ชื่อภาษาอังกฤษ : Garuda Knight BIMA / Garuda Knight Bima X
ชื่อภาษาอินโดนีเซีย : Satria Garuda BIMA (ซาตรีอา การูด้า บีม่า ) / Satria Garuda BIMA X (ซาตรีอา การูด้า บีม่า เอ็กซ์ )
ผู้กำกับ : เรย์โน บารัค / โรเบิร์ต รอนนี่
เขียนบทโดย : ริคุ ซันโจ
ผู้ผลิต : MNC Media / Ishimori Production
จำนวนตอน : 26 ตอนจบ
“ครุฑ” หรือ “พญาครุฑ” (Garuda) เป็นสัตว์กึ่งเทพ ในตำนานปรัมปราของอินเดีย ปรากฏในวรรณคดีสำคัญหลายเรื่อง เช่น มหากาพย์มหาภารตะ เล่าว่า ครุฑเป็นพี่น้องกับพญานาค และทะเลาะเป็นศัตรูกัน โดย “ประเทศอินโดนีเซีย”เป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่ใช้ ครุฑ (Garuda) เป็นเป็นตราประจำแผ่นดิน โดยครุฑของอินโดนีเซียนั้นเป็นนกทั้งตัว สายการบินประจำชาติอินโดนีเซียก็ใช้ครุฑเป็นสัญลักษณ์ คือ สายการบิน Garuda Airlines
และเมื่อประเทศที่มีหมู่เกาะมากที่สุดในโลก ได้เริ่มทำหนังแนวฮีโร่ขึ้นมาซักเรื่องนึง ก็ไม่พ้นที่จะหยิบเอาสัญญลักษณ์ของประเทศ มาทำเป็นตัวพระเอกอย่างแน่นอน และนี่คือผลงาน“ร่วมทุนสร้าง” ระหว่าง MNC Media ของทางอินโดนีเซีย และ Ishimori Production ผู้สร้างเหล่าคาเมนไรเดอร์ที่โด่งดังไปทั่วโลก กับผลงานที่ชื่อว่า Satria Garuda BIMA (ซาตรีอา การูด้า บีม่า ) หรือ “นักรบครุฑา บีม่า”
ถ้าให้แอดมินเล่าเรื่องราวความเป็นมาของการสร้างซีรี่ยส์นี้ ก็ต้องย้อนกลับไปไกลซักนิด ในช่วงปี 2011 เมื่อรัฐบาลอินโดนีเซีย ได้ลงนามสัญญากับทางรัฐบาลในเรื่องของการค้าการลงทุน ทางบรรดาบริษัทเอกชนจากญี่ปุ่นจึงคิดเริ่มใช้การลงทุน ในการเพิ่มฐานการผลิตที่ประเทศอินโดนีเซียมากจนน่าตกใจ รวมไปถึงวัฒนธรรม เพลง หนัง อนิเม ก็ถูกจัดเป็นสินค้าส่งมายังประเทศหมู่เกาะแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ทางบ.Bandai สาขาอินโดนีเซีย จึงได้ปรึกษากับทางตัวแทนของบ.อิชิโมริ (ทีมผู้สร้างไอ้มดแดง) ในการสร้างหนังซีรี่ยส์ที่ทำออกมาเพื่อส่งเสริมการขายของเล่นเต็มรูปแบบ และผลลัพท์ก็คือ Satria Garuda BIMA (ซาตรีอา การูด้า บีม่า ) ที่เป็นเหมือนกับงานรวมญาติของนักเขียนบทไอ้มดแดงยุค 90 และทีมสร้างจากญี่ปุ่นยกกองบางส่วนมาทำงานชิ้นนี้ ส่วนนักแสดงของเรื่อง ทางทีมสร้างก็ได้ “สเตลล่า คอเนเลีย” ไอดอลสาวหน้ากลมจากวง JKT48 ที่เป็นวงแยกย่อยของ Akb48 สุดยอดไอดอลสมบัติชาติของญี่ปุ่น มาร่วมแสดงด้วยครับ
—
Satria Garuda BIMA (ซาตรีอา การูด้า บีม่า )
ได้ออกแพร่ภาพเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2013 ถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2013 ทางสถานีโทรทัศน์ RCTI ของอินโดนีเซีย รวมทั้งหมด 26 ตอน
โดยเรื่องราวเริ่มที่นักวิทยาศาสตร์ 2 คน คือ ศาสตราจารย์ “รูดี้ บรามาศักตี”(Rudy Bramasakti) และ “ศาสตราจารย์ อันดรี อิชกันดาร์” (Andri Iskandar) ได้ประดิษฐ์เครื่องมือข้ามมิติ แต่ทว่ามิติที่ทำการข้ามนั้น มีเหล่าปีศาจจากอาณาจักรแห่งความมืด “วูโด้”(Vudo) นำโดย พ่อมดผู้ชั่วร้าย “รัสปูติน”(Rasputin) และเหล่าลูกสมุนของพ่อมดผู้ชั่วช้ารายนี้ ก็ได้ทำการสังหารหมู่ครอบครัวศาสตราจารย์บรามาศักตี เหลือเพียง “เรย์ บรามาศักตี”(Ray Bramasakti) ลูกชายคนโตของบ้านนี้ที่รอดมาได้…
21 ปีต่อมา เรย์โตขึ้นและทำงานอยู่ในอยู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง กับครอบครัว อิชกันดาร์ จนวันหนึ่งเรย์ได้ยินเสียงบางอย่าง ทำให้เขาตามเสียงนั้นไป และก็พบว่ามี “ชายลึกลับ มิคาอิล “ ถูกรุมยำโดยสมุนของวูโด้ เรย์ จึงเข้าไปช่วย และในที่สุดเรย์ก็ทราบว่า มิคาอิล เป็นคนที่กำลังเรียกหาเขานั่นเอง..
ซึ่งเนื้อเรื่องช่วงกลางๆซีซั่นแรก ก็เปิดเผยว่า ที่แท้จริงแล้ว “มิคาอิล” คือ น้องชายที่พลัดพรากกันเมื่อ21ปีก่อน จากเหตุวูโด้บุกบ้านศาสตราจารย์ บรามาศักตี เขาเติบโตในมิติคู่ขนาน และรอวันที่จะกลับไปหาพี่ชาย ด้วยการขโมยหินแห่งพลังสีแดง จนมาเจอกับเรย์ในที่สุด
ด้วยความช่วยเหลือของ “บีม่าเลเจ้นด์” (Bima Legend) นักรบครุฑาในตำนานจากมิติอื่น ก็ได้ปลุกพลังบางอย่างของเรย์ขึ้นมา (รับบทโดย Gackt)
แต่ทว่า มิคาอิล ก็พลาดท่าถูกพวกวูโด้จับตัวไป พ่อมดรัสปูติน จึงได้ทำการล้างสมอง และ ฝัง “หินแห่งพลัง : ฮิทัม”(สีดำ) ไว้ที่ร่างมิคาอิล ทำให้เขากลายเป็น ” อัศวินดำอัซซาเซล” (Satria Kagelapan Azazel – ซาตรีอา คาเกลาปัน อัซซาเซล) วายร้ายที่เก่งกาจที่สุด
แต่ด้วยความผูกพันของพี่น้องร่วมสายเลือด หลายต่อหลายครั้งที่อัซซาเซลสามารถลงมือฆ่าเรย์ ได้ แต่ไม่ก็สามารถทำได้ เพราะก้นบึ้งในใจเขาก็ยังคงรักและนับถือพี่ชายของเขาเสมอ
จนสุดท้าย การเอาชีวิตเข้าปกป้องน้องชายจากการลอบทำร้ายจากพวกวูโด้ ทำให้ความทรงจำของ มิคาอิลกลับคืนมา เขาตัดสินใจทิ้งชื่อของตัวเอง แล้วกลับไปใช้ชื่อ “เรซ่า บรามาศักตี”(Reza Bramasakti) ที่เป็นชื่อจริงของเขา และร่วมกันกระทืบบอสอย่างพ่อมดรัสปูติน จนจบซีซั่นแรก…
—
Satria Garuda BIMA X
หลังจากความสำเร็จอย่างล้นหลามของภาคแรก ขึ้นแท่นรายการสำหรับเด็กและเยาวชนอันดับหนึ่งมาแล้ว ผกก.เรย์โน บารัค จึงได้ทำการเข็นซีซั่นสองออกฉาย ในชื่อของ “Satria Garuda BIMA X” โดยก่อนฉายตอนที่ 1 ก็จะมีตอนพิเศษ เกริ่นนำย้อนความทั้ง 26 ตอนของซีซั่นแรก โดยใช้ชื่อตอนว่า “Satria Garuda Bima-X: New Beginning” ที่มีความยาว 90 นาทีเทียบเท่าหนังเรื่องหนึ่ง ด้วยโปรดัคชั่นที่ดีขึ้น อัพเกรดมากขึ้น จึงมีกำหนดการออกอากาศทางช่อง RCTI เพิ่มขึ้น จาก 26 เป็น 50ตอนจบนั่นเอง…
เรื่องราวของ “Satria Garuda BIMA X” จะเกิดขึ้นหลังจากจบเรื่องราวการต่อสู้กับพ่อมดรัสปูตินแห่งอาณาจักรคู่ขนานแห่งความมืด “วูโด้”(Vudo) พวกของเรย์ก็กลับไปใช้ชีวิตในร้านซ่อมมอเตอร์ไซด์เล็กๆของพวกเขา
แต่แล้ววันหนึ่ง ก็มีผู้นำแห่งอาณาจักรคู่ขนานแห่งความมืดวูโด้กลุ่มใหม่ นำโดย “แบล็คลอร์ด” (Black Lord) เข้ามารุกรานโลกอีกครั้ง แต่ด้วยพลังอำนาจที่เหนือกว่าของกลุ่มขุนพลปีศาจ “เดธแฟนท่อม” (Death Phantom) กลุ่มสามปีศาจขุนพลคู่กายของแบล้คลอร์ด ก็ทำให้เรย์ และ เรซา พ่ายแพ้ย่อยยับ อีกทั้ง “หินแห่งพลัง : เมร่า” (Powerstones : Mera)อันเป็นขุมพลังของบีม่าได้ถูกทำลายย่อยยับลงในงานนี้ด้วย
แต่ในวิกฤติ ยังมีโอกาส เรย์ได้รับขุมพลังใหม่จากนักรบครุฑาผู้ปกป้องโลกในตำนานเมื่อหลายพันปีก่อนที่ติดอยู่ในมิติคู่ขนาน เขาได้มอบพลังของ “หินแห่งพลัง : เมร่า”(สีแดง)ชิ้นใหม่ และกลายเป็น “บีม่า เอ็กซ์” (Bima-X) นักรบครุฑาแห่งเปลวเพลิง
และหน้าที่ที่นอกจากการปกป้องโลก ก็คือการตามหา “หินแห่งพลัง”ที่เหลืออีก 6 ชิ้น ซึ่งก็เป้นไอเทมที่เหล่าวูโด้ต้องการเพื่อปลุกพลังปีศาจของแบล็คลอร์ด
หินแห่งพลัง ที่นอกจากชิ้นที่เรย์ครอบครอง ก็จะมีอีก 6ชิ้น ได้แก่
“หินแห่งพลัง : ฮิทัม”(สีดำ) เดิมทีเป็นหินแห่งพลังความมืดของรัสปูติน ผู้นำของวูโด้เมื่อครั้งก่อน แต่ก็ได้รวมไปกับร่างกายของเรซ่า น้องชายของเรย์จนกลายร่างเป็น “นักรบครุฑา อัสซาเซล”
“หินแห่งพลัง : บิรุ” (สีน้ำเงิน) หินแห่งพลังวารีของ “หน้ากากเหล็ก” (โตเบ็งเบซี Topeng Besi ) หลังจากการจากไปของรัสปูติน ตำแหน่งแนวหน้าการนำทัพในการยึดครองโลกจึงตกเป็นของเขา
“หินแห่งพลัง : ฮิเจา” (สีเขียว)หินแห่งพลังผืนป่าและปฐพี
“หินแห่งพลัง : โอรันเย” (สีส้ม)หินแห่งพลังสายฟ้า เป็นเหรียญที่ นักรบสมิง “ทอร์ก้า” ครอบครอง และใช้ในการแปลงร่าง
“หินแห่งพลัง : อันกู” (สีม่วง)หินแห่งพลังดึงดูด เป็นขุมพลังที่รวมเอาทั้งความมืด และแสงสว่างเอาไว้ในก้อนเดียว และมีพลังอันยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาหินทั้ง 7 สี
“หินแห่งพลัง : ปูตีห์” (สีขาว ) หินแห่งพลังผลึกน่้ำแข็ง ซึ่งนักรบสมิงทอร์ก้า ได้นำมาใช้ในเวลาต่อมา
นักสู้คนที่สาม “นักรบสมิง ทอร์ก้า” เศรษฐีหนุ่มผู้ร่ำรวย ผู้ครอบครองหินแห่งพลังสีส้ม ก็ได้ยื่นมือมาช่วยพวกบีม่าในยามคับขันเสมอ!
—
ตัวละคร
“เรย์ บรามาศักตี”(Ray Bramasakti) / “BIMA-X”
รับบทโดย “คริสเตียน โลโฮ”
ตัวเอกของเรื่อง เป็นคนที่มีจิตใจงาม แต่เป้นคนที่เงียบๆ แสดงออกไม่ค่อยเก่ง เรย์สูญเสียพ่อแม่ และน้องชายจากการบุกของพวกวูโด้เมื่อ 21 ปีก่อน เขาจึงมาอาศัยอยู่กับ “ปามาน” ลุงเจ้าของร้านซ่อมมอเตอร์ไซด์เล็กๆร่วมกับ “แรนดี้” และ “เรย์นะ” หลานของปามาน
วันหนึ่งเขาได้พบกับ มิคาอิล และได้รับ “หินแห่งพลัง เมร่า” เพื่อใช้ในการแปลงร่างเป็น “บีม่า” และต่อสู้กับพวกวูโด้ โดย “นักรบครุฑา บีม่า” จะมีความสามารถของพญาครุฑ ทั้งความเร็ว และพละกำลัง รวมไปถึงอาวุธดาบสองปลายที่มีชื่อว่า “เฮลิออส” (ดาบสุริยัน) และเปลี่ยนเป็น “เฮลิออส โบว์” ซึ่งเป็นอาวุธยิงแบบธนู เข้าต่อสู้กับพวกวูโด้ และพาน้องชายหลุดพ้นจากการควบคุมของรัสปูตินให้ได้ และนอกจากนี้ยังมีหินแห่งพลังสีอื่นๆ เอาไว้ใช้เป็นอาวุธเสริมได้หลากชนิด
หลังจากกำจัดรัสปูตินได้ไม่นาน เขาก้ต้องต่อสู้กับศัตรูกลุ่มใหม่ ที่เล่นงานเขาถึงขั้นปางตาย แต่ด้วยจิตใจที่ดีงาม ทำให้นักรบครุฑาในตำนานมอบพลังใหม่ให้ จนกลายร่างเป็น Bima X ในที่สุด
“เรซ่า บรามาศักตี” (Reza Bramasakti)/ “Azazel”
รับบทโดย อาทิตยา อัลคาทิรี
น้องชายของเรย์ที่ถูกพวกวูโด้ลักพาตัวไปตั้งแต่ยังเด็ก เรซ่าเติบโตในมิติคู่ขนานในชื่อ “มิคาอิล” แต่เขาก็ได้ขโมยเอาหินแห่งพลังสีแดงออกมาจากมิตินั้น เพื่อหาผู้ที่คู่ควรในการใช้งาน จนทำให้เขาถูกวูโด้ตามล่า
และต่อมาก็ถูกจับได้ และเขาก็ถูกรัสผปูตินล้างสมอง และยัดเอาหินแห่งพลัง “ฮิทัม” ใส่ลงไปในร่างกาย จนกลายเป้น “อัศวินดำ อัซซาเซล” (Satria Kagelapan Azazel) แต่ด้วยความผูกพันของพี่น้อง และความดีของเรย์ก็ทำให้เรซ่าได้สติกลับมา และเป็นขุมกำลังสำคัญในการต่อสู้กับความชั่วร้ายที่มารุกรานโลก
เรนะ อิชกันดาร์ (Rena Iskandar)
รับบทโดย สเตลล่า คอร์เนลเลีย สมาชิกวง JKT48
น้องสาวของแรนดี้ และเรย์ก็เอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ (แต่ก็มีบางเวลาที่แอบวอกแวกคิดเป็นอื่นในบางครั้ง) เป็นเด็กสาวช่างฝันที่ชื่นชอบการทำอาหาร และเมื่อรู้ว่า เรย์คือนักรบครุฑาบีม่า เธอจึงไปเรียนศิลปะการต่อสู้เพิ่ม เพื่อไม่ให้เรย์และพี่ชายเป็นห่วงเธอ นับว่าเป็นสาวน้อยใจเด็ดคนหนึ่งที่สามารถสู้กับลูกกระจ๊อกวูโด้ได้ด้วยมือเปล่า แต่ก็พลาดท่าหลายครั้ง และเรย์ก็มาช่วยซะทุกที…
แรนดี้ อิชกันดาร์ (Randy Iskandar)
รับบทโดย เรย์ฮาน เฟเบรียน
พี่ชายแท้ๆของเรนะ และเป็นเพื่อนซี้กับเรย์มาตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่อบอุ่นใจดี และมีความสามารถในการซ่อมบำรุงมอเตอร์ไซด์ อีกทั้งยังพ่วงตำแหน่งพ่อบ้านให้กับครอบครัวอิชกันดาร์ด้วย ปัจจุบันก็ยังคงทำงานในรานมอเตอร์ไซด์ของปามาน
ดีมาส อักษรา (Dimas Aksara ) / “Master” / นักรบสมิง ทอร์ก้า (Satria Harimau Torga ซาตรีอา ฮาริเมา ทอร์ก้า)
รับบทโดย เฟอร์นันโด สุรยา
ดีมาส อักษรา เป็นนักธุรกิจหนุ่มเจ้าของธุรกิจในเครือ Aksara Corporation ที่มีส่วนในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนิเซีย เขาเป็นชายผู้มั่งคั่ง ชนิดที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวการใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา เพราะมัวแต่สนใจในเทคโนโลยี และตัวเลขของผลประกอบการ แต่ก็ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว อีกทั้งยังรักและนับถือพวกของเรย์เหมือนหนึ่งในครอบครัว และความปราถนาอันสูงสุดก็คือ “การสร้างความสุขให้กับทุกคนด้วยเครื่องมือของเขาเอง”
เขาเป็นนักรบคนที่สามของเรื่อง ปรากฎตัวครั้งแรกใน Bima X ตอนที่ 17 (ยังฝึกตนอยู่ แปลงร่างไม่ได้) และตอนที่ 21 เป็นต้นไป ดีมาส เป็นผู้ที่ถูกเลือกโดย “หินแห่งพลังสีส้ม” หลังจากถูกพวกวูโด้จู่โจม เขาก็ได้ตั้งใจฝึกฝนกับ “สมิงทอร์ก้า” สัตว์เทวะจากโลกคู่ขนานจนได้รับพลัง และแปลงร่างเป็น “นักรบสมิงทอร์ก้า” (Satria Harimau Torga ซาตรีอา ฮาริเมา ทอร์ก้า) เป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้กับพวกวูโด้ต่อไป และยังสามารถอัญเชิญ “แอทลาส” สัตวสมิงจักรกล มาเป็นปืนใหญ่พลังสูงได้ด้วย
ริกะ (Ricca)
รับบทโดย Thalia สมาชิกวง JKT48.
ริกะ สาวน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูที่เป้นคนของบริษัทในเครืออักษรา เป็นสาวน้อยผู้รอบรู้ และลึกลับ จัดว่าเป้นตัวแย่งซีนอีกหนึ่งคนของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้
—
ของเล่น
โดยมาก ซีรี่ยส์นี้จะไม่ค่อยเน้นแอคชั่นฟิกเกอร์เท่าไหร่ (แต่ก็มีแฟนๆที่ชอบ เอามาโมเป้น SHFiguart หรือ SIC เลยก็มี) หลักๆทางบันไดคงอยากเจาะตลาดเด็กๆมากกว่า จึงส่งของเล่นแนวๆ Role Play พวกกำไลแปลงร่าง หินแห่งพลังหลายสี หรือไม่ก็ซอฟท์บี้เอาไว้เล่นซะมากกว่า
งานแคนดี้ทอย มีขายเฉพาะประเทศอินโดนีเซียเท่านั้น
ซอฟท์บี้ก็มี แต่รายละเอียดก็อย่างที่เห็น เพราะเน้นถูก แต่จะมีตัวสำหรับนักสะสมทำแยกออกมาต่างหาก
ดาบ กำไล อาวุธแบบจัดเต็ม เอาไว้ให้เด็กๆสวมบทบีม่า และอัซซาเซลกันสนุกเลย
งานโมดิฟายก็มี แถมทำทั้งทีเอาซะโหดเลย ทั้ง SIC / SHFiguart แสดงว่าแฟนๆก็ชื่นชอบเรื่องนี้เยอะมากในบ้านเขาละนะ
———–
ในช่วงท้ายๆเรื่อง Bima X ได้ดารารับเชิญเป็นคุณน้า “เทตสึโอะ คุราตะ” ที่โด่งดังจากบท “มินามิ โคทาโร่”ในไรเดอร์ Black/Black RX ก็มารับบทเป็นนักรบมังกร…คือ….”น้าแกมาแปลงร่างเป็นมังกรตัวเป็นๆในซีรี่ยส์นี้เลย!!”
ขอขอบคุณข้อมูล และ ภาพสวยๆจาก http://www.rcti.tv/satriaseries/ (Official Site)
และ www.google.com
ถือเป็นอีกหนึ่งหนังฮีโร่จากประเทศเพื่อนบ้านที่มีเนื้อหาสนุก แอคชั่นเร้าใจ (เหมือนจะรอคิวไปบ้าง มีหลุดซีนมาบ้าง ) โดยรวมทำออกมามาตรฐานเทียบเท่าไรเดอร์ของญี่ปุ่น (แหงล่ะ เล่นเอาโปรดัคท์ชั่นจากญี่ปุ่นมาลุยเองเลยนี่หว่า?) ถ้าจะมีค่ายไหนใจดีซื้อ LC มาฉายในบ้านเรา หรือยัดใส่ Boxset หก็น่าจะเข้าท่ารับรองเด็กๆ (หนวด)ติดตรึม!! (แต่ของเล่นขายได้มั้ย อันนี้อีกเรื่องนะ)
ดีไซน์สวยเฉียบ เนื้อเรื่องสนุกจริง แอดมินคอนเฟิร์ม!!
—
แอดมิน Ak47
เพลงเปิด “Sepereti Bintang” (จงเป็นดุจดั่งดวงดาว)
—
เพลงเปิด Bima X “Kembali Bertahan” (กลับมาลุกขึ้นอีกครั้ง)
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console