[รีวิว] สลิธ โปรเจกต์ล่า SLYTH : THE HUNT SAGA สนุกไหม?
5 ธันวาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
สลิธ โปรเจกต์ ล่า เป็นเรื่องราวของ โลกในอีก 40 ปีข้างหน้า ที่อากาศบนโลกนี้ไม่ปลอดภัยต่อการใช้ชีวิต
REVIEW
ภาพยนตร์ไทยที่พยายามฉีกกรอบจากแนวทางเดิมๆ แต่เหมือนจะ “ล้น” ไปหน่อย
SLYTH – โปรเจคท์ล่า เป็นภาพยนตร์ไทยที่มีเสียงวิจารณ์มาตั้งแต่ใบปิด ยันทีเซอร์ตัวอย่าง…ด้วยความที่ทีมงานน่าจะอยาก “กั๊ก” เรื่องราวเซตติ้งการนำเสนอให้ผู้ชม หรือแม้แต่สื่อเอง ก็รู้เรื่องย่อน้อยมากๆ
และเมื่อได้เข้าไปดูจริงๆแบบเต็มๆเรื่อง ก็พบว่า จากตัวอย่าง และ ตัวหนัง “แ*ง คนละทางเลย”
อย่างที่ทุกคนได้เห็นใบปิดล่าสุด
ทั้งเรื่องเสื้อผ้าที่เหมือนเล่น BBกัน / พร๊อพอาวุธที่ดูโคตรจะของเล่น / หน้าตาตัวละคร ที่หล่อสวยหน้าใส
แล้วพวกคุณรู้สึกว่า มันขัดๆใช่มั้ยล่ะ? แอดฯอยากให้คุณอ่านเรื่องย่อ+สปอยเล็กๆซักหน่อย แล้วจะเข้าใจว่า ทำไม?
เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ เล่าถึงโลกในอนาคต เมืองไทยเข้าสู่ยุคไซเบอร์พังก์ ดิสโทเปียที่เต็มไปด้วยแสงนีออน และความอึมครึมที่ไร้ซึ่งแสงอาทิตย์ เหล่าวัยรุ่น หมดสิ้นความหวังที่จะเห็นโลกดีขึ้น จึงหันหน้าเข้าหา “โลกของเกม” เกม VR ที่โด่งดังในยุคนั้น คือเกม Project Hunt โดยจะเป็นเกมแนว PVE ล่าตัว “สลิธ” ในเกม เพื่อทำแต้มสูงสุดของเซิฟ เพื่อหาตัวแทไปทดสอบระบบ VR ใหม่ที่เหนือจริงยิ่งกว่าจริง…
ตัวเอกของเรื่องคือ Z-Cret Team มี ซี (มุกดา นรินทร์รักษ์) สาวสวยลูกเจ้าของเกม แอบพ่อมาเล่น ทำหน้าที่เป็น Group Leader, เอส (พีค ภีมพล) เป็นตัวดาเมจของทีม , นิกกี้ (วันเดอร์เฟรม) เป็นสไนเปอร์ของทีม และเฟรม (คูเปอร์ ภัทรพสิษฐ์) เป็นตัวแท้งก์
Z-Cret Team ได้บังเอิญพบกับ “ชายปริศนา” มาตัดหน้ารถ และทำให้ซี ต้องรับผิดชอบดูแลชายคนนี้ พร้อมตั้งชื่อว่า เนม…
ในขณะเดียวกัน “ชายชุดดำ” ก็ได้ทำข้อตกลงกับผู้สร้างเกมอย่างลับๆ และร่วมสร้างโลกเสมือนใหม่ ที่เป็นตัวเบต้าเทสท์ ที่เหล่าสลิธ มีอยู่จริง และเฟ้นหาทีมที่เก่งที่สุด เข้าร่วมโปรเจคท์ล่าพวกมัน
เพื่อเอาเลือดของ สลิธ มาทำยา แต่มันมีเบื้องลึก เบื้องหลังที่เกี่ยวพันกับนางเอกของเรื่องอยู่…
แถมมีองค์กร “การ์เดี้ยน” ที่เคลื่อนไหวอย่างลับๆ (อาร์ต พศุตม์) คู่ขนานต่อกันด้วย อันนี้ตามไปดูเองในโรงละกัน
เนื้อเรื่อง ถ้าเราจับจุดจากเรื่องย่อที่แอดฯนำมาขยายความให้อ่าน เชื่อว่าทุกคนเดาตอนจบได้ไม่ยาก ซึ่งเอาจริงๆ มันก็เป็นทางจบที่โอเค ถ้าจะไม่ได้ทำต่อมันก็จบตรงนี้
…แต่ถ้าเกิดปัง ทำกำไรจากทุน 27 ล้านได้ ก็อาจจะเห็นภาคต่อ เพราะยังมีอะไรที่สามารถสานต่อได้ หรือเตรียมเปิดจักรวาลไปฟัดกับตัวตำนานอื่นๆ
อันนี้ไม่รู้แล้วแต่ทีมงาน และความกรุณาของผู้ชมแล้วล่ะ
เซตติ้งตัวละครจัดว่าเป็น “ละครวัยรุ่น ว้าวุ่นเกมเมอร์” ใครที่คุ้นเคยกับพวกซีรีส์จีนเกี่ยวกับวงการเกม หรืออะไรแนวๆนี้ นั่นละครับ เดินตามสูตรนั้นเลย มีทั้งปัญหาในทีม ความรัก อาการคนในทีมไม่ครบ การต่อสู้กับเกมมาสเตอร์ บลาๆๆ แต่พอมาอยู่ในบิบทไทย + ไซเบอร์พังก์ ก็จะดูล้นๆ พร้อมความ Cringe แทรกมาเป็นระยะๆ
ซีนไฟท์ของ CG งูขาว งูดำ ที่ขึ้นโครงใหม่ยันฉากหลัง อันนี้หลายคนในโรงแทบจะทำท่าแปลงร่างใส่กันเลย ฟิลลิ่งเหมือนดู BLACKSUN ที่บ้านโคตรๆ but cg โตเอะยุค 2000
ทั้งฉากในห้องแล็บ การจัดวางมุม ซีนต่างๆในเวลานั้น มันทำให้เราคิดถึง โคทาโร่ Vs โนบุฮิโกะ เวอร์ชั่น Prime ทั้งฉากห้องแล็บ + งูขาว งูดำยืนประจันหน้า แล้วซัดกัน
อีกหนึ่งตัวละครที่ส่วนตัวชอบมากๆ คือ คุณ “อาร์ต พศุตม์” ในบทการ์เดี้ยน สุดหล่อ คือ ลุคตัวละครเบียวองค์กรลับ ใส่สูท เสื้อกั๊ก สวมแว่นดำ ถือไม้เท้า ถ้าไม่ได้คอสตูม + พลังความหล่อ + ฝีมือการบู๊ของคุณอาร์ต บอกเลยว่า ตัวละครนี้ไม่เกิดแน่ๆ พลังหมูกรอบมาเต็มมาก! เท่มาก
ส่วนงานภาพ ทีมงานเลือกจัดองค์ประกอบแสง สีที่ออกโทนม่วงๆ เหลืองๆ สไตล์ไซเบอร์พังก์+ดิสโทเปีย พร้อมกับพร๊อพข้าวของต่างๆที่ พยายามอย่างมากที่จะทำให้มันล้ำ รายการทีวี มือถือ จอคอม อะไรไม่รู้ดูฝืนทำให้มันไฮเทคไปหมด
แต่อะไรที่มากไปก็ไม่ดี และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วนั่นเอง
เป็นภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยบาดแผล ทั้งตัวบทที่ยังไม่หลีกหนี “ความละคร” ซีนยัดโรแมนติกแบบพร่ำเพรื่อ งานโปรดักชั่นที่งบจำกัด เวลาถ่ายทำ การทำสื่อประชาสัมพันธ์ที่ดูจะยังไม่แรงพอให้คนกล่าวถึง อันนี้ก็ต้องกลับไปทำการบ้านกันครับ ถ้าจะทำต่อ
แต่เป็นบาดแผล ที่ทำให้คนดูได้คิดว่า
“เขาลงทุนสร้างแนวฉีกตลาด แนวไซไฟ แล้วพวกคุณก็มาขำ มาคอมเม้นรอเซเลบมารีวิวแซ่บๆ แล้วไม่ไปดูเพราะกระแสที่พิมพ์ คำที่พูดในโลโซเชียล” จริงๆเหรอ?
ส่วนตัวแอดฯ เชียร์ และให้กำลังใจทุกเรื่องที่ได้รับชม ดีบ้าง ไม่ไหวบ้าง ก็ว่าไปตามจริง
ส่วนคนกำตังค์เข้าไปดู คือพวกคุณ ไม่มีผิดถูก
แค่อยากให้พิจารณาในมุมนี้ดูนะ … เพราะถ้าเขาแหวกแนว ทำแล้ว “เจ๊ง” ก็คงไม่มีใครกล้าสร้างงานนอกกรอบในงบจำกัดแบบนี้ แล้วหนังไทยก็จะวนลูปเดิมๆ แนวเดิมๆ … ตลก รัก ผี ไม่เปลี่ยนแปลงหรอก
แอดฯ คือนั่งดูซีนแรก – จบเรื่อง …แล้วทีมงานกางตัวเลขทุน 27 ล้านในการสร้างหนัง … แล้วมาได้ขนาดนี้ ถือว่าเก่งมากๆแล้ว
เอาเนี้ยบแบบฮอลลีวู้ด บทยอดเยี่ยม แคสติ้ง คอสตูมพร้อมสรรพ ก็คงมีต่ำๆหลักพันล้านบาทอ่ะนะ
จำไว้ครับ
“เงินดีงานเดิน เงินเกินงานวิ่ง เงินชิ่งงานสะดุด … ถ้าเงินหยุด ก็กลับบ้านเก่ากันได้เลย”
แอดมิน AK47
#สลิธโปรเจกต์ล่า
#SlythTheHuntSaga