ต้องเป็นคนดี หรือ ปีศาจ ถึงจะมีอำนาจในมือ
เตรียมเปิดวาระโคตรชั่ว! กับ “The Devil’s Deal ดีลนรกคนกินชาติ”
ภาพยนตร์ทริลเลอร์เกาหลีสุดเข้มข้น เฉือนคมคนการเมือง
27 เมษายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
เตรียมพบกับภาพยนตร์ทริลเลอร์การเมืองสุดเข้มข้นที่ส่งตรงจากเกาหลี “The Devil’s Deal ดีลนรกคนกินชาติ” เรื่องราวของเกมการเมืองสุดเดือดที่ฟาดฟันกันด้วยเล่ห์เหลี่ยม กลโกง แผนลับ และการเชือดเฉือนกันเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ผลงานการกำกับโดยผู้กำกับจาก The Gangster, The Cop, The Devil ซึ่งหลังจากเข้าฉาย The Devil’s Deal ก็กวาดรายได้ขึ้นอันดับหนึ่ง บ็อกซ์ออฟฟิศเกาหลี พร้อมทำสถิติเปิดตัวสองวันแรกสูงสุดของปี กลายเป็นภาพยนตร์เกาหลีที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดของปี 2023
The Devil’s Deal ดีลนรกคนกินชาติ ผลงานประชันฝีมือของ 3 สุดยอดนักแสดงคุณภาพอย่าง
โจจินอุง (The Handmaiden, The Spy)
อีซองมิน (Remember, ซีรีส์ Reborn Rich และ Shadow Detective)
และ คิมมูยอล (The Cop, ซีรีส์ Juvenile Justice และ Trolley)
ที่มารวมพลังถ่ายทอดเรื่องราวปมการเมืองสุดเข้มข้น
เมื่อ แฮอุง (แสดงโดย โจจินอุง) ผู้ลงสมัครเลือกตั้งที่ถูกตัดสิทธิ์ออกจากการเลือกตั้งในฐานะ สส.ของพรรคประชาธิปไตย กำลังหาทางกลับเข้าสู่การแข่งขันอีกครั้ง โดยได้รับความช่วยเหลือจาก พิลโด (แสดงโดย คิมมูยอล) หัวหน้าแก๊งเงินกู้นอกระบบที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน พิลโดปล่อยเงินให้แฮอุงกู้ 2 ล้านวอน แต่จริงๆแล้วเป็นเงินของทางผู้รับเหมาก่อสร้างที่ทั้งสองได้เอา เอกสารความลับเรื่อง “การปฎิรูปที่ท่าเรือปูซาน” มาค้ำประกันว่า ในอนาคตจะทำกำไรนับร้อยเท่า และถ้าแฮอุงได้เข้าสภา เขาจะผลักดันเรื่องนี้ และทำให้ปูซานกลายเป็นแหล่งรวมอาพาร์ทเม้นท์หรู ทีดินแพงแบบ 200% กันเลย ทำให้นักเลงเงินกู้นอกระบบ ร่วมมือกับผู้รับเหมา ผลักดันให้แฮอุงเข้าสู่การหาเสียงที่สกปรก ในหน้าฉากของคนรักบ้านเกิด…
พิลโด
และอุปสรรคใหญ่ก็คือ นักการเมืองระดับบิ๊กของพรรคประชาธิปไตย ซุนแท (แสดงโดย อีซองมิน) ผู้ที่วางหมากคนของเขา และเขี่ยให้แฮอุงต้องลงจากว่าที่ผู้สมัครสส. และยังเป็นเป้าหมายสำคัญที่แฮอุงต้องล้มให้ได้…
นี่จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเกมสกปรกพร้อมใช้ทุกเล่ห์เหลี่ยมเพื่อช่วงชิงอำนาจโดยไม่สนวิธีการ
Review
หนังการเมืองเหี้ยมๆ ของคนเหลี่ยม
เหี้ยมทั้งเรื่อง…ไม่มีวัวผสม!
ตึงตั้งแต่นาทีแรก ยัน End credit ขึ้น
เป็นหนังแนวดราม่าเข้มๆที่คอการเมืองจะรู้สึกว่า นี่มันโคตรแฟนตาซีในคราบการเมือง อย่างแท้จริง ถ้าจะให้อินกับเรื่องราวของหนัง ก็น่าจะเป็นคนที่มีองค์ความรู้เรื่องการเมืองเกาหลีใต้ซักนิดๆหน่อยๆ
เอาเป็นว่า รู้แค่ว่า ในช่วงยุค 60-80 เนี่ย เกาหลีใต้ถูกปกครองในระบบของทหารมาเป็นระยะยาวนาน และลากยาวมาจนถึงช่วงต้นยุค 90 ที่มีการเลือกตั้งครั้งใหญ่หลังระบบทหารถูกนำออกจากสมการการเมืองที่ผูกขาดเกาหลีใต้มานานนับสิบๆปี เป็นเวลาที่ชาวเกาหลีใต้บางส่วนพร้อมที่จะเข้าสู่โลกการเมือง ถกปัญหาเชิงโครงสร้าง และลงมือทำอะไรซักอย่างเพื่อหวังจะเห็นสิ่งใหม่ๆขึ้นมา…และการลงสมัครเป็นสส.ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศด้วย…
ถึงแม้ว่าหนังจะปูต้นเรื่องว่า “เป็นเรื่องสมมติ ไม่อิงจากความจริง” แต่ต้องยอมรับว่าภาพการเมืองเกาหลีใต้ในเวลานั้นมันฉูดฉาด พอๆกับสีสันของท่าเรือปูซาน แม้ว่าการทหารจะถูกลดบทบาท แต่ไม่ใช่ว่าจะหายไป ในเมื่อขั้วการเมือง ยังคงเป็นเรื่องราวของคนยุคเก่าครองอำนาจ และมี Power ระดับพลิกขาวเป็นดำ คนรุ่นใหม่ๆอย่าง แฮอุง พระเอกของเรื่อง ที่มีฝันอยากเปลี่ยนแปลงให้ชาวบ้านในแถว “หาดแฮอุนแด” (หรือ ปูซานในปัจจุบัน) อยู่ดีกินดี มาด้วยความตั้งใจที่บริสุทธิ์ และหวังจะยกระดับชีวิตครอบครัวตัวเองในอีกทางหนึ่งด้วย
แฮอุง
แต่เมื่อโลกมันกลม สังคมมันเหลี่ยม แฮอุงที่ทำเพื่อชาวบ้าน กลับไม่ถูกใจแกนนำ พรรคประชาธิปไตย ที่เป็นคนหัวเก่าอำนาจล้นมือ อย่าง ซุนแท ทำให้แฮอุงต้องโดนเด้งออกจากพรรค และกลายเป็นผู้สมัครสส.อิสระแทน ด้วยเครดิตที่ดีจากการลงเล่นการเมือง ทำให้แฮอุงพอจะมี เส้นสายต่างๆในระดับท้องถิ่น เพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียน อัยการ ไปจนถึง “อันธพาลเงินกู้”
ซุนแท
เรื่องราวจะเริ่มยุ่งเหยิงขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนรอบตัวแฮอุงนั้น เป็นคนที่เข้ามาด้วย “ผลประโยชน์” ล้วนๆ แต่นั่นก็ทำให้แฮอุงแข็งแกร่งในเวทีการเมือง ที่ภาพลักษณ์ดูดี และหลังบ้าน ยันงานสกปรกใต้ดินเองก็จัดว่า “เซียน” มากๆ…นำไปสู่เรื่องราวของการบริหารเส้นสาย Connection ต่างๆ ลามไปถึงสารพัดกลโกงที่ทั้ง แฮอุง และ ซุนแท ปาใส่กัน ทั้งการใส่ซองให้เหล่าหัวคะแนนในชุมชน ไปจนถึงการฮั้วกับ กกต.เกาหลีใต้ ในการสร้าง “บัตรเขย่ง” เมคผลคะแนนปลอมขึ้นมาเพื่อขัดขาและบลัฟใส่กัน และการเล่นกันถึงตาย!
จากนักการเมืองมีฝันสวยงาม แฮอุง ค่อยๆถลำลึกสู่ “การเป็นนักการเมืองชั่วๆคนนึง” เพราะอุดมการณ์ ไม่ได้ทำให้โลกเป็นไปดังหวัง แต่เป็นพลังของ “เส้นสาย” ที่ทำให้เขาเข้าใกล้ความปราถนาได้ชัดเจนกว่า…
เรื่องราวในหนังเต็มไปด้วยจุดที่พลิกผัน และดูสนุกมากๆ หนังอาศัยการเล่าเรื่องแบบตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม ไม่วาทกรรมเยอะ เพราะเรื่องราวมันไม่จบแค่การเลือกตั้งสส. มันลามทุ่งไปยังโครงการลับ ที่อิงกับเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นจริงในปูซาน ปนๆไปกับเรื่องชั่วๆที่ตัวละครแต่ละตัวเริ่มซุกไว้ ตั้งแต่ตัวเอก เพื่อน ตัวร้าย และ ขุดมาเกทับใส่กัน
นำไปสู่การเปิดโต๊ะเจรจาที่ห้ำหั่นจนซีนสุดท้าย…แม้แต่คนที่ไว้ใจที่สุด ก็อาจจะแทงหลังได้ทุกเวลา ถ้าผลประโยชน์ดีกว่า
เห็นหนังเกาหลีที่เนื้อเรื่องถ่ายทอดงานภาพออกมาเนือยๆ แต่ถ้าโฟกัสกับสิ่งที่ตัวหนังอยากเล่าจริงๆ ก็จะพบว่า หนังมีจุดพีคในแง่เนื้อเรื่องที่ค่อยๆป้อนใส่คนดูให้รับรู้ แล้วบิดเทกระจาดเมื่อถึงเวลา มอบความตึง และบทสรุปของเรื่องที่
เออ มันก็น่าจะจบแบบนี้แหละ เรียลดี
ซึ่งหนังมันก็ทำหน้าที่บอกอย่างชัดเจนว่า…
เกมการเมือง ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร มีแค่ผลประโยชน์ที่ วิน-วิน ก็จบ!
หวังว่านักการเมืองบ้านเรา คงไม่ได้โฉดชั่วเหี้ยม..ม.หายแบบในหนังก็พอครับ
The Devil’s Deal ดีลนรกคนกินชาติ 27 เมษายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
แอดมิน AK47