Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven

ประเภท :   RPG
เครื่อง : PS5, PS4, Switch, PC

พัฒนาโดย :  Square Enix

กำหนดออก 24 ตุลาคม 2024

เกมนี้คือ!?

Square Enix เปิดตัวเกมรีเมค Romancing SaGa 2 ที่เคยออกมาในปี 1993 ในชื่อ Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven 

โดยเวอร์ชั่นนี้จะเป็นเกมรีเมคที่เต็มไปด้วยตัวละคร ฉากหลังเป็นรูปแบบ 3 มิติ ซึ่งแต่เดิมแสดงโดยใช้กราฟิกพิกเซลที่มีเรื่องราวสุดอลังการ กับมหากาพย์ของสงครามที่ต่อสู้กันระหว่างจักรวรรดิ Varennes (วาเรนส์) และ เจ็ดผู้กล้าในตำนาน  ตัวละครหลักทั้งหมด เช่น Leon, Gerard และ เหล่าผู้กล้าได้รับการอัปเดตด้วยภาพ 3 มิติที่น่าประทับใจ ซึ่งยังคงรักษาตัวละครที่โดดเด่นเอาไว้ พร้อมด้วยเมคานิคเกมเพลย์เฉพาะตัวที่มีเอกลักษณ์และแหวกแนวจากแฟรนไชส์ ​​SaGaภาคก่อนๆ โดยใน Revenge of The Seven จะปรับปรุงระบบการต่อสู้และการเติบโตของตัวละคร และเพิ่มคุณสมบัติใหม่มากมาย เช่น “การเลือกความยากง่าย” ที่ทำให้ทั้งแฟนซีรีส์เดนตาย และผู้มาใหม่สามารถเข้าถึงเกมนี้ได้อย่างง่ายดาย

เรื่องราวของเกม เกิดขึ้นในปีแห่งจักรวรรดิ (Imperial year) 1,000 …

เหล่าอสูรที่น่าสะพรึงกลัวอาละวาดไปทั่วดินแดน และประเทศต่างๆ ต่างต้องดิ้นรนเพื่อต่อสู้กับการรุกรานครั้งนี้ และยังต้องแบกรับเอาความขัดแย้งภายในของแต่ละประเทศเอาไว้ด้วย ความไม่สเถียรภาพของการปกครองของชนชั้นนำ เริ่มสร้างความหวั่นใจแก่ประชาชน และเริ่มตั้งความหวังไว้กับเรื่องราวตำนานที่ไม่รู้ว่าจะมีอยู่จริง…เรื่องราวของ “7 ผู้กล้า” ที่จะกอบกู้อาณาจักรที่ถูกทำลายล้างตามคำทำนาย…

แล้ววันแห่งโชคชะตาก็มาถึง …

อวาลอน เมืองหลวงของอาณาจักรวาเรนส์   ถูกโจมตีอย่างกะทันหัน ผู้รุกรานไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Kzinssie (คินซีย์) หนึ่งในเจ็ดผู้กล้าตำนาน … ประชาชนถูกเข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยม และ “เจ้าชายวิกเตอร์” องค์รัชทายาทผู้กล้าหาญก็ถูกสังหารในเหตุการร์นี้

พลเมืองของจักรวรรดิพ่ายแพ้ พร้อมด้วยความสิ้นหวัง เมื่อตระหนักว่าเรื่องตำนาน 7 ผู้กล้า เป็นเรื่องโกหกของคนรุ่นก่อนๆ เพราะ 7 ผู้กล้าไม่ได้มีพลังเพื่อปกป้องผู้คน แต่เป็นพลังที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง…

แต่ “จักรพรรดิลีออน” พระบิดาของเจ้าชายวิกเตอร์ สาบานว่า “จะแก้แค้น 7 ผู้กล้าที่มีพลังอันยิ่งใหญ่ให้จงได้”

เขาใช้ “เวทมนตร์สืบทอด” ในตำนานที่ถูกมอบให้โดยโหราจารย์ “โอเรฟ” เพื่อส่งต่อพลังของเขาให้กับ “เจอราร์ด” ลูกชายอีกคนของเขา โดยแลกชีวิตของเขาเองเพื่อมอบโอกาสให้ทายาทของเขาได้ล้างแค้น และนำไปสู่การต่อสู้ที่ทอดยาวข้ามยุคสมัย ระหว่างเชื้อสายจักรวรรดิแห่งวาเรนส์ และเหล่า 7 ผู้กล้า

Gameplay

ในเกมนี้ ทุกตัวเลือกการกระทำ จะมีผลกระทบอย่างมากต่อความก้าวหน้าของเรื่องราว ตั้งแต่ตัวเลือกที่พวกเขาเลือก ไปจนถึงลำดับการเข้าไปยังสถานที่ต่างๆ ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน เข้าประตูหน้า หรือลอบเข้าทางข้างหลัง มีผลต่อเรื่องราวไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสามารถมี “ปัจจัยที่เป็นตัวแปร” ในรูปแบบต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน ตัวเกมจะทำให้คุณต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง ที่อาจจะเป็นการเบี่ยงเบนเส้นเรื่องหลัก และอาจจะส่งผลในระยะยาวจนจบเกมได้เช่นกัน เช่นการผูกมิตรกับประเทศหนึ่ง และก่อสงครามอีกประเทศหนึ่ง สิ่งที่ได้ อาจจะคุ้มค่าในเวลานั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็อาจจะส่งผลเสียได้ จุดนี้ ผู้เล่นจะต้องคิดให้ดีๆ… การตัดสินใจของผู้เล่น ในฐานะ “จักรพรรดิ” จะมีผลกระทบสำคัญเสมอ

ผู้เล่นมีอิสระในการผจญภัยไปยังแผนที่ได้ตามที่ต้องการ โดยไม่สนว่าเนื้อเรื่องปัจจุบันจะอยู่ที่เมืองไหน เพราะแต่ละภูมิภาคถูกรุมเร้าด้วยปัญหาของตัวเอง และการแก้ปัญหาวิกฤตเหล่านี้จะทำให้คุณมีชัยเหนือกองกำลังท้องถิ่น และนำพวกเขามาอยู่ภายใต้อิทธิพลของคุณ … ในฐานะจักรพรรดิแห่งวาเรนเนส ปลายทางก็คือ การรวมดินแดนทั้งหมดไว้ภายใต้ธงของผู้เล่น นั่นเป็นสิ่งสำคัญตามเนื้อเรื่องที่ปูมาแต่แรก แค่อาจจะไม่ตามเส้นเรื่องปกติเท่านั้นเอง…

ในเกมนี้ มีคลาสอาชีพตัวละครให้เลือกมากกว่า 30 คลาส แต่ละคลาสจะมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง พร้อมด้วยความเชี่ยวชาญด้านอาวุธ และคาถาที่แตกต่างกัน 

ระบบ Inheritance

ผู้เล่นสามารถถ่ายโอนความสามารถผ่านระบบสืบทอด และทำการเลือกจักรพรรดิคนต่อไป(หัวตี้) และส่งต่อพลังของตัวละครรุ่นก่อนให้พวกเขาได้

เงื่อนไขระบบ Inheritance จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อตัวละครที่ถูกวางให้เป็น จักรพรรดิองค์ปัจจุบัน (หัวตี้)  LP เหลือ 0 หรือ มีการตายยกตี้  หรือเมื่อเวลาผ่านไปสู่ยุคถัดไป เกมจะบังคับให้มีอีเว้นสละราชสมบัติ เพื่อหาตัวละครใหม่รับช่วงต่อ (ทุกตัวละครที่ใช้เล่นได้ ทั้งหมดสามารถขึ้นเป็นจักรพรรดิได้)

ตัวละครที่เป็นจักรพรรดิ จะมีส่วนอย่างมากในการเพิ่มบัฟความสามารถให้ตัวละครในปาร์ตี้ และการจัด Formation ที่มีลักษณะเฉพาะด้วย

ระบบการต่อสู้

ในการต่อสู้ ลำดับเทิร์นของพันธมิตร และ ศัตรูทุกตัวจะแสดงบนไทม์ไลน์ เมื่อถึงเทิร์นของตัวละครนั้น พวกเขาสามารถใส่คำสั่งได้ทันที หากตัวละครไม่สามารถทำการอะไรได้ในเทิร์นนั้นๆ หรือผ่านเทิร์นไปเปล่าๆ คะแนนชีวิต (LP) ของพวกเขาจะลดลง และจะตายหากจำนวน LP ทั้งหมดถึงศูนย์

ตัวเกมมีระบบแพ้ทางธาตุ และอาวุธต่างๆ การวางแผนลงดันเจี้ยน หรือทำภารกิจ ก็ต้องวางแผนให้ดีๆว่าจะจัดปาร์ตี้แบบไหน เอาตัวอะไรลงเล่น

Abilities และ Spells

ในเกมนี้มีอาวุธแปดประเภทให้เลือกใช้ แต่ละประเภทจะพ่วง Abilities ที่แตกต่างกัน ต่อสู้โดยใช้ ดาบ ดาบใหญ่ ดาบสั้น หอก ขวาน กระบอง หรือ มือเปล่า

ส่วนนักเวทย์ของคุณยังสามารถควบคุมพลังของธาตุทั้งหกที่มีลักษณะเฉพาะ ได้แก่ pyrology, hydrology, aerology, terrology, cosmologyและ umbrology

Glimmer และ Evasion

หากคุณใช้ความสามารถที่มีไอคอนรูปหลอดไฟในการต่อสู้ บางครั้งคุณสามารถกระตุ้นสิ่งที่เรียกว่า  “Glimmer” และเรียนรู้เทคนิคใหม่ได้

และเมื่อตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีของศัตรู ระหว่างติดสถานะ  “Glimmer” ก็การันตีหลบทุกการโจมตีแบบ 100% (Evasion)

United Attack

เกจโอเวอร์ไดรฟ์ (สีฟ้ามุมขวาล่าง) จะชาร์จทุกครั้งที่คุณใช้คาถาหรือโจมตีจุดอ่อนของศัตรู เมื่อชาร์จจนเกจนี้เต็มแล้ว ก็ปลดปล่อย United Attack อันทรงพลังได้

Formations

การจัดแถวเรียงทัพก็มีความสำคัญในเกมนี้เช่นกัน ด้วยการจัดเรียงตัวละครให้เป็นกลุ่มก่อนการต่อสู้ ซึ่งจะส่งผลต่อการเสริมพลัด้วยเอฟเฟกต์ที่อาจจะทำให้ผู้เล่นได้เปรียบ และการเพิ่มบัฟสถานะที่หลากหลาย มีการจับคู่ตัวละคร และปลดล๊อกรูปแบบการจัดแถวใหม่ๆได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับคลาสของตัวละครที่เป็น “จักรพรรดิ” (หัวตี้) ในเวลานั้นด้วย

การพัฒนาเมือง

ใน อวาลอน เมืองหลวงของจักรวรรดิวาเรนส์   ผู้เล่นสามารถค้นคว้าและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้ เช่น โรงตีเหล็กและ ห้องทดลองเวทมนตร์ ซึ่งที่นี่กฌจะส่งผลในการปลดล๊อกอาวุธ เวทย์ใหม่ๆ ได้

Romancing SaGa 2: Revenge of the Seven โดยจะมีกำหนดลงให้ระบบ PlayStation 5 , PlayStation 4 , SwitchและPC ( Steam ) โดยจะวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 24 ตุลาคม ในราคา 49.99 ดอลลาร์

แอดมิน AK47