุนคอเหยื่อแล้วดึงหัวให้ขาดออ กจากตัว แต่กระดูกสันหลังยังติดมาด้วย) ซึ่งในบรรดาตัวละครทั้งหมด มนุษย์เป็นอะไรที่กากสุดๆ สมดุลย์ของเกมอาจจะยังไม่ดีเท่าไหร่ในส่วนนี้
4. X-men Origins: Wolverine (PC, PS3, Xbox 360)
ใครที่ถวิลหาความสะใจ ความรุนแรงแบบบ้าคลั่ง เลือดสาดเป้นถังๆ ทีมงานเมทัลบริดจ์ขอแนะนำเกมนี้เลยครับ “X-men Origins: Wolverine” เนื้อหาของเกมก็จะเล่าคล้ายๆกับภาพยนต์ ที่เล่าเรื่องราวของ “โลแกน” ชายที่ถูกนายพลสไตร์เกอร์จับไปทดลองฝังอะดาแมนเที่ยม เพราะยีนกาลายพันธ์ของเขา สามารถเอาไปพลิกแพลงใช้ร่วมกับการฝังอะดาแมนเที่ยม ไว้ทั่วร่างกาย แต่พอพี่แกได้หลุดออกมาจากการทดลอง ก็เลยตั้งใจจะล้างแค้นคนที่ทำกับเขาแบบนี้ และยังตามชำระหนีแค้นกับ “เซเบอร์ทูธ” ที่สังหารเมียรักของเขานั่นเอง…
ตัวเกมเต็มไปด้วยเลือด ความเร็วในการเล่น บวกกับฝูงศตรูที่มีเพิ่มเติมจากหนัง ทั้งคนป่า มนุษย์ตุ๊กตาดินเผา กองทหารที่ชนกันมาเป็นคันรถ ยักษ์ใหญ่ที่เป้นเหมือบอสของเกมนี้ จนเริ่มสับสนแล้วว่า นี่เรากำลังเล่นเกมวูลฟ์เวอร์รีน หรือเล่น God of War กันแน่ เพราะเกมนี้ พทีมงาน Activision นี่จัดเต็มมาก!! แถมฉาก Quick time Event ที่ใส่เข้ามาถูกจังหวะ ก็ทำให้เกมสนุกพอสมควรเลย!
3 .The Matrix: Path of Neo (PC,PS2,Xbox)
อันนี้สำหรับสาวกของพี่น้องวาชอว์สกี้ ผู้สร้างหนังแอคชั่นสุดแนวแห่งยุคมิลเลนเนี่ยม “The Matrix” โดยเรื่องราวของเกมนี้ จะเล่าเรื่องราวตัดสลับไปๆมาๆ ในช่วงรอยต่อของหนังภาคแรก กับ ภาค 2 และ รอยต่อภาค 2 ไปภาค 3 และเน้นไปที่แอคชั่นเฟี้ยวฟ้าวของ “นีโอ” พระเอกของเรื่องเพียวๆ! และลากไปสู่บทสรุปของการเป็น “The One” ผู้ยุติสงครามมนุษย์ และจักรกล
จุดเด่นของเกมนี้ คือการที่เอาทุกอย่างที่ในหนังมี ยัดมันลงไป ทั้งแอคชั่นกังฟูสุดเท่ การแช่กล้อง สโลว์โมชั่นราวกับหนังจอนห์ วู และชั้นเชิงการเล่าเรื่องราวที่จัดว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้ตัวหนังเลยทีเดียว
2.James Bond 007 : Blood Stone (PC, PS3, Xbox 360)
สายลับอังกฤษสุดเท่จอมฟาดสาวอย่าง “เจมส์ บอนด์” ก็มีเกมออกมามากมายให้ได้เล่นกันแทบทุกยุค และส่วนใหญ่เป็นเกมที่มีคุณภาพงานในระดับที่ดี และนี่คืออีกภาค ที่ทีมงานเมทัลบริดชื่นชอบมาก (ยกเว้น แอดมินAk ที่ชอบเกมภาค Goldeneye บนระบบ Nintendo 64 มากกว่า 555+) ด้วยการเล่าเนื้อเรื่องที่เป็นเอกเทศจากหนัง และแคปหน้านักแสดงออกมาได้เหมือนมาก ทัง แดเนียล เครก / จูดี้ เดนซ์ ก็แสดงสีหน้าท่าทางออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม!
ตัวเกมหยิบเอาช่วงรอยต่อของหนังภาค Quntum of Solace มาทำ โดยผู้เล่นจะได้ตะลุยไปในเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองต่างๆ ได้แก่ เอเธนส์ , อิสตันบูล , โมนาโก และกรุงเทพ จะมีทั้งฉากบนพื้นดิน และฉากในทะเล ซึ่งทีมงานที่เคยเล่นได้ระบุว่า “นี่คือการหยิบเอาเกมเพลย์ของ Splinter Cell + Call of Duty +Metal Gear Solid มาอย่างละนิดอย่างละหน่อย แล้วยำให้เข้ากันจนออกมาเป็นเกมที่มีทั้งการลอบเร้น แทคติกการเข้าฐาน และยิงแบบวินาศสันตะโร แล้วดันทำออกมาสนุกซะอย่างนั้นไป…”
1. Star Wars Battlefront (PlayStation 4 , Xbox One , PC)
“กาลครั้งหนึ่งในกาแล็กซี่อันไกล แสนไกล…” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คือเกมจากหนังลิเกอวกาศ ที่มีพ่อยกแม่ยกทั่วโลกพร้อมใจกันไปตีตั๋วหนัง ซื้อแผ่นหนัง ยันไปถึงแต่งคอสเพลย์ และโลกของวิดิโอเกม ก้มีเกมที่เกี่ยวกับสตาร์วอร์สมากมาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในเกมที่ทำออกมามากมายนั้น เกมกากๆก็มีไม่น้อย (แต่ส่วนใหญ่เราเลือกเกมที่ดีๆเล่นไง)
และชื่อของ “Star Wars Battlefront” ฉบับปี 2015 ก็เป็นเกมที่แฟนๆสตาร์วอร์ส ตั้งความหวังไว้สูงมาก และก็สมดังหวังครับ เพราะตัวเกมหยิบเอาเหตุการณ์ต่างๆในจักรวาลสตาร์วอร์สไตรภาคคลาสสิค มาทำเป็นเกมเดินหน้ายิง ซึ่งในงาน E32015 ที่มีการเปิดตัวเกมนี้ ก็สร้างความขนลุกขนชัน น้ำตาไหลด้วยความปลื้มปิติ เพราะนี่คือเกมที่ถ่ายทอดความโกลาหล ความวุ่นวาย และความกดดันต่างๆ เมื่อมี”ตัวละครระดับฮีโร่” โผล่มากลางวง รวมไปถึงงานเสียง ซาวน์เอฟเฟ็กต์ต่างๆ ก็ทำได้ออกมาได้เหมือนกับภาพยนต์ที่เคยได้ดูไม่มีผิดเพี้ยน
ถึงแม้ว่าตอนนี้ คนออนไลน์จะน้อยลงแล้วก็ตาม…
ทีมงานเมทัลบริดจ์
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console