ชื่อไทย : สามเหมียวยอดนินจา
ชื่อภาษาอังกฤษ : Samurai Pizza Cats
ชื่อภาษาญี่ปุ่น : キャッ党 忍伝 てやんでえ (แคทโตะ นินเด็น เทยันเดะ)
ประเภท : Action / Mecha / Kemono
ผู้แต่ง : Mayori Sekijima / Satoru Akahori
ผู้กำกับ :Kunitoshi Okajima
ผู้ผลิต : Tatsunoko Productions
เริ่มฉาย : 3 ตุลาคม 1985 – 26 มิถุนายน 1986
หากใครที่ทันยุคการ์ตูนหลังเลิกเรียน คงจะมีการ์ตูนในดวงใจหลายๆเรื่อง ในยุคที่รายการสำหรับเด็ก และเยาวชนยังไม่ถูก แทรกแซงโดยรายการที่ “สามารถฟันกำไรโฆษณา” มากกว่าอย่างในยุคปัจจุบัน นับว่าเป็นยุคที่เด็กๆส่วนใหญ่ เลิกเรียนแล้วรีบวิ่งกลับบ้านไปดูการ์ตูน ไม่ออกไปเที่ยวเล่นไหน จนกว่าการ์ตูนจะจบ
และนี่คือหนึ่งในการตูนที่เด็กๆยุค 90 ตอนต้นต้องเคยผ่านตากันมาบ้าง กับ “สามเหมียว ยอดนินจา”
—
สามเหมียวยอดนินจา ( キャッ党 忍伝 てやんでえ แคทโตะ นินเด็น เทยันเดะ ) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ผลงานจากทาง “บริษัท ทัตสึโนโกะ” (เจ้าของสิทธิ์ตัวละครอย่าง คาชชาน / โพลีเมอร์ / เทกก้าแมน /กัตช่าแมน) ที่ออกอากาศครั้งแรกทางสถานีโทรทัศน์โตเกียว เมื่อวันที่ 2 มกราคม 1990 และได้นำมาฉายในเมืองไทยประมาณปี พ.ศ. 1991 – พ.ศ. 1992 โดยทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เป็นการ์ตูนยามเช้าประมาณ 7.00-7.30 และย้ายมาอยู่ตอนเย็นประมาณ 17.00-17.30 ในปีถัดมา ออกอากาศทุกวัน จันทร์ – อังคาร – พุธ
แนวคิดของการออกแบบตัวการ์ตูนนินจาแมวเหล่านี้ เกิดจากความชื่นชอบในการเลี้ยงแมว และความเชื่อของชาวญี่ปุ่นว่า “แมวเป็นสัตว์แห่งโชคลาภ เงินทอง และความสุข” มาผสานกับการออกแบบในสไตล์ “เคโมโนะ” (คนครึงสัตว์ พูดได้) แล้วมาบวกกับวัฒนธรรม งานศิลป์แบบญี่ปุ่นสุดจัดจ้าน จึงกลายเป็นคาแรคเตอร์ “แมวนินจา” ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกในขณะนั้น ทั้งอเมริกา ยุโรป และแม้แต่ในไทยเองก็ตาม
เรื่องราวโดยรวมของสามเหมียวยอดนินจา จะออกไปทางมุกตลกเสียดสีสังคม และวัฒนะธรรมญี่ปุ่นในยุคสมัยเอโดะ อันเป็นยุคที่เพิ่งเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่โชกุน “โตกุกาว่า อิเอยาสึ” ได้ทำการรวบอำนาจตั้งรัฐบาลโชกุนขึ้น และลดอำนาจบทบาทของสมเด็จพระจักรพรรดิ์ จึงถือว่าเป็นยุคที่วัฒนธรรมของประชาชนเดินดิน เจริญรุ่งเรือง
อีกทั้งการมาของวิทยาการจากชาวตะวันตก ศาสตร์ศิลปะแขนงใหม่ๆ การแสดง วิถีชีวิต และอาหารการกิน ก็ถูกยกเครื่องใหม่ ที่ถูกเรียกว่าช่วง “วัฒนธรรมเง็นโระกุ” (元禄 文化 เง็นโระกุ บุนคะ) ซึ่งในการตูนเรื่องนี้ก็หยิบเอา Gimmick เหล่านี้มาร้อยเรียง ล้อเลียน เสียดสี และนำเสนอผ่านมุมมองของ “แมว” และสัตว์ต่างๆ ผสมกับอารยธรรมจักรกล จนกลายมาเป็นผลงานชิ้นนี้นั้นเอง
—
เรื่องย่อ
เรื่องราวของสามเหมียวยอดนินจาก จะเล่าถึงแมวพนักงานร้านพิซซ่าแคท 3 ตัว “ยัททาโร่ , สึกาชิ และ พูรุรุน” ที่มีเบื้องหลังเป็นหนึ่งในสมาชิกของ “ภาคีนินจาเนียนกี้” กลุ่มนินจาลับผู้ทำงานรับใช้สังคม ต่อสู้คนพาลอภิบาลคนดี พวกภาคีนินจาเนียนกี้นั้น จะแฝงตัวกระจายกันอยู่ตามร้านอาหาร และเครื่องใช้ต่างๆทั่วเอโดโพลิส เมื่อมีสัญญาณการสั่นกระดิ่ง ภาคีนินนจาเนียนกี้ ก็จะอยู่ในสถานะเตรียมพร้อมรอรับคำสั่งภารกิจในแต่ละตอน
ภาคีนินจาเนียนกี้ ต้องต่อสู้กับเหล่าลูกสมุนนินจาของ “คิทซึเนะสึกะ โคออนโนะคามิ” หรือ “ขุนนางจิ้งจอก” ไดเมียวผู้คุมเมือง“เอโดโพลิส”(Edopolis หรือ Little Edo) ด้วยอำนาจบาตรใหญ่ รีดนาทาเร้นเหล่าผู้คนในเมือง โดยที่ “พระจักรพรรดิ์ อิเอะ-อิเอะ” เองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะถูกริดรอนอำนาจ (จริงแล้วเป็นแผนแกล้งบ้า เพื่อหาจังหวะกำจัดขุนนางชั่วให้ออกจากพระราชสำนักนั่นเอง)
ในการต่อสู้อย่างยากลำบากของพวกยัททาโร่ และเหล่าภาคีนินจาเนียนกี้ ก็ทวีความยากเข้าไปอีก เมื่อการมาของแก๊ง “นินจาอีกาดำ” (Karasu) ที่นำโดย “คารามารุ” และ “คาราสุ เก็นนาริไซ” ที่มีการต่อสู้กลางเวหา และรวดเร็ว ก็ต้องทำให้พวกของยัตทาโร่ต้องทำการอัพเกรด ด้วยการออกตามหา “เนียโกะคิง” (Nyako King) หุ่นรบราชันย์แมว และ “ชุดเกราะวิหคเหินโทริสึคุง” (Toritsukun Yoroi) ก็ทำให้พวกของยัตทาโร่ทั้งสามได้มีพลังเพิ่มไปอีกขั้น
ในที่สุดพวกยัตทาโร่ก็เอาชนะพวกของขุนนางจิ้งจอกได้ (แบบไม่มีใครตายเลย) เมื่อเจ้านายหมดอำนาจ พวกนินจาอีกาดำที่เหลือก็ถอนตัวกลับไป และความสงบสุขก็คืนสู่เมืองเอโดโพลิสอีกครั้ง
—
ตัวละคร
“ยัตทาโร่”
แมวขาวลงพุงจอมมุทะลุ ใจร้อน ขี้โวยวาย มีหน้าที่เป็นพนักงานส่งพิซซ่าของ”ร้านพิซซ่าแคท” ที่ต้งอยู่ในเมืองเอโดโพลิซ อีกด้านหนึ่ง เขาก็คือหนึ่งในสมาชิก “ภาคีนินจาเนียนกี้” ที่ทำหน้าที่ปกป้องผู้คนจากเรื่องชั่วร้ายต่างๆ ด้วย “ดาบวิเศษ มาสะ มาสะ”
กระบวนท่าปิดฉากศัตรูก้คือ “เพลงดาบคอสโม่ฟ้าผ่าจักรวาล “ และ “เพลงดาบสแลชตาแมว” (ネコ目スラッシュ เนโกะ เมะ สแลช)
ยัตทาโร่หลงรัก “โอมิทสึ” (おミツ) แกะสาวงามแห่งเอโดะ และมักจะทะเลาะกับสึกาชิเป้นประจำ เพราะแย่งผู้หญิง แต่สุดท้ายแล้ว ด้วยความใกล้ชิด และการต่อสู้ร่วมกันอย่างยากลำบาก “พูรุรุน” จึงเข้าไปอยู่ในใจยัตทาโร่แทน และสยบความบ้าบอของเขาลงได้ในที่สุด
“สึกาชิ”
แมวหนุ่มผิวสีเจ้าสำอางค์ ทรงสเน่ห์ ชอบเข้าสังคม โดยเฉพาะการหลีแมวสาวๆ โดยเขาเองก็มีฉากหน้า ที่เป็นพนักงานส่งพิซซ่าของ”ร้านพิซซ่าแคท” เช่นกัน โดยหน้าที่หลักของสึกาชิในภาคีนินจาเนียนกี้ คือหน่วยข่าวกรอง สอดแนม และมักจะพกร่มไปด้วยเสมอ เพราะสามารถใช้เป็นอาวุธได้ทั้งแบบกระบอง และโล่ยักษ์ อีกทั้งยังใช้แทนเครื่องร่อนได้ดีอีกต่างหาก โดยจะมีท่าไม้ตายหลักคือ “ร่มชีต้าทลายบุพผา” และดาบสั้น “ปิกาปิก้า” ที่สามารถปล่อยท่าไม้ตาย “อิจิมอนจิ ไฟเยอร์”ได้ด้วย
“พูรุรุน”
แมวสาวเอาแต่ใจ ขี้โมโห และชอบใช้ความรุนแรง ที่เปรียบเสมือนหัวหน้ากลุ่มในหมู่แมวทโมนทั้งสอง (เพราะกำราบความบ้าของสองแมวหนุ่มได้นั่นเอง) เธอจะทำงานประจำอยู่ที่ร้านพิซซ่าแคท ตำแหน่ง แคชเชียร์และจัดการทั่วไป และยังเป็นหนึ่งในสมาชิกภาคีนินจาเนียนกี้ ตำแหน่งประสานงานภาคสนาม มีอาวุธเป็นขลุ่ยญี่ปุ่น และมีท่าไม้ตายคือกงเล็บอันทรงพลังที่มีชื่อว่า “ท่าตะปบ 100เท่า” (หรือ “ท่าฝ่ามือตะกุยพลัง 100 เท่า”)
ถึงจะปากร้าย ชอบใช้กำลัง แต่ยังไงก็ยังเป็นผู้หญิงที่มีความอ่อนโยน อ่อนไหวในบางมุม และเมื่อถอดหมวกออก ก็จะเห็นผมสีแดงยาวสลวย ดูน่ารักขึ้นมาทันที
พูรุรุน เห็นความมานะ พยายามหลายต่อหลายครั้งกับการต่อสู้ และความมีน้ำใจต่อผู้อื่นของยัตทาโร่ เธอจึงเริ่มมีใจให้ และก็เปิดเผยความรู้สึกที่มีต่อเจ้าแมวขาวลงพุงพระเอกของเรื่องในตอนสุดท้าย
“ราชันย์แมว เนียโกะคิง”
เนียโกะคิง เป็นหุ่นยนต์รูปแมวขนาดยักษ์ ที่หลับไหลอยู่ภายในรูปปั้นที่ “ภูเขาไฟแมวเนโกะ” ตั้งอยู่หลังเมืองเอโดโพลิส โดยจะมีอาวุธเป็น “หอกก้างปลา” ซึ่งหุ่นเนียโกะคิง จะออกมาก็ต่อเมื่อยัตทาโร่เสียเปรียบ เขาจะชักดาบเพื่ออัญเชิญเนียโกะคิง แต่ยัตทาโร่ก็ไม่เคยขึ้นขังเนียโกะคิงเลยซักครั้ง เพราะบนห้องนักบิน “มีเพียงสองที่นั่ง” และ สึกาชิ กับ พูรุรุน ก็เข้าไปขับก่อนที่ยัตทาโร่จะเก๊กท่าเสร็จนั่นเอง
“เกราะวิหคเหิน โทริสึคุง” (Toritsukun Yoroi)
เกราะวิหคเหิน โทริสึคุง เป็นชุดเกราะจักรกลรูปนก ที่ออกมาจากรูปปั้น โดยจะเป้นชุดเสริมพลัง และช่วยให้เหล่านินจาแมวทั้งสาม สามารถต่อสู้กับพวกนินจาอีกาดำบนท้องฟ้าได้ และยังเป็นการเพิ่มพลังท่าไม้ตายของแต่ละคนได้ด้วย
—
“ภาคีนินจาเนียนกี้ – หน่วยช่วยเหลือฉุกเฉิน”
(お助けメンバー โอตะสึเกะ เมมเบอร์)
เมื่อสถาณการณ์บางอย่าง ก็เกินมือพวกยัตทาโร่จะรับมือได้ จึงเป็นคราวของเหล่าทีมช่วยเหลือ โดยจะอาศัยตามร้านอาหาร หรือเครื่องใช้ต่างๆทั่วเมืองเอโดโพลิส และความสามารถของนินจาทีมนี้ ก็จะแตกต่างกันไปตามความถนัดของแต่ละตัว และพวกเขายังมี Gimmick แบบหนังเซนไต 5 สี ก็คือ “การรวมอาวุธเฉพาะตัวเพื่อเป็นปืนใหญ่” เอาไว้ใช้ในการต่อสู้
“ริคิโนะชิน”
เป็นลุงแมวอ้วนตัวใหญ่ จอมพลัง สามารถป่นหินให้แหลกได้ด้วยมือเปล่า อีกทั้งยังบรรทุกปืนใหญ่เอาไว้สอยพวกนินจาอีกาดำที่บินยบนฟ้าได้ แต่ในยามปกติ ลุงอ้วนแกมักจะใช้ปืนใหญ่ ยิงดอกไม้ไฟตามงานเทศกาลมากกว่า
“มิเอะโทรุ”
แมวค้างคาวเวหา เป็นแมวที่สามารถบินได้ด้วย “ปีกของค้างคาว” อุปกรณ์ช่วยบินที่ภาคีคิดค้นขึ้น ถนัดเรื่องการชกต่อยด้วยมือเปล่า ไม่ชอบการใช้อาวุธใดๆ เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเท่ากับการดวลตัวต่อตัวด้วยมือเปล่านั่นเอง
“กัตตัน”
แมวสีส้ม นักขุดเจาะ สามารถสำรวจ และสร้างเส้นทางลับให้กับพวกภาคีนินจาได้ มีสว่านมอเตอร์เป็นอาวุธ
“เนกกี้”
แมวนักประดาน้ำ เป็นแมวที่ชื่นชอบการลงไปสำรวจโลกใต้น้ำของเอโดโพลิส เป้นหน่วนสนับสนุนทางน้ำที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะทั้งภาคี “มีเขาคนเดียวที่ไม่กลัวน้ำ” (แมวส่วนใหญ่กลัวน้ำ)
—
“โอมิทสึ”
เป็นแกะสาวงามแห่งเอโดโพลิส ที่หัวมีช่องปล่อยจรวดมิซไซล์ อยู่กับพี่ชายทำร้านซูชิเป็นมือหนึ่งของเมืองอีกด้วย ทั้งยัตทาโร่และสึกาชิชอบคนนี้คนเดียวกัน จึงทเป็นต้นเหตุให้สองแมวหนุ่มทะเลาะกันเสมอ แต่เนื่องว่าเธอขี้ตกใจ ที่หัวของเธอก็จะปล่อยมิซไซล์ออกมาถล่มคนรอบข้างทันที
“อินุยามะ วังโกะ โนะ คามิ “
หัวหน้าซามูไรอารักขาพระจักรพรรดิ เป็นผู้ก่อตั้งภาคีนินจาเนียนกี้ เป้นผู้ที่ระแคะระคายเรื่องความไม่ชอบมาพากล ของขุนนางจิ้งจอกมาแต่ไหนแต่ไร และพยายามสืบเรื่องราวความไม่สงบของพระราชวัง จัดว่าเป็นซามูไรที่มีความจงรักภักดีต่อเจ้านายอย่างสุดหัวใจคนหนึ่ง
(ตามหน้าประวัติศาสตร์จริงๆแล้ว ซามูไรหนึ่งคน อาจจะมีนินจาในสังกัด เพื่อใช้ในงานราชการลับ ซึ่งทางผู้แต่งเรื่อง ก็หยิบเอาจุดนี้มาใช้งานนั่นเอง)
“จักรพรรดิแพนด้า โตกุกาว่า อิเอ อิเอ”
จักรพรรดิ์แพนด้าที่มีสติสตังไม่เต็มบาท ซึ่งนั่นเป้นเพียงการแสดง เพื่อที่จะกระชากหน้ากากของผู้ที่อยู่เบื้องหลังเท่านั้น (อันนี้ก็อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ของโชกุนโตกุกาว่า ที่มีช่วงที่แกล้งบ้า เพื่อหลอกให้ขุนนางชั่วตายใจ และทดสอบความภักดี)โดยปราสาทของจักรพรรดิ์ สามารถเปลี่ยนเป็นร่างหุ่นรบซามูไรยักษ์ได้
“เจ้าหญิงอุสะ”
เป็นเจ้าหญิงกระต่ายน้อยที่เอาแต่ใจ มักโมโหง่ายเมื่อรับสั่งไม่เข้าหู แต่เป็นเพื่อนกับสามเหมียวนินจาโดยเฉพาะกับยัตทาโร่
“คิทซึเนะสึกะ โคออนโนะคามิ”
ผู้สำเร็จราชการแทนประจำเมืองเอโดโพลิซผู้ฉ้อฉล เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความรุนแรงทั้งหมดในเมือง ไดเมียวจิ้งจอกนี้มีนิสัยเจ้าเล่ห์ มักใหญ่ไฝ่สูง อยากที่จะเป็นใหญ่ในแผ่นดินแต่เพียงผู้เดียว มีลูกสมุนคอยรับใช้มากมาย แต่เมื่อเข้าตาจน ก็มักจะระเบิดฐานทัพหนีไปเสมอ…
“การาสึ เก็นนาริไซ”
อีกาเฒ่าจอมเจ้าเลห์ เป้นเสมือนกุนซือ ที่คอยแนะนำการสร้างเรื่องวุ่นวายภายในเมืองเอโดโพลิซ เพื่อการก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ของนายตน ถึงแม้เจ้านายจะเป็นจิ้งจอกเจ้าอารมณ์ แต่อีกาเฒ่าตัวก็ยังรักและภักดีต่อเจ้านายของตนเสมอ
“คารามารุ”
อีกาหนุ่ม หัวหน้าหน่วยนินจาอีกาดำ อดีตเคยเป็นพนักงานส่งพิซซ่า แต่ทว่าเกิดความทะเยอทะยาน อยากเด่นดัง อยากยิ่งใหญ่ จึงได้เข้าไปเป็นพวกกับขุนนางจิ้งจอก
มีครั้งหนึ่งที่ขุนนางจิ้งจอกสิ้นท่า และหายตัวไป เหล่านินจาอีกาจึงไร้หลัก คารามารุ จึงเตร็ดเตร่อย่างไร้จุดหมายในเมือง อดอยาก และหิวโหย จนกระทั่งไปเจอกับยัตทาโร่ จึงชักชวนมาทำงานร้านพิซซ่า ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสปการณ์ และกลายเป็นเพื่อนรักกัน (แต่ทั้งสองจำกันไม่ได้ เพราะไม่ได้ใส่เกราะ)
แต่เมื่อนายเก่ากลับมา คารามารุที่มีความภักดีต่อเจ้านาย จึงกลับไปเป็นหัวหน้าชุดนินจาอีกาอีกครั้ง และเข้าต่อสู้กับยัตทาโร่โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่า ยัตทาโร่ คือเพื่อนแท้ที่เขาตามหา และอยากจะมีมานานแสนนานนั่นเอง…
—
ของเล่น
ของเล่นในซีรี่ยส์นี้ อดีตเป็นผลงานจากทางบ.บันได (ตัวที่แอดมินนำมาประกอบบทความ ช่วงแนะนำตัวละครนั่นแหละ) เป็นของเล่นสไตล์กันพลา สมัยนั้นแอดมินจำได้ว่าเคยไปซื้อที่ “ห้างนิวเวิลด์” บางลำภู ตัวละ 450 บาท จัดว่าโคตรแพง (ในยุคที่ก๋วยเตี๋ยวแพงสุดที่ 20 บาทอะนะ) ปัจจุบันเหลืออยู่ในความทรงจำเท่านั้น ไม่มีเหลือแม้แต่ซาก 555+
ในขณะที่ปัจจุบัน ก็ได้มีสินค้าจากค่าย Art Strom ในไลน์ ES Gokin ซึ่งเป้นของเล่นที่มีเหล็กเป้นส่วนผสมช่วงเกราะต่างๆและราคาก็ไม่ต้องพูดถึงครับ…”ค่ายนี้ไม่เคยทำของถูกอยู่แล้ว!!”
—
และเด็ดสุด คือ “วิดิโอเกมเครื่อง FR 202″ ที่มีตลับเกม “Top Ten” ที่มีเกม “3 เหมียว” ติดมา เรียกได้ว่า เป็นเกมที่มีงานภาพสีสันสดใส เพลงเพราะ เล่นเพลินสุดๆไปเลย ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ลองหา Rom มาเล่นบน PCของท่านได้ครับ 555
จัดว่าเป็นอีกหนึ่งการ์ตูนดังที่อยู่ในความทรงจำของเด็กยุค 90 ตอนต้น แม้แอดมินจะหยิบเอาเวอร์ชั่นซับ ENG มาดูในปัจจุบันก็ยังรู้สึกสนุก และเข้าใจง่าย ดุไปก็อมยิ้มไปครับ!
แอดมิน Ak47
—
เพลงเปิดอันแสนคุ้นเคย