ถ้าพูดถึงภาพยนตร์แอ็คชั่น-ไซไฟ ที่สนุกและน่าจดจำที่สุดคงต้องนึกถึง The Matrix หรือชื่อไทย เพาะพันธ์มนุษย์เหนือโลก 2199 ซึ่งเข้าฉายในปี1999 แล้วยังได้พระเอกมากฝีมืออย่าง คีอานู รีฟส์ กับเรื่องราวโลกแห่งอนาคตที่ถูกควบคุมโดยเครื่องจักรอัจฉริยะที่สร้างเพื่อหันเหความสนใจของเหล่ามนุษย์เพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานในชื่อ เดอะ เมทริกซ์ ทำให้ตัวเอกอย่าง โธมัส แอนเดอร์สัน หรือ นีโอ ได้รู้ความจริงจนตัดสินใจรวมกลุ่มกับเหล่าผู้คนที่ต้องการปลดปล่อยจาก เดอะ เมทริกซ์
The Matrix ออกฉายครั้งแรกในปี 1999 จากฝีมือการกำกับของ สองพี่น้องวาชอวสกี ก็สามารถสร้างกระแสกลายเป็นภาพยนตร์ไซไฟที่เป็นจุดเปลี่ยนของวงการ แต่สิ่งที่หลายคนจดจำได้ดีคือฉากจำในตำนานอย่าง ท่าหยุดกระสุนและท่าหลบกระสุนที่ต้องเลียนแบบกันทั้งบ้านทั้งเมือง ด้วยความสำเร็จจากภาคแรกทำให้มีการสร้างภาคต่อมาอีกสามภาค
โดยภาคล่าสุด ที่เป็นภาค 4 อย่าง The Matrix Resurrections ก็กำลังเข้าฉายในโรงแล้ว
เพื่อต้อนรับการมาภาคล่าสุด เราจะสปอยล์ “จุดกำเนิดเรื่องราวทั้งหมดของ เดอะ เมทริกซ์” จากอนิเมสั้นสองตอนจบจากซีรีส์ The Animatrix ครับ
เมื่อช่วงปี 2003 ในตอนที่ เดอะ แมทริกซ์ ทำภาคต่อมาอย่าง The Matrix Reloaded และ The Matrix Revolution ช่วงเดือนมิถุนายน สองพี่น้องวาชอวสกีได้จับมือร่วมกับทีมงานฝั่งญี่ปุ่นสร้างหนังการ์ตูนอนิเมชั่น The Animatrix หรือชื่อไทยว่า ดิ แอนิแมทริคซ์ เจาะจินตนาการทะลุโลก โดยเป็นการขยายเรื่องราวในจักรวาลผ่านเรื่องสั้น ทั้ง8เรื่อง ที่อัดแน่นไปด้วยการดำเนินเรื่องที่แปลกใหม่
โดยจากเรื่องราวทั้ง8เรื่องในหนังสั้นชุดนี้ จะมีเรื่องหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาล The Matrix อย่างแท้จริงคือ The Second Renaissance ซึ่งมีเนื้อหา 2ตอนจบ เป็นผลงานการกำกับของสองพี่น้องวาชอวสกี และ มาฮิโระ มาเอดะ อันเป็นเรื่องราวในยุคที่ผู้คนสร้างหุ่นยนต์เพื่อความสะดวกสบาย แต่เมื่อเกิดเหตุหุ่นยนต์ทำร้ายมนุษย์ จึงก่อให้เกิดสงครามของทั้งสองฝ่ายระหว่างคนกับเครื่องจักรจนกลายเป็นปฐมบทของ เดอะ เมทริกซ์ ในเวลาต่อมานั่นเอง
The Second Renaissance Part 1
เรื่องราวเกิดขึ้นโดยจะเล่าผ่านแหล่งข้อมูลที่ชื่อ “Zion Archive” File 12-1 เป็นเรื่องเล่าจากบันทึกในปลายศตวรรษที่ 21 ในยุครุ่งเรื่องของมนุษย์ที่ถูกขนานนามว่าเป็นยุคเรอเนสซองส์ที่ 2 ที่เหล่ามนุษย์มีวิทยาการก้าวล้ำไปไกลมากถึงกับสร้างหุ่นยนต์ที่มีระบบ A.I.ประสิทธิภาพสูงจนพัฒนาสามารถมีความรู้สึกนึกคิดได้เองเหมือนผู้คนทั่วไป ทำให้หุ่นยนต์เหล่านี้จึงถูกแทนที่ไว้ใช้เป็นแรงงานแทนคนหรือใช้เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกหรือตอบความต้องการที่ไม่สิ้นสุด
แต่ทว่าเหตุการณ์ที่มนุษย์ไม่เคยเอะใจว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ก็กลายเป็นจริงเมื่อเกิดเหตุหุ่นยนต์รหัส B116ER ได้เผลอทำร้ายเจ้านายของตนเองจนเสียชีวิต ซึ่งสาเหตุมาจากเจ้าหุ่นเกิดหวาดระแวงที่ว่าเมื่อมาถึงจุดๆหนึ่งเจ้านายของมันจะต้องส่งไปทำลายทุบทิ้งราวกับเป็นเพียงสิ่งของเท่านั้น จึงเป็นแรงจูงใจที่หุ่นยนต์ตัวนี้ได้กระทำลงไป ก่อนที่จะหลบหนี แต่ก็ถูกมนุษย์จับกุมจนขึ้นศาลขอมนุษย์
ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้อยู่ในความสนใจของเหล่าหุ่นยนต์ A.I. ทั่วโลก ท้ายที่สุดศาลตัดสินว่ามีความผิดและจะต้องถูกทำลายเฉกเช่นโทษประหารชีวิต ทำให้ B116ER กลายเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์ของเหล่าหุ่นยนต์ A.I. จนสร้างความไม่พอใจ เรียกว่า เป็นการจุดชนวนครั้งสำคัญที่หุ่นยนต์จะไม่ยอมเป็นเบื้องล่างให้กับมนุษย์อีกต่อไป
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เหล่าหุ่นยนต์ต่างออกมาประท้วงและจะหยุดงานจนก่อม็อบครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้มีเหล่ามนุษย์ที่เห็นอกเห็นใจหุ่นยนต์ กับอีกฝ่าย ที่่เป็นพวกต่อต้านแล้วมองว่าหุ่นยนต์ไม่มีสิทธิ์ที่จะฉลาดเหมือนมนุษย์ จนเกิดการจลาจลครั้งใหญ่ พร้อมกับกวาดล้างหุ่นยนต์ทั้งหมดแม้แต่เหล่าคนที่สนับสนุนพวกมันก็ถูกกำจัดไปด้วยเช่นกัน
ทำให้คนส่วนใหญ่สามารถทำลายหุ่นยนต์ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย หรือแม้แต่หุ่นในร่างมนุษย์ก็ไม่พ้นเหตุการณ์นี้และโดนทำร้ายจนพังไม่เหลือชิ้นดีด้วยเช่นกัน
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีเหล่าหุ่นยนต์ถูกทำลายไปเกือบหมดซึ่งซากของเหล่าหุ่นยนต์จากเหตุการณ์จลาจลครั้งใหญ่นี้ ทำให้มีการนำเหล่าเศษซากไปฝังไว้ราวกับขยะก้อนโต
ขณะที่พวกหุ่นยนต์บางส่วนที่รอดจากเหตุการณ์จลาจลก็ตัดสินใจรวมตัวกันหนีไปตั้งถิ่นฐานใหม่กลางทะเลทรายซึ่งปลอดเขตจากมนุษย์เพื่อความอยู่รอด
เมื่อกาลเวลาผ่านไป เหล่าหุ่นยนต์ที่ยืนหยัดอดทนจนสามารถพัฒนาพื้นที่กลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ภายใต้ชื่อ นครซีโร่วัน (Zero One) มีการพัฒนาสิ่งต่างๆโดยเฉพาะในเรื่องเทคโนโลยีสุดล้ำแซงหน้าเหล่ามนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบ
แล้วเมื่อโลกเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ทำให้เหล่าหุ่นยนต์จึงเป็นฝ่ายได้เปรียบและเข้ามาควบคุมเศรษฐกิจโลกอย่างสมบูรณ์แบบ ค่อยส่งออกสินค้าให้กับมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีและข้าวของเครื่องใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์
แม้ว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวเพราะเทคโนโลยีจากฝีมือของหุ่นยนต์ใน นครซีโร่วัน แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายมนุษย์รู้สึกเสียหน้าที่ปัญญาของมนุษย์ถูกปัญญาล้ำเลิศของเหล่าหุ่นยนต์ครอบครอง ทำให้พวกเขาไม่อาจยอมรับพวกหุ่นยนต์อัจฉริยะจนเกิดความขัดแย้งอยู่หลายครั้ง จนต่างฝ่ายส่งทูตมาเจรจาเพื่อสร้างสันติภาพบนโลก แต่ก็ไม่เป็นผล
แล้วนั่นคือฟางเส้นสุดท้ายก่อนจะนำไปสู่เหตุการณ์ครั้งสำคัญที่จะเปลี่ยนโลกทั้งใบไปตลอดกาล…
The Second Renaissance Part 2
ในเมื่อมนุษย์ไม่อาจยอมรับการมีอยู่ของเหล่าหุ่นยนต์ เมื่อมาถึงจุดๆหนึ่งทั้งสองฝ่ายจึงตัดสินใจประกาศทำสงครามครั้งใหญ่ แต่ด้วยเทคโนโลยีของหุ่นยนต์และอาวุธที่ทันสมัย ทำให้เหล่ากองทัพของมนุษย์ไม่อาจเอาชนะศึกใหญ่ครั้งนี้ได้จนต้องถอยไปตั้งหลักแบบสะบักสะบอม
ในที่สุดในการประชุมของสหประชาชาติ พวกเขาพบคำตอบที่จะจัดการเหล่าหุ่นยนต์ให้หมดไปจากโลกใบนี้ได้ นั่นคือภารกิจในชื่อ Dark Storm ซึ่งเป็นแผนการตัดพลังของมันโดยใช้วิธีปิดกั้นท้องฟ้าทั้งหมดไม่ให้แสงอาทิตย์ส่องเข้ามายังบนโลกได้ ทำให้เหล่ามนุษย์มีความหวังกับแผนนี้มากที่จะสามารถปิดเกมเอาชนะเหล่าหุ่นยนต์ได้ (แต่ก็ส่งผลกระทบอันเลวร้ายในภายหลัง เพราะในหนังเราจะได้เห็นว่าไม่เคยเห็นพระอาทิตย์อีกเลย)
แต่ดูเหมือนว่าแผนการครั้งนี้ “จะกลายเป็นแผนที่ฝังศพตัวเองจนได้” เพราะว่าเหล่าหุ่นยนต์ที่พัฒนาขีดความสามารถอย่างไม่สิ้นสุด ทำให้สงครามครั้งนี้เหล่ามนุษย์กลายเป็นคู่ซ้อมให้กับเหล่าหุ่นยนต์รุ่นใหม่ไล่บดขยี้เป็นว่าเล่น
แล้วในที่สุดเหล่าหุ่นยนต์ก็สามารถเอาชนะพวกมนุษย์ได้สำเร็จพร้อมกับจับผู้รอดชีวิตจำนวนมากไปเป็นเชลย
เหล่ามนุษย์ที่ถูกจับเป็นเชลย ก็ถูกชำแหละเพื่อศึกษาและวิเคราะห์จนเข้าใจโครงสร้างภายในของร่างกายโดยเฉพาะก้อนโปรตีน และยังพบอีกว่าสามารถสร้างพลังงานได้อย่างมหาศาล จึงตัดสินใจใช้เหล่าเชลยมนุษย์ในการไปเป็นแหล่งพลังงานใหม่ แทนพระอาทิตย์ที่มืดมิดไปนั่นเอง รวมไปถึง การ เพาะพันธุ์มนุษย์ตั้งแต่ก้อนเซลโปรตีนจนเติบโตสู่วัยสมบูรณ์
โดยก้อนโปรตีนที่กลายร่างเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ จะถูกติดตั้งปลั๊กเชื่อมต่อ และมีจิตวิญญาณ อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ “เดอะ เมทริกซ์ “ ของพวกมัน
จักรกลเหล่านี้ได้พัฒนาระบบโลกเสมือนจริง“เดอะ เมทริกซ์” ขึ้นเพื่อ “หลอก” ให้เหล่ามนุษย์เชื่อว่าชีวิตของตนยังเป็นปกติสุข เพื่อสะดวกต่อการสร้างพลังงานชีวิตของมนุษย์ มาหล่อเลี้ยงเครื่องจักรในโลกจริงนั่นเอง โดยมีเหล่า “เอเจนท์” เป็นระบบรักษาความปลอดภัย คอยควบคุมไม่ให้เหล่าวิญญาณมนุษย์ที่อยู่ในสถานะข้อมูล เกิดหลุดรอดออกจากเดอะ เมทริกซ์ กลับไปหาร่างต้นในหลอดทดลองได้
ซึ่งก็มีหลายคนที่หลุดออกมาจากระบบได้ และกลายเป็นมนุษย์ที่เข้าร่วมกองกำลังต่อต้านจักรกลในโลกจริง และ “นีโอ” ก็เช่นกัน…
ส่วนเหล่ามนุษย์จริงๆที่รอด หรือหลุดจาก เดอะ เมทริกซ์ ก็ต้องอยู่อย่างหลบซ่อนเหมือนเมื่อครั้งที่หุ่นยนต์ต้องตัวหนีจากเหล่ามนุษย์โดยไปอาศัยอยู่ในใต้ดิน จนเป็น ชุมชนไซออน
และมนุษยชาติ รอวันที่จะตอบโต้เหล่าจักรกล โดยหวังว่าจะได้เห็นแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาที่โลกอีกครั้งหนึ่ง…
——————
บทเรียนจากตอน The Second Renaissance ของ The Animetrix ทำให้เราได้เห็นว่า มันเริ่มต้นจากความทะเยอทะยานของมนุษย์ที่สามารถสร้างหุ่นยนต์จนมีความคิดเป็นของตัวเอง
เมื่อมาถึงจุดเปลี่ยนที่หุ่นยนต์เริ่มคิดได้เองจริงๆ และคาดการณ์ว่าวันหนึ่งก็จะต้องถูกน้ำมือของพวกมนุษย์จัดการจึงลงมือทำร้าย ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ลุกลามใหญ่โตที่ทำให้มนุษย์และหุ่นยนต์ต้องปะทะกัน
แล้วท้ายสุดเป็นมนุษย์ที่ได้บทเรียนอันเจ็บปวดเหมือนที่หุ่นยนต์ได้รับ
แล้วมันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่อราวในจักรวาลภาพยนตร์ The Matrix ในเวลาต่อมานั่นเอง…
@P.PETTY
ข้อมูลประกอบ
- https://pantip.com/topic/36254219
- http://www.matrix.siligon.com/tm03anima.html
- https://en.wikipedia.org/wiki/The_Animatrix#The_Second_Renaissance_Part_I
- https://bbs.ruliweb.com/community/board/300143/read/54829309
- https://en.wikipedia.org/wiki/The_Matrix_(franchise)