(เครดิตภาพจากไทยรัฐ)
หากใครที่ได้เคยชมเรื่องราวของ “คมแฝก” และ “รุกฆาต” หนึ่งในสุดยอดละครไทยสายพันธุ์ฮีโร่ (ภูธร) จะต้องประทับใจในเรื่องราวการต่อสู้ของคนดี ที่ถูกอิทธิพลเถื่อนแย่งชิงคนรัก ความเชื่อใจ และความสุขของผู้คนในชุมชนเมืองพล ที่ตั้งอยู่ใจกลางของทางภาคอีสานบ้านเราอย่างแน่นอน
ด้วยเนื้อหาที่เรียนง่าย ดูสนุก และโอเวอร์แอคติ้ง จนกลายเป็นกระแสในช่วงปี พ.ศ.2550-2552 อย่างมาก ทุกทั่วหัวระแหงต้องมีเสื้อยืดเด็ก ที่สกรีนลายรูป “พี่ป๋อ” ณัฐวุฒิ สกิดใจ พระเอกของเรื่องขายตามตลาดนัด และยังมีไม้คมแฝกพลาสติก ที่เป็นของเล่นที่วางขายหลายราคา (บางอันก็ดูง่อยๆ แต่ถ้าฟาดลงเหลี่ยมมุม ก็มีแผลได้เช่นกัน) ซึ่งนั้นก็เป็นเรื่องราวความดังของละครเรื่องนี้…
ทว่า มีคำถามคาใจแอดมินอยู่เรื่องหนึ่ง ที่ผ่านไปหลายปี ก็ยังคงหาคำตอบอยู่นานสองนาน...”ไม้คมแฝก มีจริงๆเหรอ?” รวมไปถึงเรื่องของ “ท่าไม้ตายเว่อวังอลังการแบบในละครนั่นก็จะมีจริงหรือไม่?” และนี่คือบทความที่จะมาร่วมกันหาคำตอบกันครับ
ข้อมูล และภาพประกอบบทความ รวบรวมจาก
TrekkingThai — เว็บไซต์เพื่อการเดินป่า พาคนไทยไปเที่ยวธรรมชาติ
เว็บนิตยสารอาวุธปืนgunsandgames.com
ภาพไม้คมแฝกจากเพจ Lampang Knives & Camping
และการพูดคุยกับญาติผู้ใหญ่ของแอดมินหลายๆท่าน ก็ขอยกเครดิตให้กับท่านเหล่านี้ด้วย…
คมแฝก เป็นอาวุธหรือไม่!?
ถึงจะเป็นไม้ ดูไม่มีพิษภัย แต่ถ้าดู ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา ๑ (๕) ได้นิยามคำจำกัดความของอาวุธไว้ว่า…
“อาวุธ” หมายความรวมถึงสิ่งซึ่งไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ แต่ซึ่งได้ใช้หรือเจตนาจะใช้ประทุษร้ายร่างกายถึงอันตรายสาหัสอย่างอาวุธ”
ดังนั้น ประโยชน์ใช้สอยของไม้คมแฝก คือการตีคนเท่านั้น ไม่มีจุดประสงค์อื่นใดตามพฤตตินัย ซึ่งต่างจาก “ไม้เบสบอล” หรือ “ไม้กอล์ฟเหล็ก 5″ ที่ยังพอแถได้ว่า เป็นอุปกรณ์กีฬา ยังหาประโยช์หลักได้นั่นเอง
สรุป “ไม้คมแฝก เป็นอาวุธโดยสภาพ” แน่นอนครับ!!
ที่มาของไม้คมแฝก
จากการรวบรวมข้อมูลที่สามารถค้นหา และพอจะเชื่อถือได้บ้าง มีเรื่องราวอยู่สองสายครับ
เรื่องแรก ไม้คมแฝก เป็นอาวุธที่ทำเลียนแบบอาวุธดาบ หรือกระบองสั้น เพื่อใช้พกพาในเมืองช่วงสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อไม่ให้ประชาชนในตัวเมืองตื่นตระหนก เพราะบ้านเมืองเพิ่งผ่านช่วงการศึกสงครามมา เป็นอาวุธที่พลเรือนสามารถทำใช้กันเองได้ไม่ยาก และสืบเนื่องมาจนถึงยุครัตโกสินทร์
เรื่องที่สอง ไม้คมแฝกต้นกำเนิดอยู่ในสมัย รัตน์โกสินทร์ (บางที่ก็ว่าอยู่ช่วงราวๆ รัชกาลที่ 5) จาก ย่านพาหุรัด โดยในสมัยนั้นจะมีชาวอินเดียที่มาประกอบอาชีพ “แขกยาม” (ยามบอกเวลา และเฝ้าเวรยามในค่ำคืน) โดยแขกยาม จะพกไม้คมแฝก ที่ถอดแบบมาจากไม้กระบองของสันติบาล (ตำรวจ) และยักษ์วัดแจ้ง โดยหลักแล้วมีไว้ไล่ตีขโมย หมาแมวที่มาคุ้ยหาอาหารจากกองขยะในชุมชนพาหุรัด และยังใช้ในการตีฆ้องเพื่อบอกเวลาอีกด้วย
ส่วนเรื่องไหนจะเป็นเรื่องจริงนั้น ก็ไม่มีใครทราบได้…
ไม้คมแฝกกับนักเลง
เท่าที่ฟังจากปากคำของผู้ใหญ่ที่เคยเล่าให้ฟัง ท่านบอกมาว่า “นักเลง” กับ “อันธพาล” นั้นต่างกันอย่างสุดขั้วในแง่ของพฤติกรรม
และความหมาย โดยคำว่า “นักเลง” หมายถึงคนที่มีความกล้า มีความเป็นนักสู้ และบ้าดีเดือด แต่ต่อสู้ด้วยความเป็นสุภาพชน รู้จักโอนอ่อน รู้ตัวเองเสมอว่ากำลังทำอะไร ไม่รังแกใครก่อน ตีกันเพื่อสั่งสอน และไม่ทำร้ายคู่ต่อสู้จนเกินพอดี คนกลุ่มนี้จะนับถือน้ำใจกันมาก ไม่มีการลอบกัด แพ้คือแพ้ ไม่ก้าวก่ายกัน ส่วนผู้ชนะก็ไม่เหลิง และให้เกียรติผู้แพ้เช่นกัน
ซึ่งผิดกับ “อันธพาล” ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่นับได้ว่าเป็นปัญหาสังคมอย่างมาก พวกเขาไม่มีเหตุผลมารองรับการกระทำ และทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ ลอบกัด ทีเผลอ ใช้อาวุธ โกงได้โกง ระรานชาวบ้านราวกับเป็นอาชญากร ผูกใจเจ็บแค้น และไม่เคารพผู้อาวุโสกว่าในบางคนบางกลุ่ม มักจะเป็นลิ่วล้อให้พวกผู้มีอิทธิพลมากกว่า เพราะคนพวกนี้ เงินซื้อได้
ซึ่งไม้คมแฝก จัดเป็นของคู่กายของ“นักเลง”ยุคก่อนพวกนักเลง พ.ศ.2499 เสียด้วยซ้ำ (จากประวัติที่เล่าไปในหัวข้อก่อนหน้า) จุดประสงค์ของไม้คมแฝกในมือนักเลง คือการตีเพื่อสั่งสอน และป้องกันตัว แต่ก็เป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวอย่างลูกผู้ชาย ซึ่งแน่นอนว่าไม้คมแฝก ถือเป็นอาวุธที่อานุภาพร้ายแรงมาก ด้วยแรงหวดจากน้ำหนัก กับแรงเหวี่ยง รวมเข้ากับความคมของเหลี่ยมมุม จึงเกิด “แผลแตก” กับเป้าหมายอย่างไม่ยากเย็น ซึ่งถ้าเป็นนักเลงด้วยกันจะรู้เลยว่า ถ้าตัวเองโดนตีจนแผลแตก ต้องหยุด และยอมถอยแต่โดยดี ส่วนผู้ขนะจะไม่มีการซ้ำ เพราะถือว่าได้สั่งสอนเรียบร้อยแล้ว และฝ่ายตรงข้ามก็มีครอบครัว คนที่รักต้องดูแล เช่นกัน
อีกทั้งคมแฝกในมือนักเลง จะเน้นการฟาดไปตามข้อต่อ หน้าแข้ง แขน เพื่อหยุดการเคลื่อนไหว และยอมแพ้แต่โดยดี จะไม่มีการเล็งไปที่หัวโดยเด็ดขาด เพราะเป็นจุดที่สามารถเอาถึงตายได้เลย อีกทั้งสมัยก่อน ลูกผู้ชายต้องบวชพระ การมีแผลที่หัวตอนห่มผ้าเหลือง ก็ถือว่าไม่เหมาะ แถมเป็นการทำบาปกรรมแก่ตัวผู้บวช และตัวผู้ตีอีกด้วย
ลักษณะของไม้คมแฝก
ไม้คมแฝก จะมีความยาว 50 เซนติเมตรหรือ 1 ศอก (ไม่รวมด้ามจับ) มีความกว้าง 2 นิ้ว (บางเจ้าก็ราวๆ 1 นิว 7 หุน ขึ้นอยู่กับฝีมือช่าง และความถนัดของผู้ใช้) น้ำหนักจะอยู่ที่ราวๆ 5 ขีด -15 ขีด (ยิ่งหนัก แรงเหวี่ยงในการฟาดยิ่งสูง) ตรงปลายด้ามจับเจาะรูไว้สำหรับร้อยเชือก (ในอดีตจะใช้เศษผ้าดิบขดเป็นเชือก) ประโยชน์ของเชือกที่ว่าก็คือการเอาไว้แขวนตามฝาบ้าน หรือแขวนข้อมือผู้ใช้กันหลุดจากมือไปโดนผู้อื่นที่ไม่ใช่เป้าหมาย
ตัวไม้มีการเหลาขัดเหลี่ยม(ทรงขนมเปียก
แถมยังมีการแกะลายอักขระภาษาบาลี จากพระเกจิอาจารย์ หรือไม่ก็เป็นภาษาขอมเพื่อเพิ่มมนต์ขลัง (ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งกุศโลบายในการลดความห้าวของนักเลงให้เป็นคนดี มีศีลธรรม ไม่รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่านั่นเอง)
คมแฝกยังสามารถแยกตามการใช้งานเป็น 3 ประเภทใหญ่
(ข้อมูลจาก thaimartialartshouse)
1 ไม้ตอก เป็นคมแฝกขนาดเล็กสุด ยาวประมาณศอก พกเหน็บตามชายผ้าขาวม้า ไม่จำกัดชนิดของไม้ที่นำมาทำเพราะเป็นไม้ทีเผลอ ใช้แล้วทิ้ง
2 ไม้ตัด/ไม้ตี เป็นคมแฝกขนาดปกติที่เห็นหรือรู้จักกันโดยทั่วไป เป็นอาวุธที่นักเลงหรือนักสู้ใช้ เพราะพกง่ายและสะดวกกว่าดาบ ยิ่งคนที่มีฝีมือใช้แล้ว บางครั้งปะทะกับดาบก็ยังไหวเลยทีเดียว สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างไม้ตัดและไม้ตีคือหน้าตัด หน้าตัดสี่เหลี่ยมเปียกปูนจะเป็นไม้ตัด ซึ่งมีลักษณะแคบบาง กินลมดี ในขณะที่หน้าตัดเกือบสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือทรงป้่าน จะเป็นไม้ตี ซึ่งจะให้น้ำหนักในการตีการหวดมากกว่า แม้จะไม่คล่องแคล่วเท่าไม้ตัด
3 ไม้ตรึง เป็นคมแฝกที่มีขนาดยาวและใหญ่ที่สุด บางเล่มยาวเท่าไม้หาม ไม้คานเลยทีเดียว คมแฝกประเภทนี้ ใช้สำหรับเฝ้าบ้าน โดยมักจะวางบนคานบ้าน คนแก่ สาวๆ หรือเด็กๆ สามารถใช้งานได้ หน้าที่ของคมแฝกชนิดนี้ก็ตามชื่อคือเพื่อตรึงผู้บุกรุก ไม่ให้เกินเลยเข้ามา
ไม้ตายคมแฝก
สิ่งที่เราเห็นในละครนั้น อาจจะดูเกินจริงไปมาก ด้วยท่าทางต่างๆที่พริ้วไหวราวกับเตรียมคิวมาเป็นอย่างดี แต่ในบรรดาท่าทางสุดเว่อวังนั้น ก็ได้อ้างอิงจากลักษณะการใช้ไม้คมแฝกในรูปแบบต่างๆทั้ง ฟาด ปัด สกัด ป้อง และไม้คมแฝก ยังสามารถนำวิชาดาบไทยมาประยุกต์ใช้งานได้จริง เพราะลักษณะของอาวุธชนิดนี้มีความใกล้เคียงกัน แต่จะเน้นการตีเข้าข้อมือ ข้อแขน ข้อขาเป็นหลักเพื่อสั่งสอนเท่านั้น โดยไม้คมแฝกจะมีเพลงตีทั้งหมด 12 เพลง เหมือนกันกับกระบี่กระบอง คนที่ตีจนชำนาญหรือใช้จนชำนาญ สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ในเวลาไม่มากนัก (ไปดูเอาในเพลงเปิดละครได้ ใกล้เคียงกัน)
ส่วนท่าในละครที่ออกแนวแฟนตาซี ใส่ไข่เอามันส์ ก็จะมี
หักปีกปักษา / นาคาพ่นไฟ / คมจักนารายณ์ /พยัคล้มสิงขร / สะท้านบรรพต / พญายมข่มธรณี / อัคคีสาดแสง / ครุฑาถลาลม / โค่นเขาพระสุเมรุ / สุบรรณปั่นนาคี / เอราวัณยาตรา / สุบรรณสนั่นภพ / พิฆาตเวนไตย
ไม้ตะพด กับคมแฝก มีพื้นฐานที่ใกล้เคียงกัน สามารถนำมาประยุกต์ใช้กันได้…
โดยลักษณะการจับไม้คมแฝกก็จะเป็นการยกไม้คมแฝกไว้ระดับสูงเหนือระยะสายตาเล็กน้อย เพื่อการออกท่าที่ว่องไว ซึ่งถ้าหากถือมั่วๆ นอกจากจะตีไม่โดน เพราะเป้าหมายรู้เชิง และทิศทางแล้ว ยังจะย้อนมาตีหัวผู้ใช้อีกด้วย
ดังนั้นการตีกันของผู้ใช้คมแฝกที่เป็นงาน จะถือในระยะที่สามารถออกท่าได้ว่องไวต่อการรุก (ซึ่งก็คือหว่างคิ้ว / ทัดดอกไม้) และรับในเสี้ยววินาที เน้นกาารเหวี่ยงข้อแขน และข้อมือในการกวาดเหวี่ยงไม้ หวังพึ่งน้ำหนัก และแรงเหวี่ยงเข้าตีมากกว่าการวาดแขนเป็นวงกว้าง
แน่นอนว่า ไม้คมแฝก ถือเป็นอาวุธ ดังนั้นการครอบครอง จึงไม่สามารถพกไปในที่สาธารณะได้ เพราะผิดกฎหมาย แต่สามารถหาซื้อมาตั้งโชว์ได้ หรือเก็บไว้ในบ้านเพื่อใช้ปกป้องทรัพย์สินได้เท่านั้น
ดังนั้น บทความนี้ขอนำเสนอในแง่เรื่องเล่าอิงประวัติของอาวุธที่มาจากละครฮีโร่เรื่องดังในอดีตเท่านั้น…ไม่สนับสนุนให้พกไปฟาดกบาลใครเขานะเออ!!
แอดมิน Ak47
ข้อมูลรวบรวมจาก
TrekkingThai — เว็บไซต์เพื่อการเดินป่า พาคนไทยไปเที่ยวธรรมชาติ
เว็บนิตยสารอาวุธปืนgunsandgames.com
ภาพไม้คมแฝกจากเพจ Lampang Knives & Camping
และการพูดคุยกับญาติผู้ใหญ่ของแอดมินหลายๆท่าน ก็ขอยกเครดิตให้กับท่านเหล่านี้ด้วย…
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console