THE MONKEY
กำกับการแสดง /บทภาพยนตร์โดย : ออสกูด เพอร์กินส์
อิงจาก” The Monkey ” เรื่องสั้นปี 1980 ของสตีเฟน คิง
ควบคุมการผลิตโดย : เจมส์ วาน
นำแสดงโดย : ธีโอ เจมส์/ทาเทียน่า มาสลานี่ / เอลียาห์ วูด / คริสเตียน คอนเวอรี่
กำหนดออกฉายในไทย 27 กุมภาพันธ์ 2025
จะเล่น “มัน” หรือจะโดน “มัน” เล่น
เตรียมเผชิญความสยองที่คุณต้องร้องเจี๊ยก!
เมื่อคู่พี่น้องฝาแฝด (ธีโอ เจมส์ จาก Divergent)
ค้นพบหุ่นลิงของเล่นตัวเก่าของพ่อที่ห้องใต้หลังคา
พอหลังไขลานขึ้นมา เหตุการณ์หายนะเข้าขั้นบรรลัยก็เริ่มเกิดขึ้นรอบๆ ตัว
ผลงานผนึกกำลัง ของสามเสด็จพ่อแห่งวงการหนังสยองขวัญฝีมือระดับตำนาน
สร้างจากเรื่องสั้นของ สตีเวน คิง ( It )
อำนวยการสร้างโดย เจมส์ วาน ( Insidious, Saw)
เขียนบทและกำกับโดย ออสกูด เพอร์กินส์ ( Longlegs )
เตรียมพบกับอุบัติการณ์เพี้ยนคลั่ง
ที่ความตายอยู่ใกล้แค่….ไขลาน
เรื่องย่อ
หลังจากบังเอิญไปเจอของเล่นของพ่อในห้องใต้หลังคา พี่น้องฝาแฝด “ฮาล” และ “บิล” ก็ได้พบกับเหตุการณ์น่าสยดสยองที่เกิดขึ้นรอบตัวพวกเขามากมาย ในความพยายามที่จะหลุดจากสิ่งที่หลอกหลอนนี้ให้พ้นตัว พี่น้องทั้งสองจึงทิ้งลิงตัวนั้นและแยกย้ายกันไปในเส้นทางของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อการตายที่ผิดธรรมชาติ เกิดขึ้นรอบๆตัวพวกเขาอีกครั้ง สองพี่น้องจึงจำใจต้องจับมือกันออกเดินทางไปทำภารกิจ “กำจัดของเล่นต้องคำสาป” อย่างถาวรให้ได้
“THE MONKEY” ผลงานสยองขวัญลำดับถัดไปของผู้กำกับสายหลอนมาแรง “ออสกูด เพอร์กินส์” จาก “Longlegs” ที่ครั้งนี้ทวีคูณความสะพรึงยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการแท็กทีมโปรดิวเซอร์ตัวพ่อแห่งหนังสยองขวัญ “เจมส์ วาน” (ผู้ให้กำเนิดแฟรนไชส์ “Conjuring” และ “Saw”) ซึ่งถือเป็นโปรเจกต์ที่น่าจับตาและไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
REVIEW
โหดสมคำร่ำลือ เศษเนื้อปลิวว่อน ฉากตายโคตรหาทำ และมุกขัดคอช๊อตฟิลมาเพียบ!
เรียกว่าเป็นผลงานที่ใครได้ดู น่าจะมีอาการ “อิหยังหวะ” มากๆ (ในทางที่ดี) เพราะเราจะได้เห็นความตายที่ “น่าสนุก” จากไอเดียมันส์ๆของผกก. ออสกูด เพอร์กินส์ โดยภาพรวมแล้ว เราคิดว่ามีความคล้าย Final Destination ที่เล่าเรื่องแบบละเมียด ตามสไตล์ผกก.ที่เคยผ่านงานอย่าง Long Legs มาก่อน แต่เพิ่มความโคตรตลกร้าย เสียดสีจิกกัด โบ๊ะบ๊ะ ชนิดที่คนตายตรงหน้า เรายังขำในคอได้ ถือว่าไม่ธรรมดา
และด้วยฝีมือของทีมงาน Long Legs ที่ผกก.มีส่วนร่วมในการทำ Director Photograph (DP) ด้วย ก็เชื่อมือได้เรื่องงานภาพ เพราะหลายๆซีเควนซ์สามารถเล่าเรื่อง และสามารถสื่อสารกับคนดูได้อย่างมีชั้นเชิง ดูเผินๆเหมือนทำเอามันส์ เอาตลก แต่ก็มีอะไรให้ขบคิดตามด้วย…โดยใช้ “ตุ๊กตาลิง” ทำหน้าที่มอบความตายของผู้คน และรู้สึกว่าช่วงท้ายเรื่องคือแบบ…”แหม่ ทำไปได้…”
ตัวหนังเล่าเรื่องผ่านมุมมองของ “ฮาล” และ “บิล” ทั้งในวัยเด็กและตอนโต ที่ชีวิตต้องวนเวียนอยู่กับความตายที่น่าสยดสยอง และมันเกี่ยวข้องกับตุ๊กตาลิงไขลานต้องคำสาป ที่ไม่มีที่มาที่ไป ในหนังไม่เล่า ตีเป็นเรื่องราวลึกลับที่หาคำตอบไม่ได้ และไม่คิดจะหาด้วย เพราะในเวลา 1.30 ชม. ของภาพยนตร์รวมแล้ว มีเวลาให้การเดินทางของ ฮาล ไปแล้วเกือบทั้งเรื่อง และตัวภาพยนตร์ยังเล่าเรื่องราวในมุมของ บิล อีกด้วย ซึ่งทั้งสองมุมมองนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการเฉลยปมประเด็นต่างๆที่ภาพยนตร์ต้องการถ่ายทอดออกมา…
เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ถูกใจพอสมควร คือการตัดต่อ และการใช้มุกช๊อตฟิลเอาแบบขายขำไม่ทันตั้งตัว (เยอะด้วย) แต่ด้วยความที่ตัวภาพยนตร์ดัดแปลงจากนิยายเรื่องสั้น ทำให้หลายๆบทสนทนา หรือการเดินเรื่อง จะมีฟิลลิ่งที่น้ำเยอะ เวิ่นเว้อ เนื้อน้อย ค่อยๆบิลด์มากกว่าหนังตลาด แต่ในความเนิบนาบในการเล่าเรื่อง ก็มีจุดที่คุณรู้สึกเลยว่าถ้าจังหวะที่มีใครซักคนต้องตาย จะโฉ่งฉ่าง หวือหวามากๆ พร้อมปลุกให้ความอยากรู้มันตื่นขึ้น (ส่วนตัววูบไปกลางเรื่อง เนือยจัด แต่กลับมาได้ 55+)
ด้วยงานพร๊อพไส้ สมอง เศษเนื้อ แผลต่างๆ ทำมาสมจริง และไม่มีกั๊กมุมกล้องเท่าไหร่ แต่จะอาศัยการ Transition เปลี่ยนฉากไปไวๆ ปาดๆแทน แต่แค่นี้ก็เพียงพอต่อการสร้างภาพติดตาได้ไม่น้อยเลย และไม่ควรให้เด็กดูเพราะตุ๊กตาเป็นตัวชูโรงนะ บอกเลย
เนื้อเรื่องของภาพยนตร์โดยรวมดูจะไม่มีสาระแก่นสารอะไรมากไปกว่าการดูสภาพการตายของคนเราที่มันจะครีเอทอะไรขนาดนั้นหว่า… แถมมีความมึนๆงงๆ ปนโหดฮาร์ดคอร์ไส้แตก อวัยวะปลิวว่อน คนตายเป็นเบือ ยันวินาทีสุดท้ายของภาพยนตร์ ที่มาพร้อมมุกตลกหน้าตาย ขำได้ในลำคอ ไหล่สั่นเล็กน้อย มีความโบ๊ะบ๊ะ แต่ค่อนข้างลึกพอควร ถ้าคิดไม่ทัน หรือไม่ค่อยเก็ทบริบทสังคม ความเป็นอยู่แบบฝรั่งจ๋า ก็อาจจะอิหยังหวะไม่น้อยจริงๆ…
แต่เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ภาพยนตร์ต้องการนำเสนอ และทำได้สำเร็จจริงๆ ก็คือ …
“คนเราหนีความตายไม่พ้น และมันวนเวียนอยู่ในทุกชั่วโมงยาม”
ไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น จะฝังกลบ แยกชิ้น ความตายก็อยู่รอบตัวในที่สุด เพียงแค่ว่า…คนเราจะตายแบบไหน ยังไง ตายกี่โมงเท่านั้นเลย และไม่มีใครรู้ได้จริงๆ …จนกว่าจะถึงคิวของคุณในซักวัน
ดังนั้น…ใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ ให้มีความสุข มีสติในทุกๆวัน ปล่อยวาง และยอมรับมันให้ได้
นี่คือ Message ที่ตัวภาพยนตร์ และบทดั้งเดิมของ สตีเฟน คิง ต้องการสื่อออกมา
——————
แอดมิน AK47
เกร็ดสยองจนคุณต้องร้อง “เจี๊ยก”
จาก THE MONKEY จ๋อจัดตาย
–จ๋อผงาดเกินหน้าเกินตา! “The Monkey” กลายเป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่เปิดตัวแรงมากที่สุดในปีนี้! เริ่มต้นด้วยการเป็นภาพยนตร์สยองขวัญ (อินดี้) ที่ยอดรับชมตัวอย่างรวมทุกแพลตฟอร์มทะลุ 100 ล้านภายใน 72 ชั่วโมง ต่อด้วยการเป็นภาพยนตร์สยองขวัญลำดับที่ 4 ที่คนรอคอยมากที่สุดในปีนี้ ด้วยสถิติจาก Letterboxd และเปิดตัวคะแนน Rotten Tomatoes สูงถึง 92% จากฝั่งนักวิจารณ์ และเป็นหนังสยองขวัญที่มียอดขายตั๋วล่วงหน้ามากที่สุดของปี 2025 (ในเว็บ Fandango)
–ไม่รู้ก็ต้องรู้ “The Monkey” เป็นหนึ่งในงานเขียนรวมเรื่องสั้นสุดสยองของ “สตีเวน คิง” ใน “Skeleton Crew” ที่ร่วมกับเรื่องอื่นๆ เช่น “The Mist” เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อเดือน พ.ย. ปี 1980 ในนิตยสารผู้ใหญ่อย่าง “Gallery”
–อินแรงคลั่งขิต “ออสกูด เพอร์กินส์” เผยว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการตายสุดแปลกประหลาด แบบฉบับการตายสุดพิศดารใน “The Monkey” สืบเนื่องมาจากเรื่องราวการตายของพ่อแม่เขา ซึ่งพ่อของออสกูด คือ “แอนโธนี เพอร์กินส์” ผู้รับบทเป็น “นอร์แมน เบทส์” ใน “Psycho” เสียชีวิตจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับโรคเอดส์ในปี 1992 ส่วนแม่ของเขา เสียชีวิตบนเครื่องบินลำแรกที่ชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในวันที่ 11 กันยายน 2001
–“สิ่งที่เกี่ยวกับตุ๊กตาลิงตัวนี้คือ คนที่อยู่รอบๆ มันจะตายไปในวิธีที่บ้าๆ แบบสุดขั้ว ดังนั้นผมคิดว่า เอาล่ะ ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ เพราะทั้งพ่อและแม่ของผมเสียชีวิตในวิธีที่บ้าๆ จนเป็นข่าวใหญ่” – ออสกูด เพอร์กินส์
–“The Monkey” เป็นผลงานเดบิวต์หนังสยองขวัญของ “ธีโอ เจมส์” และท้าทายไปอีกขั้นด้วยการรับบทฝาแฝดที่นิสัยต่างกันสุดขั้ว ฮาล หนุ่มน้อยผู้อ่อนไหว เด็กเนิร์ดสวมแว่นหนาเตอะ บิล จอมอันธพาล ไว้ผมแสกกลางสไตล์ 90 และสวมเสื้อเชิ้ตสีดำลายเปลวไฟ ธีโอ เจมส์บอกว่าฝาแฝดที่เขาชอบคือ บิล “ฉันคิดว่าเขาคือเด็กที่แปลกๆ ล้มเหลวอย่างหนัก และกระหายอยากจะได้รับความรัก จากบางส่วนในความยุ่งเหยิงของเขามีคนดีๆ อยู่ แต่ถูกปกคลุมไปด้วยพิษที่ร้ายแรงและความต้องการที่จะได้รับความรักจากแม่ของเขา ฉันคิดว่าเขาคือคนที่มีมิติและเป็นคนที่คุณอยากนั่งดื่มเบียร์ด้วยสักสองแก้ว.”
–แตกต่าง แต่ยังตราตึง ออสกูดกล่าวว่า “The Monkey” จะต่างจากหนังสยองขวัญเลือดสาดทั่วไป มันตลกกว่า และมีความเป็นโร้ดมูฟวี่ สายสัมพันธ์พ่อลูกชวนที่ให้นึกถึงความหลัง มันควรจะออกมาให้ความรู้สึกผลงานของ “โรเบิร์ต เซเม็กคิส”
–ออสกูดยังสอดแทรก easter egg เพื่อคารวะโรเบิร์ต เซเม็กคิส โดยใน 1 ฉากสุดวิปริตของเรื่อง มีนาฬิกาที่ปรากฏในฉากชี้เวลาเดียวกันกับที่ปรากฏบนหอคอยสุดไอคอนิกของ Back To The Future
–ผลงานก่อนหน้าของออสกูดมักเน้นบรรยากาศอึมครึมมีความสโลวเบิร์นและฉายภาพ landscape แต่เรื่องนี้จะ ตุ้งแช่แบบสุด ๆ! ออสกูดเริ่มทดลองใช้จัมป์สแกร์ครั้งแรกใน Longlegs และสำหรับ “The Monkey” เขาเร่งมันไปจนถึงขีดสุด
–และโชคชะตาก็นำพาเรามาเจอกัน… ยุคโควิดออสกูดเคยถูกทาบทามให้ดูแลซีรีส์ที่ธีโอ เจมส์ร่วมแสดง แต่ยังไม่ทันได้เกิดขึ้นจริง นี่จึงเป็นการร่วมานกันครั้งแรกของทั้งคู่ และเป็นการรับบทในหนังสยองขวัญครั้งแรกของธีโอ เจมส์ “ผมคิดว่าบุคลิกของเขาคงเหมาะกับบทนำ เอาคนเท่ๆ อย่างเขามาเป็นคนพูดติดอ่างแบบฮาล ส่วนบิล เขาสามารถถ่ายทอดอะไรที่มากบทกว่าคนคลั่งจิตหลุด ตัวละครนั้นเหล่านั้นมันต่างจากบทที่ธีโอเคยรับมาก ผมคิดว่ามันน่าตื่นเต้น”
–ธีโอเองก็ตื่นเต้นที่จะร่วมงานกับออสกูดหลังจากโปรเจ็กต์แรกของพวกเขาถูกพับเก็บไป เขาไล่ดูผลงานทั้งหมดของออสกูดเพื่อซึมซับสไตล์ “ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา (The Blackcoat’s Daughter) ดาร์กสุดขั้นแต่ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน มันซับซ้อนและมืดมน แต่ก็มีกลิ่นอายฮอลลีวู้ดยุคเก่าอยู่ด้วย ซึ่งผมชอบกลิ่นอายนั้น”
–ทาเทียนา ที่รับบทแม่ของเด็กแฝด มอบสุดยอดการแสดงใน “The Monkey” ตัวละครที่แม้ชีวิตของเธอจะเจอแต่เรื่องไม่คาดคิด ความรักของเธอปกป้องลูกๆ จากความจริงอันโหดร้าย โดยที่ไม่ปิดบังว่าโลกนี้มันโหดร้ายขนาดไหน เธอเหมือนเป็นตัวแทนของเสียงหัวเราะกลางงานศพ
–ออสกูดชื่นชมการแสดงของทาเทียนาไว้ “เธอแสดงได้ 20 แบบใน 20 เทค ซึ่งมันดีทั้งหมด ทั้งจริงใจ สนุก น่าสนใจ และคาดไม่ถึง แม้ว่าดูเหมือนเธอจะหมดมุกแล้ว แต่เธอมีอาวุธลับซ่อนอยู่เสมอ”
–ทาเทียนากล่าวถึงการทำงานกับออสกูดว่า เขาเป็นคนที่เจ๋งมาก และมีจินตนาการสูงเหมือนเด็กๆ ความกระตือรือร้นของออสกูดแพร่กระจายไปทั่วทั้งกองถ่าย
–ขอให้จับตา! ฉากการตายในเรื่องที่ออสกูดสนุกกับการกำกับที่สุดคือฉากสระน้ำ เพราะมันคือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างดราม่าของสองพี่น้อง และความสยองแบบเซอร์ไพรส์ที่มอบให้ผู่ชมแบบไม่ทันตั้งตัว
--“แม้ผู้คนจะชอบ Longlegs แต่ผมยังคิดว่ามันยังมีบางอย่างที่ยากต่อการเข้าถึงในเนื้อหา” ออสกูดกล่าว เมื่อถูกถามว่าหลังจากได้ชมภาพยนตร์ผู้ชมจะรู้สึกต่างกับ Longlegs อย่างไร “มันมีคำถามบางอย่าง มีสัญลักษณ์บางอย่าง มีความลึกลับที่ทำให้คนรู้สึกว่า ‘ผมคิดว่าผมชอบภาพยนตร์เรื่องนี้จริงๆ’ แต่กับ “The Monkey” มันเหมือนกับว่า ‘นี่คือจานอาหารที่มีทุกอย่างที่คุณชอบ’ แล้วทุกคนก็แค่รับประทานมันไป หัวเราะและกรีดร้องไปด้วยกัน”
#TheMonkey #จ๋อจัดตาย 27 กุมภาพันธ์ 2025 ในโรงภาพยนตร์
#TheMonkey #Movie2025 #HorrorMovie #หนังสยองขวัญ