Yoroiden – Samurai Trooper
(鎧伝 – サムライトルーパー )
ประเภท : Action Drama
จำนวนตอนฉายอยู่ที่ : 39ตอน
สถานะ : ออกอากาศจบไปนานเป็นชาติแล้ว!!
ออกอากาศครั้งแรก : ออกฉายฉายที่ญี่ปุ่นเมื่อปี1989
ระยะเวลาในการฉาย : 25-30 นาที ต่อสัปดาห์
The Last Samurai คือตัวอย่างของหนังที่สร้างภาพพจน์ของซามูไรให้เห็นในหลายๆแง่มุม
พูดถึงซามูไรแล้ว…แอดมินคิดว่าตนที่ได้ยินคำๆนี้แล้ว ทุกคนอาจจะนึกถึง “นักรบสวมเกราะของประเทศญี่ปุ่น” หรือ “พวกนักดาบที่ยึดมั่นในคุณธรรม ต่อสู้จนตัวตายเพื่อรักษาเกียรติยศ และศักดิ์ศรี” การหยิบยกเรื่องราวของคนกลุ่มนี้มาเล่าซ้ำไปซ้ำมา ถือเป็น “Propaganda” (ปฎิบัติการทางจิตวิทยาชวนเชื่อ) ที่ทำให้คนญี่ปุ่นในทุกยุคทุกสมัย รักในเกียรติยศ คุณธรรม ศรัทธาในความดีงาม เฉกเช่นอดีต…
และสิ่งนี้เอง ที่ผู้ผลิตสื่อบันเทิงของประเทศญี่ปุ่น ก็ยังสามารถนำเอาอดีตเหล่านั้น มาทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข หรือส่งตามสายเคเบิ้ล…(ไม่ใช่ละ) ดังจะเห็นในปัจจุบัน ที่ยังคงมีเกม อนิเม ที่หยิบยืม “ตัวตน” ของคนในอดีตมาใช้งานอยู่บ่อยครั้ง (และดัดแปลงไปได้หลุดโลกหลุดจักรวาลไปเลยก็มี)
มีอนิเมชั่นอยู่เรื่องหนึ่งครับ ที่นำเอาจุดนี้มาใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม และสนุกมากๆ และเป็นยุคที่ “นักสู้สวมเกราะ” กำลังดังเป็นพลุแตก(จากกระแสเซนต์เซย่า)ในปลายๆยุค’80 พวกเขาคือ…
———–
Opening 1 – Stardust Eye
(กรุณาเปิดเพลงนี้ประกอบเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านบทความ)
“ซามูไรทรูปเปอร์ “(鎧伝サムライトルーパー / Yoroiden Samurai Torupa ) (อังกฤษ: Ronin Warriors) เป็นอนิเมชั่น ผลิตโดยบริษัทนิปปอนซันไรส์ (ปัจจุบันคือซันไรซ์ที่สร้าง”กันดั้ม”นี่แหละ) แต่งเรื่องโดย ยาทาเตะ ฮาจิเมะ(เจ้านี้ก็แต่งเรื่องกันดั้มมาตลอดจนถึงปัจจุบัน) กำกับโดย มาซาชิ อิเคดะ ออกอากาศที่ประเทศญี่ปุ่นครั้งแรก ทางสถานีนาโกย่าทีวี และ ทีวีอาซาฮี ทุกวันเสาร์ เวลา 17.30-18.00 น. ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2531 ถึง 4 มีนาคม พ.ศ. 2532 มีความยาวทั้งสิ้น 39 ตอน และต่อมาสร้างเป็นOVAตอนพิเศษแยกออกมาอีก 3 ภาคด้วยกันได้แก่ “ภาคจิตวิญญาณแห่งนักรบ” “ภาคตำนานเกราะคิโคเทย์” และ”ภาคคืนชีพตำนานเกราะนักรบ” ในปี พ.ศ. 2532 ถึง พ.ศ. 2534
ซามูไรทรูปเปอร์ มีชื่อภาคภาษาอังกฤษว่า Ronin Warriors แปลจากต้นฉบับเดิมที่เป็นภาษาญี่ปุ่นโดย บริษัท เกรซ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ออกอากาศที่สหรัฐอเมริกาทางช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์ก ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน ถึง 17 สิงหาคม พ.ศ. 2538 และออกวางจำหน่ายในรูปแบบDVDในปี 2546 โดยยังคงลักษณะของต้นฉบับญี่ปุ่นทุกประการ Ronin Warriors มีการปรับเปลี่ยนในภาคภาษาอังกฤษ เล็กน้อยเกี่ยวกับชื่อของตัวละครของเรื่องเพื่อความเหมาะสมในรูปแบบของภาษา ที่แปล เช่นภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และ ภาษาอิตาลี แต่ยังคงเทียบกับต้นฉบับเดิมของญี่ปุ่นที่เป็นต้นแบบตลอดทั้งเรื่อง
สำหรับอนิเมเรื่องนี้ ออกฉายครั้งแรกในประเทศไทย ในปี2532 หรือเมื่อ 25 ปีที่แล้ว เวลา6โมงเย็น วันจันทร์ ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 โดย บ.รัชฟิลม์ทีวี ร่วมมือกับ บ.แจแปนแอร์ไลน์ (JAL) ที่ให้การสนับสนุน (ถ้าแอดมินจำไม่ผิดจะเป็นช่วงหนึ่งของรายการ “แจลตูนโชว์” รึไงนี่แหละ ใครนึกออกบอกด้วยละกัน)
เนื้อเรื่อง
เด็กหนุ่ม 5 คน 5 สไตล์ ที่ถูกใจแม่ยกในสมัยนั้น (และยังชวนจิ้นกันมาถึงสมัยนี้55+)
อนิเมเรื่อง “ซามูไรทรูปเปอร์” จะกล่าวถึงเด็กหนุ่มทั้ง 5 คน ที่แตกต่างกัน ทั้งที่มาและจิตใจ แต่ต้องมาสวมชุดเกราะ “โยโรอิเกียร์” (หรือโยโร่ยเกียร์ ตามวิกิฯ)เป็นชุดเกราะในตำนานที่ผนึกด้วยลูกแก้วแห่งคุณธรรม ซึ่งเป็นตัวแทนลักษณะ “จิตใจที่ดีงามของมนุษย์ และ ธาตุทั้ง5” พวกเขาต้องออกต่อสู้กับ “จอมมารอาราโก” และเหล่าปีศาจร้าย เพื่อปกป้องโลกมนุษย์
โยโรอิเกียร์ ยอดศาตราที่สามารถรับมือกับเหล่าปีศาจจากโลกมืดได้…ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ชุดเกราะโยโรอิเกียร์ กับ ชุดเกราะของขุนพลปีศาจ ถือกำเนิดมาจากที่เดียวกัน คือ”ตัวของจอมมารอาราโก”นั่นเอง แต่ถูกแยกส่วนออกเป็น 9 ชิ้น ตามจิตใจ 9 ส่วน โดยฝีมือของ”นักบวชลึกลับ คาออส” ที่คอยช่วยเหลือเหล่าซามูไรทรูปเปอร์มาตลอดนั่นเอง (แบ่งเป็นคุณธรรม5ส่วน ที่เหล่าซามูไรครอบครองไว้ และความชั่วร้ายอีก4ส่วน ที่อาราโกครอบครองอยู่)
จอมมารที่บางทีก็มาแบบภาพซ้อนบ้าง ภาพเบลอบ้าง นานๆทีจะมีร่างเต็มๆให้เห็นกัน
แต่เมื่อจอมมารอาราโก ได้ทวงคืนพลังจากเกราะทั้งห้าของเหล่าซามูไรด้วยการ”ดูดกลืนร่าง”ของพวกซามูไร และขุนพลปีศาจทั้งสี่ไว้ในร่างตน…จนเหลือเพียง ซานาดะ เรียว ผู้สวมเกราะเพลิงเร็กกะเพียงคนเดียว ที่ต้องต่อสู้กับจอมมารอาราโกเพียงลำพัง
ทว่า…เหล่าซามูไรทั้งสี่ที่ถูกจอมมารอาราโกกลืนร่างๆนั้น ก็ได้รวมพลังกันแหวกร่างเพื่อให้เรียวเข้ามาทำลาย แต่เรียวไม่สามารถทิ้งให้เพื่อนๆของเขาต้องตายในร่างจอมมารได้…ในตอนนั้นเอง เมื่อจิตของซามูไรทุกคนรวมเป็นหนึ่งเดียว ทำให้เกิดชุดเกราะสีขาวมาสวมร่างของเรียว นั่นคือสุดยอดศาตรา“เกราะคิโคเทย์” ที่สามารถกำจัดจอมมารอาราโกได้…
“เกราะคิโคเทย์” สุดยอดชุดเกราะจากความรักเพื่อน(!?) เข้าต่อสู้กับจอมมารอาราโก
ดูเหมือนทุกอย่างจะจบลงใช่มั้ยครับ??…ยังไม่จบครับ!! เมื่อจอมมารอาราโกถูกกำจัด แต่ก็มีวายร้ายตัวใหม่ที่แกร่งกว่านั่นก็คือ “จอมอสูรซาเรนโบ” ที่อาศัยช่วงที่เหล่าซามูไร และ จอมมารอาราโกสู้รบ ฉวยโอกาสลงมาที่โลกผ่านประตูมิติอสูรที่ทั้งสองฝ่ายเปิดออกมานั่นเอง
แต่ด้วยพลังที่มีมากเกินไป ดาบคู่เร็กกะของเรียว ไม่อาจต้านทานได้ จึงถูกทำลายไปในการต่อสู้กับพร้อมๆกับตัวของซาเรนโบในครั้งนี้ เหล่าซามูไรพ่ายแพ้ ทุกคนแยกย้ายกลับไปไขความลับของชุดเกราะเพื่อดึงพลังออกมา บางส่วนก็ออกตามหาดาบเล่มใหม่ให้เรียวไว้ใช้งาน จนในที่สุด “เบียคุเอ็น” เสือโคร่งสีขาวของเรียวก็ชิงดาบใหม่ “โกเร็ตสึ”มาได้ แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา เพราะศึกชิงดาบกับ “โคคุเอ็นโอ” เสือโคร่งสีดำผู้พิทักษ์ดาบโกเร็ตสึ…
เบียคุเอ็น สละชีพเพื่อชิงดาบจาก โคคุเอ็นโอ
ซาเรนโบ จอมอสูรที่มาถามหาว่า “ใครฆ่าอาราโก(ฟะ?) มาเจอกันหน่อยดิ๊!!”
”นักบวชลึกลับคาออส” สุดยอดตัวละครแทงกั๊กประจำเรื่อง…โลกจะเป็นตายไม่รู้ มาทิ้งปริศนาธรรมอย่างเดียว!! โดยนักบวชลึกลับคาออสได้ทิ้งปริศนา”พลังที่แท้จริง”ของเกราะโยโรอิเกียร์ ให้แต่ละคนไปหาคำตอบกันเอาเอง(จะบ้าเรอะ โลกจะวิบัติอยู่แล้วเนี่ยนะ??)
ทุกคนจึงออกเดินทางตามหาคำตอบ บางคนก็เจอกับอดีตของตัวเอง บางคนต้องต่อสู้กับภาพมายาที่ตัวเองสร้างขึ้น(“หลอน”นี่หว่า) จะมีก็แต่เรียว ที่ดึงดันไปยังมิติอสูรเพียงคนเดียว โดยไม่สนใจคำคัดค้านของเพื่อน
“คายูร่า”ขุนพลสาวสวยที่ออกมาสู้กับเรียว (แต่เอาเข้าจริงๆ สู้กับโทมะบ่อยกว่า บ่อยจนคนดูลุ้น(จิ้น)ให้คู่กัน)
และที่นั่น เรียวก็พบกับขุนพลปีศาจคนที่5 “คายูร่า” ที่จัดหนักใส่เรียว เพราะความสามารถสามารถสะท้อนการโจมตีทุกรูปแบบได้ ทำให้พลังของเรียว และเกราะคิโคเทย์สูญหายไป แต่ด้วยความช่วยเหลือของนาสตี้ หลานสาวของศาสตราจารย์ยางิว ผู้ไขปริศนาของชุดเกราะทั้งห้า มาพร้อมกับ“ชูเทนโดจิ”อดีตขุนพลปีศาจอาราโก ที่กลับใจมาช่วยเหล่าซามูไร และเอาชนะคายูร่าลงได้
“นาสตี้ ยางิว” และ “ศาสตราจาย์ยางิว” ผู้ช่วยเหล่าซามูไรไขความลับของเกราะโยโรอิเกียร์
ศึกสุดท้าย ด้วยพลังของคทาของนักบวชลึกลับคาออส และศิลาหยดน้ำ ก็สามารถเรียกพลังของพวกซามูไรกลับคืนมา และกำจัดทั้ง”นักบวชทมิฬ บาดามอน” และ”ร่างจริงๆของจอมมารอาราโก”ลงได้แบบรวดเดียวจบ สันติสุขก็กลับคืนสู่โลกอีกครั้ง…
(นี่ขนาดเล่าแบบข้ามๆจุดสำคัญๆไปเยอะมาก ยังยาวได้อีกนะเนี่ย…)
ตัวละคร
ซานาดะ เรียว (真田 遼)
เรียว แห่ง เร็กกะ (หรือ “เรียว โนะ เร็กกะ” – เกราะเพลิงเทพสุริยัน)
นักรบผู้สวมชุดเกราะเร็กกะ (烈火 เปลวเพลิง) มีต้นกำเนิดมาจาก “จิตใจแห่งคุณธรรม” เป็นคุณสมบัติประจำกาย ใช้ “ดาบคู่” เป็นอาวุธมีท่าไม้ตายคือ “ดาบคู่อัคนี” และ “ดาบเพลิงพิโรธ”
เรียวเป็นเด็กบ้านนอกของแท้ จึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับการเข้าสังคม หรือเสวนากับผู้อื่นซักเท่าไหร่ แต่เป็นคนที่รักและห่วงเพื่อนมาก เรียวเป็นนักสู้ที่มีอุปนิสัยซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมาและอารมณ์ร้อน ภายหลังได้เป็นผู้สวม “ชุดเกราะคิโคเทย์” (ชุดเกราะบัลลังก์ธรรมสวรรค์) ซึ่งเกิดจากการรวมใจเป็นหนึ่งของเพื่อนๆเพื่อปราบจอมมารอาราโก
ซานาดะ เรียว ได้ภาพลักษณ์จาก “ซานาดะ ยูคิมูระ” ซึ่งเป็น “ยอดนักรบ” “จอมวางแผน” และ “เป็นแม่ทัพผู้เสียสละ”ในสมัยสงคราม “เซนโกคุ”
ตำนานที่โจษจันของ ซานาดะ ยูคิมูระ ว่ากันว่าในสงครามที่โอซาก้า “โตกุกาว่า อิเอยาสึ” มาบุกชิงปราสาทคืน ยูคิมูระตัดสินใจว่าจะไม่รอตั้งรับแต่ เลือกที่จะ “เดินหน้าบุกทะลวงตรงๆไปทำลายทัพใหญ่ของอิเอยาสึ” ซึ่งแผนการโจมตีของเขาสามารถ ทะลุทะลวงจนเกือบถึงตัวอิเอยาสึ แต่ยูคิมูระ ฝ่าฟันทัพใหญ่ของอิเอยาสึมาอย่างยากลำบาก ทั้งฝ่าดงดาบ หอก พายุลูกธนู สารพัดแบบ จึงทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส จนสุดท้าย เขาก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว และ ยืนตายก่อนจะถึงตัวอิเอยาสึ ทั้งๆที่อีกเพียงไม่กี่ก้าวเขาก็สามารถปลิดชีพอิเอยาสึได้แล้ว…
ชู เร ฟาน (秀麗黄)
ชู แห่ง คนโก (หรือ “ชู โนะ คนโก” เกราะเทพปฐพี)
คือนักรบผู้สวมชุดเกราะคนโก (金剛 ปฐพี) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจาก “จิตใจแห่งความเที่ยงธรรม” เป็นคุณสมบัติประจำกาย ใช้ “ง้าว” เป็นอาวุธ ชูเป็นลูกหลานของนักรบชาวจีนที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยราชวงศ์จิ๋น ภายนอกแม้จะดูใจร้อน มุทะลุแต่ชูก็รักเพื่อน และเป็นผู้ที่มีศิลปะในการต่อสู้เป็นเลิศ ชนิดที่ว่าในกลุ่มไม่มีใครเอาเขาลง
ดาเตะ เซย์จิ (伊達征士}
เซย์จิ แห่งโคริน (หรือ “เซย์จิ โนะ โคริน” – เกราะเทพประกายแสง)
คือนักรบผู้สวมชุดเกราะโคริน (光輪แสงสว่าง) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจาก “จิตใจแห่งความนอบน้อม” เป็นคุณสมบัติประจำกาย ใช้ “ดาบยาว” เป็นอาวุธ
เซจินั้นเป็นนักรบที่ถูกจัดว่า “หล่อที่สุดในกลุ่มทรูปเปอร์ทั้ง 5” (ถึงขั้นมีแฟนๆที่เป็นผู้หญิง เขียนจดหมายไปที่บ.ซันไรซ์ เพื่ออวยพรวันเกิดให้หมอนี่เลยทีเดียวในยุคนั้น)เป็นผู้ที่มีอุปนิสัยที่นอบน้อม น่าคบหา เงียบขรึม และดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม
ดาเตะ เซย์จิ ได้ภาพลักษณ์มาจา “ดาเตะ มาซามุเนะ” ฉายา “มังกรตาเดียวแห่งแคว้นโอชู” (ตาบอดไปหนึ่งข้างเพราะเป็นโรคฝีดาษ ลามมาที่ตา) ซึ่งเซจิได้แนะนำตัวว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากดาเตะ มาซามูเนะ หนึ่งในขุนพลยุคเซนโกคุ
เขาเป็นไดเมียวที่นำกองทัพเข้าร่วมกับกองทัพของ “โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ” เมื่อครั้งที่รบกับกองทัพของ “โฮโจ อุจิมาสะ” จนได้รับชัยชนะ หลังจากสิ้นฮิเดโยชิ ก็เข้าร่วมกับกองทัพของ โตกุกาวะ อิเอยาสึในสงครามเซกิงาฮาระ จนทำให้กองทัพของอิเอยาสึได้รับชัยชนะและรวมแผ่นดินได้สำเร็จ และยังเป็นไดเมียวผู้ยิ่งใหญ่คนสุดท้าย ที่ได้เห็นวาระสุดท้ายของอิเอยาสุอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่อยู่ตั้งแต่ยุดซามูไรจนกระทั่งเข้าสู่ยุคเอโดะที่ถือ ได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของญี่ปุ่นในเวลานั้นเลยทีเดียว
มาซามุเนะ นั้นมีความสนใจต่อการทูตและเทคโนโลยีของชาติตะวันตก โดยในปี ค.ศ. 1613 เขาได้เขียนจดหมายถึงสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 5 เป็นภาษาละติน และเป็นคริสเตียนคนแรกๆของญี่ปุ่น
หลังจากสงครามเซกิงาฮาระ มาซามุเนะ ก็ก่อตั้งเมืองเซนไดขึ้นมา ปัจจุบันคือเมืองที่เป็นพื้นฐานของการส่งกำลังเสริมทางทหารและการขนส่ง รวมทั้งการผลิตไฟฟ้าที่สำคัญด้วย
โมริ ชิน (毛利 伸)
ชิน แห่ง ซุยโค (หรือ “ชิน โนะ ซุยโค” เกราะเทพวารี)
คือนักรบผู้สวมเกราะซุยโคะ (水滸สายน้ำ) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจาก “จิตใจแห่งความเชื่อมั่น” เป็นคุณสมบัติประจำกาย ใช้ “หอกสามง่าม” เป็นอาวุธ จุดเด่นในการต่อสู้ของชิน คือการใช้พลังที่อ่อนโยนและแข็งแกร่งของสายน้ำต่อสู้กับศัตรู ชินเป็นคนใจเย็น นิสัยดี มีท่าไม้ตายคือพลังคลื่นน้ำวน ที่ทรงพลานุภาพ ซึ่งตระกูลโมริก็เป็นขุนศึกเซกิงาฮาระเช่นเดียวกับเซย์จิ และ โทมะ
โมริ ชิน ได้ภาพลักษณ์ของ “โมริ โมโตนาริ” ไดเมียวแห่งตระกูล โมริ เขาเป็นผู้ที่คานอำนาจของตระกูล อามาโกะ และตระกูลโออุจิ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนกระทั่งครอบครองพื้นที่ ชูโกคุ ได้ทั้งหมด และยังเป็นผู้ที่ทำลายตระกูลโอโตโมะ แห่งแคว้นบังโง ได้สำเร็จ
ฮาชิบะ โทมะ (羽柴当麻)
โทมะ แห่ง เท็นคู (หรือ “โทมะ โนะ เท็นคู” – เกราะเทพเวหา)
คือนักรบผู้สวมเกราะเท็นคู (天空อากาศ) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจาก “จิตใจแห่งสติปัญญา” เป็นคุณสมบัติประจำกาย ใช้ “ธนู” เป็นอาวุธ โทมะเป็นคนฉลาดเฉลียวและมักเป็นกุนซือของกลุ่มในการวางแผนต่างๆ ในการต่อสู้อยู่เสมอ ฮาชิบะ โทมะ สืบเชื้อสายมาจาก “โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ” (นามเดิม ฮาชิบะ ฮิเดโยชิ)
โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ เป็นขุนศึกที่ได้ร่วมทำศึกต่างๆมากมาย เป็นสหายร่วมรบ เคียงบ่าเคียงไหล่กับ “โอดะ โนบุนากะ” เช่นศึกที่แม่น้ำ “อาเนกางะ” ที่ปะทะกับ อาซากุระ และ อาไซ นากามาสะ ศึกที่นางาชิโนที่โนบุนากะ และโตกุกาว่า อิเอยาสึ ร่วมมือกันปราบทัพของทาเคดะ คัทสึโยริอย่างราบคาบ
เขาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ จากศึกต่างๆ ที่ผ่านมาอย่างชำนาญ ระหว่างที่ฮิเดโยชิได้ถูกส่งไปทำศึกเพื่อปราบ อาเคจิ มิตสึฮิเดะ คนสนิทอีกคน ที่ยอมหักหลังโนบุนากะจนต้องตาย
ภายหลังจากนั้นได้หนึ่งสัปดาห์ ฮิเดะโยะชิก็สามารถไล่ตามทัพของมิตสึฮิเดะได้ที่เมืองยามาซากิ เขาสามารถคว้าชัยชนะได้อย่างง่ายดาย รวดเร็วก่อนที่หลุมศพของโนบุนากะจะถูกสร้างเสร็จเสียอีก…นอกจากนี้ เขายังเป็นคนที่สร้างปราสาทโอซาก้าด้วย
ด้วยวีรกรรมของฮิเดโยชิ ทำให้เขาเป็นผู้บุกเบิกประเทศญี่ปุ่นเป็นคนที่ 2 ต่อจากโนบุนากะ และคนสุดท้ายซึ่งก็คือผู้สถาปนาเมืองเอโดะเป็นรัฐบาลบาคุฟุ (รัฐบาลทหาร) ก็คือโตกุกาว่า อิเอยาสึ นั่นแหละครับ…
ชูเท็นโดจิ (朱天童子)
ชูเท็นโดจิ คือขุนพลปีศาจผู้สวมเกราะปีศาจ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจาก “จิตใจแห่งความสัตย์” เป็นคุณสมบัติประจำกาย ใช้ เคียวติดโซ่ เป็นอาวุธที่ร้ายกาจ แม้ลักษณะภายนอกของชูเท็นจะดูอำมหิตและโหดร้ายในตอนแรก แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นคนที่มีจิตใจดี และไม่เห็นด้วยกับแผนการหลาย ๆ อย่างของโลกปีศาจ
นาสะ (那唖挫)
นาสะ คือขุนพลปีศาจผู้สวมเกราะแห่งงูเห่า ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจาก “จิตใจแห่งความกตัญญู” เป็นคุณสมบัติประจำกาย นาสะสามารถใช้ พิษ และเพลงดาบอันน่ากลัว เข้าจู่โจมศัตรูอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้ดูราวกับว่านาสะ มีแขนถึง 6 แขน
อานุบิสึ (悪奴弥守 หรือ อานูบิส)
อานุบิสึ คือขุนพลปีศาจผู้สวมเกราะปีศาจแห่งเทพ “อนูบิส” แห่ง อียิปต์ โบราณ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจาก “จิตใจแห่งความกล้าหาญ”เป็นคุณสมบัติประจำกาย อานุบิสึเป็นนักรบที่มีความเชี่ยวชาญการรบในความมืด และมี ดาบแสงอสูรทมิฬ ซึ่งสามารถแทงทะลุได้ทุกสิ่ง
ราจูร่า (螺呪羅)
ราจูร่า คือขุนพลปีศาจผู้สวมเกราะปีศาจแห่งแมงมุม และ แมงป่อง ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจาก “จิตใจแห่งความอดทน” เป็นคุณสมบัติประจำกาย ราจูร่ามีพลังแห่งภาพลวงตา ภาพมายา เป็นอาวุธที่น่ากลัว แต่หากพลังอันชั่วร้ายนี้นำมาใช้เพื่อคุณธรรม ก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นพลังแห่งความวงบสุข
คายูร่า (迦遊羅)
คายูร่า เป็นขุนพลปีศาจคนที่ 5 ของจอมมารอาราโก แม้กายภายนอกจะเป็นหญิงแต่คายูร่ากลับมีพลังปีศาจที่กล้าแข็งกว่า 4 ขุนพลปีศาจเสียอีก (และโมเอะกว่าอย่างเห็นได้ชัด) คายูร่าเป็นปีศาจที่มีพลังแกร่งกล้าและฝีมือในการต่อสู้สูง แต่เธอกลับมีความลับบางประการที่เป็นปริศนาและน่าฉงนอยู่ คายูร่าอยู่ในความควบคุมดูแลของเหล่าขุนพลปีศาจทั้ง 4 ตามคำบัญชาของจอมมารอาราโก
จอมมารอาราโก (阿羅醐)
จักรพรรดิ์แห่งโลกปีศาจ เจ้าเหนือหัวของขุนพลปีศาจทั้ง 5 ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งหลังจากการต่อสู้กับ คาออส เมื่อพันปีก่อน และถูกจองจำมายาวนาน อาราโกต้องการทำลายล้างโลกมนุษย๋และดูดพลังแห่งความเกลียดชังของ มนุษย์เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังปีศาจอันชั่วร้าย ยิ่งมนุษย์มีความหวาดกลัวและความเกลียดชังมากเท่าใด ก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นพลังปีศาจให้มากขึ้นเท่านั้น
—-
ของเล่น
ในส่วนของเล่นนั้นจะเป็นแนวๆ “ฟิกเกอร์ที่สามารถ ถอดเกราะ- สวมเกราะได้” เป็นหลักครับซึ่งของเล่นที่ออกมาในยุคนั้นเองก็จะเน้นลูกเล่นมากกว่าความสมจริงหรือความถูกต้องของสเกลโมเดลครับ
อันนี้จากทางโซนตะวันตกเขาทำขายครับ ราคาไม่ต้องพูดถึง
แต่กล่องญี่ปุ่นน่าเก็บกว่าละนะ…
กว่าจะครบชุด ท่าทางจะหลายตังค์เลยนะน่ะ…
ของเก่า เอามาทำสีใหม่เอง ก็สวยไปอีกแบบ…
และก็ยังมีไลน์อื่นๆอย่างตุ๊กตาSDด้วยครับ (บ้านเราเอาชุดนี้ไปทำแถมขนมคัมคัม ซอง3บาทสมัยนั้น แต่ฉีดพลาสติกสีเดียวนะ หาภาพยากมาก!)
**ภาพจากเวปต่างประเทศ**
บ้านเราเคยออกเป็นสมุดสะสมสติ๊กเกอร์ มากับกล่องขนมโดเรมอน 5 บาท แต่ตอนนั้นแอดมินแงะเอาสติ๊กเกอร์อย่างเดียว55 (ขออนุญาติใช้ภาพจากเวป http://lukkhang.lnwshop.com นะครับ “เก่า”สะใจจริงๆ)
คายูร่า รูปนี้โมเอะจุง…
เอาล่ะครับ ถ้าคิดว่าของที่แอดมินนำภาพมาฝากนั้น ออกจะ “หายาก และแพงเกินสะสม” ด้วยข้อจำกัดของยุคสมัยที่ผ่านมาเนิ่นนานเป็นปัจจัย แอดมินมีของเล่นชุดใหม่ที่ยังพอหาซื้อได้ที่สะพานเหล็ก และร้านของเล่นทั่วไปได้ครับ
สินค้าชื่อชุด “Armor Plus” ครับ ตอนนี้ออกมา 5 ตัวแล้ว มี เรียวมีสองแบบ เกราะเร็กกะ กับคิโคเทย์ / โทมะ เกราะเทนคู / ชิน เกราะซุยโค / ชู เกราะคนโก และ ดาเตะ เกราะโคริน
ซามูไรทั้ง5 ตอนนี้มีวางขายแล้ว ราคาตกตัวละ 4,xxx (แล้วแต่ร้านครับ) คิดจะเก็บไลน์นี้ต้องกระเป๋าหนักน่าดู
เกราะคิโคเทย์ ที่มีสัดส่วน สวยงามตามต้นฉบับ ก็สมราคาละนะครับ…
แถมยังถอดออกเป็นสภาพ Object ได้ด้วย
จุดขยับที่ทำออกมาได้ดี จนโพสท์ท่าตามอนิเมได้ไม่ยาก
ส่วนใครที่อยากดูอนิเมเรื่องนี้ ก็ยังพอซื้อหาได้ ตามร้านDVDทั่วไป เพราะ มีการนำกลับมาวางขายอีกครั้งในรูปแบบลิขสิทธิ์ถูกต้อง เมื่อราวๆ 5-6ปีก่อน (เป็น VCD 19แผ่นจบ + ภาคOVA 5แผ่น) ยังหาซื้อได้ ที่สะพานเหล็กแอดมินก็ยังเห็นอยู่นะ…
ก็ถือเป็นอนิเมที่อยู่ในยุคเดียวกับเหล่าเซนต์แห่งอาธีน่า แล้วก็เกาะกระแสจนได้ดีไปถึงต่างแดน รวมทั้งบ้านเราด้วย
แอดมินถือว่าอนิเมเรื่องนี้ ได้มอบความหมายของคำว่า “เพื่อน” ได้ดีอีกเรื่องหนึ่งครับ จะว่าไปแล้วในชีวิตคนเรา จะมีเพื่อนซักกี่คน ที่ยอมเสียสละบางอย่างเพื่อให้เพื่อนอีกคนหนึ่งได้ก้าวไปต่อ…แอดมินว่า การที่เราจะมีเพื่อนที่ดีได้แบบนั้น ก็ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน ว่า “เราสามารถเสียสละบางอย่าง เพื่อแบ่งให้ผู้อื่นได้มั้ย?” แค่นี้ คำว่า “เพื่อนแท้”ไม่ต้องไปมองหาที่ไหนไกลหรอกครับ อาจจะอยู่ใกล้ๆตัวคุณก็ได้ครับ…แอดมินเชื่ออย่างนั้นนะ
สำหรับบทความนี้อาจจะยาว และภาพเยอะไปซักหน่อย ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย เพราะแอดมินเองก็อยากจะให้ออกมาครบถ้วนทุกมุม
(เท่าที่จะทำได้ ก็ต้องขอบคุณหลายๆเวปที่เป็นแหล่งภาพประกอบด้วยครับ) แล้วจนกว่าจะพบกันใหม่…
“So Faraway”
Ending credit – Faraway
เพลงเปิด 2 Samurai Heart
แอดมิน Ak47
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console