The Evil Within 2
ประเภท : Survival Horror
เครื่อง : PC / Ps4 / XboxOne
พัฒนาโดย : Tango Gameworks และ Bethesda
วันวางจำหน่าย : 13 ตุลาคม 2017
คำเตือน บทความนี้มีสปอยล์เนื้อเรื่อง ถ้าใครต้องการอ่านเกมเพลย์ หรือ รีวิว ก็กดข้ามไปอ่าน Gameplay หรือ รีวิว ได้เลย
ด้วยความมืด กดดัน และความน่ากลัวของเหล่าศัตรูปีศาจตายยากในเกม The Evil Within ภาคแรกเมื่อปี 2014 และมี DLC ออกมาในปี 2015 แต่ก็ไม่ได้สร้างความกระจ่างอะไรเลยกับเนื้อหาที่จบแบบค้างคา และเหมือนจะไปต่อได้ยาก ทำให้เหล่าเกมเมอร์ที่เคลียร์เกมนี้ตั้งตารอภาคใหม่ของเกมดังกล่าว และหวังว่ามันจะคลี่คลายปม ประเด็นที่คาใจมานานนับปี…แล้วข่าวการสร้างภาคต่อก็เงียบหายไป ทั้งๆที่ตัวเกมทำรายได้ในระดับที่สามารถเข็นภาคต่อได้โดยไม่อายนายทุนอย่าง Bethesda Softworks
และการรอคอยของแฟนๆ ได้สิ้นสุดลงแล้ว กับการเปิดตัวของ Evil Within 2 ในงาน E3 2017 ที่ผ่านมา กับภาคต่อที่มีชื่อว่า The Evil Within 2
เกมนี้คือ!?
The Evil Within (หรือชื่อPsychobreak สำหรับver.ญี่ปุ่น) เป็นเกมที่สร้างจากจินตนาการสุดจิต และน่าสะอิดสะเอียนโดย “ชินจิ มิคามิ” ผู้ให้กำเนิด Biohazard หรือ Resident Evil อันลือลั่น หลังจากเฮียมิคามิแกถูกอัญเชิญออกจาก บ. Capcom ด้วยข้อหา “ทัศนคติการทำเกมที่ไม่ตรงกันของผู้บริหาร และ ผู้สร้างเกม” ทำให้เฮียแกออกไปทำเกมในแนวที่แกอยากทำ กับค่ายที่ตอบสนอง Need แกได้ อย่างค่าย Bethesda Softworks ที่มีผลงานอย่าง Fallout และ Skyrim (ผู้ให้กำเนิดคำว่า “Fus ro Dahhh!!”อันโด่งดัง)
เนื้อเรื่อง
**จากนี้จะเป็นการสปอยล์เนื้อเรื่อง ถ้าใครต้องการอ่านเพียงรีวิวอย่างเดียว ก็กดข้ามไปอ่าน Gameplay หรือ รีวิว ได้เลย***
เราเตือนคุณแล้ว!
+
+
+
+
+
+
+
เรื่องราวของ The Evil Within 2 จะเล่าเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ในโรงพยาบาลจิตเวชบีคอน (Beacon Mental Hospital) เป็นเวลา 3 ปี ตอนนี้ “เซบาสเตียน คาสเตลาโน่” (Sebastian Castellanos) ได้ถูกเชิญออกจากการเป็นตำรวจเมืองคริมสันซิตี้ จากการที่เขามักจะเที่ยวบอกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขา ทั้งระบบ STEM … เรื่องของรูวิค (Ruvik) และการทดลองทางจิต ทำให้เจาถูกมองว่าเป็นคนเสียสติ ไม่พร้อมทำงานอีกต่อไป บวกกับเรื่องที่ “ลิลลี่”(Lily) ลูกสาวของเขาตายจากอุบัติเหตุไฟไหม้บ้าน และ “ไมร่า”(Myra) เมียของเขาทิ้งเขาไปเมื่อหลายปีก่อน อีกทั้งยังเสียเพื่อนร่วมงานอย่าง “โจเซฟ” ในโรงพยาบาลนั่นอีก ทำให้เซบาสเตียนเฝ้ากล่าวโทษตัวเอง จนกลายเป็นคนที่จมอยู่กับขวดเหล้า เมาไปวันๆเพื่อลบล้างความเจ็บปวดทางใจ
หลังจากที่เซบาสเตียนได้สติจากฝันร้ายกลางร้านเหล้าเจ้าประจำ เขาก็ได้พบกับ “จูลี่ คิดแมน” (Juli Kidman) อดีตเพื่อนร่วมงานของเขา ที่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าหน้าที่ของ องค์กรโมเบียส (Mobius) เซบาสเตียนถึงกับโกรธมาก เพราะเขาสืบมาว่าเธอเป็นคนวางแผนจัดฉากเรื่องในโรงพยาบาลจนทำให้เขาต้องเสียเพื่อน และงานที่ทำไป แต่คิดแมนกลับยื่นข้อเสนอที่เซบาสเตียนไม่อาจปฎิเสธได้ เมื่อเธอเปิดเผยว่า ลูกสาวของเซบาสเตียนยังไม่ตาย เพราะเธอถูกส่งมาอยู่กับองค์กรโมเบียส และตอนนี้คิดแมนต้องการให้เขาช่วย
เซบาสเตียนถูกส่งมายังองค์กรโมเบียส ซึ่งเขาได้พบกับ “ผู้บริหาร” (Administrator) ที่ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ลิลลี่ถูกนำมาใช้เป็น ”แกนกลาง” (Core) สำหรับระบบ STEM เวอร์ชั่นใหม่ เพื่อสร้างเมืองจำลองที่งดงาม และเปี่ยมไปด้วยความสุขที่เรียกว่า “ยูเนี่ยน” (Union) อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป องค์กรก็ได้สูญเสียการติดต่อกับลิลลี่และตัวแทนภายใน ยูเนี่ยน และในตอนนี้พวกเขาไม่สามารถควบคุมระบบ STEM ได้อีกต่อไป เซบาสเตียนยังคงลังเลที่จะช่วยองค์กรที่พรากทุกอย่างไปจากเขา แต่เพื่อที่เขาจะได้พบกับลูกสาวอีกครั้ง เขาจึงยอมเข้าสู่ STEM โลกของความวิปลาสอีกครั้ง เพื่อพาลูกสาวออกมาให้ได้…โดยที่คิดแมนแอบบอกใบ้ว่า “มีใครบางคนรอเขาอยู่ในนั้น”
ภายในระบบ STEM เวอร์ชั่นใหม่นี้ เซบาสเตียนสามารถติดต่อกับคิดแมนที่อยู่ในโลกของความจริงได้ โดยเธอจะคอยแนะนำในฐานะผู้ช่วยของเขา ซึ่งภารกิจรองจากการตามสืบหาลูกสาวของเขาเอง ก็คือ การตามหาตัวเจ้าหน้าที่ทีมสำรวจของโมเบียสทั้ง 5 คนที่ทำภารกิจตามหาตัวลิลลี่ ก่อนที่จะขาดการติดต่อไป
ระหว่างการออกตามหาทีมสำรวจ เขาก็ถูกไล่ล่าจากปีศาจ Guardian Boss ที่น่าขยะแขยง จนได้พบกับ “สเตฟาโน่ วาเลนตินี่” (Stefano Valentini) ฆาตกรโรคจิตผู้นิยมเสพงานศิลป์จากภาพถ่าย และงานจิตกรรมที่ได้เข้าแทรกซึมมาในยูเนี่ยน แต่เซบาสเตียนก็รอดออกมาจากการตามล่าได้ และก็พบว่าเมืองนี้ได้กลายเป็นดินแดนแห่งฝันร้ายซึ่งประชาชนทั้งหมดได้ถูกสังหาร หรือกลายเป็นปีศาจที่กระหายเลือด
ระหว่างนี้เซบาสเตียนก็ได้พยายามทำภารกิจเสริมเพื่อช่วยการทำงานของทีมสำรวจทีรอดอยู่ ทั้ง เลียม โอนีล(Liam O’Neal) / ยูคิโกะ ฮอฟฟ์แมน (Yukiko Hoffman) และ ไซค์ (SYKE) พร้อมๆกับการเก็บเบาะแสของลิลลี่ไปในตัว เซบาสเตียนได้ทำภารกิจตามสืบเบาะแสของลิลลี่ผ่านภารกิจ และกระดาษโน้ตบางส่วนที่กระจายๆกัน จนพบว่าตัวของสเตฟาโน่เป็นผู้ที่ถูกระบุว่ามีอาการทางจิตอย่างรุนแรง และแรงมากพอที่จะทำให้ระบบ STEM เกิดการขัดข้อง
อีกทั้งตัวของสเตฟาโน่ ก็ได้รับคำสั่งมาจาก “คนอีกกลุ่ม” แต่ด้วยพลังของลิลลี่ที่ทำให้เขาเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นการครอบครองตัวลิลลี่เสียเอง เอาไว้เพื่อใช้ประโยชน์จากพลังของเธอในฐานะ แกนกลาง
หลังจากไขปริศนาภาพศิลป์สุดจิตเพื่อแลกกับการเข้าถึงตัวลูกสาวที่ถูกลักพาตัวไป เซบาสเตียน ก็สามารถสังหารสเตฟาโน่ลงได้สำเร็จที่โรงละครในยูเนี่ยน
แต่เรื่องราวยังไม่จบง่ายๆ เพราะแม้ว่าเซบาสเตียนได้พบกับลิลลี่แล้ว แต่ลูกสาวของเขาก็ถูกบุคคลลึกลับที่เซบาสเตียนรู้จักเป็นอย่างดีลักพาตัวไป…“ไมร่า” เมียของเซบาสเตียนที่ทิ้งเขาไปเมื่อหลายปีก่อนนั่นเอง!!
หลังจากที่ได้สติอีกครั้งในห้องทำงานของตัวเอง เซบาสเตียนรู้สึกถึงบรรยากาศที่ต่างออกไป มันเป็นคุกใต้ดินที่มืดมิด มีแท่นบูชาลัทธิประหลาด เทียนไข และศพของคนที่ถูกเผาทั้งเป็นเกลื่อนกลาด และเมื่อเดินไปจนสุดทาง เขาก็ได้พบ “บาทหลวง ธีโอดอร์” (Theodore Wallace) ละได้ถูกชวนให้เข้ามาเป็นพวกเพื่อเอาชนะไมร่า หลังจากที่สเตฟาโน่หักหลังเขา และพยายามจะครองแกนกลาง (ลิลลี่) เอาไว้เอง แต่เซบาสเตียนปฏิเสธจึงถูกเล่นงานด้วยพลังอันแรงกล้าจนหมดสติไป
รู้สึกตัวอีกที เซบาสเตียนก็พบว่าตัวเองอยู่ในวงล้อมของปีศาจชาวเมืองยูเนี่ยน แต่โชคดีที่ “เอสเมรัลด้า ตอร์เรส” (Esmeralda Torres) มาร่วมมือกับเขาที่ชายป่านอกเมืองยูเนี่ยน เธอเปิดเผยกับเขาว่าตัวเธอเอง , คิดแมน และ ไมร่า ได้สมคบคิดที่จะทำลายองค์กรโมเบียสจากภายใน และพาลิลลี่หนีออกมา แต่ผิดแผนซะก่อน เพราะธีโอดอร์ต้องการครอบครองพลังของแกนกลางเอาไว้ใช้เสียเอง
เซบาสเตียนเดินทางกลับไปหา โอนีล อีกครั้งเพื่อขอข่าวสารเพิ่มเติม แต่ตอนนี้ โอนีลถูกพลังของธีโอดอร์เข้าครอบงำจนกลายเป็นสาวกแห่งไฟไปแล้ว…โชคดีที่ยูคิโกะรอดตายมาได้ ก่อนโอนีลจะตายก็ได้บอกถึงวิธีการทำลาย “พื้นที่ๆธีโอดอร์ซ่อนตัวอยู่ในอีกมิติของจิต” (Theodore’s realm) ด้วยการทำลายเครื่องส่งคลื่นรบกวน ทำให้เซบาสเตียนต้องวิ่งในมิติสีเลือดอันไร้ที่สิ้นสุด
แต่ด้วยเสียงของลิลลี่ที่แทรกมาในวิทยุเป็นระยะๆก็ทำให้เขาพบกับธีโอดอร์จนได้ และพยายามพูดขยี้แทงใจให้เซบาสเตียนเป็นพวกโดยอ้างลิลลี่ แต่เซบาสเตียน และลั่นไกใส่ธีโอดอร์ แต่กลายเป็นเขาลั่นไกใส่ตอร์เรสแทน..และตัวเขาก็หมดสติไปอีกครั้ง
ในความฝัน เซบาสเตียนได้พบกับไมร่า ที่เข้ามาให้กำลังใจเซบาสเตียน เธอยกโทษให้ในความเหลวแหลกในชีวิต ในฐานะพ่อ โดยไมร่ายืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับลิลลี่ไม่ใช่ความผิดของเขา เลิกกล่าวโทษตัวเอง ควรให้ความสำคัญกับการช่วยชีวิตเธอ
เมื่อได้สติ เซบาสเตียนก็พบว่าตอร์เรส ได้สละชีวิตเพื่อปกป้องเขา เซบาสเตียนรู้สึกผิดอย่างมากที่พาคนดีๆมาตาย แต่คิมิโกะได้อธิบายว่า แผลที่เขายิงใส่ตอร์เรสไม่หนักมาก แต่พวกปีศาจที่แห่กันเข้ามาต่างหากที่ทำให้เธอตาย ทำให้เขาตัดสินใจที่จะสู้ต่อโดยพวกโมเบียสต้องชดใช้
ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับ ธีโอดอร์ ที่เอาหอคอยลัทธิประหลาดของเขาผุดขึ้นมากลางยูเนี่ยน ภายใน STEM เริ่มปั่นป่วน และรอบๆหอคอยที่ว่าก็เต็มไปด้วยเปลวไฟที่เกิดจากพลังจิตที่ไม่สามารถดับลงได้
แต่ยูคิโกะก็ได้เอา “เครื่องลบพลังจิตแบบพกพา” ที่โอนีลได้สร้างไปใช้งาน จนทำให้เซบาสเตียนเข้าไปในหอคอยนั่นได้ แต่ยูคิโกะถูกเล่นงานจากพวกปีศาจไฟเสียชีวิต เซบาสเตียนสัญญากับคนที่จากไปเพื่อช่วยเขาว่าจะต้องจบเรื่องราวนี้ให้ได้…
การต่อสู้ของเซบาสเตียน และธีโอดอร์เริ่มขึ้น ธีโอดอร์สร้างมโนภาพจากความกลัวในใจของเซบาสเตียน ที่หวาดกลัวปีศาจในเหตุการณ์โรงพยาบาลจิตเวชเมื่อ3 ปีก่อนทั้ง ปีศาจเลื่อยไฟฟ้า ปีศาจตู้เซฟ และปีศาจลอร่า ทั้งหมดนี้ เซบาสเตียนสามารถเอาชนะอย่างง่ายดาย เพราะตอนนี้เขาไม่มีความกลัวในใจอีกต่อไป และเป้าหมายคือ พาลูกสาวของเขากลับบ้านเท่านั้น
ธีโอดอร์ที่พ่ายแพ้ ก็ถูกไมร่าที่ตอนนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบ STEM ที่ผิดพลาด สังหารลงในที่สุด…
ไมร่าพยายามขับไล่เซบาสเตียนให้ออกจากระบบ STEM โดยเธอจะอาศัยอยู่ในโลกมโนจิตแห่งนี้ และดูเหมือนว่าตัวเธอเองจะคุมสติตัวเองไม่ได้ด้วย แต่เซบาสเตียนก็พยายามตามไมร่าเพื่อปรับความเข้าใจกันและหวังว่าจะทำให้ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม… ซึ่งทุกอย่างมันเลยจุดที่จะหันหลังกลับไปแล้ว เพราะระบบ STEM เสียหายหนักมาก จนเซบาสเตียนพลัดตกลงไปในมิติหนึ่ง เป็นที่ๆปกคลุมไปด้วยหิมะอันหนาวเย็น
เซบาสเตียน ได้พบกับไมร่าอีกครั้ง ทั้งคู่พยายามพูดคุยกัน โดยเซบาสเตียนโน้มน้าวให้ไมร่า และลิลลี่ออกจากระบบนี้ไปด้วยกันสามคน และไปใช้ชีวิตครอบครัวกันเหมือนเดิม แต่ไมร่ากลับพยายามขังลิลลี่ให้อยู่ในระบบ เพื่อความปลอดภัยของเธอเอง ไมร่าเริ่มถูกระบบ STEMที่ผิดพลาดกลืนกิน ทำให้อารมณ์แปรปรวน สำนึกถูกผิดเริมผิดเพี้ยนไป และ คราวนี้ไมร่ากลายเป็นอสูรกายขนาดยักษ์ ทำให้เขาต่อสู้กับไมร่าอย่างไม่เต็มใจ และเอาชนะเธอจนกลับไปเป็นร่างเดิมที่หลุดพ้นจากระบบที่ผิดพลาดได้แล้ว…
ในโลกความจริง คิดแมนได้สังเกตบางอย่างรอบๆตัว จนรู้สึกได้ว่าไม่ชอบมาพากล เซบาสเตียนถูกใช้เป็นเครื่องมือในการตามหาลิลลี่ที่เป็นแกนกลางกลับมาจากการปกป้องของไมร่า และตอนนี้ไมร่าหมดสภาพของการป้องกันแกนกลางแล้ว ทำให้องค์กรพยายามจะฆ่าปิดปากเซบาสเตียน ทำให้คิดแมนตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยการทรยศองค์กรและช่วยเซบาสเตียนให้ได้ การดวลปืนในห้องบังคับการจึงเกิดขึ้น
ในขณะเดียวกัน ไมร่าได้ขอให้เซบาสเตียนพาลูกออกมาจาก STEM และพากลับบ้าน ส่วนตัวของไมร่าจะอยู่ที่นี่เพื่อทำลายระบบในไมโครชิฟที่ฝังอยู่ในหัวของคนในองค์กร ซึ่งจะมีผลทำให้สมองทำงานหนักเกินความจำเป็นจนเสียชีวิตได้ เป็นการเปิดทางให้เซบาสเตียนพาลูกหนีไป
ในโลกความจริง คิดแมนได้ฝ่าการป้องกัน เพื่อเข้าไปช่วยเซบาสเตียนให้ออกมาจากระบบ โดยผู้บริหารพยายามอธิบายถึงสาเหตุการสร้างโลกเสมือนอย่างยูเนี่ยน หรือการทดลองที่โรงพยาบาล ทั้งหมดก็เพื่อที่จะสร้างโลกที่ไร้ความเจ็บปวด โลกที่มีความสุข และไร้ซึ่งความขัดแย้ง เป็นโลกจำลองเสมือนที่ทุกคนมีความสุข และเขายอมไม่ได้ถ้าจะมีใครมาขวางความปรารถนานี้ ทำให้ผู้บริหารกดเปิดระบบทำลายไมโครชิปที่ฝังไว้ในสมองของคิดแมน หมายจะฆ่าเธอเสีย แต่เธอได้ผ่ามันออกเมื่อสามวันก่อนที่จะเข้าเริ่มภารกิจนี้ เพราะคิดไว้แล้วว่าต้องเกิดเรื่องแบบนี้ซักวันหนึ่ง แต่กลับเป็น ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ทุกคนขององค์กรโมเบียส เสียชีวิตแทน เนื่องจากการที่ไมร่าได้ทำลายระบบไมโครชิปจากภายในนั่นเอง
เซบาสเตียนก็สามารถพาลิลลี่ออกมาจาก STEM ได้ ทั้งสองพ่อลูกได้พบกันในโลกของความเป็นจริง คิดแมนแนะนำว่าให้รีบออกไปจากองค์กรให้เร็วที่สุด…ระบบ STEM และห้องทดลองถูกปิดตายนับจากนั้น…
The End
หลังเครดิต เซบาสเตียนพาลิลลี่ออกเดินทางไปยังถนนอันแสนไกลไร้จุดหมายเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามประสาสองพ่อลูก ส่วนคิดแมนขอแยกตามทางของตัวเอง และไม่มีใครรู้ชะตากรรมของเธออีกเลย…
ในห้องทดลองลับที่ปิดตายแห่งหนึ่ง หน้าจอของระบบ STEM ก็มีการเปิดระบบบางอย่างขึ้นมาเอง…
***ในเกมจะมีไมโครฟิลม์ชิ้นหนึ่งที่มีภาพของ “โจเซฟ โอดะ” คู่หูของเซบาสเตียนในภาคแรก คิดแมนระบุว่า โจเซฟยังไม่ตาย แต่ไม่สามารถเล่าอะไรได้มากนัก ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง บรรดาแม่ยกของพ่อหนุ่มแว่นคนนี้ก็ขอแสดงความยินดีด้วย!***
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
Gameplay
เกมเพลย์ของเกมนี้ยังคงความเป็นเกมแอคชั่นสยองขวัญเอาตัวรอด ด้วยกระสุน และไอเทมที่จำกัดจำเขี่ยเหมือนเดิม และยังคงมีระบบอัพเกรดคลื่นสมอง ที่จะทำให้ผู้เล่นเก่งขึ้น แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปมากที่สุดก็คือตัวเกมจะมีส่วนผสมเล็กๆของการเล่นแบบเกม Openworld มีการวิ่งเข้าบ้านหลังต่างๆเพื่อสำรวจหาไอเทม(เข้าไม่ได้ทุกบ้านนะ) มีการวิ่งออกตามหาวัตถุดิบ การผสมไอเทมเข้ามา ทำให้เกมมีความยาวกว่าภาคแรกอย่างมาก เพราะไม่ได้ล๊อกเส้นทางวิ่งผ่านด่านนั่นเอง และในเกมภาคนี้ มอบตัวเลือกให้ผู้เล่นได้ทำการตัดสินใจที่จะต่อสู้ วิ่งหนี หรือลอบแทงหลังด้วยการ Stealth ก็สามารถทำได้ แถมฉากสยองขวัญที่สามารถทำเอาหัวใจแทบหยุดเต้น บรรยากาศชวนอ้วก และมืด แคบ ยังคงมีอยู่ แต่ตัวเกมได้อัพสเกลเป็นเต็มจอแล้วด้วย
นอกจากระบบออโต้เซฟเกมแล้ว ยังมีจุดเซฟเกมเฉพาะมาให้ด้วย โดยสามารถหาจุดเซฟในเซฟเฮ้าส์ หรือห้องทำงานของเซบาสเตียนได้
เนื่องจากตัวเกมในช่วง Chapter ที่ 3 ขึ้นไป ตัวเกมบางส่วนจะเข้าสู่ระบบกึ่ง Openworld ดังนั้นการเปิดแผนที่เช็คตำแหน่งตัวเองบ่อยๆเป็นเรื่องที่ควรทำ และยังสามารถมาร์คจุดเป้าหมายได้อย่างอิสระด้วย
การบังคับ
ระบบเควสท์
ในเกมนี้จะมีเควสท์ย่อยให้ทำพอสอมควร ส่วนใหญ่ของรางวัลจะเป็น Green Gel หรือเศษวัสดุสำหรับอัพเกรดอาวุธ หรือสิทธิ์ในการเปิดหีบไอเทมขององค์กรโมเบียส และทำให้เราได้รู้เรื่องราวของพวกตัวละครยิบย่อยเพิ่มเติม บางเควสถ้าไม่ทำ เราก็จะไม่ได้อาวุธไว้ใช้งาน เช่นเครื่องพ่นไฟ ปืนหน้าไม้ ลูกซองแฝด เป็นต้น
การอัพเกรดความสามารถ
การอัพเกรดตัวละครยังคงมีมาเหมือนเดิมพร้อมกับพยาบาลสาวแว่นหน้าเดิม โดยคราวนี้ตัวเกมจะระบุชัดเจนเลยว่าาจะอัพเกรดสายไหน แล้วจะได้ผลลัพท์อะไรบ้าง แต่สิ่งที่ควรอัพให้เต็มหรือมากที่สุดคือแถบ HP และ ค่า Stamina เพราะเราจะอึดขึ้น และวิ่งได้นานขึ้น อีกส่วนที่สำคัญก็คือทักษะการใช้อาวุธ ก็ควรอัพตามกันด้วย
ส่วนการได้ Green Gel มาอัพเกรดนั้นส่วนมากมาจากการฆ่าปีศาจในเกม แต่ก็มีเงื่อนไขได้แต้มตรงนี้มาจากการ “จูนคลื่นวิทยุ” ให้เราเข้าใกล้สัญญาณสีขาว และดักฟังเรื่องราวจนจบ เราก็จะได้ Green Gel มาอัพเกรดความสามารถตัวละครได้ด้วย นอกจากนี้ การเก็บแผ่นฟิลม์ที่กระจายตามฉากแล้วมานั่งดูที่ออฟฟิซก็ได้เหมือนกัน อีกจุดที่ห้ามพลาดก็คือตู้กดน้ำ เราสามารถทุบตู้กดน้ำได้ 2-3ครั้งเพื่อสุ่มออก Green Gel ขวดใหญ่ได้เช่นกัน
การผสมไอเทม
เกมนี้กระสุนหายากกว่าภาคแรกอย่างชัดเจน (แม้ว่าจะเล่นในความยากระดับ Survival ที่เป็นความยากปานกลาง ซึ่งในภาคแรกท้ายๆเกมนี่แจกกระสุนรัวๆเลย) และเมื่อกระสุนหายากขึ้น แต่สิ่งที่เราจะได้รับมาแทนคือ ระบบสร้างไอเทม โดยไอเทมที่สามารถสร้างได้ก็จะมีกระสุนปืน ลูกดอกหน้าไม้ และยาฟื้นเลือด
กระสุนปืน – ใช้ Gunpowder (ดินปืน) ตามจำนวนที่กำหนด ยิ่งปืนที่ผ่านการอัพเกรดสูงๆ จำนวนดินปืนที่ทำกระสุนก็จะใช้เยอะตามไปด้วย
หน้าไม้ – ใช้ ท่อแป๊ป + ดินปืน หรือวัตถุดิบอื่นๆ
ยาฟื้น HP – ใช้สมุนไพร 3 ชิน / ยา1หลอด โดยสมุนไพรสามารถหาได้ตามพงหญ้าในฉากเมืองยูเนี่ยน หรือสถานที่ต่างๆในเกม
ส่วนการอัพเกรดปืน ง่ายๆเลย เก็บไอเทมที่มีชื่อว่า Weapon Part ยิ่งด่านหลังๆจะให้มาเยอะราวๆ 50-100ชิ้น ต่อการเก็บ 1 ครั้ง ใช้พาร์ทพวกนี้อัพเกรดสมรรถนะอาวุธ ส่วนการเพิ่มเลเวล ให้ใช้ HighGrade Werapon Part ที่หาค่อนข้างยาก ถ้าจะอัพให้ครบทุกชนิด ควรเล่นรอบสองครับ
ของรางวัลหลังจบเกม
ปืนแม็กนั่ม / Green Gel 40,000 แต้ม / ชุดเซบาสเตียน 3 แบบ / โหมด Classic ที่มีความยากสูง / โหมด New Game+ ที่สามารถโอนของจากการเล่นรอบที่แล้วมาใช้ได้ ทั้งอาวุธ การอัพเกรดต่างๆ รวมไปถึงไอเทมปลดล๊อกจากการจบเกม แต่จะสามารภใช้ได้หลังจาก Chapter 2 ขึ้นไป
+
+
+
+
+
+
Review 9/10 Rank A
เนื้อเรื่อง 3/3 , เกมเพลย์ 3/3 , งานภาพ 2/3 , ความชอบ 1/1
มาถึงเกมภาคต่อที่สารภาพว่าไม่คิดว่าจะได้เล่นเร็วขนาดนี้ เพราะข่าวของการพัมนาภาคต่อของ The Evil Within นั้นค่อนข้างเงียบมากๆ และอยู่ๆในงาน E3 2017 เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก็มีเทรลเลอร์พร้อมวันวางขายอย่างชัดเจนออกมา ทำให้คอเกมสยองขวัญอย่างแอดมินตื่นเต้น และดีใจเหมือนเจอเพื่อนเก่ากันเลย
เมื่อภาคแรก เล่นกับความไม่รู้ ปริศนาของเนื้อหาที่แสนเศร้าของการสร้างระบบ STEM ที่เป็นโลกเสมือนสุดวิปริต … มาในภาคที่สอง ทีมพัฒนาจึง “ขยี้” กับสิ่งที่เรารู้ให้ลึกยิ่งขึ้น โดยจะเน้นไปที่ตัวละครพระเอกอย่าง เซบาสเตียน ให้เข้มกว่าเดิม เพราะในภาคแรกเราจะรู้เรื่องราวปูมหลังของเขาผ่านทางสมุดไดอารี่แบบหลวมๆเท่านั้น โดยในส่วนของการเล่นกับเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างจะลึก และมีพล๊อตซ้อน จนคิดว่าสิ่งที่เทรลเลอร์นำเสนอนั้นเป็นเพียง 10% ของเนื้อหาทั้งหมดในเกมเท่านั้น (หากเราเก็บเอกสาร และ Text มานั่งไล่เรียงกัน เราจะรู้เรื่อง และดำดิ่งได้มากขึ้น) ชีวิตของเซบาสเตียนอันแสนจะบัดซบ ได้รับการเปิดเผยอย่างจริงจังในภาคนี้ ซึ่งถ้าเราเล่นไปซักพัก เราจะรู้สึกว่า ตัวเกมกำลังเล่นกับ “การคาดเดาตอนจบของผู้เล่น” ซึ่งมันก็ไม่ผิดไปจากที่คาดนัก แต่เล่าได้ดี อิ่มเอม และประทับใจครับ
เกมเพลย์ เป็นส่วนที่พัฒนามาไกลมากๆ จากภาคแรกที่ตัวเกมล๊อกเส้นทาง วิ่งจากจุด A ไปจุด B แล้วแก้ปริศนาชวนหัวร้อน ภาคสองนี้ได้ลดปริศนาลง เน้นความเป็นเกมกึ่ง Openworld เกมเพลย์หลายๆจุดเป็นมิตรกับผู้เล่นมากๆ (แต่ของหายากกว่าเดิม) ซึ่งส่วนตัวคาดเดาว่าทีมพัฒนากำลังทดลองทำเกมสไตล์ Openworld สยองขวัญอยู่หรือเปล่า ซึ่งถ้าทำจริงๆ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เพราะเควสท์เสริมที่ใส่มานั้น ไม่จูงใจเท่าที่ควร เราไม่รู้ว่าเราทำเควสท์นี้ไปเพื่ออะไรมันดูเคว้งคว้างไปนิด แต่จัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและจับต้องได้บ้าง
เวลาที่ใช้เล่นทั้งหมด แบบเก็บครบ แอดมินตีไป 20 ชม.ครับ แต่ถ้าเล่นแบบเอาเนื้อเรื่องหลักอย่างเดียวก็ราวๆ 10 ชม.บวกลบนิดหน่อย ก็น่าจะจบได้ครับ
ส่วนเกมเพลย์ของการยิงดวลกับบอส เป็นอะไรที่สาหัสมาก เพราะเกมนี้ถ้าบริหารกระสุนไม่เพียงพอ หรือเอะอะไล่ยิงพวกตัวยิบย่อยข้างทางแบบ “คริส เรดฟิลด์” ล่ะก็ พอชนบอสจริงๆ กระสุนไม่พอใช้แน่ๆ แนะนำว่าให้เซฟ 2 สล๊อตสลับกันเพื่อโหลดในจุดที่มีกระสุนเหลือใช้ และพยายามผ่านโดยใช้ Stealth Kill ครับ ซึ่งระบบ Stealth เกมนี้ก็ทำได้ไม่ยาก แต่ระยะการมองเห็นมันก็จะตลกๆหน่อย บางทีเราอยู่หลังกำแพง มันยังมองเห็นเลย และถ้าซ่อนดีๆ บอสบางตัวเราก็ไม่ต้องฆ่าเลยด้วย วิ่งผ่านไปดื้อๆก็มี
งานภาพ ตัวเกมใช้งาน STEM Engine ที่พัฒนาต่อยอดมาจากเกม DOOM แต่ลดดีเทลลงเล็กน้อย ในกรณีเล่นบน PS4 มีอาการค้าง โหลดฉากแบบ Pre Shade ให้เห็น มาทีละเลเยอร์จนออกมาเป็นงานภาพที่สมบูรณ์ ก็แอบหงุดหงิดบ้าง การเลื่อนไหวค่อนข้างเบลอๆ ชวนมึนพอสมควร ใครที่มีอาการ Motion Sickness ล่ะก็ เกมนี้แอดมินไม่แนะนำให้หามาเล่นครับ เพราะหมุนกล้อง ส่ายกล้องขวนเวียนหัวใช้ได้เลย
นอกจากนั้นตัวเกมเองก็มีหลายๆจุดที่เป็น “บั๊ก” ปีศาจฆ่าไม่ตาย แต่ก็ไม่มาทำอะไรผู้เล่นนะ เพราะขาข้างนึงมันจมอยู่ในฉาก(ตัวในภาพ) ตอนแรกไม่รู้ ประเคนกระสุนใส่รัวๆ พอมาดูดีๆ “อ้าว ติดบั๊กนี่หว่า” ซะงั้นไป หรือบางทีมีตัวพ่นไฟใส่ทะลุกำแพงในฉากเนื้อเรื่องคัตซีนอีกด้วย และไม่ได้เป็นแค่ครั้งสองครั้ง แต่เราเจอกันเรื่อยๆ
สรุป เป็นเกมสยองขวัญแอคชั่นที่สมควรหามาเล่น (รอลดราคาก็ได้) แม้ว่าตัวเกมจะมีปัญหางานภาพเพียงเล็กๆน้อยๆก็ตาม แต่ทั้งหมดที่ว่ามานั้น มันเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับเนื้อเรื่องที่เล่าสนุก และมีความยอดเยี่ยมเหมือนหนังฟอร์มใหญ่ในช่วงท้าย ถ้าเล่าให้เห็นภาพ เกมนี้ก็คงเป็น Inception + Silent Hill + Residet Evil นั่นละครับ! (แอดมินใช้เวลา 14 ชม.ในการจบเกมที่ความยากระดับ Survival – ธรรมดาครับ)
และสิ่งที่เกมนี้บอกเราได้ดีที่สุดก็คือ …”ความรักของคนเป็นพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่เสมอ !!”
แอดมิน Ak47
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก