Tales of Arise
ประเภท : Action / RPG
ระบบ : PS5, PS4, Xbox One ,XboxX, PC
พัฒนาโดย : Bandai Namco
วางจำหน่าย : 9 กันยายน 2021
DLC Beyond the Dawn : 11 พฤศจิกายน 2023
รีวิว : สุดยอด JRPG ที่ไม่ควรพลาด !!!!
Tales of Arise เป็นเกมภาคล่าสุดของ Tales Of… แฟรนไชส์เกม Action / RPG ยอดนิยมจากฝั่งญี่ปุ่น ผลงานจากค่าย Bandai Namco ที่ภาคนี้ได้คุณ “โทมิซาว่า ยูสึเกะ” ผู้ดูแลเกมซีรี่ส์ God Eater มาทำหน้าที่ออกแบบ ดูแลการผลิต โดยจะเน้นไปที่การมอบเนื้อเรื่องที่ลึกกว่าเดิม แหวกแนวมากขึ้น พร้อมๆกับเกมเพลย์ที่ดุเดือด มีท่าไม้ตายให้เลือกใช้หลากหลาย สร้างคอมโบที่สุดแสนอลังการ ออกผจญภัยในโลกแฟนตาซีที่แสนกว้างใหญ่ จัดเป็นสุดยอดเกมแนว JRPG แห่งยุค
เนื้อเรื่อง Tales of Arise
ในภาคนี้จะมีฉากหลังเป็นระบบสุริยจักรวาล ที่มีดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้กัน 2 ดวงคือ “ดาห์น่า” (Dahna) และ “เรน่า” (Rena) เวลากว่า 300 ปี ชาวเรน่าที่มีเทคโนโลยีที่สูงกว่าได้รุกรานและปกครองดาวดาห์น่า โดยแบ่งดาวดวงนี้เป็น 5 ดินแดน และส่งชาวเรน่า 5 คนมาเป็น “ลอร์ด” ผู้ปกครองทั้ง 5 ดินแดน โดยลอร์ดแต่ละคนจะมี “มาสเตอร์คอร์” สำหรับดูดพลังจากดาวดาห์น่า เพื่อแข่งขันชิงความเป็นหนึ่งในทุกๆ 10 ปี
มุมมองจากดาวดาห์น่า สามารถมองเห็นดาวเรน่าอยู่ไม่ไกล
เรื่องราวเริ่มต้นที่ตัวเอกชื่อ อัลเฟน (Alphen) ชายสวมหน้ากากเหล็กที่สูญเสียความทรงจำ ซึ่งเขาก็ได้ช่วยเหลือสาวสวยชื่อ ชิออน (Shionne) จากการตามล่าของทหารดาวเรน่า เพราะว่าเธอได้ขโมยมาสเตอร์คอร์มาจากท่านลอร์ดของอณาจักรแห่งนี้ ในระหว่างการหลบหนีชิออนถูกยิงเข้าที่อก และมาสเตอร์คอร์ก็ได้ปรากฎออกมาจากร่างของเธอ อัลเฟนได้พยายามดึงลูกศรออกจากตัวเธอ แต่กลายเป็นการอัญเชิญดาบเพลิงที่ร้อนแรงออกมา และอัลเฟนก็ได้ใช้มันจัดการกับพวกทหารได้อย่างง่ายดาย
Balseph ลอร์ดคนแรก ผู้ปกครองอณาจักร Calaglia
หลังจากนั้นทั้ง 2 คนได้ร่วมมือกันโดยมีจุดประสงค์เพื่อรวบรวมมาสเตอร์คอร์จากลอร์ดทั้ง 5 ผู้ปกครองดาวดาห์น่า เริ่มต้นด้วยการปะทะกับลอร์ด บัลเซฟ (Balseph) ผู้ครอบครองพลังแห่งไฟ จากการต่อสู้ ทำให้หน้ากากเหล็กของอัลเฟนแตกออกครึ่งหนึ่ง และเมื่อเอาชนะลอร์ดคนแรกได้ อัลเฟนได้ใช้ดาบเพลิงทำลายกำแพงของอณาจักร และเปิดเส้นทางสู่โลกกว้าง ทำให้การผจญภัยของพวกเขาได้เริ่มต้นขึ้น
เพื่อนใหม่ หนุ่มน้อยจอมหมัด Law
ในระหว่างการเดินทางพวกเขาก็ได้พบกับมิตรสหายใหม่ที่มาร่วมทีมคือ รินเวล(Rinwell) สาวน้อยจอมเวทย์ชาวดาห์น่าเพียงคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ และ หนุ่มน้อยจอมหมัด ลอว์(Law) ที่แปรพักมาเข้าร่วมกับอัลเฟน พวกเขาเข้าปะทะกับ กานาเบล(Ganabelt) ลอร์ดคนที่2 ผู้ครอบครองพลังแห่งแสง และปราบเขาลงได้ แต่เมื่อเดินทางไปถึงอณาจักรที่ 3 ที่นี่กลับมีบรรยากาศที่แตกต่างออกไป ชาวดาห์น่าและชาวเรน่าใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันโดยสันติ โดยเจตนารมของลอร์ด โดฮาลิม(Dohalim) ผู้ครอบครองพลังแห่งดิน ที่ภายหลังเขาก็มาเข้าร่วมทีมกับกลุ่มของอัลเฟน พร้อมกับ คิซาร่า(Kisara) องครักษ์สาวของโดฮาลิม
Dohalim ลอร์ดแห่งดิน กับ Kisara องครักษ์สาวของเขา
ที่อณาจักรที่ 4 การปะทะกับลอร์ด อัลเมเดรีย(Almeidrea) ผู้ครอบครองพลังแห่งลม และเธอยังเป็นผู้ที่ฆ่าล้างบางเผ่าพันธุ์จอมเวทย์ของรินเวล ซึ่งในจังหวะที่รินเวลจะลงมือแก้แค้น ลอว์ได้ห้ามเธอเอาไว้เพื่อหยุดยั้งความเกลียดชังภายในใจของเธอ แต่สุดท้ายลอร์ดคนที่ 5 โวลรอน(Vholran) ผู้ครอบครองพลังแห่งน้ำ ก็ปรากฎตัวออกมาและสังหารลอร์ดอัลเมเดรีย ซึ่งการปะทะกับลอร์ดโวลรอนทำให้หน้ากากเหล็กของอัลเฟนแตกออกจนหมด และลอร์ดโวลรอนก็จับตัวชิออนไป
Rinwell สาวน้อยจอมเวทย์
เมื่อหน้ากากของอัลเฟนแตกออก ทำให้ความทรงจำของเขาเริ่มกลับคืนมา เขาเห็นภาพตัวเองถูกชาวเรน่าจับตัวไปทดลองที่ “เลเนกิส” ดาวเทียมทรงกลมที่ลอยอยู่เหนือชั้นบรรยากาศ และในตอนนั้นก็มีหญิงสาวที่หน้าเหมือนกับชิออนอยู่ด้วย ตัดกลับมา กลุ่มอัลเฟนเดินทางไปช่วยชิออน และเอาชนะลอร์ดโวลรอนลงได้ แต่เมื่อรวบรวมมาสเตอร์คอร์ของลอร์ดทั้ง 5 ได้ครบแล้ว หญิงสาวลึกลับก็ได้ปราฎตัวขึ้นพร้อมกับมาสเตอร์คอร์แห่งความมืด มาสเตอร์คอร์ทั้งหมดได้รวมกันกลายเป็น “เรนัสอัลม่า” พร้อมกับพลังที่ตื่นขึ้นของ อัลเฟน และ ชิออน แล้วหญิงสาวลึกลับได้ชิงเรนัสอัลม่าและหนีไป
ดาวเทียม Lenegis ที่เก็บซ่อนความลับทั้งหมด
หลังจากนั้น ดาวเทียมเลเนกิสเหนือชั้นบรรยากาศได้เปลี่ยนรูปร่างไป พร้อมกับทิ้งหมุดขนาดใหญ่ลงมาที่ดาวดาห์น่า เพื่อดูดซับพลังงาน และส่งไปยังดาวเรน่า ทีมอัลเฟนเดินทางไปทำลายหมุดยักษ์ และเดินทางไปที่ดาวเทียมเรเนกีส และความจริงทั้งหมดก็ถูกเปิดเผย ในอดีต อัลเฟน ที่ถูกจับมาทดลองก็เพื่อให้เขาได้รับ “พลังแห่งผู้ปกครอง” ที่เป็นพลังสำหรับควบคุม เรนัสอัลม่า สำหรับโยกย้ายพลังของดาวดาห์น่าไปให้กับดาวเรน่า แต่ในขณะทำพิธีกรรม พลังแห่งความมืดเกิดความคุมไม่อยู่ บรรพบุรุษของชิออนจึงได้ผนึกความมืดไว้ในร่าง และพลังนั้นก็ถูกส่งต่อมาตามสายเลือดจนมาถึงชิออน หลังจากนั้น อัลเฟนถูกสวมหน้ากากเหล็ก และด้วยบาดแผลที่สาหัสมากจากการถ่ายทอดพลัง ทำให้ต้องนำร่างของอัลเฟนมาใส่ใว้ในแคปซูลจำศีล และถูกส่งตัวกลับมาที่ดาวดาห์น่า และด้วยเวลาที่ยาวนานทำให้เขาสูญเสียความทรงจำไป
Vholran ท่านลอร์ดสุดหล่อตายยาก
พวกอัลเฟนเดินทางต่อจนมาที่ดาวเรน่า และได้พบกับเกรทสปิริตผู้ที่ควบคุมหญิงลึกลับที่ขโมยเรนัสอัลม่าไป ซึ่งเกรทสปิริตตนนี้ ก็คือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด ด้วยเหตุที่มันดูดพลังของดาวเรน่าไปจนหมด จึงได้วางแผนที่จะดูดพลังของดาวดาห์น่าอีกดวง เพื่อรักษาชีวิตของมันเอาไว้ และในขณะที่อัลเฟนกับชิออนกำลังใช้เรนัสอัลม่าเพื่อผนึกเกรทสปิริต ลอร์ดโวลรอนก็เข้ามาทำลายเรนัสอัลม่า ที่เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่เราอุส่าห์รวบรวมมาตั้งแต่ต้นเรื่อง สุดท้ายชิออนเลยต้องยอมสละชีพใช้ตัวเธอผนึกเกรทสปิริตเอาไว้ แต่อัลเฟนได้ขอยืมพลังจากประชาชนชาวดาห์น่า ที่ช่วยกันส่งพลังมารวมไว้ที่ดาบเพลิง ทำให้สามารถช่วยชีวิตชิออนไว้ได้
Great Astral Spirit ต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด
Tales of Arise Beyond the Dawn
เนื้อหา DLC ภาคต่อหลังจากจบเรื่องราวภาคหลัก หลังจากอัลเฟนช่วยเหลือดาวดาห์น่าและเรน่าไว้ โดยการหลอมรวมดาวทั้ง2ดวงให้เป็นหนึ่งเดียว แต่ชาวดาห์น่า และชาวเรน่า ก็ยังคงมีอคติระหว่างกันอยู่ มันเป็นความขัดแย้งที่ฝังรากลึกจนเกินเยียวยา เรื่องราวเริ่มต้นเมื่ออัลเฟนกับชิออน ได้พบกับ นาซามิล(Nazamil) ลูกสาวของท่านลอร์ดผู้ปกครองอณาจักรในขณะนั้น และจากการสำรวจซากโบราณสถานทำให้พบว่า นาซามิลก็มีพลังแห่งผู้ปกครองเช่นเดียวกับอัลเฟน ด้วยพลังที่น่ากลัวของนาซามิลทำให้ผู้คนเกลียดชังในตัวเธอ หลังจากนั้นนาซามิลได้ปลดล็อคเทคโนโลยีโบราณขึ้นมา และก่อตั้งลัทธิที่ชื่อ คัลเบซ (Cal Baise) โดยให้ผู้คนสวมหน้ากากแบบเดียวกับอัลเฟนในอดีต เพื่อหวังจะควบคุมจิตใจประชาชนทั้งหมด เพื่อหยุดความขัดแย้ง และสร้างสันติภาพขึ้นบนดาวดวงนี้ แต่การบังคับผู้คนด้วยวิธีนี้คงเป็นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทีมของอัลเฟนจึงได้รวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อหยุดยั้งแผนการนี้ ซึ่งระดับความเก่งกาจของอัลเฟนในตอนนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย ในบทสุดท้ายเมื่อเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายแล้ว อัลเฟนได้แต่งงานกับชิออน และใช้ชีวิตบนดาวดวงนี้อย่างสงบสุข เป็นการปิดจบตำนาน Tales of Arise อย่างสมบูรณ์
อัลเฟน กับ นาซามิล ตัวปัญหาคนใหม่ที่เป็นบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมด
By Admin Nott