ประกาศเปิดตัว : 23 สิงหาคม 2560
วางจำหน่าย : 22 กันยายน 2560
สี(ณ ปัจจุบันในประเทศไทย) : สีดำ (Midnight Black) สีเทา (Orchid Gray) และสีทอง (Maple Gold)
ราคาเต็มเปิดตัว : 33,900 บาท
Samsung ผู้ผลิตมือถือสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดในโลกได้ประกาศวันวางจำหน่าย Samsung Galaxy Note 8 มือถือสมาร์ทโฟนตัวใหม่ล่าสุด พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 15 กันยายนปี 2017 นี้ ทั่วโลก
กว่าจะมาเป็น Galaxy Note 8
(โหมดถ่ายภาพ Auto: หน้าตาของ Packaging นั้นค่อนข้างเรียบๆ แต่แอบมีความหรูหราภายในตัว)
เมื่อพูดถึงโทรศัพท์ที่สามารถตอบสนองการจดโน้ตย่อ หรือแม้กระทั่งใช้เป็นสมุดโน้ตได้จริงๆ หลายคนคงจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าใช้ Galaxy Note สิ อีกทั้งสามารถเล่นเกม ดูภาพยนตร์ การ์ตูน และตอบสนองการใช้งานเรียกได้ว่าครบทุกวงจรเลยทีเดียว มีตั้งแต่ Note 1(Original) จนถึง Note 6 แต่เมื่อปีก่อนนั้น Samsung ต้องเจอปัญหาใหญ่อย่างเรื่องของแบตเตอรี่ของโทรศัพท์จึงทำให้โครงการของ Note 7 ต้องยุบทิ้งไป เรียกได้ว่าเป็นช่วงขาลงของ Galaxy Note เลยก็ว่าได้ และในที่สุด 2017 เรียกได้ว่าทาง Samsung สามารถกู้ชื่อเสียงของ Galaxy Note กลับมาได้อย่างสมศักดิ์ศรีเลย โดยครั้งนี้ Samsung ได้ข้ามไปเป็น Note 8 แทน ซึ่งช่วยสร้างความไว้วางใจให้แก่แฟนๆและผู้ใช้งานทุกคนอีกด้วย
รูปร่าง ชนิดวัสดุต่างๆ และอุปกรณ์ภายในกล่อง
ตัวเครื่อง
โดยตัวที่ผมจะนำมารีวิวในวันนี้เป็นสีดำนะครับ รูปทรงของเครื่องนั้นค่อนข้างยาว( ประมาณ 5 นิ้ว) แต่ด้วยความกว้างของตัวเครื่องค่อนข้างสั้น( ประมาณ 2.5 นิ้ว) จึงทำให้จับได้อย่างถนัด และกระชับมือมาก ไม่ว่าจะถือมือเดียวหรือถือสองมือ อีกทั้งหน้าจอของตัวเครื่องยังเรียกได้ว่าแทบจะไร้ขอบเลยทีเดียว เพราะว่าซัมซุงได้ตัดปุ่ม Home ตรงกลางเครื่องซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Smart Phone ออกไปเลยเพื่อให้เนื้อที่ของหน้าจอเพิ่มขึ้น สำหรับคนที่ชอบดูหนัง หรือเล่นเกมผ่านมือถือบ่อยๆ หน้าจอเกือบจะไร้ขอบของ Note 8 ค่อนข้างตอบโจทย์ได้อย่างดี แต่ด้วยความที่ตัวเครื่องค่อนข้างยาวจึงทำให้คนที่มือเล็กหรือนิ้วสั้นแบบผม เวลาเล่นมือเดียวจะค่อนข้างลำบาก แต่ซัมซุงสามารถแก้ปัญหาได้โดยมีระบบที่จะช่วยย่อหน้าจอมาไว้ด้านใดด้านนึงเพื่อรองรับผู้ใช้งานที่ชอบเล่นมือเดียวและด้วยตัวเครื่องสีดำนั้นผิวของมันค่อนข้างลื่น เวลาถือด้วยมือเปล่านานๆอาจจะทำให้คนที่เหงื่อเยอะหรือคนมือมันทำหลุดมือได้ ดังนั้นผมแนะนำว่าหาเคสมาใส่จะดีกว่า
ปุ่มของตัวเครื่อง
ถึงจะบอกว่าไร้ปุ่ม Home ก็เถอะแต่ปุ่มอื่นๆก็ยังคงต้องมีไว้สำหรับใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น
- ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง(ทำหน้าที่แทนปุ่มโฮมได้)
- ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง(การแคปหน้าจอ : กดปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง + ปุ่ม ”ลด” เสียงพร้อมกัน)
- ปุ่มกดที่เพิ่มขึ้นมาก็คือปุ่ม Bixby (ควบคุมด้วยเสียงพูด)
จุดเชื่อมต่อของตัวเครื่อง
- ช่องเสียบหูฟัง
- ช่องใส่ซิมการ์ด (สามารถใส่ 2 ซิม หรือ ใส่ 1ซิม + 1 Mircro SD Card ได้)
- ช่องเสียบสายชาร์จ โดย Note 8 นั้นจะเปลี่ยนเป็นมาเป็นช่องแบบ USB Type C เป็นที่เรียบร้อย
อื่นๆ
- รูเสียบ-ถอด S-pen
- ลำโพงมีทั้งหมดสองตัว ลำโพงไว้สำหรับโทรศัพท์เข้าออก และลำโพงสำหรับดูหนัง+เล่นเกม
(ภาพโดย Galaxy S7 edge Auto Mode)
อุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่อง
สำหรับอุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่องนั้นส่วนตัวผมเรียกได้ว่า พร้อมใช้งานได้เลย โดยภายในกล่องจะประกอบไปด้วย
(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)
1.หูฟังยี่ห้อ AKGหูฟังจะเป็นประเภท In-Ear ชนิดของสายหูฟังจะแบ่งได้สองชนิดคือ ตรงที่เราใส่หูฟังเลยจะเป็นสายยาง แต่ตรงที่เป็นแจ็คเสียบนั้นจะเป็นสายถักซึ่งจะแข็งแรกมาก และจากการทดลองใช้แล้วเสียงค่อนข้างดี แต่ไม่ค่อยได้ยินเสียงเบสสักเท่าไร
(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)
2.ภายในกล่องคู่มือ จะประกอบไปด้วย Quick Start Guide ซึ่งจะมีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยมาให้ เข็มเสียบเปิดช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดด้านบนของเครื่อง ภายในกล่องคู่มือนั้นแถม “เคส” มาให้ด้วยโดยจะเป็นเคสแบบใส ซึ่งผมค่อนข้างแปลกใจนะ เพราะผมก็ใช้ของซัมซุงมาเยอะแต่ไม่เคยมีอุปกรณ์อย่างเคสมาให้
(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)
3.สายชาร์จ รองรับไฟขนาด 100-240V ตามมาตรฐาน และเป็นสายแบบ USB Type C ด้วย
(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)
4. อุปกรณ์อื่นๆ
- ตัวแปลง micro USB เป็น USB Type C
- หัวเสียบสำหรับถ่ายโอนข้อมูลจากUSB ลงเครื่องหรือจากเครื่องลง USB
- จุกสำหรับเปลี่ยนขนาดของของหูฟัง มีขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่ตามขนาดของหูผู้ใช้งาน
- ตัวถอดไส้ S-pen และ ไส้ดินสอทั้งหมด 6 ก้าน (รวมที่เสียบไว้กับ S-pen)
(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)
(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)
(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)
สเปคต่างๆ ของ Galaxy Note 8
ขนาด: 162.5 mm × 74.8 mm × 8.6 mm (6.40 in × 2.94 in × 0.34 in)
น้ำหนัก: 195 g
หน้าจอและขนาด : 6.3 นิ้ว (160 mm) QHD+ Super AMOLED 2960 x 1440 1440p (521 ppi)
ระบบ: Andrioid 7.1.1
ชิบประมวลผลทั่วโลก
CPU : Exynos: Octa-core (4×2.3 GHz M2 Mongoose & 4×1.7 GHz) Cortex-A53 (GTS)
GPU : Exynos: Mali-G71 MP20
Ram : 6GB LPDDR4X
Storage : 64/128/256 GB (microSD up to 256 GB)
ชิบประมวลผลเฉพาะสหรัฐอเมริกา และ จีน
Cpu : Snapdragon: Octa-core (4×2.35 GHz & 4×1.9 GHz) Kryo
GPU: Snapdragon: Adreno 540
Ram : 6GB LPDDR4X
Storage 64 GB (microSD up to 256 GB)
แบตเตอรี่: 3300 mAh
กล้องหลัง: Dual 12 MP (Wide-angle f/1.7 + Telephoto f/2.4) with 2× optical zoom, Dual OIS with Dual Pixel autofocus, 4K video recording at 30fps, 1080p at 60fps, 720p at 240fps
กล้องหน้า: 8 MP, f/1.7, autofocus, 1/3.6″ sensor size, 1.22 µm pixel size, 1440p at 30fps, dual video call, Auto HDR
อ้างอิง :https://en.wikipedia.org/wiki/Samsung_Galaxy_Note_8
ข้อมูลเชิงลึกของสเปค : https://www.samsung.com/global/galaxy/galaxy-note8/specs/
และด้วยสเปคของเครื่องทำให้ผมคันไม้คันมือที่จะลองกับเกมดังอย่าง ROV และ Last Battle Ground โดยเปิดการแสดงผลไว้สูงสุดและผลที่ได้จากการทดสอบนั้น
ภาพในเกม ROV (ภาพ Capture จาก Note 8)
FPS ของเกม ROV นั้นสามารถขับได้สูงสุดถึง 60 เลยแต่เฉพาะเวลาเราอยู่นิ่งเฉยเท่านั้น ส่วน FPS เฉลี่ยจะตกอยู่ที่เกือบ 50 เลยแต่ถ้าจังหวะที่มีการออกสกิลมากๆจะลดลงไปถึง 40 เลย
ภาพจากเกม Last Battle Ground (ภาพ Capture จาก Note 8)
ส่วน FPS ของเกม Last Battle Ground เฉลี่ยอยู่ที่ 45 ตลอดเวลา ไม่ว่าจะบู๊ขนาดไหนก็ตาม
กล้อง
กล้องหน้า
ความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 และสามารถถ่ายวีดีโอได้ 30fps ที่ขนาดภาพ 1440p โดยโหมดภาพที่เรสามารถปรับได้นั้นส่วนใหญ่จะเป็นโหมดที่เน้นการเซลฟี่เป็นหลักแบ่งได้ 5 ประเภทดังนี้
1. Selfie โหมดนี้หลายๆคนคงรู้จักกันดีโดยเฉพาะสาวๆ ภายในจะมีการปรับภาพหน้าเรียว หน้าละมุน ทำให้หน้าเราสว่างได้ทั้งซ้ายและขวาเหมือนโดนไฟสปอตไลท์ฉายใส่เรา หรือการทำตาโตก็สามารถทำได้
2. Wide Selfie โดยส่วนตัวแล้วผมชอบโหมดนี้มากเพราะมันไม่ใช่การเซลฟี่ทั่วๆไป แต่เป็นการเซลฟี่รอบๆด้านไปด้วยโดยการทำงานของมันจะคล้ายๆการถ่ายรูปแบบ 360 องศา ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการถ่ายเซลฟี่หมู่แบบระยะใกล้ได้มากทีเดียว
3. Selective Focus จะเป็นการถ่ายแบบโฟกัสตรงจุดที่เราต้องการได้ เช่นจะไปแอบถ่ายสาวสวย หรือหนุ่มหล่อที่นั่งอยู่ข้างหลังเราก็แอบเอากล้องขึ้นมาแล้วกดโฟกัสหน้าของหนุ่มหล่อสาวสวยคนนั้นแทน กล้องจะทำการโฟกัส ณ จุดที่เราต้องการได้ทันที แฮ่!!
4. Virtual Shot โหมดนี้จากการทดสอบแล้วต้องมีผู้ช่วยครับ ฮ่าๆ คนที่ถูกถ่ายนั้นจะต้องอยู่ตรงกลางและคนที่ถือกล้องจะทำการเดินวนเป็นวงกลม ไปเรื่อยๆจนครบรอบ โดยภาพที่ถ่ายออกมาได้นั้นผมขอเรียกว่าเป็นวีดีโอ 360 องศาซะมากกว่า แต่ต่างกันตรงที่จะจับแค่ภาพเท่านั้นและสามารถทำให้ภาพเล่นวนไปเรื่อยๆได้ หรือจะเลือกดูจุดตรงไหนที่เราต้องการได้
5. Animated Gif เป็นโหมดภาพที่สาวๆคงจะชอบกันเพราะกล้องจะทำการจับภาพของเราทั้งหมด 20 ภาพ และนำมาทำเป็นภาพเคลื่อนไหวแบบ GIF ให้เรานั้นเอง
กล้องหลัง
และนี้คือไม้เด็ด ท่าไม้ตาย อาวุธลับของตระกูล Note เลยก็ว่าได้โดย Samsung ได้นำเจ้า Dual Camera เข้ามาใช้งาน ใน Note 8 ด้วยถือว่าเป็นตระกูลโน้ตเครื่องแรกเลยที่มีการใช้งานแบบ Dual Camera (กล้องคู่) โดยความละเอียดของกล้องทั้งสองตัวจะเท่ากันที่ 12 ล้านพิกเซล แต่เลนส์นึงจะทำหน้าที่จับภาพระยะใกล้ อีกเลนส์นึงจะทำหน้าที่จับภาพระยะไกล โดยที่สามารถซูมได้สองเท่าโดยที่ภาพไม่แตกเลย และยังมีระบบกันสั่นสะเทือนมาให้ทั้งสองกล้องด้วยนะครับทำให้เราสามารถจับภาพได้แม้จะเคลื่อนไหวก็ตามแต่โดยส่วนตัวผมมองว่าก็กันสั่นได้พอประมาณนะ แต่ถ้าสั่นมากภาพมันก็ไม่ใช่ว่าจะสวยนะ ฮ่ะๆว่ากันต่อด้วยเรื่องของโหมดการใช้งานมีทั้งหมด 11 โหมดดังนี้
1. Live Focus การถ่ายภาพที่สามารถได้ทั้งภาพระยะใกล้ และระยะไกลพร้อมกันอีกทั้งยังสามารถปรับให้หน้าชัดหลังเบลอได้อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นก่อนถ่ายหรือหลังถ่ายไปแล้วก็ตาม
(ภาพจากกล้องหลังของโหมด Live Focus Note 8 ภาพทั้งสองระยะถ่ายภายในครั้งเดียว)
(ภาพจากกล้องหลังของโหมด Live Focus Note 8 ภาพทั้งสองระยะถ่ายภายในครั้งเดียว)
(ปรับภาพหน้าชัดหลังเบลอได้หลังจากถ่ายภาพไปแล้วด้วยโหมด Live Focus)
(เปรียบเทียบการปรับหน้าชัดหลังเบลอของโหมด Live Focus)
2. Auto ส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่ชอบเล่นกล้องอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาถ่ายอะไรผมจะใช้โหมดออโต้เป็นหลัก แต่ผู้อ่านเชื่อไหมครับว่าโหมดเนี้ย คือถึงเราจะถ่ายรูป หรือปรับการถ่ายไม่เป็นกล้องมันจะทำการวิเคราะห์แบบอัตโนมัติมาให้เราเลย ทั้งความสว่าง ภาพชัดเบลอ โหมดนี้สามารถจัดการให้เราได้หมดเลย ถึงจะไม่สวยเท่ากับการปรับการถ่ายเองก็ตาม
(ภาพโดยโหมด Auto กล้องหลัง Note8)
3. โหมด Pro นี้แหละที่เหล่าตากล้องทั้งหลายจะชื่นชอบเราสามารถปรับค่าต่างๆได้ไม่แพ้กล้องโปรดีๆเลยทีเดียวโดย(เรียงจากซ้ายไปขวา) ISO ปรับได้ตั้งแต่ 50 ไปจนถึง 800 การปรับรูรับแสงสูงสุดถึง 1/24000 การปรับระยะโฟกัสโดยระยะใกล้ได้หรือแม้แต่การโฟกัสเป็นจุดๆก็สามารถทำได้เช่นกัน
4. การถ่ายแบบ Panorama หรือก็คือการภาพแบบ 360 นั้นเองส่วนตัวผมว่า Note 8 ถ่ายโหมดพาโนราม่าได้ค่อนข้างนิ่งและตรงมาก ไม่มีการเหลื่อมล้ำของภาพให้เห็นเลย
(ภาพโดยโหมด Panorama กล้องหลัง Note 8)
5. โหมด Slow Motion โดยหลังจากถ่ายหากเราไม่ได้ไปเซ็ตค่าอะไรให้มันเจ้าโหมดนี้จะทำการเลือกช่วงเวลาที่จะสโลวภาพถ่ายนั้นมาให้เราเองซึ่งเจ้าโหมดนี้จะคำนวณจากความเร็วของวัตถุนั้นๆ เช่นถ้าคุณปล่อยก้อนหินลงน้ำเจ้าโหมดนี้จะสโลว์ระหว่างที่ก้อนหินกำลังร่วงลงมาให้เราแต่ที่เหลือจะเป็นภาพความเร็วปกติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราสามารถเลือกจุดที่จะทำให้ภาพสโลว์ได้
6. Hyperlapse คือการเร่งภาพที่เราถ่ายไว้นั้นเองโดย 6 วินาทีของการถ่าย จะคิดเป็น 1 วินาทีของภาพที่เราได้ออกมา เช่น เราถ่ายภาพเต่าที่กำลังคลานเรื่อยๆ ใช้เวลาถ่ายทั้งหมด 60 วินาที ภาพที่เราได้ออกมานั้นจะมีความเร็วภาพอยู่ที่ 10 วินาทีเท่านั้น(เห็นเต่าคลานเร็วขึ้น)
7. Food โหมดที่สาวๆ หรือกลุ่มคนที่ชอบถ่ายภาพก่อนทานอาหารจะต้องหลงรักกันอย่างแน่นอนโดยตัวโหมดนี้จะทำการโฟกัสไปยังอาหารจานโปรดของเราและทำการโฟกัสเพียงจุดๆเดียวเท่านั้นและยังปรับภาพของอาหารให้ดูสดน่าทานอีกด้วย
(ภาพโดยโหมด Food กล้องหลัง Note8)
(ภาพโดยโหมด Food กล้องหลัง Note8)
(ภาพโดยโหมด Food กล้องหลัง Note8)
8. Virtual Shot ทำหน้าที่เดียวกับ Virtual shot ของกล้องหน้าเลยครับแต่จะแตกต่างตรงที่ความชัดของกล้องหลังซะมากกว่า
9. Animated Gif ทำหน้าที่เช่นเดียวกับของกล้องหน้าเช่นกันแตกต่างกันตรงที่ความคมชัดของภาพเท่านั้น
10. Sports โหมดนี้ทำมาเพื่อรับมือกับวัตถุความเร็วมากๆ เช่น รถแข่ง นกบิน เป็นต้น
11. Rear Cam Selfie ผู้อ่านเคยอยากได้กล้องหน้าชัดๆ ถ่ายภาพเราออกมาได้คมชัดสวยๆ ไหมครับ ถ้าเคยแล้วละก็โหมดนี้เรียกได้ว่าตอบโจทย์คนอยากเซลฟี่ผ่านกล้องหลังอย่างแน่นอนโดยโหมดนี้จะมีกรอบๆนึงขึ้นมา ให้เราหันกล้องมาที่หน้าของเรา หน้ากล้องสามารถโฟกัสหน้าเราได้ ตัวเครื่องจะมีการสั่นเตือนหนึ่งครั้งและถือท่านั้นสองวินาที โหมดนี้จะทำการจับภาพให้เราอัตนโมนัติ
(ภาพ Capture ของโหมด Rear Cam Selfie)
และสุดท้ายคือสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั้นก็คือ S-pen นั้นเองโดยการกลับมาของ S-pen ครั้งนี้ก็ยังคงรูปทรงเหมือนปากกาดั้งเดิมอยู่ แต่ที่แปลกตาไปคงจะเป็นระบบที่มาตอบสนองการใช้งาน S-pen ซะมากกว่าโดยหนึ่งในนั้นคือการเขียนบนหน้าจอโดยที่ไม่จำเป็นต้องปลดล๊อคเครื่องเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ถอดปากกาออกมาก็สามารถเขียน จดโน้ตได้เป็นร้อยๆหน้าแล้วครับ
และลูกเล่นอีกอย่างก็คือการแปลภาษาโดยเพียงใช้แค่ปลายปากกาจิ้มลงไปเท่านั้นเองแต่ก็ยังใช้การแปลผ่าน Google Translate อยู่ดังนั้นหลังจากทำการแปลไปแล้วก็คงต้องทำการเกลาคำอีกสักหน่อยนะครับโดยมีหลากหลายภาษาที่เราสามารถแปลเป็นภาษาไทย แต่ให้ภาษาไทยแปลเป็นภาษาต่างประเทศยังไม่สามารถทำได้นะครับ
การแปลภาษาโดยเพียงใช้แค่ปลายปากกาจิ้มลงไปเท่านั้นเอง…
สรุป
ณ จุดๆนี้สำหรับใครที่กำลังมองหาโทรศัพท์สมาร์ทโฟนสักเครื่องที่คุ้มค่าต่อเงินที่เสียไปแล้วละก็ Samsung Galaxy Note 8 เรียกได้ว่าค่อนข้างครบรสคุ้มค่าราคาที่จ่ายไปอย่างแน่นอน ความรู้สึกส่วนตัวของผมเปรียบเสมือนเราซื้อกล้องแล้วมือถือเป็นส่วนซะมากกว่า ฮ่ะๆ แต่โดยรวมแล้วถือว่าค่อนข้างตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องการโทรก็ดี การเล่นเกมดูหนังฟังเพลงก็ดี หรือแม้การใช้เป็นกล้องก็ตาม
จบแล้วจ้า………….ถ้าขาดตกบกพร่องเรื่องอะไรไปบ้างต้องขออภัยด้วยนะครับ ฝากติชมเป็นกำลังใจให้ปรับปรุงผลงานให้ดีขึ้นในรีวิวต่อๆไปด้วยนะครับ
รีวิวโดย : คุณ อิศราวุฒิ นิธิปรีดาวัฒน
@Save สาย Pay /
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console