ย้อนอดีตตำนานซูเปอร์ฮีโร่ไทย The Red Eagle – อินทรีแดง
24 สิงหาคม 2565 18:25 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

the-red-eagle-thai-classic-hero (1)

หากเราเอ่ยถึงซูเปอร์ฮีโร่ เราอาจจะนึกถึงเหล่าฮีโร่จากอเมริกาอย่าง ไอแมงมุม, ยักษ์เขียว, บุรุษเกราะเหล็ก หรือ เทพเจ้าสายฟ้า ฯลฯ ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นก็จะนึกถึงเหล่า ยอดมนุษย์, ไอ้มดแดง,  ขบวนการห้าสี  ซึ่งกลายเป็นขวัญใจของใครหลายๆคน  ซึ่งบ้านเราเองก็มีสุดยอดฮีโร่ที่เก่งกาจไม่แพ้พวกเขา ซึ่งคนที่กำลังจะพูดถึงผู้นี้เขาคือจ้าวอินทรีที่พร้อมผดุงความยุติธรรมในชื่อ อินทรีแดงนั่นเอง 

 

the-red-eagle-thai-classic-hero (2)

ฮีโร่จากนวนิยายสุดคลาสสิคผ่านปลายปากกของ เศก ดุสิต  ได้รับความนิยมในช่วงปี พ.ศ.2499 – พ.ศ.2513 แต่ที่ทำให้ได้รับความนิยม เมื่ออินทรีแดงได้ถูกดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์ จนสร้างชื่อให้กับ มิตร ชัยบัญชา  เป็นพระเอกตลอดกาล  เป็นตำนานกล่าวขานจนทุกวันนี้ รวมถึงบทบาททีน่าจดจำอีกด้วย 

 

หลังหมดยุคของมิตรชัย บัญชา ก็มีนักแสดงหลายคนได้เข้ามาสานภารกิจต่อมากมายบนจอแก้วและจอเงิน  ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางค่ายหนังไทยระดับอินเตอร์ที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่าง Hollywood Thailand ได้ประกาศ ในงานแถลงข่าวภาพยนตร์ The Lake  บึงกาฬ ว่าจะปลุกชีพฮีโร่อมตะของไทยกลับมาโลดแล่นอีกครั้งในชื่อ อินทรีแดง 2024

 

เพื่อต้อนรับการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ เราจะพาไปย้อนดูเรื่องราวของวีรบุรุษฮีโร่ของไทยผู้นี้ จากหยดน้ำหมึกสู่ภาพยนตร์ รวมถึงเรื่องราวที่น่าสนใจมาฝากกันครับ  ถ้างั้นเราไปสัมผัสเรื่องราวของอินทรีแดงกันได้เลยครับ…

 

 

 

 

จุดกำเนิดวีรบุรุษ

the-red-eagle-thai-classic-hero (3)

อินทรีแดง คือชื่อนิยายแนวซูเปอร์ฮีโร่เรื่องแรกของไทย  ผลงานปลายปากกาของ คุณเริงชัย ประภาษานนท์ เจ้าของนามปากกา เศก ดุสิต ซึ่งแรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครฮีโร่ตัวนี้ มาจากภาพยนตร์เรื่อง Captain Lightfoot นำแสดงโดย ร็อด ฮัดสัน ว่าด้วยวีรบุรุษนักย่องเบาที่จะขโมยของศัตรูผู้ร่ำรวยไปแจกจ่ายให้คนจน พร้อมทิ้งหลักฐานเป็นการส่งคำเตือนไปถึงอีกฝ่าย ทำให้คุณเศก นำแนวคิดเหล่านี้มาสร้างตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ที่ชื่ออินทรีแดง

 

the-red-eagle-thai-classic-hero (2)

ส่วนเหตุผลที่ให้เป็นหน้ากากอินทรีแดง ก็เพราะว่า เป็นพญานกที่ยิ่งใหญ่สุด ถ้าจะเป็นอินทรีเฉยๆคงไม่โดดเด่น จึงให้หน้ากากเป็นอินทรีแดงที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความยุติธรรม ปราบคนร้ายที่หน้าฉากเป็นคนมียศและหน้าตาที่ยอมรับในสังคม แต่เบื้องหลังคือวายร้ายที่มีแผนชั่ว ซึ่งอินทรีแดงจะต้องหยุดแผนร้ายให้ได้ 

 

นิยายชุดอินทรีแดงเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2499 ในตอน มังกรขาว  หลังจากนั้นภารกิจของอินทรีแดงก็มีออกตามมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น พรายมหากาฬ,  เจ้านักเลง , ภูตมรณะ, ปีศาจดำ,  ทับสมิงคลา, อวสานอินทรีแดง, อินทรีคืนรัง, มนุษย์ซาตาน และ ตุ๊กตาเริงระบำ  ด้วยเนื้อหาแนวแอ็คชั่นสนุกตื่นเต้น  รวมถึงความแปลกใหม่จนเป็นที่ถูกอกถูกใจนักอ่าน  ทำให้มีจดหมายเข้ามายังสำนักพิมพ์ จนต้องเขียนนิยายชุดอินทรีแดงต่อ   นอกจากนี้ก็ยังมีผลงานอื่นๆ อาทิ  สี่คิงส์ , ครุฑดำ และ นอกกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องแรกคุณเศกเคยสร้างความแปลกใหม่ ด้วยการนำ คมน์ พยัคฆราช พระเอกเจ้านักเลงในสี่คิงส์มาเจอกับอินทรีแดงใน ตอนเจ้านักเลงมาแล้ว

 

เศก ดุสิต เลิกเขียนนิยายในปี พ.ศ.2532 ก่อนจะหันมาสนใจศึกษาเกี่ยวกับโหราศาสตร์ และเขียนคอลัมน์  รู้ชีวิต ด้วยดวงดาว ทางนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์  ล่าสุดได้รับเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติประจำปีพ.ศ.2562 สาขาวรรณศิลป์

 

 

 

 

 

เรื่องราวของวีรบุรุษเจ้าอินทรี

the-red-eagle-thai-classic-hero (5)

อินทรีแดง เล่าถึงเรื่องราวของ โรม ฤทธิไกร นักธุรกิจหนุ่มที่ภายนอกเหมือนคนหนุ่มทั่วไป เป็นหนุ่มเจ้าสราญขวัญใจสาวๆ แต่ข้อเสียคือชอบเมาเป็นประจำ  แต่เมื่อเหล่าวายร้ายอาละวาดเขาจะเปลี่ยนเป็นวีรบุรุษรัตติกาลนามว่า อินทรีแดง ออกไปปราบเหล่าร้าย โดยเฉพาะคนที่ไม่สามารถเอาผิดได้ รวมถึงปล้นทรัพย์สินด้วยการแจ้งเป้าหมายล่วงหน้า ก่อนจะปล้นแล้วนำไปบริจาคตามสถานที่ต่างๆ

อินทรีแดงจึงกลายเป็นฮีโร่ที่เหล่าวายร้ายจะต้องข้ามศพไปให้ได้  ขณะเดียวกัน อินทรีแดงก็ได้รับความช่วยเหลือจาก วาสนา เทียนประดับที่เปรียบเสมือนเป็นผู้ช่วยของโรมหรืออินทรีแดงในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ  นอกจากนี้ภารกิจในแต่ละครั้งก็เป็นที่สนใจของสองตำรวจอย่าง สารวัตรมนตรี เสรีกุล และ ร.ต.ท. ชาติ วุฒิไกร ซึ่งมีทัศนคติที่มีต่อจอมโจรใจบุญแตกต่างกัน คนหนึ่งกลับชื่นชมอินทรีแดง ส่วนหนึ่งเพราะจะได้รับข่าวสารและเบาะแสต่างๆที่ทำให้ปิดคดีในแต่ละครั้งได้สำเร็จ ส่วนอีกคนเป็นลูกทีมของสารวัตรมนตรีซึ่งเกลียดอินทรีแดงเข้ากระดูกดำ และมองว่าคือโจรที่ต้องจัดการให้ได้ จนเป็นคู่ปรับตลอดกาลของนิยายขุดนี้เป็นที่จดจำของผู้อ่านนั่นเอง

 

 

เอกลักษณ์และขีดความสามารถของอินทรีแดง

the-red-eagle-thai-classic-hero (4)

ภาพจำของอินทรีแดงที่ทุกคนจะรู้จักคือ  ชุดการต่อสู้โทนสีดำและสวมหน้ากากรูปนกอินทรีสีแดงที่เป็นสัญลักษณ์ประจำตัว  เขาคือนักสืบที่ฉลาดเป็นกรด ชำนาญการสะเดาะกุญแจ ทักษะการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วว่องไว มีทักษะการต่อสู้ทุกรูปแบบชำนาญอาวุธทุกประเภท  โดยเฉพาะปืนที่จะยิงสองนัดซ้อนใส่เป้าหมาย เจาะเรียงกันกลางหน้าผาก รูกระสุนห่างกันไม่เกินสองนิ้ว แล้วรวมถึงการปลอมแปลงโฉมที่เป้าหมายหรือคนอื่นๆแทบจะไม่ทันสังเกต 

ถ้าพูดถึงความบ้าบิ่นที่ไม่มีฮีโร่คนไหนจะเกินกว่าเขาได้ ก็คือ เขาจะชอบส่งสาสน์แจ้งเตือนการปล้นหรือกำจัดเป้าหมายให้ทุกคนทราบล่วงหน้าและเมื่อเสร็จงานทุกครั้งก็จะทิ้งเป็นนามบัตรหรือจดหมายทุกครั้ง 

 

ในแต่ละเวอร์ชั่นของอินทรีแดง ก็อาจจะยังคงเอกลักษณ์ตรงตามต้นฉบับ  แต่เมื่อมาถึงยุคหลังๆก็มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีต่างๆ  เพื่อให้ดูทันสมัยมากขึ้น ตัวอย่างฉบับละครล่าสุดที่แสดงโดย อ๋อม-อัครพันธ์ จะมีเครื่องมือแปลงร่างเมื่อทาบที่อกแล้ว ก็จะปรากฏชุดปฏิบัติการแบบนาโนสูท

 

 หรือเวอร์ชั่นหนังของ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม  ที่มีนามบัตรแบบไดร์ฟการ์ดเสียบเข้าคอมได้เลย

 

 

อินทรีแดงผงาดโลกบันเทิง

the-red-eagle-thai-classic-hero (6)

ด้วยความฮิตของนิยายชุดอินทรีแดงที่ได้รับความนิยมทั่วบ้านทั่วเมือง จึงเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่เหล่าผู้สร้างหนังอยากจะนำฮีโร่บนหน้ากระดาษให้ออกมามีชีวิตจริงๆในภาพยนตร์ หนึ่งในนั้นคือทีมสร้างภาพยนตร์ที่ชื่อ ทัศไนยภาพยนตร์ ของคุณรังสรรค์ ตันติวงศ์ และ ประทีป โกมลภิส กำลังหางานใหม่ๆให้นักแสดงหนุ่มที่กำลังมาแรงอย่าง จ่าอากาศโท พิเชษฐ์ พุ่มเหม หรือ มิตร ชัยบัญชา ที่เพิ่งจะมีผลงานเปิดตัวอย่าง ชาติเสือ  โดยมิตรเองก็อยากจะเล่นบทที่แปลกใหม่ และบทนักธุรกิจหนุ่มที่มีชีวิตอีกด้านคืออินทรีแดงคือคำตอบ  ก่อนที่ทั้งสามจะเดินทางไปหา เศก ดุสิต เพื่อติดต่อซื้อบทประพันธ์ไปดัดแปลงเป็นหนัง โดยเลือกตอน เจ้านักเลง มาสร้างเป็นภาพยนตร์

the-red-eagle-thai-classic-hero (1)

เมื่อเศกได้เห็นรูปร่างของมิตรที่มีความเหมือนกับ ร็อด ฮัดสัน พระเอกเรื่อง Captain Lightfoot   ทั้งหน้าตาและรูปร่างก่อนจะบอกกับมิตรว่า “คุณคืออินทรีแดงของผม!” ทำให้ทีมงานมีกำลังใจว่า เมื่อเจ้าของผลงานการันตี พวกเขาจะต้องสร้างหนังอินทรีแดงออกมาให้ดีที่สุดเลยทีเดียว แล้วภาพยนตร์เรื่องเจ้านักเลง ผลงานเรื่องที่ 2 ของมิตร ชัยบัญชาและเป็นผลงานแรกที่อินทรีแดงได้เปิดตัวทางการเข้าฉายวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2502 ก่อนจะกวาดรายได้  1 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นรายได้สูงสุดสมัยนั้น พร้อมทำให้ชื่อของมิตรชัยบัญชาเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ

 

 

ตั้งแต่นั้นมามิตรก็ยังคงได้สวมบทบาทเป็นอินทรีแดงมาเรื่อยๆ จนมีเรื่องเล่าว่าถ้าวันไหนได้ถ่ายทำหนังเรื่องอินทรีแดง วันนั้นเขาจะดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ซึ่งเขาก็ได้สวมบทบาทเป็นอินทรีแดงอีก 5 ตอน  คือเรื่อง ทับสมิงคลา (2505), อวสานอินทรีแดง (2506), ปีศาจดำ (2509), จ้าวอินทรี (2511), และ อินทรีทอง (2513) ซึ่งเรื่องหลังกลายเป็นที่ถูกพูดถึงจนปัจจุบันแต่ก็ก็ต้องแลกกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

 

 

 

ฉากสุดท้าย(ในชีวิตจริง) อินทรีทอง

the-red-eagle-thai-classic-hero (3)

ถ้าจะพูดถึงผลงานชุดอินทรีแดงของมิตร ชัยบัญชาที่แสงดนำทั้ง 6 เรื่อง ซึ่งถ้าให้เลือกที่สุดแล้วละก็คงต้องเป็นผลงานอินทรีทอง ภาพยนตร์ตอนที่6ของหนังชุดนี้ที่หยิบตอน อินทรีคืนรัง  มาสร้างเป็นหนังโดยเรื่องราวจะเล่าต่อจากเหตุการณ์ในตอน อวสานอินทรีแดง เมื่อ โรม ฤทธิไกร ต้องกลับมาปฏิบัติการอีกครั้งหลัง จากมีคนสวมรอยเป็นอินทรีแดงออกอาละวาดในฐานะวายร้ายกลุ่มไผ่แดง ทำให้พระเอกของเราจึงตัดสินใจล้างมลทินอีกด้านของตนเอง พร้อมกับสร้างชุดและหน้ากากขึ้นมาใหม่สีทองอร่ามในนาม อินทรีทอง 

 

หนังเรื่องอินทรีทองคือผลงานเรื่องแรกที่เขาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับและแสดงนำ แต่มันก็กลายเป็นผลงานเรื่องสุดท้ายในชีวิตการแสดงของมิตร ชัยบัญชา เพราะว่าเขาประสบอุบัติเหตุระหว่างการถ่ายทำฉากสุดท้ายของหนังเรื่องนี้ที่อ่าวดงตาล หาดจอมเทียน พัทยาใต้ ด้วยวัย 36ปี นับเป็นการสูญเสียพระเอกขวัญใจตลอดกาลของวงการหนังไทย  ซึ่งก็จะขอหยิบเรื่องราวส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง 

 

 the-red-eagle-thai-classic-hero (7)

มีบันทึกเล่าว่า ต้องย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ.2513 มิตร ชัยบัญชา มีโปรแกรมคือมาทำหน้าที่ผู้กำกับในฉากตำรวจยกพลขึ้นบกฐานทัพของเหล่าร้าย รวมถึงถ่ายเจาะคิวเฉพาะของนางเอก ซึ่งรับบทโดย เพชรา เชาวราษฎร์ จนครบกำหนด ก่อนที่ช่วงค่ำจนถึงเช้าก็ไปเข้าถ่ายหนังตามคิวที่วางไว้จนครบ แต่ก็ทำให้เขาไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ก่อนจะเตรียมตัวกลับไปถ่ายทำเพื่อปิดกล้องหนังเรื่องอินทรีทองให้เสร็จสิ้นเรียบร้อย ที่หาดจอมเทียน

 

the-red-eagle-thai-classic-hero (8)

ในเนื้อหาตอนจบของนิยายคือ  พระเอกนางเอกเจอกันและฉากจบแบบ Happy Ending แต่มิตรตัดสินใจเปลี่ยนฉากจบให้โรมจัดการอินทรีแดงตัวปลอมก่อนจะขโมยชุดแล้วให้นางเอกขับเฮลิคอปเตอร์หลบหนีแบบตำรวจก่อนจะประกาศว่า เขาคืออินทรีแดงตัวจริงนั่นเอง  โดยแผนการถ่ายทำนั้นจะถ่ายกันสองครั้งคือ

 

ครั้งแรกจะให้นักบิน(ที่แต่งตัวเป็นนางเอก)บังคับบินในระดับต่ำ จนมิตรสามารถยึดติดกับบันไดสลิง แล้วบินผ่านข้ามกล้อง

ก่อนจะบินส่งกลับมายังจุดที่ได้กำกับไว้ หลังจากนั้นถ่ายครั้งที่สองจะใช้นักแสดงแทนหรือหุ่นที่เตรียมไว้ ผูกติดกับบันไดสลิงหรือให้นักแสดงเหยียบขั้นบันไดสลิงก็ได้แล้วบินสูงๆจนกล้องจับภาพระยะไกล ก็จะเห็นได้ว่าอินทรีแดงกำลังอยู่บนเหนือฟ้า

ซึ่งถ้านำสองฉากมารวมกันก็จะกลายเป็นฉากที่สมบูรณ์ตามที่มิตรต้องการนั่นเอง

 

แต่กว่าจะถ่ายทำก็ต้องรอชุดอินทรีแดงที่สั่งตัดไว้มาถึงก่อน เนื่องจากเกิดปัญหาผิดพลาดทางเทคนิค และ เฮลิคอปเตอร์ที่ใช้ก็มีเวลาจำกัดเพราะจะต้องใช้ทำภารกิจของกองบินตำรวจน้ำต่อไป

 

เมื่อชุดอินทรีแดงมาถึง มิตร ก็ทำการเปลี่ยนชุดเป็นอินทรีแดง และเตรียมงานขั้นสุดท้าย  แต่ทว่าทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน เพราะเฮลิคอปเตอร์ได้พามิตรขึ้นไปบนท้องฟ้า ตัวเขาก็เริ่มรู้แล้วว่ามีข้อผิดพลาด

 

แต่เขาพยายามแก้ปัญหาด้วยการผูกสลิงให้มือจับบันได้ให้แน่น แต่ด้วยสภาพลมที่แรงจนสลิงบาดข้อมือ ทำให้มิตรได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะปล่อยมือและกางท่าแบบนักดิ่งพสุธาโดยจะตกลงบึง แต่สุดท้ายร่างของเขาก็ปักทิ่มลงมาอย่างรุนแรง จนทีมงานรีบเข้าไปดูเหตุการณ์ก่อนจะพาร่างของเขาไปส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด แต่สุดท้าย “มิตร ชัยบัญชา” ก็ได้จากไปพร้อมกับบทบาทที่สร้างชื่อให้กับเขา

 

Web

งานศพของมิตร ชัยบัญชาจัดขึ้นที่ วัดแคนางเลิ้ง ซึ่งตั้งแต่วันที่ 8 –11ตุลาคม มีประชาชนไปร่วมงานศพจนแน่นวัด จนได้รับการบันทึกว่าเป็นงานศพของสามัญชนที่มีคนมาไว้อาลัยมากที่สุดในประวัติศาสตร์ แล้วยังเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการบันเทิงที่แม้วันนี้เขาจะจากไปแต่ผลงานจะยังอยู่ในใจแฟนๆจนปัจจุบัน

 

 

 

อินทรีแดงยุคหลังมิตร ชัยบัญชา

the-red-eagle-thai-classic-hero (10)

หลังการจากไปของมิตร ชัยบัญชา ก็ไม่มีการสร้างหนังชุดอินทรีแดงให้ได้ชมอีกเลย

จนกระทั่งในปีพ.ศ.2520 ก็มีหลายคนที่พยายามจะสร้างหนังอินทรีแดงอีกครั้ง

 

โดยเริ่มจาก วิน วันชัย อดีตผู้กำกับอินทรีแดงฉบับมิตร ตอน ทับสมิงคลา กลับมาสร้างและกำกับในชื่อตอน บินเดี่ยว โดยมอบหน้ากากอินทรีแดงให้กับ สิงหา สุริยง พระเอกในตอนนั้นที่รูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกับมิตรมาสวมบทบาท โดยมี นัยนา ชีวานันท์ รับบทเป็น วาสนา นางเอกเรื่อง

 

จากนั้นในปี พ.ศ.2523 ผู้กำกับระดับตำนาน ส.อาสนจินดา หยิบนวนิยายอินทรีแดงตอน พรายมหากาฬ มาสร้างเป็นหนังและให้ กรุง ศรีวิไล  มารับบทเป็นอินทรีแดง และ อรัญญา นามวงศ์ เป็นวาสนา  

 

พ.ศ.2531 ก็มีอินทรีแดงในชื่อตอน อินทรีผยองจากการกำกับของ ก้อง กังวาน และเขียนบทโดย เสกสรร บรรจงศิริ โดยได้นักแสดงสาวมากฝีมืออย่าง จารุณี สุขสวสัดิ์  ในบทลูกสาวของ โรม ฤทธิไกร ที่กลับมาจากเมืองนอกและเห็นสภาพบ้านเมืองที่ย่ำแย่จึงสานงานจากพ่อเป็นอินทรีแดงกวาดล้างวายร้ายและยังต้องสู้กับ สารวัตรเดชา ตำรวจฝีมือดีรับบทโดย สรพงษ์ ชาตรี   ซึ่งทั้งสามเรื่องไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งเพราะผู้ชมหลายคนยังยกให้ อนิทรีแดง ฉบับ มิตร ชัยบัญชาคือที่สุดตลอดกาลนั่นเอง

 

 

อินทรีแดงสายเลือดใหม่

the-red-eagle-thai-classic-hero (11)

10ปีผ่านไป เหล่าผู้สร้างหน้าใหม่ต่างก็นำฮีโร่ระดับตำนานของไทยมาสร้างอีกครั้ง ส่วนหนึ่งเพราะอิทธิพลเหล่าฮีโร่จากต่างแดนที่ได้รับความนิยม จึงเป็นโอกาสดีที่อินทรีแดงจะนำมาสร้างเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ทั้งดัดแปลงเนื้อหารวมถึงมีอาวุธใหม่ๆที่ทันสมัยมากขึ้น 

 

ในปี พ.ศ.2541 อินทรีแดงได้ถูกสร้างเป็นละครโดยค่าย R.S. ซึ่งน่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่น่าจดจำของใครหลายๆคนเพราะผู้รับบทอินทรีแดงคือ เจมส์ เรืองศักดิ์ โดยเรื่องราวได้ยกเครื่องใหม่ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากนิยายของ เศก ดุสิต  ที่บอกเล่าเรื่องราวของ ฟ้าลั่น เด็กหนุ่มที่มีฝีมือคาราเต้ที่เก่งกาจ เวลาปกติเขาเป็นนักศึกษาฝึกงานหนังสือพิมพ์ แต่เมื่อตกดึกเขาจะแปลงร่างเป็นอินทรีแดงออกไปต่อสู้กับวายร้าย

 the-red-eagle-thai-classic-hero (12)

พ.ศ.2553  วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง และไฟว์สตาร์ค่ายหนังชื่อดัง ปลุกชีพฮีโร่อีกครั้งที่มอบให้ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม   มาเป็นอินทรีแดงคนใหม่แล้วเรื่องราวรอบนี้เป็นการยกเครื่องเปลี่ยนใหม่หมด

 

โดยเล่าเรื่องราวของ โรม ฤทธิไกร อดีตหน่วยรบพิเศษที่ถูกรัฐบาลหักหลังก่อนจะสวมชุดอินทรีแดงไล่ล่าคนร้าย แต่หนึ่งในศัตรูที่เขาต้องเผชิญคือ องค์กรมาตุลี องค์กรร้ายใต้ดินที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น แล้วต้องเผชิญกับ ปีศาจดำ นักฆ่าที่ถูกส่งมาเพื่อสังหารอินทรีแดงนั่นเอง

 

น่าเสียดายที่หนังไม่ประสบความสำเร็จในรายได้ แม้ตอนจบจะมีการวางเชื้อให้มีภาคต่อเมื่อต้องเจอกับสุดยอดเทคโนโลยีของกลุ่มอย่าง พรายมหากาฬ  อาวุธนาโนบอท แต่ท้ายสุดก็ไม่มีภาคต่อให้เห็นอีกเลย

 

the-red-eagle-thai-classic-hero (13)

พ.ศ.2562 หรือ 9ปีต่อมา ช่อง 7 ก็ตัดสินใจนำอินทรีแดงมาสร้างอีกครั้ง   จากฝีมือการกำกับของ โอลิเวอร์ บีเวอร์ ที่นำองค์ประกอบจากทุกเวอร์ชั่นที่ผ่านมาใส่ลงไปในละครฉบับล่าสุดรวมถึงยานพาหนะและอาวุธคู่ใจ ส่วนอินทรีแดงคนล่าสุดคือ อ๋อม-อัครพันธ์ นั่นเอง

 

the-red-eagle-thai-classic-hero (14)

และในปี2024 วีรบุรุษฮีโร่ของไทยก็จะกลับมาปฏิบัติการอีกครั้ง ที่คราวนี้ Hollywood Thailand ค่ายหนังระดับอินเตอร์ได้ประกาศ ในงานแถลงข่าวภาพยนตร์ The Lake  บึงกาฬ ว่าจะปลุกชีพฮีโร่อมตะของไทยกลับมาโลดแล่นอีกครั้งในชื่อ อินทรีแดง 2024 ซึ่งจะเป็นการรีบูตใหม่หมด แล้วจากข้อมูลในงานแถลงข่าวว่า อินทรีแดงรอบนี้อาจะมากันหลายคน ซึ่งเราต้องรอติดตามกันต่อไปว่า อินทรีฉบับนี้จะออกมาน่าสนใจอย่างไรบ้าง

 

และนี่คือเรื่องราวของอินทรีแดงที่นำมาฝากในวันนี้ ถ้าหากข้อมูลตกหล่น ขาดตรงไหน ต้องขอ อภัย มาล่วงหน้า ณ ที่นี้ด้วย…

 

ก่อนจากกันอยากถามทุกคนว่า เรื่องราวอินทรีแดงครั้งใหม่นี้อยากเห็นหรือคาดหวังอะไรมากที่สุด ลองเข้ามาคุยกันหรือแชร์ความคิดเห็นได้เลยครับ…

 

@P.PETTY

 

 

 

 

ข้อมูลอ้างอิง

-          Wikipedia

-          https://www.blockdit.com/posts/5c5a7e128ca64b39b577c20e

-          https://thestandard.co/the-red-eagle-2024-reboot/

-          นิตยสาร  FilmMax ฉบับที่ 39 กันยายน 2553

-          นิตยสาร All Magazine ฉบับที่ 6 ตุลาคม 2553