Mega Man Battle Network 3 หรือ Battle Network Rockman.EXE 3 (バトルネネットワークロックマンエゼゼ 3 Batoru Nettowāku Rokkuman Eguze 3) เกมหลักภาคที่สามจากซีรีส์ Mega Man Battle Network ที่วางจำหน่ายให้กับเครื่อง Game Boy Advance ในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ.2002
Battle Network 3 เป็นเกมแรกในซีรีส์ที่มีสองเวอร์ชั่น โดยเวอร์ชั่นดั้งเดิมของญี่ปุ่นนั้น เริ่มต้นจากเกมแบบสแตนด์อโลน แต่อย่างไรก็ตาม ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา ก็ได้มีการออกเวอร์ชั่นปรับปรุงในชื่อ Rockman.EXE 3 Black ตามออกมา โดยมีการเพิ่มสิ่งต่างๆเข้ามาเล็กน้อย อย่าง BattleChip ที่ต่างกัน, รหัสของชิป, บอส ฯลฯ
ซึ่งต่อมาทั้งสองเวอร์ชั่นได้กลายเป็น พื้นฐานสำหรับเกมเวอร์ชั่นแปลภาษาโดย ภาค 3 ดั้งเดิมกลายเป็น Mega Man Battle Network 3 White และ ภาคBlack กลายเป็น Mega Man Battle Network 3 Blue
อย่างไรก็ตามด้วยการที่มีเวอร์ชั่นแตกต่างกันนี้เอง จึงทำให้ทางผู้พัฒนาได้ทำการใส่ไอเทมและบอส ที่จะสามารถพบเจอได้เฉพาะในเวอร์ชั่นนั้นๆเข้ามา เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย เพราะตัว BattleChip ในซีรีส์ EXE นั้นสามารถแลกเปลี่ยนเพื่อสะสมได้นั่นเอง (เป็นการตลาดแบบเดียวกับโปเกม่อนนั่นแหละ)
ข้อแตกต่างเด่นๆของทั้ง 2เวอร์ชั่น
Style
White : Ground Style
Blue : Shadow Style
Boss
White : MistMan
Blue : BowlMan + PunkMan
Giga Chips
White : NaviCycle, Balance, Bass, Serenade, Alpha Arm Sigma
Blue : FolderBack, Dark Aura, Bass Plus, Delta Ray, Alpha Arm Omega
เพื่อความเข้าใจง่ายของเนื้อหาที่ถูกสรุปย่อ จึงอยากพูดถึง ประวัติของ ตัวบอสประจำภาคอย่าง Alpha และระบบสำคัญที่ปรากฏในเนื้อเรื่องภาคนี้อย่างการ Pulse Transmission ให้ผู้อ่านได้รู้จักกันก่อนนะครับ
*ประวัติของ Alpha *
โปรแกรมอินเทอร์เน็ตดั้งเดิมที่สร้างขึ้นในโครงการลับสุดยอดโดย Dr.Hikari (ปู่ของเน็ตโตะ) ซึ่งมันได้รับการพัฒนาให้เป็นพื้นฐานของชุมชนNetwork แบบในปัจจุบัน แต่ทว่าวันหนึ่งอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับตัวของ Alpha ได้เกิดความผิดปกติขึ้น โดยทีมนักวิจัยเชื่อว่ามีสาเหตุมาจาก “AutoNavi” Navi ที่ถูกพัฒนาขึ้นพร้อมกับ Alpha ในอีกโครงการหนึ่งโดยDr.Cossak ทำให้เขาตัดสินใจที่จะลบ AutoNavi ตนนั้นทิ้งไปโดยการส่งเหล่า Navi Elite Corps เข้าไปจัดการ แต่พวกเขาไม่รู้ว่า AutoNavi ตนนั้นสามารถรอดชีวิตมาได้(ซึ่งก็คือ ฟอร์เต้) ทำให้หลังจากนั้นก็ได้เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่สุดขึ้น
(หน้าตาของ Dr.Cossak ภายในเกม)
เมื่ออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ Alpha ทั้งหมดถูกฟอร์เต้ทำลายลง จึงทำให้Alpha ที่ยังเต็มไปด้วยข้อบกพร่องในระบบ เกิดอาละวาดจากสัญชาตญาณที่มี จนทำให้มันพุ่งเข้าไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทั้งหมดและทำการดูดกลืนเหล่า NetNavi รวมถึงโปรแกรมอื่นๆทั้งหมดเข้าไปจนกระทั่ง 1สัปดาห์ต่อมา Cyberworld ก็ถูกมันดูดกลืนเข้าไปจนหมด
(ในส่วนนี้ ฟอร์เต้ที่หลบหนีไปก็โดนดูดกลืนเข้าไปด้วย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขารอดออกมาได้ แต่ก็อยู่ในสภาพความจำเสื่อม ก่อนจะมาเจอกับ Gospel ในเหตุการณ์ภาค2)
ต่อมา SciLab ได้ใช้โอกาสที่มันหยุดนิ่งจากการอิ่มตัว เข้าไปจับมันปิดผนึกโดยการติดตั้งโปรแกรมที่เรียกว่า “Guardian” ลงในแกนหลักของ Alpha และล็อคมันไว้ด้วย TetraCodes ทั้ง 4ตัว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทำให้สังคมของNet ทั้งหมดหยุดชะงักไปถึง 6เดือน โดยรู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ “The Alpha Revolt”
*Pulse Transmission System*
เป็นอุปกรณ์ลักษณะคล้ายเก้าอี้ใช้สำหรับส่งคลื่นสมองของมนุษย์ให้เข้าไปใน Cyberworld โดยคลื่นสมองจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับเจ้าของคลื่นนั้น ซึ่งในสถานะนี้มนุษย์ที่เข้าไปสามารถโต้ตอบกับสภาพแวดล้อมภายในได้
และเพราะความอันตรายที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีโดยไวรัสหรือ NetNavis ที่เป็นศัตรู ทาง SciLab จึงได้ยกเลิกการพัฒนาอุปกรณ์ชิ้นนี้ไป เพราะหากคลื่นสมองได้รับความเสียหายใน Cyberworld ก็จะทำให้สมองในร่างต้นบาดเจ็บอย่างมากไปด้วย
Story
เป็นเวลาหลายเดือนหลังการเอาชนะองค์กร Gospel ลงได้ เน็ตโตะและร็อค ที่ได้กลับมาใช้ชีวิตปกติได้ไม่นาน พวกองค์กร WWW นั้นก็ได้เริ่มปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งในขณะเดียวกันภายในเมือง Electopia ได้มีการจัดงานแข่งทัวร์นาเม้น N1 Grand Prix ขึ้นที่เกาะ Hades Isle เพื่อทำการค้นหา NetBattler ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมือง
ซึ่งในระหว่างรอบ 4คนสุดท้าย พวกเขาจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว งานแข่งครั้งนี้เป็นแผนขององค์กร WWW ที่จะขโมยNavi ที่แข็งแกร่งที่สุดไปใช้สำหรับแผนการใหม่ เพื่อที่จะได้ทำให้โลกรู้ถึงความน่ากลัวของ WWW อีกครั้ง
(หลังประกาศตัว ก็ฉวยโอกาสดับไฟแล้วจับตัวพ่อของChaud มาต่อรองตามภาพ)
(แต่ก่อนที่แผนการนั้นจะสำเร็จ เน็ตโตะก็เข้ามาช่วยได้ทัน ในฉากสุดตำนานนี้…ปาเครื่องใส่เลย!!)
(นั่นล่ะครับ ท่าไม้ตายที่แท้จริงของร็อค!! ฮา)
หลังจากนั้นเน็ตโตะและผองเพื่อนก็ได้ร่วมมือกันสืบหาและขัดขวางการโจมตีของพวก WWW จนความจริงที่ว่าแท้จริงแล้วตัวของ Dr.Willy นั้นยังไม่ตาย และในตอนนี้เขาต้องการ TetraCodes ทั้ง 4 รวมถึงตัวของ ฟอร์เต้ ในการคืนชีพให้กับ “Alpha” ตัวต้นแบบดั้งเดิมของอินเทอร์เน็ตสำหรับแผนการ “Cybergeddon” ของเขา
แต่จากเหตุการณ์ในภาค 2 ทำให้ Dr.Willy ต้องหา NetNavi ที่แข็งแกร่งใหม่ จนสุดท้ายก็ได้ทำการหลอกให้ฟอร์เต้ตัวจริงมาร่วมมือปลดระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสุดท้ายของ Alpha ได้สำเร็จ (อธิบายง่ายๆว่า ที่ผ่านมาทั้งแผนบงการให้ Gospel สร้างร่างโคลนของ ฟอร์เต้ขึ้นมา และการจัดงานเพื่อจับProtomanนั้น ก็เพียงเพื่อต้องการ NetNavi ที่แข็งแกร่งพอจะปลดผนึก Alpha ได้นั่นเอง)
ซึ่งเน็ตโตะ(ที่Pulse เข้ามาเช่นกัน)และร็อคที่ตามมา ทั้งสองได้พยายามขัดขวางและต่อสู้กับฟอร์เต้จนเอาชนะมาได้ แต่ก็สายเกินไป เพราะหลังจากที่ Dr.Willy เห็นฟอร์เต้พ่ายแพ้นั้น Alpha ก็ได้ถูกปลุกสำเร็จพร้อมกับที่เขาก็ได้เฉลยความจริงทุกอย่างออกมา (ก็เรื่องราวที่เล่าไว้ตอนต้นนั่นแหละครับ)
และทันทีที่ Alpha ได้ตื่นขึ้นมันก็ได้ทำการดูดกลืน ฟอร์เต้และตัวของ Dr.Willy (ที่ทำการ Pulse Transmission เข้ามาในNetwork) เข้าไป
เน็ตโตะและร็อค ร่วมมือกันจนสามารถปราบ Alpha ลงได้ และหลังพวกเขาจัดการมันลงได้สำเร็จ ก็ได้ปรากฏประตูบานหนึ่งขึ้นมา ซึ่งเป็นทางเข้าไปยังไฟล์ข้อมูลของ Dr.Hikari (ปู่ของเน็ตโตะ) ซึ่งมีรูปร่างเหมือนห้องใน SciLab ในอดีต ภายในนั้นเน็ตโตะและร็อคได้พบกับข้อมูลบุคลิกภาพของปู่ของพวกเขา ซึ่งได้คอยเฝ้าดูแลระบบ Guardian ไม่ให้ใครปลุก Alpha ขึ้นมา และก่อนที่ปู่ของเขาจะถูกลบไปพร้อมกับ Alpha เขาก็ได้ฝากจดหมายเข้ารหัสฉบับหนึ่งไปให้กับพ่อของพวกเขา ก่อนที่ข้อมูลของสถานที่แห่งนั้นจะค่อยๆพังทลายลง
แต่ในขณะที่กำลังทำการ Jack-Out ออกมา ส่วนหนึ่งของ Alpha ที่ยังเหลืออยู่ก็ได้ทำการจับและพยายามดูดกลืนเน็ตโตะและร็อคเข้าไป ทำให้ร็อคตัดสินใจเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อให้เน็ตโตะหนีออกไปได้
การเสียสละครั้งนั้นของร็อคช่วยชีวิตเน็ตโตะให้ออกมาได้สำเร็จ และเน็ตโตะก็ได้มอบจดหมายเข้ารหัสกับพ่อของเขาหลังจากทุกคนแสดงความยินดีที่ผ่านพ้นวิกฤต รวมถึงแสดงความเสียใจถึงการจากไปของร็อคด้วยเช่นกัน ทำให้ช่วงเวลาหลังจากนี้ตัวของเน็ตโตะก็ได้ถูกห้อมล้อมไปด้วยผองเพื่อนของเขา ที่พยายามช่วยให้เน็ตโตะไม่ต้องจมอยู่กับความเศร้ากับการจากไปของร็อคมากจนเกินไป…
End Credit
เวลาได้ล่วงเลยผ่านไป จนกระทั่งหนึ่งวันก่อนที่เน็ตโตะจะขึ้น Grade6 พ่อของเขาก็ได้สามารถปลดรหัสข้อความและใช้ข้อมูลสำรองของร็อคกับปู่ของพวกเขาที่พบอยู่ในจดหมายฉบับนั้น ช่วยชีวิตของร็อคกลับมาได้สำเร็จ โดยพ่อของเขาได้แอบใส่ร็อคไว้ใน PET ตอนเน็ตโตะหลับ
เพื่อให้การที่ร็อคได้กลับมาทักทายเขาในตอนเช้าอีกครั้ง เป็นดั่งของขวัญเซอร์ไพร์ในการฉลองการขึ้น Grade 6 ของเขานั่นเอง
ระบบ Gameplay ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลง และถูกเพิ่มเข้ามาใหม่
Chip Folder
ระบบ Folder (เด็คการ์ด) ในภาคนี้ได้รับการปรับให้มีความสมดุลมากยิ่งขึ้นโดยจะแบ่งการเปลี่ยนแปลงตามประเภทของ Battle Chips ได้ดังนี้
-Standard Chips : ถูกปรับให้มีจำนวนจำกัดเป็นแบบละ 4 ชิ้น และ Navi Chips ทั้งหมดถูกเปลี่ยนไปเป็นชื่อเรียกว่า Mega Chips แทน
-Mega Chips : ถูกจำกัดให้ใส่ได้แค่รูปแบบละ 1 ชิ้น
-Giga Chips : สามารถใส่ชิปประเภทนี้ได้แค่ 1ชิ้น ต่อ 1เด็ค เท่านั้น
-Program Advances : ระบบคอมโบของ Chips ซึ่งได้ถูกปรับให้สามารถใช้งานได้ง่าย เพื่อให้เหมาะกับผู้เล่นใหม่มากขึ้น (ระบบ Folder ภาคนี้ช่วยให้ง่ายต่อการจัดเด็ค ที่ผู้เล่นต้องการให้มีแนวทางการเล่นแบบเน้นไปที่การใช้คอมโบของ Chips มากกว่าการใช้ Chips แบบเดี่ยว)
Navi Customizer
Navi Customizer หรือ NaviCust คือระบบที่ช่วยให้สามารถดัดแปลงพัฒนาความสามารถต่างๆให้กับตัวของร็อคได้อย่างหลากหลาย (มาแทนที่ระบบ PowerUp) โดยจะเป็นการเรียง Parts (เป็นบล็อคสีที่มีชนิดและรูปทรงต่างๆ) ลงในตาราง 4×4 ช่อง (สามารถใช้ไอเท็ม ExpMemory ขยายพื้นที่ให้เป็นขนาด 5×4 และ 5×5 ได้) ที่มีเส้น Command Line ผ่านตรงกลาง(จากซ้ายไปขวา) ตามเงื่อนไขทั้ง 4ข้อที่เกมกำหนดไว้ดังนี้
-Program Parts เป็นบล็อคที่ต้องมีอย่างน้อย 1ช่องของมันอยู่ในช่องที่ Command Line ลากผ่าน
-Plus Parts เป็นบล็อคอีกประเภทที่ต้องวางไว้ “นอก Command Line” เท่านั้น
-ห้ามไม่ให้มีช่องสีเดียวกันจาก 2 Parts มาอยู่ติดกัน(ห้ามสีชนกัน ถ้ามาจากคนละชิ้น)
-บล็อคสีที่ใช้ทั้งหมดจะต้องตรงกับการใช้งานของ Style ของร็อคในขณะนั้นด้วย โดยสีของบล็อคจะแบ่งออกเป็น สีขาว, สีเหลือง, สีชมพู เป็นสีพื้นฐาน และอีกหนึ่งสีที่ใช้ได้ก็จะขึ้นอยู่กับ Style ที่ใช้งานในขณะนั้น
การทำผิดกฏทั้ง 4ที่กล่าวไปจะทำให้เกิด Bug กับตัวของร็อค โดยสามารถลบล้างได้ด้วยไอเทมอย่าง NaviCust BugStop แต่จะไม่สามารถลบผลของ Bug ที่เกิดจากการผิดกฏที่ต้องมี 1ช่องของ Program Parts ติดกับ Command Line ได้
Style Change
ระบบจากภาคที่ 2 ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย แต่สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือการเพิ่ม Style ใหม่เข้ามาอีก 3แบบ ดังนี้
Bug Style
จะได้รับเมื่อร็อคทำการกำจัด ศัตรูอย่างต่อเนื่องด้วย Bug ที่เกิดจากระบบ NaviCust โดยภายในร่างนี้ ตัวของร็อคจะทำการสุ่มใช้งานเอฟเฟคของ Bug ที่มีในเกมมาใช้งานทุกครั้งเมื่อเข้าฉากต่อสู้(เป็นการสุ่มใช้ใหม่ ฉะนั้นจะไม่ทับซ้อนกับเอฟเฟคของการต่อสู้ก่อนหน้า แต่ก็มีโอกาสสุ่มได้ชนิดเดิมนะ)
Shadow Style
จะได้รับเมื่อร็อคทำการใช้ Chips ประเภท “Invisibility” บ่อยกว่าประเภทอื่นๆ โดยภายในร่างนี้ตัวของร็อคจะสามารถหลีกเลี่ยงผลของพื้นที่ในฉากต่อสู้ได้(ยกเว้นช่องพื้นที่เป็น หนองบึง)
*ร่างนี้จะปรากฏให้ใช้ได้เฉพาะในเวอร์ชั่น Blue เท่านั้น*
Ground Style
จะได้รับเมื่อร็อคทำการใช้ Chips ที่มีผลเปลี่ยนพื้นสนามมากกว่าประเภทอื่นๆ โดยในร่างนี้จะมีผลเกี่ยวกับระบบ NaviCust ที่ช่วยให้เปลี่ยนสภาพพื้นสนามเมื่อเริ่มการต่อสู้
*ร่างนี้จะปรากฏให้ใช้ได้เฉพาะในเวอร์ชั่น White เท่านั้น*
Bug Frags
ภายในภาคนี้หากเราทำการโจมตีสังหารศัตรูในขณะที่พวกมันกำลังโจมตีเรา หรือ เรียกง่ายๆว่าการ Countering ก็จะทำให้ศัตรูตกไอเทมที่ชื่อว่า Bug Frags โดยมันจะเป็นเหมือนค่าเงินประเภทหนึ่งสำหรับใช้ในร้านค้าเฉพาะ หรือการนำไปสุ่มซื้อ Lottery ที่หากโชคดี เราก็จะได้ Battle Chips ระดับหายากมาใช้ด้วย(Chips บางอันหาได้จากวิธีนี้เท่านั้น)
บทความโดย WolfTales