Samsung Galaxy Note 8 [รีวิว / สเปค / ราคา / วันวางขาย]
25 ตุลาคม 2560 20:00 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

Samsung_Galaxy_Note_8_04_1

 

ประกาศเปิดตัว : 23 สิงหาคม 2560

วางจำหน่าย : 22 กันยายน 2560

สี(ณ ปัจจุบันในประเทศไทย) : สีดำ (Midnight Black) สีเทา (Orchid Gray) และสีทอง (Maple Gold)

ราคาเต็มเปิดตัว : 33,900 บาท 

 

 

 

 

 

Samsung_Galaxy_Note_8_01

 

 

 

Samsung ผู้ผลิตมือถือสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดในโลกได้ประกาศวันวางจำหน่าย Samsung Galaxy Note 8 มือถือสมาร์ทโฟนตัวใหม่ล่าสุด  พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 15 กันยายนปี 2017 นี้ ทั่วโลก 

 

 

กว่าจะมาเป็น Galaxy Note 8

 

Galaxy Note 8_01

 

(โหมดถ่ายภาพ Auto: หน้าตาของ Packaging นั้นค่อนข้างเรียบๆ แต่แอบมีความหรูหราภายในตัว)

 

เมื่อพูดถึงโทรศัพท์ที่สามารถตอบสนองการจดโน้ตย่อ หรือแม้กระทั่งใช้เป็นสมุดโน้ตได้จริงๆ หลายคนคงจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าใช้ Galaxy Note สิ อีกทั้งสามารถเล่นเกม ดูภาพยนตร์ การ์ตูน และตอบสนองการใช้งานเรียกได้ว่าครบทุกวงจรเลยทีเดียว มีตั้งแต่ Note 1(Original) จนถึง Note 6 แต่เมื่อปีก่อนนั้น Samsung ต้องเจอปัญหาใหญ่อย่างเรื่องของแบตเตอรี่ของโทรศัพท์จึงทำให้โครงการของ Note 7 ต้องยุบทิ้งไป เรียกได้ว่าเป็นช่วงขาลงของ Galaxy Note เลยก็ว่าได้ และในที่สุด 2017 เรียกได้ว่าทาง Samsung สามารถกู้ชื่อเสียงของ Galaxy Note กลับมาได้อย่างสมศักดิ์ศรีเลย โดยครั้งนี้ Samsung ได้ข้ามไปเป็น Note 8 แทน ซึ่งช่วยสร้างความไว้วางใจให้แก่แฟนๆและผู้ใช้งานทุกคนอีกด้วย

 

 

 

รูปร่าง ชนิดวัสดุต่างๆ และอุปกรณ์ภายในกล่อง

 

 

ตัวเครื่อง

โดยตัวที่ผมจะนำมารีวิวในวันนี้เป็นสีดำนะครับ รูปทรงของเครื่องนั้นค่อนข้างยาว( ประมาณ 5 นิ้ว) แต่ด้วยความกว้างของตัวเครื่องค่อนข้างสั้น( ประมาณ 2.5 นิ้ว) จึงทำให้จับได้อย่างถนัด และกระชับมือมาก ไม่ว่าจะถือมือเดียวหรือถือสองมือ  อีกทั้งหน้าจอของตัวเครื่องยังเรียกได้ว่าแทบจะไร้ขอบเลยทีเดียว เพราะว่าซัมซุงได้ตัดปุ่ม Home ตรงกลางเครื่องซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Smart Phone ออกไปเลยเพื่อให้เนื้อที่ของหน้าจอเพิ่มขึ้น สำหรับคนที่ชอบดูหนัง หรือเล่นเกมผ่านมือถือบ่อยๆ หน้าจอเกือบจะไร้ขอบของ Note 8 ค่อนข้างตอบโจทย์ได้อย่างดี แต่ด้วยความที่ตัวเครื่องค่อนข้างยาวจึงทำให้คนที่มือเล็กหรือนิ้วสั้นแบบผม เวลาเล่นมือเดียวจะค่อนข้างลำบาก แต่ซัมซุงสามารถแก้ปัญหาได้โดยมีระบบที่จะช่วยย่อหน้าจอมาไว้ด้านใดด้านนึงเพื่อรองรับผู้ใช้งานที่ชอบเล่นมือเดียวและด้วยตัวเครื่องสีดำนั้นผิวของมันค่อนข้างลื่น เวลาถือด้วยมือเปล่านานๆอาจจะทำให้คนที่เหงื่อเยอะหรือคนมือมันทำหลุดมือได้ ดังนั้นผมแนะนำว่าหาเคสมาใส่จะดีกว่า

 

 

ปุ่มของตัวเครื่อง

ถึงจะบอกว่าไร้ปุ่ม Home ก็เถอะแต่ปุ่มอื่นๆก็ยังคงต้องมีไว้สำหรับใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น

-  ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง(ทำหน้าที่แทนปุ่มโฮมได้)

- ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง(การแคปหน้าจอ : กดปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง + ปุ่ม ”ลด” เสียงพร้อมกัน)

- ปุ่มกดที่เพิ่มขึ้นมาก็คือปุ่ม Bixby (ควบคุมด้วยเสียงพูด)

 

 

จุดเชื่อมต่อของตัวเครื่อง

- ช่องเสียบหูฟัง

- ช่องใส่ซิมการ์ด (สามารถใส่ 2 ซิม หรือ ใส่ 1ซิม + 1 Mircro SD Card ได้)

- ช่องเสียบสายชาร์จ โดย Note 8 นั้นจะเปลี่ยนเป็นมาเป็นช่องแบบ USB Type C เป็นที่เรียบร้อย

 

 

อื่นๆ

- รูเสียบ-ถอด S-pen

- ลำโพงมีทั้งหมดสองตัว ลำโพงไว้สำหรับโทรศัพท์เข้าออก และลำโพงสำหรับดูหนัง+เล่นเกม

 

 

 

Galaxy Note 8_02 Galaxy Note 8_03

 

 

(ภาพโดย Galaxy S7 edge Auto Mode)

 

 

 

 

อุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่อง

 

สำหรับอุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่องนั้นส่วนตัวผมเรียกได้ว่า พร้อมใช้งานได้เลย โดยภายในกล่องจะประกอบไปด้วย

 

Galaxy Note 8_04

 

(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)

 

1.หูฟังยี่ห้อ AKGหูฟังจะเป็นประเภท In-Ear ชนิดของสายหูฟังจะแบ่งได้สองชนิดคือ ตรงที่เราใส่หูฟังเลยจะเป็นสายยาง แต่ตรงที่เป็นแจ็คเสียบนั้นจะเป็นสายถักซึ่งจะแข็งแรกมาก และจากการทดลองใช้แล้วเสียงค่อนข้างดี แต่ไม่ค่อยได้ยินเสียงเบสสักเท่าไร 

 

 

 

Galaxy Note 8_05

 

(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)

 

2.ภายในกล่องคู่มือ จะประกอบไปด้วย Quick Start Guide ซึ่งจะมีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยมาให้ เข็มเสียบเปิดช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดด้านบนของเครื่อง ภายในกล่องคู่มือนั้นแถม “เคส” มาให้ด้วยโดยจะเป็นเคสแบบใส ซึ่งผมค่อนข้างแปลกใจนะ เพราะผมก็ใช้ของซัมซุงมาเยอะแต่ไม่เคยมีอุปกรณ์อย่างเคสมาให้  

 

 

 

Galaxy Note 8_06

 

(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)

 

3.สายชาร์จ รองรับไฟขนาด 100-240V ตามมาตรฐาน และเป็นสายแบบ USB Type C ด้วย 

 

 

 

Galaxy Note 8_07

 

(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)

 

4. อุปกรณ์อื่นๆ

- ตัวแปลง micro USB เป็น USB Type C

- หัวเสียบสำหรับถ่ายโอนข้อมูลจากUSB ลงเครื่องหรือจากเครื่องลง USB

- จุกสำหรับเปลี่ยนขนาดของของหูฟัง มีขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่ตามขนาดของหูผู้ใช้งาน

- ตัวถอดไส้ S-pen และ ไส้ดินสอทั้งหมด 6 ก้าน (รวมที่เสียบไว้กับ S-pen)

 

 

Galaxy Note 8_08

 

(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)

 

 

 

Galaxy Note 8_09

 

(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)

 

 

 

Galaxy Note 8_10

 

(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)

 

 

 

สเปคต่างๆ ของ Galaxy Note 8

 

ขนาด: 162.5 mm × 74.8 mm × 8.6 mm (6.40 in × 2.94 in × 0.34 in)

 

น้ำหนัก: 195 g

 

หน้าจอและขนาด  : 6.3 นิ้ว (160 mm) QHD+ Super AMOLED 2960 x 1440 1440p (521 ppi)

 

ระบบ: Andrioid 7.1.1

 

ชิบประมวลผลทั่วโลก      

CPU : Exynos: Octa-core (4×2.3 GHz M2 Mongoose & 4×1.7 GHz) Cortex-A53 (GTS)  

GPU : Exynos: Mali-G71 MP20

Ram : 6GB LPDDR4X

Storage : 64/128/256 GB (microSD up to 256 GB)

 

 

ชิบประมวลผลเฉพาะสหรัฐอเมริกา และ จีน

Cpu : Snapdragon: Octa-core (4×2.35 GHz & 4×1.9 GHz) Kryo

GPU: Snapdragon: Adreno 540

Ram : 6GB LPDDR4X

Storage 64 GB (microSD up to 256 GB)

 

 

แบตเตอรี่: 3300 mAh

กล้องหลัง: Dual 12 MP (Wide-angle f/1.7 + Telephoto f/2.4) with 2× optical zoom, Dual OIS with Dual Pixel autofocus, 4K video recording at 30fps, 1080p at 60fps, 720p at 240fps

กล้องหน้า: 8 MP, f/1.7, autofocus, 1/3.6″ sensor size, 1.22 µm pixel size, 1440p at 30fps, dual video call, Auto HDR

อ้างอิง :https://en.wikipedia.org/wiki/Samsung_Galaxy_Note_8

ข้อมูลเชิงลึกของสเปค : https://www.samsung.com/global/galaxy/galaxy-note8/specs/

 

 

 

และด้วยสเปคของเครื่องทำให้ผมคันไม้คันมือที่จะลองกับเกมดังอย่าง ROV และ Last  Battle Ground โดยเปิดการแสดงผลไว้สูงสุดและผลที่ได้จากการทดสอบนั้น

 

 

Galaxy Note 8_12

 

ภาพในเกม ROV (ภาพ Capture จาก Note 8)

 

 

 

Galaxy Note 8_11

 

FPS ของเกม ROV นั้นสามารถขับได้สูงสุดถึง 60 เลยแต่เฉพาะเวลาเราอยู่นิ่งเฉยเท่านั้น ส่วน FPS เฉลี่ยจะตกอยู่ที่เกือบ 50 เลยแต่ถ้าจังหวะที่มีการออกสกิลมากๆจะลดลงไปถึง 40 เลย

 

 

 

Galaxy Note 8_13

 

ภาพจากเกม Last Battle Ground  (ภาพ Capture จาก Note 8)

 

ส่วน FPS ของเกม Last Battle Ground เฉลี่ยอยู่ที่ 45 ตลอดเวลา ไม่ว่าจะบู๊ขนาดไหนก็ตาม

 

 

 

 

กล้อง

 

Galaxy Note 8_14

 

 

กล้องหน้า

 

ความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 และสามารถถ่ายวีดีโอได้ 30fps ที่ขนาดภาพ 1440p โดยโหมดภาพที่เรสามารถปรับได้นั้นส่วนใหญ่จะเป็นโหมดที่เน้นการเซลฟี่เป็นหลักแบ่งได้ 5 ประเภทดังนี้ 

 

 

 

Galaxy Note 8_15

 

1. Selfie โหมดนี้หลายๆคนคงรู้จักกันดีโดยเฉพาะสาวๆ ภายในจะมีการปรับภาพหน้าเรียว หน้าละมุน  ทำให้หน้าเราสว่างได้ทั้งซ้ายและขวาเหมือนโดนไฟสปอตไลท์ฉายใส่เรา หรือการทำตาโตก็สามารถทำได้

 

2. Wide Selfie โดยส่วนตัวแล้วผมชอบโหมดนี้มากเพราะมันไม่ใช่การเซลฟี่ทั่วๆไป แต่เป็นการเซลฟี่รอบๆด้านไปด้วยโดยการทำงานของมันจะคล้ายๆการถ่ายรูปแบบ 360 องศา ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการถ่ายเซลฟี่หมู่แบบระยะใกล้ได้มากทีเดียว 

 

 

 

Galaxy Note 8_16

 

3. Selective Focus จะเป็นการถ่ายแบบโฟกัสตรงจุดที่เราต้องการได้ เช่นจะไปแอบถ่ายสาวสวย หรือหนุ่มหล่อที่นั่งอยู่ข้างหลังเราก็แอบเอากล้องขึ้นมาแล้วกดโฟกัสหน้าของหนุ่มหล่อสาวสวยคนนั้นแทน กล้องจะทำการโฟกัส ณ จุดที่เราต้องการได้ทันที แฮ่!!

 

 

4. Virtual Shot โหมดนี้จากการทดสอบแล้วต้องมีผู้ช่วยครับ ฮ่าๆ คนที่ถูกถ่ายนั้นจะต้องอยู่ตรงกลางและคนที่ถือกล้องจะทำการเดินวนเป็นวงกลม ไปเรื่อยๆจนครบรอบ โดยภาพที่ถ่ายออกมาได้นั้นผมขอเรียกว่าเป็นวีดีโอ 360 องศาซะมากกว่า แต่ต่างกันตรงที่จะจับแค่ภาพเท่านั้นและสามารถทำให้ภาพเล่นวนไปเรื่อยๆได้ หรือจะเลือกดูจุดตรงไหนที่เราต้องการได้

 

5. Animated Gif เป็นโหมดภาพที่สาวๆคงจะชอบกันเพราะกล้องจะทำการจับภาพของเราทั้งหมด 20 ภาพ และนำมาทำเป็นภาพเคลื่อนไหวแบบ GIF ให้เรานั้นเอง

 

 

 

 

กล้องหลัง

 

และนี้คือไม้เด็ด ท่าไม้ตาย อาวุธลับของตระกูล Note เลยก็ว่าได้โดย Samsung ได้นำเจ้า Dual Camera เข้ามาใช้งาน ใน Note 8 ด้วยถือว่าเป็นตระกูลโน้ตเครื่องแรกเลยที่มีการใช้งานแบบ Dual Camera (กล้องคู่) โดยความละเอียดของกล้องทั้งสองตัวจะเท่ากันที่ 12 ล้านพิกเซล แต่เลนส์นึงจะทำหน้าที่จับภาพระยะใกล้ อีกเลนส์นึงจะทำหน้าที่จับภาพระยะไกล โดยที่สามารถซูมได้สองเท่าโดยที่ภาพไม่แตกเลย และยังมีระบบกันสั่นสะเทือนมาให้ทั้งสองกล้องด้วยนะครับทำให้เราสามารถจับภาพได้แม้จะเคลื่อนไหวก็ตามแต่โดยส่วนตัวผมมองว่าก็กันสั่นได้พอประมาณนะ แต่ถ้าสั่นมากภาพมันก็ไม่ใช่ว่าจะสวยนะ ฮ่ะๆว่ากันต่อด้วยเรื่องของโหมดการใช้งานมีทั้งหมด 11 โหมดดังนี้

 

 

1. Live Focus การถ่ายภาพที่สามารถได้ทั้งภาพระยะใกล้ และระยะไกลพร้อมกันอีกทั้งยังสามารถปรับให้หน้าชัดหลังเบลอได้อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นก่อนถ่ายหรือหลังถ่ายไปแล้วก็ตาม 

 

Galaxy Note 8_17

 

(ภาพจากกล้องหลังของโหมด Live Focus Note 8 ภาพทั้งสองระยะถ่ายภายในครั้งเดียว)

 

 

 

Galaxy Note 8_18

 

(ภาพจากกล้องหลังของโหมด Live Focus Note 8 ภาพทั้งสองระยะถ่ายภายในครั้งเดียว)

 

 

 

 

Galaxy Note 8_19

 

(ปรับภาพหน้าชัดหลังเบลอได้หลังจากถ่ายภาพไปแล้วด้วยโหมด Live Focus)

 

 

Galaxy Note 8_20 Galaxy Note 8_21

 

(เปรียบเทียบการปรับหน้าชัดหลังเบลอของโหมด Live Focus)

 

 

Galaxy Note 8_22

 

2. Auto ส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่ชอบเล่นกล้องอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาถ่ายอะไรผมจะใช้โหมดออโต้เป็นหลัก แต่ผู้อ่านเชื่อไหมครับว่าโหมดเนี้ย คือถึงเราจะถ่ายรูป หรือปรับการถ่ายไม่เป็นกล้องมันจะทำการวิเคราะห์แบบอัตโนมัติมาให้เราเลย ทั้งความสว่าง ภาพชัดเบลอ โหมดนี้สามารถจัดการให้เราได้หมดเลย ถึงจะไม่สวยเท่ากับการปรับการถ่ายเองก็ตาม

 

 

 

Galaxy Note 8_23

 

(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)

 

 

 

3. โหมด Pro นี้แหละที่เหล่าตากล้องทั้งหลายจะชื่นชอบเราสามารถปรับค่าต่างๆได้ไม่แพ้กล้องโปรดีๆเลยทีเดียวโดย(เรียงจากซ้ายไปขวา) ISO ปรับได้ตั้งแต่ 50 ไปจนถึง 800 การปรับรูรับแสงสูงสุดถึง 1/24000 การปรับระยะโฟกัสโดยระยะใกล้ได้หรือแม้แต่การโฟกัสเป็นจุดๆก็สามารถทำได้เช่นกัน

 

 Galaxy Note 8_24 Galaxy Note 8_25 Galaxy Note 8_26 Galaxy Note 8_27

 

 

 

 4. การถ่ายแบบ Panorama หรือก็คือการภาพแบบ 360 นั้นเองส่วนตัวผมว่า Note 8 ถ่ายโหมดพาโนราม่าได้ค่อนข้างนิ่งและตรงมาก ไม่มีการเหลื่อมล้ำของภาพให้เห็นเลย

 

 

Galaxy Note 8_28

 

(ภาพโดยโหมด Panorama กล้องหลัง Note 8)

 

              

5. โหมด Slow Motion โดยหลังจากถ่ายหากเราไม่ได้ไปเซ็ตค่าอะไรให้มันเจ้าโหมดนี้จะทำการเลือกช่วงเวลาที่จะสโลวภาพถ่ายนั้นมาให้เราเองซึ่งเจ้าโหมดนี้จะคำนวณจากความเร็วของวัตถุนั้นๆ เช่นถ้าคุณปล่อยก้อนหินลงน้ำเจ้าโหมดนี้จะสโลว์ระหว่างที่ก้อนหินกำลังร่วงลงมาให้เราแต่ที่เหลือจะเป็นภาพความเร็วปกติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราสามารถเลือกจุดที่จะทำให้ภาพสโลว์ได้

 

6. Hyperlapse คือการเร่งภาพที่เราถ่ายไว้นั้นเองโดย 6 วินาทีของการถ่าย จะคิดเป็น 1 วินาทีของภาพที่เราได้ออกมา เช่น เราถ่ายภาพเต่าที่กำลังคลานเรื่อยๆ ใช้เวลาถ่ายทั้งหมด 60 วินาที ภาพที่เราได้ออกมานั้นจะมีความเร็วภาพอยู่ที่ 10 วินาทีเท่านั้น(เห็นเต่าคลานเร็วขึ้น)

 

7. Food โหมดที่สาวๆ หรือกลุ่มคนที่ชอบถ่ายภาพก่อนทานอาหารจะต้องหลงรักกันอย่างแน่นอนโดยตัวโหมดนี้จะทำการโฟกัสไปยังอาหารจานโปรดของเราและทำการโฟกัสเพียงจุดๆเดียวเท่านั้นและยังปรับภาพของอาหารให้ดูสดน่าทานอีกด้วย

 

Galaxy Note 8_29

 

(ภาพโดยโหมด Food กล้องหลัง Note8)

 

 

Galaxy Note 8_30

 

(ภาพโดยโหมด Food กล้องหลัง Note8)

 

 

Galaxy Note 8_31

 

(ภาพโดยโหมด Food กล้องหลัง Note8)

 

 

8. Virtual Shot ทำหน้าที่เดียวกับ Virtual shot ของกล้องหน้าเลยครับแต่จะแตกต่างตรงที่ความชัดของกล้องหลังซะมากกว่า

 

9. Animated Gif ทำหน้าที่เช่นเดียวกับของกล้องหน้าเช่นกันแตกต่างกันตรงที่ความคมชัดของภาพเท่านั้น

 

10. Sports โหมดนี้ทำมาเพื่อรับมือกับวัตถุความเร็วมากๆ เช่น รถแข่ง นกบิน เป็นต้น

 

11. Rear Cam Selfie ผู้อ่านเคยอยากได้กล้องหน้าชัดๆ ถ่ายภาพเราออกมาได้คมชัดสวยๆ ไหมครับ ถ้าเคยแล้วละก็โหมดนี้เรียกได้ว่าตอบโจทย์คนอยากเซลฟี่ผ่านกล้องหลังอย่างแน่นอนโดยโหมดนี้จะมีกรอบๆนึงขึ้นมา ให้เราหันกล้องมาที่หน้าของเรา หน้ากล้องสามารถโฟกัสหน้าเราได้ ตัวเครื่องจะมีการสั่นเตือนหนึ่งครั้งและถือท่านั้นสองวินาที โหมดนี้จะทำการจับภาพให้เราอัตนโมนัติ

 

 

Galaxy Note 8_32

 

(ภาพ Capture ของโหมด Rear Cam Selfie)

 

 

 

และสุดท้ายคือสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั้นก็คือ S-pen นั้นเองโดยการกลับมาของ S-pen ครั้งนี้ก็ยังคงรูปทรงเหมือนปากกาดั้งเดิมอยู่ แต่ที่แปลกตาไปคงจะเป็นระบบที่มาตอบสนองการใช้งาน S-pen ซะมากกว่าโดยหนึ่งในนั้นคือการเขียนบนหน้าจอโดยที่ไม่จำเป็นต้องปลดล๊อคเครื่องเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ถอดปากกาออกมาก็สามารถเขียน จดโน้ตได้เป็นร้อยๆหน้าแล้วครับ

 

 

Galaxy Note 8_33

 

และลูกเล่นอีกอย่างก็คือการแปลภาษาโดยเพียงใช้แค่ปลายปากกาจิ้มลงไปเท่านั้นเองแต่ก็ยังใช้การแปลผ่าน Google Translate อยู่ดังนั้นหลังจากทำการแปลไปแล้วก็คงต้องทำการเกลาคำอีกสักหน่อยนะครับโดยมีหลากหลายภาษาที่เราสามารถแปลเป็นภาษาไทย แต่ให้ภาษาไทยแปลเป็นภาษาต่างประเทศยังไม่สามารถทำได้นะครับ

 

 

Galaxy Note 8_34

 

การแปลภาษาโดยเพียงใช้แค่ปลายปากกาจิ้มลงไปเท่านั้นเอง…  

 

 

 

 

สรุป

 

ณ จุดๆนี้สำหรับใครที่กำลังมองหาโทรศัพท์สมาร์ทโฟนสักเครื่องที่คุ้มค่าต่อเงินที่เสียไปแล้วละก็ Samsung Galaxy Note 8 เรียกได้ว่าค่อนข้างครบรสคุ้มค่าราคาที่จ่ายไปอย่างแน่นอน ความรู้สึกส่วนตัวของผมเปรียบเสมือนเราซื้อกล้องแล้วมือถือเป็นส่วนซะมากกว่า ฮ่ะๆ แต่โดยรวมแล้วถือว่าค่อนข้างตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องการโทรก็ดี การเล่นเกมดูหนังฟังเพลงก็ดี หรือแม้การใช้เป็นกล้องก็ตาม 

 

 

จบแล้วจ้า………….ถ้าขาดตกบกพร่องเรื่องอะไรไปบ้างต้องขออภัยด้วยนะครับ ฝากติชมเป็นกำลังใจให้ปรับปรุงผลงานให้ดีขึ้นในรีวิวต่อๆไปด้วยนะครับ

 

 

 รีวิวโดย : คุณ อิศราวุฒิ นิธิปรีดาวัฒน

 

 

@Save สาย Pay /