เมื่อเราพูดถึงหนังแอ็คชั่นสไตล์ตลกโปกฮา เราอาจจะนึกถึงหนังอย่าง Johnny English, Hot Fuzz , Bad Boys ฯลฯ ซึ่งมีหลายเรื่องเป็นที่จดจำในยุคนั้นๆ หรือยังเป็นที่พูดถึงจนปัจจุบัน แต่ในช่วงยุค 80-90 มีหนังไตรภาคแนวแอ็คชั่นสุดฮาที่ใครหลายคนได้ดูต่างต้องขำกับมุขตลกที่ประเคนมาแบบไม่พักหายใจ ที่แม้วันนี้จะผ่านไปหลายปีก็ยังเป็นที่พูดถึงและหัวเราะไม่หยุด ซึ่งหนังเรื่องนี้มีชื่อว่า The Naked Gun หรือชื่อไทยที่หลายคนอาจได้ยินในชื่อ มือปราบปืนเปลือย วันนี้เราจะพาไปย้อนความทรงจำกับภารกิจเสี่ยงตาย ที่ฮาจนต้องหงายหลังกันกับหนังเรื่อง The Naked Gun มือปราบปืนเปลือย
The Naked Gun มือปราบปืนเปลือย เป็นหนึ่งในผลงานของ นักสร้างหนังตลกสุดฮา อย่าง Jim Abraham กับ สองพี่น้อง Zucker อย่าง David และ Jerry ซึ่งทั้งสามได้ชื่อว่าชอบทำหนังแนวตลกเจ็บตัวและจิกกัดกับหยิบอะไรที่เป็นกระแสสุดฮิตมาขยี้และล้อเลียนจนผู้ชมกรามค้าง ผลงานเด่นๆอย่าง Airplane, Hot Shorts และ Scary Movies 3-5 และตัวหนังได้นักแสดงแคนาดาสายฮาอย่าง Leslie Nielsen ที่การแสดงแบบตลกเปิ่นๆของเขากลายเป็นการแสดงที่น่าจดจำของแฟนหนัง ซึ่งแต่เดิมหนังเรื่องนี้มีต้นทางมาจากซีรีส์ Police Squad เมื่อปี 1982 โดยมีการสร้างทั้งหมด 6 ตอน แต่ตอนนั้นเสียงตอบรับไม่เป็นที่พอใจ ทำให้พวกเขานำมาสร้างเป็นหนัง โดยที่ยังหยิบตัวละครอย่าง แฟรงค์ เดรบิน เจ้าหน้าที่สายฮา ที่ทำภารกิจเมื่อใดมักจะมาพร้อมกับความฮาและวินาศสันตะโร (ฮ่า)
The Naked Gun: From the Files of Police Squad! (1988)
แฟรงค์ เดรบิน ตำรวจฝีมือดีที่มาพร้อมกับความวินาศสันตะโร ซึ่งเพิ่งกลับจากทำภารกิจลับที่ตะวันออกกลาง (เล่นถล่มคนสำคัญระดับวายร้ายของโลก ฮ่า!!) เมื่อกลับมาถึงก็ได้พบข่าวร้ายทั้งภรรยามีชู้กับคนอื่น แถมเพื่อนรักของเขาอย่าง นอร์ดเบิร์ก ที่ได้รับบาดเจ็บจากการแฝงตัวไปสืบเรือลำหนึ่งที่คาดว่ามีการค้ายาเสพติด ก่อนจะพลาดถูกยิงสะบักสะบอม ทำให้ แฟรงค์ ตัดสินใจที่จะตามหาวายร้ายที่ทำร้ายเพื่อนรักของเขา แต่ เอ็ด เพื่อนอีกคนของพระเอกให้เขาไปให้ความสำคัญกับงานสำคัญเพราะว่าหน่วยงานของเขาได้รับภารกิจให้อารักขาคนสำคัญ นั่นคือ ควีนอลิซาเบธ ที่จะเสด็จเยือนอเมริกา ซึ่งเขาต้องไปร่วมงานที่ผู้ว่ากำลังแถลงข่าวสำคัญครั้งนี้ (เจ้าตัวดื่มน้ำ แต่ลืมถอดไมค์ออกคนเลยได้ฟังเสียงขณะปัสสวะในห้องน้ำ ฮ่า!)
วันต่อมา แฟรงค์จึงไปกับเอ็ดเพื่อสืบเรื่องราวที่ที่ท่าเรือ ซึ่งมีเรือลำเดียวกับ นอร์ดเบิร์ก โดนทำร้ายยังอยู่ เขาจึงไปถามเบาะแสกับนาท่าที่ประจำอยู่แถวนี้เพื่อหาเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนของเขา ซึ่งกว่าจะได้ข่าวก็ใช้ธนบัตรใบเดียวแลกไปมาซะอย่างนั้น (ฮ่า!) แล้วพระเอกก็ได้รับคำตอบว่า ให้ไปหาชายที่ชื่อว่า วินเซนต์ ลุกด์วิช ซึ่งรับผิดชอบท่าเรือแห่งนี้
เมื่อเขาไปยังตามที่อยู่ที่นายท่าได้บอก เขาได้เจอกับ วินเซนต์ ซึ่งยังไม่ได้ข้อมูล เพราะอีกฝ่ายกำลังชื่นชมกับของล้ำค่าของเขา โดยเฉพาะปลาสิงโตราคาแพงกับปากกาคู่ใจ ซึ่งพระเอกได้เห็นก็ขอดูแต่ด้วยความเปิ่นจนเผลอทำปากกาไปโดนปลาสิงโตตาย แต่ท้ายสุดแฟรงค์จึงขอข้อมูลเวลาเข้าออกของท่าเรือ ทำให้อีกฝ่ายจึงเรียกเลขาส่วนตัวที่ชื่อ เจน สเปนเซอร์ ที่จะกลายเป็นรักครั้งใหม่ของพระเอกในเวลาต่อมา
หลังจากที่พระเอกกลับไปเราจึงรู้แล้วว่า ที่วินเซนต์ไม่ยอมบอกข้อมูลใดๆหรือหาเรื่องเปลี่ยนประเด็นเพราะเขาคือคนสั่งเก็บเจ้าหน้าที่นอร์ดเบิร์กด้วยตัวเอง แต่พอพระแกบอกว่าเขายังรอดทำให้เขาต้องส่งข้อมูลเวลาเข้าออกท่าเรือแทน พร้อมกับให้เจนไปเที่ยวกับพระเอกแล้วพยายามหาข้อมูลอีกฝ่ายให้ได้ เมื่อพระเอกกลับไปก็มีคนมาขอพบวินเซนต์ ซึ่งได้มาพูดคุยว่ากำลังวางแผนจะสังหารพระราชินีอังกฤษ ถ้าวินเซนต์สามารถหานักฆ่ามือดีได้ เขาจะได้รับเงินถึง 20 ล้านดอลลาร์ แต่วินเซนต์กลับมีทีเด็ดกว่า นั้นเขาจึงสาธิตการสะกดจิตจากรีโมตที่จะส่งคลื่นไปยังเป้าหมายแล้วจะถูกสะกดจิตพร้อมทำตามคำสั่งทันที
ในที่สุดแฟรงก์ก็เริ่มสงสัยว่า วินเซนต์น่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่นอร์ดเบิร์ก เลยขอให้เอ็ดไปส่งที่ตึกของวินเซนต์ เขาพยายามจะหาเบาะแสที่เกี่ยวข้องก่อนจะไปพบกระดาษแผ่นหนึ่งทำให้เขาเชื่อแล้วว่า วินเซนต์กำลังวางแผนจะสังหารราชินีของอังกฤษ แต่ความซุ่มซ่ามเข้าขั้นหายนะของเขาก็บังเกิด เพราะว่าดันทำเอกสารในมือไฟไหม้ซะอย่างนั้นจากนั้นความวินาศสันตะโรก็ทยอยเข้ามาชุดใหญ่ จนเกิดไฟไหม้ห้องทำงานทำให้เขาต้องไปหลบที่ระเบียงแล้วดันไปจะเอ๋กับคนข้างห้องซึ่งคิดว่าพระเอกกำลังจะทำมิดีมิร้าย ซึ่งเรื่องนี้ถึงหูผู้ว่าซึ่งเป็นหัวหน้าของหัวหน้าเขาอีกที ได้เรียกเขามาตำหนิจากการกระทำของเขาที่เป็นปัญหาก่อนจะสั่งให้เขาไม่ต้องไปร่วมภารกิจอารักขาราชินีอังกฤษที่จะมาถึงไม่กี่วันนี้
เมื่อวันที่ราชินีอังกฤษเสด็จมาที่งาน แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้มาทำหน้าที่อารักขา แต่เขาก็พยายามที่จะไปหาคำตอบจากปากวินเซนต์ เพราะก่อนหน้านี้ เจนได้บอกว่าเขาจะนัดเจอกับพระเอกที่โกดังจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่วินเซนต์ก็หาว่าพระเอกไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดเขาได้ จนเมื่อราชินีเสด็จแต่ด้วยความที่เขาดันไปยืนท่ามกลางแถวเครื่องเป่ารับเสด็จ ทำให้ทุกอย่างโลกหมุนจนเห็นภาพหลอนว่า วินเซนต์กำลังจะลอบสังหารทำให้พระเอกรีบรวบตัวราชินีทันทีจนเป็นข่าวอับอายทุกฉบับแถมยังโดนไล่ออกจากราชการอีก (ซวยสองเด้งจริงๆ)
ขณะที่พระเอกกำลังจะเก็บของ เจนก็ได้มายังสถานีตำรวจก่อนจะบอกความจริงให้พระเอกฟังว่าเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่วินเซนต์ทำแถมส่งข่าวมาบอกว่าอีกฝ่ายกำลังจะเตรียมตัวลอบสังหารราชินในการแข่งขันเบสบอลซึ่งราชินีจะมาชมการแข่งครั้งนี้ ทำให้เอ็ดจึงบอกพระเอกว่า จะช่วยอีกแรงเพื่อให้ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง
แฟรงค์จึงรีบไปยังการแข่งขันเบสบอล พร้อมปลอมตัวเป็นทั้งนักร้องและกรรมการเพื่อจะถ่วงเวลาไม่ให้วินเซนต์ลงมือสังหาร แต่ทว่าอีกฝ่ายก็กดรีโมตบังคับให้นักเบสบอลไปจัดการราชินี ซึ่งพระเอกก็ใช้ปืนยาสลบยิงสกัดไปโดนคนดูหล่นทับนักเบสบอลจนสลบ แต่วินเซนต์ก็จับตัวเจนไปเป็นตัวประกันทำให้พระเอกต้องรีบไปช่วยเธอทันที
เมื่อวินเซนต์จนมุมจึงจับเจนเป็นตัวประกัน แต่เจนกลับพลิกโอกาสด้วยการกัดข้อมือเปิดทางให้พระเอกใช้ปืนยาสลบยิงใส่วินเซนต์จนตกจากตึกเสียชีวิต (ตายน่าสงสาร) แต่ทว่ารีโมตดันทำงานทำให้เจนถูกสะกดจิตจนจับปืนหวังจะฆ่าพระเอก แต่พระเอกที่พูดโมน้าวพร้อมสารภาพรักต่อนางเอกและทุกคนที่ได้ยิน ทำให้เธอได้สติก่อนจะสวมกอดพระเอก
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พระเอกได้กลับมาเป็นตำรวจพร้อมได้รับการเลื่อนยศทันที….
The Naked Gun 2 ½: The Smell of Fear! (1991)
เรื่องราวในภาคนี้ เมื่อแฟรงค์ เดรบิน พระเอกของเราได้รับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงที่ทำเนียบขาว แน่นอนว่ายังคงไปสร้างความเปิ่นโดยไม่รู้ตัวโดยในงาน ท่านประธานาธิบดีได้แถลงข่าวสำคัญว่า ประเทศชาติจะหันมาใช้พลังงานสะอาดจากฝีมือdkiทดลองของ ดร.อัลเบิร์ต เอส.ไฮเมอร์ ซึ่งเป็นการทำลายผลประโยชน์ของผู้มีอิทธิพลหลายคน
วันต่อมาเกิดเหตุระเบิดตึกทำให้พระเอกของเราต้องไปสืบว่าเป็นฝีมือของใคร ซึ่งที่นี่ทำให้เขาได้เจอกับ เจน สเปนเซอร์ นางเอกจากภาคแรกทำให้เราได้รู้ว่าทั้งสองต่างคนต่างอยู่ ก่อนที่เจนจะแนะนำแฟนหนุ่มให้พระเอกได้รู้จักเขามีนามว่า เควนติน ฮัพสเบิร์ก นักธุรกิจผู้มีชื่อเสียง ซึ่งทำให้พระเอกใจสลาย ได้แต่ยินดีเท่านั้นและจากไป
วันต่อมาเหล่าผู้มีอิทธิพลได้มาทำการประชุมลับพร้อมเปิดตัวหัวหน้าที่แท้จริงนั่นคือ เควนติน แฟนคนใหม่ของเจนนั่นเอง ซึ่งเขาได้บอกทุกคนถึงแผนการหยุดยั้งการใช้พลังงานสะอาด ของ ดร.ไฮเมอร์ โดยเขาได้จับเจ้าตัวเป็นตัวประกันพร้อมหาวายร้ายที่รูปร่างหน้าตาคล้ายกันมาสวมรอยเป็น ดร.ไฮเมอร์แทน แล้วจัดฉากว่าเขาจะใช้พลังงานนิวเคลียร์แทน
ต่อมา แฟรงค์ได้เบาะแสว่าคนที่วางระเบิดตึกครั้งก่อนน่าจะเป็นฝีมือของชายที่ชื่อว่า ซาเวจ ซึ่งพวกเขาตามสะกดรอยชนิดว่าตามมั่วๆจนถูก (ฮ่า!) ก่อนที่จะพบแหล่งกบดานซึ่งเหล่าตำรวจได้ทำการติดอาวุธหนักชนิดขนทั้งสถานีมาเพื่อจัดการเพียงคนเดียว แต่ก็ยังไม่ออกมาเสียที พระเอกของเราจึงเล่นไม้แข็งด้วยการใช้รถหุ้มเกราะถล่ม แต่ปรากฏว่าเขาทำให้ซาเวชหนีไปได้แบบสะดวกโยธิน แถมก่อวินาศกรรมตั้งแต่บ้านยันสวนสัตว์ (ฮ่า!)
วันต่อมาแฟรงค์ได้ไปร่วมงานปาร์ตี้ที่เควนตินเป็นเจ้าภาพเพื่อแสดงความยินดีกับ ดร.ไฮเมอร์ ซึ่งเขาได้เจอเจ้าตัวและบอกข่าวว่าเขาพบรถของซาเวจซึ่งน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเควนตินรวมถึงเหตุการณ์ที่ระเบิดตึก แต่อีกฝ่ายก็ตอบว่าเขาไม่รู้เหมือนกัน ก่อนที่ในงานจะเชิญ ดร.ไฮเมอร์มากล่าวทักทายซึ่งพระเอกสังเกตได้วิอีกฝ่ายจำเขาไม่ได้ เลยอาสาแกล้งเข็นรถพาไปยังเวที แต่เกิดซุ่มซ่ามจน ดร.ไฮเมอร์ (ตัวปลอม) ไถลจนทะลุหน้าต่างลอยบนฟ้า!!
แฟรงค์แวะไปหาเจนเพื่อขอโทษที่ทำเรื่องอับอายครั้งก่อน เจนบอกว่าแฟรงค์สงสัยในตัวเควนตินมากเกินไปและเธอก็ไม่คิดว่าแฟนใหม่ของเธอจะวางแผนชั่วร้าย พร้อมส่งตัวปลอมมา ทำให้พระเอกจึงโทรศัพท์ไปบอกเอ็ดถึงข้อมูลที่ได้รับ ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่ซาเวชเตรียมจะลอบสังหารเจน ซึ่งพระเอกเข้ามาทันพอดี ก่อนจะเกิดการสู้กันแต่ด้วยลูกบ้าของพระเอกจึงสามารถกำจัดซาเวชไปได้ ทำให้เจนเชื่อแล้วว่าที่พระเอกพูดเป็นเรื่องจริง ก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาสานสัมพันธ์อีกครั้ง
ในที่สุด แฟรงค์และกำลังตำรวจจึงตัดสินใจบุกรังของเควนติน โดยเขาอาสาจะดำน้ำเพื่อขึ้นไปยังอีกฝั่ง แต่ก็ถูกสุนัขไล่ล่าก่อนจะหนีไปยังชั้นบนแล้วเกิดตกลงมายังตึกที่เควนตินและพวกกำลังประชุมลับ ซึ่งแฟรงค์บอกพวกเขาว่าเควนตินและพวกไม่รอดเพราะตอนนี้กำลังเสริมจะบุกมาที่นี่ แต่ทว่ากำลังเสริมไม่มาเพราะรถติดกับเสาไฟ งานนี้พระเอกจึงถูกจับตัวไปก่อนที่เขาจะพบ ดร.ไฮเมอร์ตัวจริงที่ถูกจับ แล้วเหล่าตำรวจที่ออกจากรถมาได้ก็สามารถมาช่วยไว้ได้ทัน แต่เอ็ดดันมาเสียท่าถูกยามประจำตึกอัดสลบสิ้นสภาพตำรวจ
เมื่อถึงวันงาน แฟรงค์, เอ็ด, นอร์ดเบิร์ก และ ดร.ไฮเมอร์ จึงต้องหาทางเข้างาน ซึ่งแทนที่จะเข้าแบบไม่ให้อีกฝ่ายเห็นดันกลับเข้างานแบบโจ่งแจ้งเพราะปลอมตัวเป็นนักดนตรีที่มาแสดงเปิดงาน ซึ่งดันเล่นดีกว่าตัวจริงเสียอีกแล้วพวกเขาก็พบ ดร.ไมเนอร์ตัวปลอมจนเกิดชุลมุน เพราะมีคนที่ผ่านไปมานึกว่าพระเอกทำร้ายคนไม่มีทางสู้จึงถูกอัดจนสลบ ส่วนเอ็ดก็ถูกตัวปลอมลอบทำร้ายก่อนที่ตัวจริงจะมาช่วยไว้ได้ทัน ก่อนตัวปลอมจะหลบหนีไป แล้วพอตัวจริงจะเริ่มกล่าวเปิดงาน พระเอกที่ได้สติก็คิดว่าตัวจริงดันเป็นตัวปลอมจนต้องท้าพิสูจน์กลางงาน ส่วนเอ็ดรีบมาบอกความจริงคนที่พระเอกกำลังเค้นความลับคือตัวจริงและบอกว่ามีการใช้ตัวปลอมเพื่อหยุดแผนการโดยผู้อยู่เบื้องหลังคือ เควนติน แต่กว่าจะรู้อีกที เขาลักพาตัวเจนไปเป็นตัวประกัน ทำให้ แฟรงค์รีบไปช่วยเธอทันที
เมื่อแฟรงค์ไปถึงจุดหมายที่เควนตินจับตัวเจนไว้ พร้อมกับตั้งระเบิดนิวเคลียร์ถล่มสหรัฐฯให้ราบคาบ ก่อนที่แฟรงค์จะสู้กับ
เควนติน แต่ดันทำอีกฝ่ายตกตึก แต่รอดอย่างเหลือเชื่อเพราะมีหลังคาผ้ารองรับ แต่มาตายสุดอนาถเพราะสิงโต! ตอนนี้แฟรงค์จึงไม่รู้รหัสปิดการทำงาน จึงให้เอ็ดและนอร์ดเบิร์ก พาดร.ไมเนอร์และคนในงานออกจากตึก แต่พบว่าเรื่องวิชาการสุดน่าเบื่อทำเอาคนในงานง่วงนอน เอ็ดจึงยื่นหนังสือ 18+ บวกแล้วให้ ดร.ไมเนอร์เล่า ปรากฏว่าดันตื่นเฉยซะงั้น
แฟรงค์และเจนที่จนปัญญาเพราะไม่สามารถจะหยุดระเบิดเวลาได้ ทั้งคู่จึงตัดสินใจวิ่งจากจุดเกิดเหตุ ก่อนที่พระเอกของเราจะสะดุดปลั๊กไฟซึ่งนางเอกพบว่ามันคือปลั๊กไฟที่เสียบกับระเบิดนิวเคลียร์ ทำให้เหตุการณ์สงบลง
เมื่อเหตุการณ์สงบลง ประธานาธิบดีได้ชื่นชมพระเอกที่สามารถหยุดแผนการร้ายระดับชาติได้ จึงเสนอตำแหน่งหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับให้กับเขา แต่แฟรงค์ก็ปฏิเสธเพราะให้เหตุผลว่า เขาอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่กับเจนตั้งแต่นี้เป็นต้นไป…
Naked Gun 33+1⁄3: The Final Insult (1994)
เรื่องราวภาคสุดท้ายซึ่งรอบนี้มีการเปลี่ยนผู้กำกับเป็น Peter Segal เรื่องราวในรอบนี้พระเอกของเราได้ใช้ชีวิตเกษียณราชการเต็มตัวเพื่อมีเวลาให้กับเจนคนรักของเขา แต่ความสุขก็ระยะสั้นเพราะว่าเพื่อนสนิททั้งสองอย่าง , เอ็ด,และ นอร์ดเบิร์ก ขอให้เขากลับมาช่วยราชการอีกครั้ง เพราะงานนี้เขาคือคนเดียวที่จะจัดการได้
งานที่พระเอกต้องกลับมาทำคดีอีกครั้งคือ การหยุดแผนร้ายของ ร็อคโค่ ดิลล่อน มือระเบิดซึ่งเขาฃมาพร้อมงานใหญ่ ซึ่งผู้จ้างวานคั้รงนี้คือคนเดียวกับที่จ้างวาน วินเซนต์ วายร้ายในภาคแรกนั่นเอง โดยพระเอกจึงต้องแฝงตัวสืบข่าวคราวว่ามีแผนการอะไรบ้าง โดยต้องไปหาหญิงสาวสุดสะบึมนามว่า ทันย่า ซึ่งคือคนที่แฟรงค์เคยเจอในอดีต แต่งานนี้ทำให้เขาถูกเจนเมินเพราะเขาสัญญาว่าจะไม่กลับไปทำงานอีก
เมื่อแผนการต้องดำเนินต่อ พระเอกจึงต้องปลอมตัวเป็นนักโทษเพื่อเข้าถึงร็อคโค่ให้ได้มากที่สุด (ฉากในคุกล้อหนังระดับตำนานอย่าง The Shawshank Redemption แบบจัดเต็ม) หลังจากนั้นเขาจึงซื้อใจจนร็อคโค่ไว้ใจและบอกแผนการระเบิดครั้งใหญ่ ก่อนทั้งคู่จะทำการหลบหนีแบบสะดวกโยธิน
หลังจากที่พระเอกอยู่กับร็อคโค่ทำให้ได้รู้ว่า เขากำลังมีแผนจะระเบิดตามจุดต่างๆ แต่จุดที่เป็นไฮไลต์คืองานประกาศรางวัลออสการ์ ซึ่งร็อคโค่ได้ให้เขาที่พาเจนมาด้วย (ในฐานะตัวประกัน) แต่แล้วแฟรงค์ตัดสินใจเปลี่ยนแผนโดยจับแม่ของร็อคโค่ล็อคไว้ที่รถ ก่อนที่เขาและเจนจะรีบไปหยุดแผนร้ายของร็อคโค่ ซึ่งตอนนี้เขาได้ทำการใส่ระเบิดในซองประกาศรางวัล ทำให้เขาต้องแฝงตัวในฐานะพิธีกรของงานซึ่งการกระทำของแกก็เกือบทำงานล่มไม่น้อย จนเมื่อเขาเจอซองจริงๆ แต่ทว่าร็อคโค่ที่รู้แล้วว่าแฟรงค์เป็นตำรวจจึงใช้ความได้เปรียบจับตัวเจนเป็นตัวประกัน ก่อนจะข่มขู่ตำรวจและคนในงาน
แต่แล้วแฟรงค์ก็อาศัยช่วงทีเผลอทำการต่อสู้กับร็อคโค่อย่างดุเดือด ก่อนที่อีกฝ่ายเสียท่าแม้ว่าจะหยิบซองที่มีระเบิด แต่เท้าของเขาดันถูกเชือกมัดแล้วดีดทะลุขึ้นฟ้าไปยังเครื่องบินที่ผู้จ้างวานเดินทางจนระเบิดเป็นจุล เป็นอีกครั้งที่แฟรงค์สามารถช่วยชีวิตคนไว้ได้อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นชีวิตครอบครัวกับเจนอย่างทีความสุขเสียที
บทส่งท้าย
หนังชุด The Naked Gun ถือว่าเป็นหนังแอ็คชั่นตลกจี้เส้นที่ถือว่าเป็นลายเซ็นของ Leslie Nielsen ที่ทำให้แกมีบทบาทแนวตลกเจ็บตัวหรือไปรับเชิญในหนังแนวล้อเลียนอยู่หลายเรื่องก่อนที่จะเสียชีวิตเมื่อปี 2010
ขณะเดียวกันก็มีข่าวหลายครั้งว่าจะมีการนำหนังเรื่องนี้มาปัดฝุ่นอีกครั้ง แต่ที่เคยฮือฮาเมื่อช่วงสองสามปีที่ผ่านมาว่า จะมีการสร้างภาค 4 แล้วได้มีการวางตัวนักบู๊ลายครามอย่าง Liam Neeson มาพลิกบทบาทการแสดงมาสวมบทลูกชายของเจ้าหน้าที่สายฮาผู้นี้ ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่าจะมีอะไรอัพเดทอีกบ้าง
ก็จบไปแล้วสำหรับย้อนอดีตหนังชุด มือปราบปืนเปลือย The Naked Gun ที่มาเล่าสู่กันฟัง ใครที่เคยดูหรือทันหนังชุดนี้มาเล่าให้ฟังกันครับว่าชอบหรือมีอะไรที่ยังจดจำจากหนังเรื่องนี้กันครับ….
@P.PETTY
ข้อมูลอ้างอิง
- https://en.wikipedia.org/wiki/The_Naked_Gun_(franchise)
- https://10000tip.com/
- https://entertainment.trueid.net/detail/LGzOb1gVPR85
-
Review : Ducky Zero 6108 – คีย์บอร์ดที่ใช้งานง่ายและครบครัน [สั่งซื้อ / ราคา / สเปค]
#Ducky #Keyboard #GamingGear
#AiStriker #DUCKYKEYBOARD #duckykeyboard #mechanicalkeyboard -
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ