The Hobbit 3 สงคราม 5 ทัพ [รีวิว/เรื่องย่อ/ตัวละคร]

ชื่อภาษาอังกฤษ : The Hobbit: The Battle of the Five Armies
ชื่อภาษาไทย : เดอะ ฮอบบิท สงคราม 5 ทัพ
ผู้กำกับ : Peter Jackson
ประเภทหนัง : Adventure, Fantasy
นักแสดง : Benedict Cumberbatch, Evangeline Lilly, Cate Blanchett
ความยาวหนัง : 144 นาที
วันที่เข้าฉาย : 18 ธันวาคม 2557

 

 

สู่บทสรุปการผจญภัยครั้งสุดท้ายของภาพยนตร์ไตรภาคสุดยิ่งใหญ่อลังการที่ดัดแปลงมาจากวรณกรรมภาคต่อ ต้นเรื่องของมหากาพย์ “The Lord of the Rings” ผลงานการกำกับของ ปีเตอร์ แจ็คสัน กับเรื่องราวการเดินทางผจญภัยของฮอบบิทชื่อ “บิลโบ แบ๊กกินส์” พร้อมคณะเดินทางซึ่งประกอบไปด้วย คนแคระทั้ง 13 คน เพื่อทวงคืนบ้านเกิดจากมังกรสมอว์ก ณ ดินแดนตะวันออกในมิดเดิลเอิร์ธ ที่ซึ่งจะปลุกพลังอันชั่วร้ายและก่อให้เกิดการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เกินกว่าพวกเขาจะคาดคิด

 

 

เรื่องย่อ

 

The Hobbit 1 : An Unexpected Journey เดอะ ฮอบบิท การผจญภัยสุดคาดคิด

 

 

เรื่องราวเริ่มต้น ด้วยการเดินทางผจญภัยของ บิลโบ แบ็กกินส์ ฮอบบิทผู้รักสงบ ที่ถูกเลือกเข้าสู่ภารกิจอันยิ่งใหญ่โดยการทาบทามของ แกนดัล์ฟ พ่อมดสีเทา ให้เข้ามาเป็นสมาชิกคนที่ 14 ซึ่งรับหน้าที่เป็นหัวขโมยในคณะคนแคระทั้ง 13 กับการทวงคืนอาณาจักรคนแคระแห่งเอเรบอร์ที่สาปสูญหลังจากถูกยึดครองโดยมังกรสมอว์กมาอย่างยาวนาน นำโดยนักรบในตำนานและผู้สืบทอดบันลังก์โดยชอบธรรมอย่าง ธอริน โอเคนชีลด์ สู่การเดินทางสุดอันตรายยังเทือกเขาเดียวดาย ณ ดินแดนทิศตะวันออก ท่ามกลางดินแดนแห่งความไม่น่าไว้วางใจของสิ่งมีชีวิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหล่าพราย, โทรลล์, ออร์ค ,หมอผี หรือหมาป่าวอร์กสุดอันตราย

 

และ ระหว่างการเดินทางไปยังจุดหมาย ณ พื้นที่รกร้างแห่งภูเขาเดียวดายนั้นเอง คณะเดินทางก็ต้องเอาชีวิตรอดอีกครั้ง จากอุโมงค์ก็อบลิน ที่นี่บิลโบได้พบ “กอลลัม” สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดและน่ารังเกียจ ผู้ครอบครองแหวนทองที่มีพลังอำนาจพิเศษเกินกว่าเขาจะคาดคิด และก็ด้วยการใช้เชาว์ปัญญา ทำให้บิลโบสามารถหนีรอดออกมาได้ พร้อมกับแหวนทองวงดังกล่าว 

 

บิลโบ และคณะเดินทางหนีพ้นการตามล่าของออร์คด้วยความช่วยเหลือของฝูงนกอินทรีย์ยักษ์ สู่เทือกเขาเดียวดาย ณ ดินแดนแห่งเอเรบอร์ การผจญภัยครั้งใหม่ กำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง…

 

 

The Hobbit 2 : The Desolation of Smaug  เดอะ ฮอบบิท ดินแดนเปลี่ยวร้างของสม็อค

 

 

เรื่องราวเล่าต่อ จากความเดิมในภาคที่แล้ว แต่จะเริ่มต้นด้วยการพูดถึงช่วงก่อนการเดินทางของคณะคนแคระ จากการที่ ธอริน ได้รับการชักชวนจากเกรนดาร์ฟให้กลับไปกอบกู้อิริบอร์จากมังกรสมอร์ก สู่การเดินทางผจญภัยอีกครั้งของ  บิลโบ แบ็กกินส์  และเหล่าคนเเคระทั้ง 13 คน สู่เทือกเขาเดียวดาย ณ ดินแดนแห่งเอเรบอร์ หลังจากคณะเดินทางรอดพ้นมาได้ก็ได้มุ่งหน้าไปทางตะวันออก ระหว่างทางได้พบกับโบออนผู้เปลี่ยนผิวได้และฝูงแมงมุมยักษ์ในป่าเมิร์กวูดที่อันตราย หลังหลบหนีจากการถูกเอล์ฟป่าที่อันตรายจับตัวไว้ พวกคนแคระเดินทางไปยังเมืองริมทะสาบ ด้วยความช่วยเหลือของ “บาร์ด” บุตรชายแห่งนักยิงธนูดำ ผู้เคยพลาดจากการปราบสมอร์ก และการทำข้อตกลงกับชาวเมืองสำหรับความช่วยเหลือ โดยแลกเปลี่ยนกับทรัพย์สมบัติแห่งเอเรบอร์ ทำให้เหล่าคณะคนแคระสามารถไปถึงหุบเขาเดียวดายได้สำเร็จพร้อมกับการเผชิญหน้ากับความอันตรายที่โหดร้ายมากที่สุดอย่างมังกรสมอว์ก

 

ถึงเวลาที่ บิลโบ แบ็กกินส์ จะแสดงฝีมือของหัวขโมยของเขาออกมา กับภารกิจค้นหา “อาร์เคนสโตน” ยอดเพชร ตัวแทนของกษัตริย์ธอร์ และเป็นยอดอัญมณีแห่งอัญมณีทั้งปวง และจากการกระทำเช่นนั้น ทำให้สมอร์กตื่นขึ้นอีกครั้ง นำมาสู่หายนะครั้งยิ่งใหญ่แก่ทุกคน ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงคณะเดินทาง แต่ยังรวมถึงชาวเมืองริมทะเลสาบอีกด้วย

 

 

The Hobbit 3 : The Battle of the Five Armies เดอะ ฮอบบิท สงคราม 5 ทัพ

 

 

สู่บทสรุปครั้งสุดท้ายของการผจญภัยไตรภาค (ต่อจากภาคที่แล้ว) …

หลังจาก บิลโบ ได้ปลุกมังกรสมอร์กขึ้นมาหลังจากลอบเข้าไปในปราสาทเพื่อพยายามขโมย  “อาร์เคนสโตน” และไม่สามารถปราบมันได้ด้วยทองคำหลอม ทำให้สมอร์กโกรธจัด ด้วยเข้าใจว่าเป็นแผนการที่ร่วมมือกันระหว่างคนแคระและชาวเมืองริมทะเลสาบ ทำให้สมอ์กออกอาละวาดเผาเมืองจนราบ เมืองและผู้คนตกอยู่ท่ามกลางกองเพลิงของไฟกาฬจากมังกรวายร้าย ด้วยความต้องการที่จะปกป้องลูกๆ ทำให้ “บาร์ด” นักยิงธนูแห่งเดล ตัดสินใจใช้ธนูดำเล็งไปที่มังกรอีกครั้ง ด้วยการความร่วมมือของลูกชาย ทำให้เขาสามารถปราบมังกรสมอร์กได้สำเร็จ

 

เปิดตัวด้วยฉากเผาเมืองของสมอร์กสุดอลังการงาน CG ที่ขนาดดูในโรงเปิดแอร์เย็นๆ ยังแอบเผาร้อนแทนชาวเมืองริมทะเลสาบ

 

แม้สมอร์กจะถูกปราบลงได้ แต่สงครามครั้งนี้ก็ยังไม่จบลง ผู้คนในเมืองล้มตายเป็นจำนวนมาก บ้านเมืองเสียหายทั้งหมด บาร์ดจึงอพยพผู้คนไปยังเทือกเขาเดียวดาย ตามคำมั่นสัญญาที่ธอรินเคยให้ไว้ สำหรับค่าตอบแทนในการช่วยเหลือครั้งนี้ 

 

 

ในส่วนของพ่อมดเทา แกนดัล์ฟ หลังจากติดกับดักของเหล่าออร์ค และสูญเสียพลังในการต่อกรกับพลังอำนาจลึกลับจากเหล่าผีร้าย ก็ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหญิงพราย กาลาเดียล และเหล่าองครักษ์ อย่าง เอลรอนด์และซารูเมน ทำให้สามารถรอดชีวิตออกมาเพื่อส่งข่าวถึงชาวเอเรบอร์ กับกองกำลังออร์คและเหล่าโทรลล์ที่กำลังขนกันไปถล่มที่นั่น

 

พ่อมดเทา แกนดัล์ฟ ทำได้แต่ร่ายเวทมนต์งึมงำๆ อยู่ในกรง และกำลังจะสิ้นลมหายใจลง

 

เอลรอนด์ และซารูเมน ก็ปรากฏตัวออกมา อย่างเท่ เพื่อร่วมต่อสู้กับเจ้าหญิงกาลาเดียล จากเหล่าวิญญาณนักรบทั้ง 9 รวมทั้งเจ้าแห่งความมืดที่ทรงพลังอำนาจที่ส่งตรงมาจากขุมนรก

 

ฉากการลาจากของความรักลับๆ ระหว่างแกนดาล์ฟและเจ้าหญิงกาลาเดียลที่แอบมีใจให้กัน

 

หลังจากสมอร์กถูกกำจัดลง ฝ่ายของบิลโบและเหล่าคณะคนแคระกลับต้องเผชิญกับความโลภของธอรินจากพิษไข้มังกร ซึ่งส่งผลทำให้เขาลุ่มหลงทรัพย์สมบัติจนลืมวิถีแห่งกษัตริย์ไป และบังคับให้พวกพ้องตามหา  “อาร์เคนสโตน” อัญมณีแห่งกษัตริย์ธอร์ให้พบ โดยไม่รู้เลยว่าเพชรดังกล่าว ถูกค้นพบโดยบิลโบไปแล้ว แต่ด้วยความไม่เชื่อมั่นในสภาพของธอรินที่แปลกไป ทำให้บิลโบไม่ต้องการมอบเพชรดังกล่าวกับธอริน

 

 

ด้วยความโลภที่บังตา หลังจากรู้ว่าชาวเมืองริมทะเลสาบอพยพมายังเทือกเขาเดียวดาย ทำให้ธอรินสั่งสร้างกำแพงป้องกันทรัพย์สมบัติในขณะที่เหล่าชาวเมืองกำลังขาดแคลนทั้งอาหารและเต็มไปด้วยผู้บาดเจ็บ จนเมื่อ ธารันดูอิล ได้นำอาหารมาช่วยเหลือชาวเมืองพร้อมด้วยกำลังกองทัพจำนวนก่ายกอง

 

ถึงแม้ธอรินจะตกอยู่ภายใต้ความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติจากพิษไข้มังกร แต่ก็ยังคงเหลือความห่วงใยแก่บิลโบ โดยการหาชุดเกราะที่ดีที่สุดให้ 

 

 เหล่าคนแคระจำเป็นต้องเพิกเฉยต่อการสู้รบตรงหน้า เพราะคำสั่งของธอรินที่เลือกจะเฝ้าสมบัติมากกว่า

 

ส่วนหนึ่งของกองทัพชุดเกราะสีทองของชาวเอลฟ์ โดยการนำของธารันดูเอลที่ต้องการมาทวงคืนชุดเครื่องเพชรของชาวเอลฟ์

 

ความบาดหมางทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อธอรินปฏิเสทการช่วยเหลือและตอบแทนทรัพย์สินใดๆ อย่างที่เขาเคยรับปากไว้ สงครามดำเนินขึ้น ระหว่างกองทัพชาวเมืองริมทะเลสาบที่โกรธแค้น, กองทัพเอลฟ์ โดยการนำของ ธารันดูเอล จอมกษัตริย์แห่งพราย ซึ่งทั้งสองทัพ ล้วนมีศัตรูคนเดียวกันซึ่งนั่นก็คือ ธอริน และคณะเดินทางอีก 12 คน โดยหารู้ไม่ว่า ธอรินได้ขอความช่วยเหลือจากกองทัพญาติสนิทมาช่วยรบแล้ว

 

 ญาติคนแคระของธอริน ขนกำลังกองทัพมาช่วยเผ่าพันธุ์ของตน ขี่หมูป่ามาเลยทีเดียว

 

แต่สงครามครั้งนี้พึ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น เมื่อกองทัพออร์ค พร้อมเหล่าหมาป่าวอร์กและโทรลล์ กำลังเข้ามาประชิดตีตลบหลังทั้ง 3 ทัพ สงครามครั้งนี้จะจบลงเช่นไร? เอลฟ์ มนุษย์ และกองทัพคนแคระ จะยังตัดสินใจสู้กันหรือร่วมมือเพื่อต่อสู้กับศัตรูแสนเจ้าเล่ห์อย่างออร์คกันแน่? ติดตามกนได้แล้ว วันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ กับ The Hobbit: The Battle of the Five Armies เดอะ ฮอบบิท สงคราม 5 ทัพ.

 

กองทัพออร์ค พร้อมเหล่าหมาป่าวอร์ก และโทลล์ ต่างขนทัพกันมาปิดล้อมเทือกเขาเดียวดาย

 

 แม้แต่แกนดัล์ฟยังสะพรึงกับมหาสงครามครั้งนี้

 

เหล่าคนแคระทั้ง 12 คน จะยอมยืนดูเพื่อนผองต่อสู้กันโดยไม่ได้ทำอะไรหรือไม่?

 

 

Rank Movie A คะแนน 85/100

เนื้องาน: 20/20 การดำเนินเรื่อง: 15/20 soundtrack: 15/20  ตัวละคร:  20/20 สื่ออารมณ์ : 15/20

 

บอกได้คำเดียวว่า ภาคจบของภาพยนตร์ไตรภาคเรื่องนี้ ผู้กำกับปีเตอร์ แจ็คสัน ทำออกมาได้อย่างดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นงาน CG สุดยิ่งใหญ่สมจริง หรือแม้กระทั่งการดำเนินเรื่องทีสามารถเรียกความสนใจจากคนดูได้ตลอด 2 ชั่วโมง อีกทั้งยังสอดแทรกด้วยมุกตลกเล็กๆน้อยๆ ให้คนดูหัวเราะกันได้เป็นระยะๆ แต่หากพูดถึงความลึกซึ้งในเชิงอารมณ์แล้ว ถือว่ายังทำออกมาไม่ดีสักเท่าไหร่ ด้วยเพราะเป็นตอนจบ ที่ควรจะฝากความตราตรึงใจไว้ให้คนดูระลึกถึงบ้างอะไรบ้าง แต่ดูเหมือนที่ทำออกมาจะดูง่ายๆ ไปสักหน่อย ทั้งในฉากที่ว่าควรจะเรียกน้ำตาคนดูได้ ก็ไม่สามารถทำให้ถึงจุดพี้คได้ หรือไม่ว่าจะเป็นซีนอารมณ์ อย่างฉากการตายของตัวละครที่เราเห็นหน้าคร่าตามาตั้งแต่ภาคแรก หรือฉากต่อสู้ที่น่าจะสามารถปลุกใจคนดูให้ร่วมฮึกเหิมอินไปกับสงครามครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้ได้ แต่ก็เปล่า… ดังนั้นจึงอาจพูดได้ว่าภาคสุดท้ายนี้ในด้านอารมณ์การสื่อความยังคงกลวงๆ ไม่ถึงแก่น หรือไม่สามารถสื่ออะไรให้ผู้ชมได้เห็นหรือประทับใจ จนเป็นที่ตระตรึงใจมากนักก็ว่าได้ และขอแถมในส่วนของเนื้อเรื่องทั้งหมดของเรื่องนี้ที่มีเนื้อเรื่องค่อนข้างซับซ้อน จนใครหลายคนที่อาจไม่ได้อ่านหนังสือหรือติดตามมาตั้งแต่ภาค 1 (เหมือนผู้เขียนในตอนแรก) หากไม่ได้ไปตามดูย้อนหลัง อาจไม่เข้าใจหรือตามเรื่องได้ทัน  นี่จึงอาจเป็นข้อเสียของหนังภาคต่อ ที่ในเรื่องนี้ก็มีอยู่เช่นกัน  

แต่หากสำหรับใครที่คาดหวังว่าจะได้รับชมเนื้องามภาพสวยๆ ของบอกได้เลยว่า ไม่ผิดหวังแน่นอน 

เอาเป็นว่า สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูภาคสุดท้ายของภาพยนตร์ไตรภาคฟอร์มยักษ์สุดอลังการเรื่องนี้ แนะนำว่าไม่ควรพลาด!! ฉายแล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

  

ตัวละคร

 

บิลโบ แบ๊กกินส์ (Bilbo Baggins) รับบทโดย Martin Freeman

ฮอบบิทผู้รักสงบและไม่นิยมชมชอบการผจญภัยใดๆ แต่ถูกแกนดัล์ฟ พ่อมดเทาที่รู้จักกับครอบครัวมาตั้งแต่สมัยเขายังเด็ก ชักชวนร่วมคณะเดินทางกับคนแคระในฐานะหัวขโมยและสมาชิกคนที่ 14 ด้วยเล็งเห็นถึงความสามารถที่ถูกซุกซ่อนอยู่ในตัว จนท้ายที่สุดได้ตกลงเข้าร่วมการผจญภัยครั้งนี้ อีกทั้้งยังเป็นละครที่สำคัญถึงที่มาแห่งแหวนทองคำแห่งอำนาจ  1 ในทั้ง 16 วง ในภาคของ The Lord of the Rings อีกด้วย

 

     

พ่อมดเทา แกนดัล์ฟ (Gandalf) รับบทโดย Ian McKellen

พ่อมดชรา ผู้เฉลียวฉลาด  และได้รับภารกิจอันยิ่งใหญ่ให้ปกป้องมิดเดิลเอิร์ธ ซึ่งทำหน้าที่นี้มาเป็นเวลากว่า 2,000 ปีแล้ว และเป็นผู้เริ่มต้นเรื่องราวการผจญภัยครั้งนี้ของคณะเดินทางทั้ง 14 คน

 

 

ธอริน โอเคนชีลด์ (Thorin) รับบทโดย Richard Armitage

กษัตริย์ของคนแคระแห่งมิดเดิลเอิร์ธ สายวงศ์ของดูริน เป็นบุตรของธราอินที่ 2 และเป็นหลานของกษัตริย์ธรอร์ ในอาณาจักรธอร์ที่เคยมั่งคั่งด้วยทรัพย์สมบัติ  ก่อนที่จะล่มสลายลมด้วยเพราะลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติของคนรุ่นปู่ และถูกยึดครองโดยมังกรสมอร์กในภายหลัง ทำให้ธอรินผู้เป็นหลานชายต้องลี้ภัย และกลับมาทวงคืนอาณาจักรของคนแคระอีกครั้ง จากากรชักชวนของพ่อมดแกนดัล์ฟ 

 

 

บาร์ด นักธนูแห่งเดล (Bard) รับบทโดย Luke Evans

ลูกหลานของ Girion แห่งเดล ซึงเคยปราบมังกรสมอร์กที่มาอาละวาดที่เมืองริมทะเลสาบ แต่ไม่สำเร็จ จึงได้ส่งธนูดำตกทอดมายังรุ่นลูก และเป็นผู้ที่รู้จุดอ่อน และสามารถปราบสมอร์กได้สำเร็จในท้ายที่สุด ในภาค 3 ของ The Hobbit นี้ บาร์ดรับหน้าที่เป็นผู้นำของชาวเมืองริมทะเลสาบ เพื่ออพยพชาวเมืองและต่อสู้ในศึก 5 ทัพครั้งนี้

 

 

เลกูลัส (Legolas) รับบทโดย Orlando Bloom

เป็นโอรสของกษัตริย์ธรันดูอิล เจ้าผู้ครองอาณาจักรไพรแห่งป่าเมิร์ควู้ด ผู้เป็น “กษัตริย์พราย” หรือเอลฟ์ ซึ่งนอกจากเลกูลัสจะมีรูปลักษณ์งดงามแล้ว ยังเก่งกาจการต่อสู้ โดยเฉพาะการใช้ธนู  อีกทั้งยังหลงรักทอเรียล คู่หมั้นผู้มีฐานะฐานันดรต่ำกว่าและมักต่อสู้เคียงข้างเขา แต่กลับเป็นรักข้างเดียว

 

 

ทอเรียล (Tauriel) รับบทโดย Evangeline Lilly

 เอลฟ์สาวนักสู้ และเป็นว่าที่คู่ครองของเลกูลัส เจ้าชายแห่งเอลฟ์ แต่เธอกลับหลงรัก “คิลิ” หนึ่งในคนแคระทั้ง 13 คน และเป็นหลานของธอริน 

 

 

ธารันดูอิล (Thranduil) รับบทโดย Lee Pace

กษัตริย์เอลฟ์องค์สุดท้ายของมิดเดิ้ลเอิร์ธ เป็นเอลฟ์ชาวซิลดาร์ที่ปกครองเอลฟ์ซิลวันป่า เป็นบิดาของเลโกลัสผู้เป็นเจ้าชายแห่งป่าเมิร์กวู้ด เป็นคนที่ภาคภูมิและรักในเผ่าพันธุ์เอลฟ์ที่สูงส่ง มีความทะนงและรักในศักดิ์ ผู้ที่เป็นเหมือนเย็นชากับความรัก แต่กลับเป็นผู้ที่เข้าใจมันได้อย่างลึกซึ้ง (ดังจะเห็นได้จากถ้อยคำบางคำที่เขากล่าวกับทอเรียลหลังจาการสูญเสียของเธอ)

 

 

กาลาเดียล (Galadriel) รับบทโดย Cate Blanchett

เจ้าหญิงเอลฟ์ผู้มีพลังอำนาจวิเศษ ชาวโนลดอร์ (ลูกครึ่งเทเลริ) ที่เดินทางกลับมามิดเดิ้ลเอิร์ธนับตั้งแต่ยุคที่หนึ่ง ชื่อจริงของนางคือ แนร์เวน (Nerwen) มีส่วนช่วยในการปกป้องดินแดนมิดเดิ้ลเอิร์ธครั้งนี้ และช่วยเหลือพ่อมดแกนดัล์ฟในการขับไล่พลังความชั่วร้ายที่ถูกปลุกขึ้นมา

 

 

 

เพลงประกอบ

 

 

ตัวอย่างภาพยนตร์

 

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก IMDb

By : Admin@no_สวยสึดๆ