The Last of Us : Part 2 [Ps4]
ประเภท : Action -Survival
ผู้ผลิต: Naughty Dog / Sony Computer
ระบบ PS4 / PS5
วันวางจำหน่าย 19 มิถุนายน 2020 / PS5 Remaster 19 ม.ค 2024
การปรับปรุงในเวอร์ชั่น PS5 มีอะไรบ้าง?
-The Last of Us Part II Remastered สร้างขึ้นใหม่บางส่วน สำหรับคอนโซล PS5 โดยปรับปรุงตัวเกม PS4 ในแบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อน เช่น กราฟิกให้เป็น 4K ในโหมด Fidelity ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของงานภาพทั้งหมด
-ปรับปรุงเวลาในการโหลดให้เร็วขึ้น
-รองรับการแสดงผลความสั่นแบบมีมิติ และปุ่มทริกเกอร์ที่ต้องออกแรงต้าน ผ่านคอนโทรลเลอร์ไร้สาย DualSense™ เต็มรูปแบบ
-No Return – A Roguelike Survival Mode
-การเล่นกึ่งสารคดี “Lost Levels” ที่เป็นฉากที่ทีมงานใช้ในเวอร์ชั่นพัฒนาในช่วงต้น 3 ฉากใหม่ ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน พร้อมด้วยบรรยายของนักพัฒนาเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อฟังข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนาของเกม โดยที่เล่นไป ฟังไป
-เพิ่มโหมด Guitar Free Play เล่นเพลงตามใจ ตามความสามารถทางดนตรีของผู้เล่น พร้อมเครื่องดนตรีใหม่ที่ปลดล็อคได้
-มีโหมด Speedrun ใหม่ และเอาเวลาที่ได้ ไปขิงในระบบ Ladderboard โชว์เวลาที่ดีที่สุดของคุณ
-The Last of Us Part II Remastered ยังมีสกินตัวละครและอาวุธที่สามารถปลดล็อคใหม่ล่าสุดให้ผู้เล่นใช้สำหรับทั้ง Ellie และ Abby
The Last of Us™ Part II Remastered ขาย 19 ม.ค 2024 ผู้ที่มี Ver.Ps4 จ่าย 10$ เพื่อเอาไปเล่นบน PS5
“เคยมีผู้กล่าวว่าวงการวีดีโอเกมจะไม่มีวันเป็นงานศิลป์เหมือน ภาพยนตร์ได้ ซึ่งอาจจะจริงเพราะในอดีตเทคโนโลยียังไม่สามารถสร้างเกมที่สมจริงได้”
แต่วันนี้ด้วยความพยายามของโซนี่กับ Naughty Dog ผู้สร้างเกม Uncharted ได้พัฒนาวงการเกมให้ก้าวไปอีกขั้นใน The Last of Us… ที่สร้างความตราตรึงใจมาแล้ว และนี่คือภาคล่าสุด กับเกม The Last of Us : Part 2 ซึ่งในภาคนี้จะมี Theme ของ “ความเกลียดชัง” และภาคนี้ผู้เล่นจะได้รับบท “เอลลี่” และ “อีกตัวละครหนึ่ง”
เนื้อหาคร่าวๆของ The Last of Us 2 จะเล่าเรื่องราว ห้าปีหลังจากการเดินทางที่อันตรายข้ามสหรัฐอเมริกาในโลกยุคที่เต็มไปด้วยโรคระบาด และเหล่าตัวประหลาด ผลพวงจากไวรัส เอลลีและโจเอลตัดสินใจหยุดที่ “แจ็กสัน”เมืองเล็ก ๆ ในรัฐไวโอมิง การใช้ชีวิตท่ามกลางชุมชนผู้รอดชีวิตที่เฟื่องฟู ช่วยให้พวกเขารู้สึกมีสันติภาพและความมั่นคงแม้จะมีภัยคุกคามจากผู้รอดชีวิตที่ติดเชื้อและอื่น ๆบ้างเล็กน้อย เอลลี่ในวัย 19 ปี ที่กำลังใช้ชีวิตวัยรุ่น เริ่มมีความรัก และสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูง แต่ทว่าเมื่อสันติภาพถูกทำลายโดยการโจมตีของกลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มอื่น เอลลีถูกผลักดันไปสู่การเดินทางอันโหดร้ายของการแก้แค้น
REVIEW 8 /10 RANK B
เนื้อเรื่อง 2/3 ,เกมเพลย์ 2/3 , งานภาพ 3/3 , ความชอบ 1/1
เกมที่โคตรดี โคตรดึง
เนื้อเรื่อง ในภาคนี้ ก็เป็นเกมที่เล่าเรื่องราว 4 ปี หลังจากภาคแรก ตัวเกมใช้เซตติ้งโลกใบเดิม เพิ่มเติมคือ การเล่นกับจิตใจคนเล่นอย่างมาก ชนิดว่า “ถ้าไม่ชอบ ก็เกลียดไปเลย” ซึ่ง แน่นอนว่ามันก็เกิดเสียงแตก แต่ทางเรายืนยันว่าเป็นเกมดี มีเนื้อเรื่องที่ดี แต่มันย่อยยากไปนิด ขนาดแปลไทยแล้ว ยังต้องคิดตามไปอีก 1 สเตปความลึกของเนื้อหา นอกจากที่ตัวเกมเล่าแล้ว ยังต้องคิดต่อไปอีกว่า โลกทัศน์มันเป็นแบบไหน ฝ่ายไหนทำเพื่อใคร ทำอะไร อย่างไร และพิจารณาแล้ว ก็ค่อยนำมันมารวมกัน แล้วกรองมันออกมาอีกที โดยรวมในส่วนเนื้อเรื่องมันเทาๆดีจัง เราคิดว่าอีกฝ่ายนึงเลว แต่พอได้เห็นอีกมุมมองนึง ก็กลายเป็นว่า มันไม่ได้เป็นยังงั้น มันมีอะไรให้เราได้ตามต่อจริงๆ
บางทีก็คิดนะ เกมนี้บทมันลึก เล่าดี ที่เสียงมันแตก เพราะรับกับเหตุการณ์ในเรื่อง กับการยัดประเด็นที่ทำเอาใจคนบางกลุ่มมากไปไม่ได้รึเปล่า ถ้ามองอย่างเป็นกลางๆแล้ว โลกจริงๆมันก็ไม่ได้สวยหรู แฮปปี้กับทุกๆเรื่องละนะ…ซึ่งถ้าใครดูฉาบฉวย ดูคลิป หรือไม่ได้เล่นเอง (หรือแม้แต่เล่นเอง แต่ไม่ลงลึก) ก็อาจจะไม่ชอบการเล่าเรื่องและนำเสนอเลย…
อ่อ จริงๆจะบอกว่า เป็นเนื้อเรื่องยาวที่เล่าสไตล์ซีรี่ส์ฝรั่งเยี่ยมๆเรื่องนึงเลย แต่ที่หักไป 1 แต้ม เพราะกว่าคุณจะอิน ก็ต้องปรับวิธีคิด และใช้เวลาในการเสพเนื้อเรื่องพอสมควร หลายๆคนก็ไม่ได้สะดวกที่จะทำอะไรแบบนั้นปะ? อีกทั้งยังเล่าเรื่องค่อนข้างยืด และน้ำเยอะ กว่าจะเข้าเนื้อก็ต้องใช้เวลาพักใหญ่ๆเลย
ซับไตเติ้ล ตัวใหญ่เบ้งๆสะใจมาก แอดมินนี่อย่างชอบเลยครับ!
ในส่วนของการแปลไทย อันนี้ต้องชมว่าแปลได้ลื่นไหล มีจุดเล็กๆน้อยๆเท่านั้นที่อ่านแล้วสะดุด แต่โดยรวมรู้เรื่องครับ อ่านเพลินมากๆ ปรับไซส์ได้ด้วย
เกมเพลย์ ผ่านมา 7 ปี นับจากภาคแรกใน PS3 ก็ต้องบอกเลยว่า “ไม่มีอะไรใหม่” นอกจากเหล่าผู้ติดเชื้อท่าทางประหลาดๆ และเหล่า AI ฝ่ายมนุษย์ที่ดูเหมือนยกมาจาก UNCHARTED 4 ที่ยอมรับว่าโคตรกดดัน ตึงมือ และมียุทธวิธีในการล้อมหน้าหลัง หรือปั่นประสาทผู้เล่น นอกนั้น Flow เกมเพลย์ยังเหมือนเดิม ยังคงต้องฟาร์มอาวุธ กระสุน ปลดล๊อกสกิลต่างๆ เหมือนเดิม ไม่ได้รู้สึกสดใหม่อะไรนัก แต่ยอมรับว่าเหล่าบอส และมินิบอสในเกมนี้ ตึงมากๆ…
งานภาพ ตัวเกมมีดีเทล รายละเอียดที่สวยงามมากขึ้น ถ้านับจากภาคแรก PS3 มีการเล่นเบลอ Move ต่างๆ บางคนชอบ บางคนไม่ชอบ แต่ถ้าเก็บสกรีนช๊อตสวยๆ เกมนี้ให้คุณได้แทบทุกซีนในการสำรวจเมือง อีกทั้งบรรยากาศฝนตก และเพลงประกอบสุดอึมครึม ก็ทำให้เกมสร้างอารมณ์ร่วมได้ดีมากๆ…ข้อเสียเล็กๆน้อยๆ คือ PS4Pro ทำงานเต็มที่สุดๆ พัดลมดังกว่าปกติพอสมควร
สรุป เป็นเกมที่แอดมินไม่กังขาอะไรในแง่ของเทคนิคตัวเกม งานภาพ แต่เนื้อเรื่องนี่ “ไม่ได้เหมาะกับทุกคน” ภาคนี้จะเข้มข้นขึ้น จริงจังจนอึดอัด พลิกล๊อกจนหงุดหงิด รวมไปถึงเกมเพลย์ที่ออกแนวลอบสังหารมากกว่าลุยแรมโบ้ในรอบแรก ก็อาจจะไม่ถูกใจสายลุยด่านเท่าไหร่นัก (รอบสอง New Game+ เริ่มจากของเดิมที่มี)
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
มีสปอลย์แรงนะครับ อ่านถึงตรงนี้ ยังไม่พร้อม กดปิดไปได้เลย
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
บทวิเคราะห์หลังเล่นจบ The Last of Us : Part II เกมกากจริงหรือ?
ในต่างประเทศมีการเอาคะแนนรีวิวจากสื่อมวลชนสายเกม ที่ให้ 10/10 แบบถล่มทลายทุกสำนัก แปะหราโชว์หลายๆเพจ ทำให้กระแสของเกมดังกล่าวถูกพัดโหมให้เป็นที่กล่าวถึงในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าก่อนหน้านี้ จะมีสปอยล์หลุดออกมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความอยากรู้ของคนเล่นจริงๆนั้นลดลงเท่าไหร่ เพราะยังมีคนซื้อเรื่อยๆ แถมเกมนี้มีการแปลภาษาไทยเต็มรูปแบบอีกด้วย (แปลได้ดีเลย เหมือนดูซีรี่ส์ NETFLIX) แต่เมื่อผ่านไปวันสองวัน เมื่อเกมเมอร์ได้ลองเล่นจนจบ ก็มีการออกมาวิจารณ์ตัวเกม ถึงขั้นหักแผ่นทิ้ง หรือก่นด่าเกมนี้เสียหายชนิดไม่เผาผี และปรามาสว่าเกมกาก จนกลายเป็นปากต่อปาก ทำให้เกิดการลังเลที่จะซื้อ ไปเลย แอดมินก็เลยลองเอาจุดที่หลายๆคนก่นด่า มานั่งเรียบเรียงในมุมมองของคนที่เล่นจบแล้ว และพอจะจับจุด หรือเข้าใจในโลกของเกม หรืออารมณ์ตัวละครที่เกมต้องการนำเสนอเป็นเหตุและผลให้ได้ลองทบทวนกันอีกซักหน่อย
บทโจเอลง่อย ตายโง่ จริงหรือ!?
-ส่วนตัวมองว่า”ไม่จริง” เพียงแค่การตายของโจเอลนั้นมัน “ง่าย” ไปหน่อยเท่านั้น ดังคำว่า “คนเรามันถึงที่จะตาย แค่ไม้จิ้มฟันแทงเหงือก ยังเสื-กตายได้”
แต่ถ้าเรามองย้อนกลับไปที่ภาคแรกสุด โจเอล เป็นคนค้าของเถื่อนที่ไม่ไว้ใจใคร หัวใจแตกสลายเพราะเสียลูกสาวเพราะทหารพลั้งมือไปปืนลั่นใส่ในวันที่ไวรัสระบาด และการได้ภารกิจดูแล “เอลลี่” ที่เป็นเด็กหญิงที่มีภูมิคุ้มกันไวรัสสปอร์เห็ดนำไปส่งให้กับองค์กร “ไฟร์เออร์ฟลาย” ที่กำลังหาทางช่วยโลกด้วยการใช้เอลลี่เป็นต้นแบบของแอนตี้ไวรัส จนนำไปสู่บทสรุปของภาคแรก ที่โจเอลเลือกที่จะปล่อยให้คนทั้งโลกจมอยู่กับไวรัสระบาดแบบไร้ทางรักษา และเลือกที่จะรักษาชีวิตของเอลลี่ ซึ่งนั่น คือชนวนเรื่องราวของภาค 2 ทั้งหมด จะเรียกว่าเป็นผลลัพท์ที่โจเอลเลือกแล้วก็ว่าได้
4 ปีต่อมา ในเอกสารฉบับหนึ่งในหมู่บ้านที่“แจ็กสัน”เมืองเล็ก ๆ ในรัฐไวโอมิง ที่ๆผู้รอดชีวิตรวมตัวกันเป็นชุมชนเล็กๆ ได้เขียนถึงโจเอลว่า “เป็นบุคคลที่มีน้ำใจ ช่วยเหลือเพื่อนบ้านหลายๆคน” ไม่ว่าจะงานซ่อมหลังคา งานอาสา พี่แกรับงานหมดเพื่อชุมชน และห้องพักของโจเอล ก็เต็มไปด้วยข้าวของ การตกแต่ง บรรยากาศชวนอบอุ่น ที่ดูเหมือนจะต่างจากห้องโจเอลภาคแรกที่ดูดิบๆโทรมๆ ไร้ชีวิตชีวา นั่นหมายว่าอะไร? หมายความว่า โจเอลเริ่มกลับมามี “หัวใจ” อีกครั้ง ปล่อยวางเป็น นับตั้งแต่มีเอลลี่เข้ามาแทนลูกสาวของเขา แม้ว่าจะมีช่วงที่ไม่ลงรอยกันบ้างก็ตาม…ทำให้ภาพลักษณ์ของโจเอลที่ไม่ไว้ใจคน ไม่เป้นมิตรนั้น ถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นของชายวัยใกล้เกษียณ จนเหมือนอ่อนกำลังลง อีกเรื่องที่สนับสนุนความใจดี และเป็นที่รักของคนในชุมชนอีกเรื่อง ก็คือวันที่โจเอลตาย ที่หน้าบ้านของเขา ก็เต็มไปด้วยดอกไม้ และโน้ตกระดาษแสดงความไว้อาลัยเต็มทางขึ้นบ้านของเขา…
หรือแม้แต่วันที่โจเอลได้พบกับ แอ๊บบี้ ครั้งแรกในพายุหิมะรอบเขตสำรวจเมืองแจ๊คสันก็ตาม หลายๆคนอาจจะตั้งป้อมกับโจเอลว่า อยู่ๆก็ยื่นมือช่วยคนแปลกหน้า มันผิดวิสัยของตัวละครที่เราเคยรับรู้ในภาคแรก อย่างที่บอก โจเอลเริ่มไว้ใจคน เริ่มปล่อยวาง ลดความระแวงลงอย่างที่กล่าว จนถูกแอ๊บบี้ทุบหัวจนตาย…ในนาทีก่อนตาย โจเอลยังพยายามจะเรียกชื่อเอลลี่ทั้งๆที่ไม่มีเสียงจะพูดแล้ว…
ในจุดที่ยกมา ก็สอดคล้องกับบันทึกตามจุดต่างๆในการสำรวจ ว่าในแต่ละครั้งพวกทีมสำรวจจะต้องลงมือเซ็นชื่อ พร้อมกับเขียนโน้ตเล็กๆเอาไว้ว่าในการสำรวจ เขาเจออะไรบ้าง บางทีก็เจอผู้ติดเชื้อ บ้างก็เจอคน ก็พาเข้าหมู่บ้านแจ๊คสัน จะว่ามาแก้ต่างให้ตาลุงโจเอล ก็…คงไม่ผิดนักหรอกนะ 555+
บทยัดเยียด Faminist มากเกินไปไหม?
-ส่วนตัวตอบได้เลยว่า “ใช่”
แต่ต้องยอมรับว่าในเกม The Last of Us ภาค 2 นี้ ถูก “พลังหญิงแกร่ง” ขับเคลื่อนเนื้อหาให้ไปต่อได้ และใส่มาซะเยอะเกิ๊น… เราจะเห็นบริบทที่ให้พลังหญิงได้แสดง Power ออกมาชัดมาก ทั้งการที่มีทั้ง สาวผิวสีสุดเก่ง / ความรักแบบ Lesbian / หญิงท้องโย้ออกรบลุยแหลกแนวหน้า / เด็กหญิงชาวเอเชียที่อยากได้การยอมรับ หรือแม้แต่เด็กสาวกล้ามโต ที่พกพาความแค้นออกไล่ล่าคนที่ฆ่าพ่อเธอ…สิ่งเหล่านี้ มันใส่มาเยอะมากๆ มากจนรู้สึกเหมือนยัดๆมาเอาใจคนบางกลุ่มหรือไม่
โจเอล / เอลลี่ / แอ๊บบี้ Wolf / Seraphites ใครเลวสุด?
-ไม่สามารถตอบได้ เพราะเกมนี้มีเหตุผลมารองรับแทบทุกอย่าง
โจเอล เลือกที่จะรักษาชีวิตเอลลี่ แทนที่จะสละชีวิตเพื่อช่วยคนทั้งโลก จึงต้องลงมือสังหารพ่อของแอ๊บบี้ที่เป็นหมอผ่าตัด เพื่อชิงตัวมา ส่วน เอลลี่ ที่เหมือนจะเกลียดโจเอลที่ไม่ยอมให้เธอตายตอนนั้น แต่สุดท้าย ลึกๆแล้ว เอลลี่ก็ยอมให้โอกาสโจเอลอีกครั้ง แต่ก็เกิดเรื่องจนโจเอลต้องตายด้วยมือของแอ๊บบี้ ที่มาล้างแค้นให้พ่อ เอลลี้จึงแค้นแอ๊บบี้มากๆจนฝังใจ ฝังลึก ไล่ฆ่าคนเป็นผักปลา ทั้งหมดก็เพื่อสนองความรู้สึกผิดที่ไม่ได้พูดคุยกับโจเอลแบบเปิดใจในเรื่องที่โรงพยาบาลไฟเออร์ฟลายนั่น และในใจลึกๆแล้วเธอก็มองโจเอลเหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึงที่เธอรักมากๆนั่นเอง
ในขณะที่ แอ๊บบี้เองก็ต้องสูญเสียพ่อ จากฝีมือโจเอล ในวันที่จะผ่าตัดเอลลี่เอาเซลสมองออกมาทำวัคซีนเมื่อ 4 ปีก่อน แอ๊บบี้จึงทำทุกอย่างเพื่อหาเบาะแสโจเอล แม้แอ๊บบี้จะโหดเหี้ยมกับโจเอล จนเหมือน Golf Simulater หวดไม้ 9 เต็มสวิงไม่ยั้งมือ แต่กับคนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือคนที่เข้ามาในชีวิต แอ๊บบี้เองก็เลือกที่จะปล่อยไปเช่นกัน (แม้แต่เอลลี่ก็ตาม) และนั่นก็ทำให้แอ๊บบี้ต้องเสียทุกสิ่ง ทั้งฝ่ายที่ตัวเองทำงานให้อย่าง Wolf หรือแม้แต่เพื่อนรักยกก๊วน ก็ตายเพราะเอลลี่ กับ ทอมมี่ ที่พกพาความแค้นที่โจเอลตายนั่นเอง
หรือแม้แต่ฝ่าย Wolf ที่มีกำลังทหารนับพัน ทำสงครามกับฝ่าย Seraphites ที่เชื่อในลัทธิ ศาสนา ความศรัทธา และเราก็รู้ว่าจริงๆแล้ว คำสอนของ Seraphites นั้น ไม่ได้มีเรื่องของการเบียดเบียน หรือการฆ่าฟันกันเลย เพียงแต่ตัวแทนศาสดานั้นได้บิดเบือนคำสอนจนมั่วซั่ว หมายจะเอาทรัพยากร และเอาตัวรอดจนเกินพอดี และนำไปสู่จุดจบของกลุ่ม Seraphites ในท้ายเรื่อง
ทั้งหมดไม่มีใครเลวสุด- ดีสุด ทุกอย่างมีมุมที่ “ถูกใจ ของฝ่ายที่ตัวเองยืนอยู่ ณ จุดนั้น” เกมนี้มันให้อารมณ์แบบ ไม่มีใครเป็นตัวร้าย แม้กระทั่งตัวละครที่กำลังเล่นอยู่เองก็ตาม…
เอลลี่ทำไมไม่ฆ่าแอ๊บบี้ ปล่อยรอดง่ายๆ จบแบบนี้เลยเหรอ ง่ายไปป่าว?
-ส่วนตัวตอบว่า “ไม่” มันไม่น่าจะง่ายแบบนั้น
ในศึกสุดท้ายที่ ซานตาบาร์บาร่า สภาพของแอ๊บบี้เองก็เหนื่อยล้ากับการต่อสู้ ส่วนเอลลี่เอง ก็เหนื่อยล้ากับการล้างแค้น
การต่อสู้กับแอ๊บบี้ครั้งสุดท้ายนี้ก็มาล้างแค้นให้โจเอลนั่นละ แต่จังหวะที่เอลลี่กำลังจะฆ่าแอ๊บบี้ได้ ภาพในวันที่คุยกันครั้งสุดท้ายกับโจเอลก็ลอยมา…ถ้าเราปะติดปะต่อเรื่องราวในบทสนทนา ก็จะประมาณว่า “เอลลี่โกรธโจเอลที่ไม่ยอมให้เธอเป็นความหวังของคนทั้งโลก แต่กลับมีชีวิตต่อ” …แต่ถึงจะโกรธมากแค่ไหน เธอเองก็อยากจะลอง “ให้อภัย” ซักครั้ง แต่ยังไม่ทันได้คุยกันต่อนัก…โจเอลก็ถูกฆ่าตายในวันต่อมา
“การให้อภัย” สิ่งที่เอลลี่อยากทำให้โจเอล ก็เลยมาลงที่แอ๊บบี้ และปล่อยให้เธอล่องเรือไปตามยถากรรม ถ้ามองอีกมุม ก็คือ อารมณ์แบบวัยรุ่นชั่ววูบลุยเละมาตลอด แต่จริงๆเหมือนเริ่มคิดได้เอง
ฉากจบที่คนไม่ชอบ แต่แอดมินชอบมาก!
-เพราะเป็นฉากจบแบบปลายเปิด พร้อมนำเสนอฟิลลิ่งของหัวใจที่แตกสลายอย่างแท้จริง เพราะเลือกที่จะ “ไม่ปล่อยวาง” นั่นเอง…
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เอลลี่จมปรักกับความแค้น ออกไล่ฆ่าคนที่เกี่ยวข้องกับแอ๊บบี้ราวกับผักปลา
แต่ว่าจุดที่เอลลี่ลงมือทำมาตลอดนั้น มันค่อยๆกัดกินหัวใจของเธอจนบอบช้ำ แม้แต่ศึกสุดท้ายของแอ๊บบี้ก็ตาม
เอลลี่ก็ได้กลับบ้าน หวังว่าจะให้ลูกเมียเป็นที่พักใจสุดท้าย แต่ดีน่า ก็ได้ทิ้งบ้าน หอบลูกน้อยหายสาบสูญไปเลย ทิ้งเอลลี่ไว้กับบ้านร้างที่เคยมีความสุข ราวกับสื่อเป็นนัยๆว่า
ถ้าเอลลี่ปล่อยวางแต่แรก ชีวิตคงมีความสุขกว่านี้…อย่างที่โจเอลอยากให้เป็นมาตลอด แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
แต่ตอนนี้เอลลี่ที่เสียทุกอย่าง ก็อยู่อย่างตายทั้งเป็น ไม่มีที่ให้พักใจ ไม่มีนิ้วครบที่จะเล่นกีต้าร์ที่ทำให้นึกถึงโจเอล ทำให้เธอต้องอยู่อย่างทรมาณจิตใจ
ในที่สุด เอลลี่ก็ตัดสินใจเดินทางออกไปที่ไหนก็ไม่รู้ และไร้จุดหมาย
เป็นฉากจบที่แสดงให้เห็นถึงผลลัพท์ของทุกสิ่ง
ตั้งแต่สิ่งที่โจเอลเลือกในภาคแรก
การล้างแค้นของเอลลี่
การล้างแค้นของแอ๊บบี้
และการให้อภัยของเอลลี่
สรุป…เกมกากจริงหรือ?
-ไม่กากหรอก แค่ย่อยยาก คิดเยอะ เล่าเรื่องบางอย่างต้องตีความ และไม่ถูกใจคนส่วนมากเท่านั้นเอง
จุดเดียวที่คาใจ อีตาทอมมี่มันหายไปไหน!!
แอดมิน Ak47
-
[รีวิว] Fuuto PI: The Portrait of Masked Rider Skull ยอดนักสืบแห่งฟูโตะ ภาพสลักแห่งมาสค์ไรเดอร์สกัล
เรื่องราวความสัมพันธ์จาก มาสค์ไรเดอร์สกัล สู่ มาสค์ไรเดอร์ดับเบิล
-
รายชื่อเกมออกใหม่ประจำเดือน [PS4 / PS5/ PC / Xbox SeriesX / XboxOne / Switch]
ข่าวเกมส์ออกใหม่ 2023 อัพเดทเกมส์มันส์ๆเกมไหนโดนใจ ไปอ่านกันได้
-
เกม MMORPG Dekaron Online Thai จะเปิด CBT วันที่ 29 ตุลาคมนี้
ตำนาน MMORPG เกม Dekaron Online Thai โดย Ubifun Studio ผู้พัฒนาเกมชื่อดังจากเกาหลีใต้จะเปิด CBT ในวันนี้และเปิดให้ทดสอบตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม เวลา 13:00 น. ถึง วันที่ 15 พฤศจิกายน เวลา 10:00 น. ในการทดสอบครั้งนี้จะเปิดเนื้อหาเต็มรูปแบบกว่า 250 เลเวลให้ทุกคนได้มาลองสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ ขณะเดียวกันเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เล่นทุกคน ในการเข้าร่วมการทดสอบ CBT ครั้งนี้จะไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนล่วงหน้า แค่ลงทะเบียนสร้างบัญชีในช่วงเวลาที่เปิดให้ทดลองเล่น ก็สามารถเข้าทดสอบเกมได้แล้ว Dekaron เป็นเกม MMORPG คลาสสิกที่มีการต่อสู้ที่ตื่นเต้นและภาพที่เร้าใจ มีชื่อเสียงในกลุ่มผู้เล่นชาวไทยเป็นอย่างมาก ในเกมนี้ ผู้เล่นสามารถสัมผัสกับระบบ PK ที่มีความอิสระสูงในพื้นที่ DK ที่เต็มไปด้วยอันตรายและเตรียมพร้อมเสมอสำหรับการต่อสู้ที่สนุกเร้าใจ นอกจากนี้ยังมีอาวุธและชุดเกราะสุดเท่ห์ อาชีพที่หลากหลาย และระบบการต่อสู้ PVP ขนาดใหญ่ที่มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ไม่เหมือนใครให้กับผู้เล่น CBT ครั้งนี้จะเปิดด้วยวิธี Delete file test […]