ชื่อภาพยนตร์: RoboCop / โรโบคอป
ผู้กำกับภาพยนตร์: Jose Padilha
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Joshua Zetumer (screenplay), Edward Neumeier,
นักแสดงนำ: Joel Kinnaman, Gary Oldman, Michael Keaton, Abbie Cornish, Jackie Earle Haley
แนว/ประเภท : Action, Crime, Sci-Fi
ความยาว: 108 นาที
เรท: ไทย : น 15
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 13 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้ผลิต : Metro-Goldwyn-Mayer (MGM)
สตูดิโอ : Strike Entertainment
ผู้จัดจำหน่าย : Columbia Pictures
เดี๋ยวหาว่าโม้ ไปดูมาจริง ไม่ได้นั่งเทียนเขียนรีวิว
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 ผ่านมาครับ แอดมินได้มีโอกาสไปดูภาพยนต์ที่กลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง และทีนี้ดูเหมือนว่า อะไรๆ ก็คงแปลก และแตกต่างจากเดิมที่แอดมินเคยดูในวัยเด็ก เพราะมันถูกสร้างมาให้ร่วมสมัย และหนักหน่วงด้านเนื้อหา จนแทบจะเรียกได้ว่า “ไม่ใช่หนังสำหรับเด็กๆอีกต่อไป”…
ภาพหุ่นกระป๋องตุ้ยนุ้ยในความทรงจำของใครหลายๆคน รวมทั้งแอดมินด้วย
…
อดีตของตำรวจเหล็กจากยุค ’80
โรโบคอป ถ้าย้อนกลับไป ในปี 1987, 1990 และ 1993 ฮอลลีวู้ดเคยสร้างภาพยนตร์ของตำรวจเหล็กมาเป็นไตรภาคแล้ว ภาคแรกเคยได้คว้ารางวัลบนเวทีออสการ์มาแล้วในสาขา Special Achievement Award ก่อนจะเงียบหายไปกับภาคสามที่ทำรายได้ได้ไม่ดีนัก (ทั้งๆที่ละครซีรี่ย์ทางโทรทัศน์กลับได้รับความนิยมอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะดับอนาถตามหนังใหญ่ภาคที่สามก็ตาม)
เวอร์ชั่นเก่าจะพูดถึง กรมตำรวจดีทรอยท์ รับการสนับสนุนด้านยุทโธปกรณ์ จากบ.ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอุตสาหกรรมจักรกล Omni Consumer Products (OCP) ดูเหมือนว่าอาชญกรรมกลับรุนแรงขึ้น ทางOCP จึงส่งตำรวจเหล็กซึ่งเป็นโปรเจคท์ซุ่มสร้างของ OCP และเรียกว่า “โรโบคอป” ทันทีที่เขาออกปฎิบัตการณ์ด้วยความรุนแรง หนักหน่วงต่ออาชญกรในแต่ละวัน ตัวเขาค่อยๆฟื้นความทรงจำเรื่อยๆ จนเขารู้ว่าตัวเองเป็นใคร
เขาชื่อ “อล็กซ์ เมอร์ฟี่ย์” ตำรวจน้ำดีของกรมตำรวจดีทรอยท์ แต่วันที่เขามาประจำการ เขาถูกแก๊งอันธพาลยิงจนเสียชีวิต จึงถูก OCP นำไปดัดแปลงประกอบเข้ากับเครื่องจักร เขาต้องค่อยๆเรียนรู้เกี่ยวกับตัวตน และทิ้งความเป็นเครื่องจักรไร้หัวใจไปทีละน้อย เพื่อกลับไปมีจิตใจเป็นมนุษย์ และเป็นที่รักของคนรอบข้างและครอบครัวในที่สุด..ทั้งๆที่เขาก็ยังต้องทำงานเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ร่างจักรกลต่อไป
เรื่องราวที่เข้มข้น ถูกใส่มาในหนังได้ถูกจังหวะ
โรโบคอป 2014 ยุคที่ตำรวจเหล็กก็ดราม่าได้!!
ทันทีที่เข้าไปดูในโรงของเวอร์ชั่น 2014 แอดมินได้กลิ่นดราม่ามาราวๆ10 นาทีแรกของหนังกันเลยทีเดียว โรโบคอปในเวอร์ชั่นปี 2014 นี้ เรื่องราวจะถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นว่า ในอนาคต บ. Omni Consumer Products ได้สร้างหุ่นยนต์เพื่อใช้ทดแทนกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร หรือตำรวจ ออกไปประจำการเพื่อสร้างความสงบสุขไปทั่วโลก ยกเว้นก็แต่เพียงในสหรัฐอเมริกา ที่ประชาชนบางส่วนยังไม่ยอมรับการฝากชีวิตไว้กับ “เครื่องจักรที่ไร้หัวใจ”
“จ่าเฉยรุ่นติดอาวุธ”
แถมมีการเมืองมาแทรกแซงจากนักการเมืองหัวอนุรักษ์นิยมเข้ามาอีก ทำให้การมี “จ่าเฉยรุ่นติดอาวุธ” ไม่ได้ออกมาคอยรักษาความสงบในอเมริกาสักที…ที่ดีทรอยด์ เมืองที่มีอาชญากรรมรายชั่วโมง กำลังจะกลายเป็นเมืองแรกที่จะได้พบกับรูปแบบการต่อสู้กับอาชญากรรมรูปแบบใหม่ เมื่อ OCP คิดใช้ช่องโหว่ทางกฏหมายสร้างตำรวจในอุดมคติ ที่มีทั้งความแข็งแกร่ง ดุดัน และมีความเป็นมนุษย์ผสมลงไปแบบกึ่งคนกึ่งเครื่องจักร เพื่อให้คนเริ่มเปิดใจยอมรับ “หุ่นยนต์” ในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ให้มากขึ้น และ Robocop คนแรกก็ถือกำเนิดขึ้นจากตำรวจนาม อเล็กซ์ เมอร์ฟี่ (Joel Kinnaman) ที่ประสบอุบัติเหตุปางตายมาเข้าโครงการนี้นั่นเอง…
ทุกๆตัวละคร ล้วนมีเหตุผลในการกระทำมารองรับ ทำให้มีมิติในการนำเสนอมากขึ้น
ทางเลือกที่เหลือเพียงของครอบครัวของเขา ต้องจำยอมกลายเป็นทั้งหนูทดลองเพื่อสร้างตำรวจเหล็กตัวแรกของเมือง เป็นสินค้าตัวใหม่ที่ต้องสาธิตตัวเองต่อหน้าสาธารณชน ขณะเดียวกัน ก็เป็นความหวังของลูกเมีย ที่หวังจะเห็นเขารอดตาย และสุดท้าย คือภารกิจการปราบอาชญากร แต่ทั้งหมดถูกเคลือบคลุมอยู่ความฉ้อฉลหลากรูปแบบของเมืองดีทรอยด์
บางช่วงของหนังก็เล่าผ่านรายการทีวีที่เข้ามาคั่นระหว่างเรื่อง (เพื่อให้แซมมวล แอล แจ๊คสัน ออกมาขโมยซีน 555+) ซึ่งบางครั้งก็น่าสนใจ เพราะเป็นการขยายโลกทัศน์ของเรื่องให้ผู้ชมรับรู้ถึงผลกระทบผ่านสื่อมวลชนปากจัดนั่นเอง อีกทั้งมุกตำรวจดีตำรวจเลว,นักการเมืองที่ต่างทำเพื่อหวังผลประโยชน์, วิทยาศาสตร์ ที่ไร้จริยธรรมจนต้องยอมรับใช้เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ และอะไรต่อมิอะไรที่ใส่เข้ามาในเรื่องเพื่อให้คนดูติดตาม ก็ใส่มาได้ถูกจังหวะดีทีเดียว
มันคือหนังแอ็คชั่นไซไฟที่เสียดสีสังคม ทฤษฎีสมคบคิดอันฉ้อฉลของคนในวงการตำรวจ และนักการเมือง ทำให้หนังเรื่องนี้ “ไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโร่เลย!” แต่เป็นหนังที่มีกลิ่นอายดราม่าสไตล์ “Departed” หรือ “สองคนสองคม” มากกว่า
ลุคใหม่ ใส่ใจเรื่องของ Detail และ Mechanics ร่วมสมัย
Robocop ในลุคใหม่…ข้างในก็ยังเป็น Robocop คนเดิม ฉากแอคชั่นของเรื่อง ถือเป็นจุดที่น่าสนใจครับ แอดมินจำได้ว่า ถ้าพูดถึง Robocop แอดมินจะนึกถึงการเคลื่อนไหวจะทื่อๆ เน้นการยืนแลกกระสุนกลางดงผู้ร้ายอาวุธครบมือ (และก็กลับโรงพักในสภาพเละทุกที)
แต่ Robocop 2014 จะมีรูปร่างที่ปราดเปรียว คล่องตัวกว่าเดิม ไม่ใช่หุ่นเหล็ก “ทรงตุ้ยนุ้ย” เหมือนเก่า ฉากแอคชั่นจึงเดินไปได้เร็ว และมีมิติมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น Robocop ไม่ใช่พวกฉลาดหลักแหลมใช้ปัญญาแก้ไขโจทย์ยากๆได้อย่างเฉียบคม หรือมีพลังพิเศษที่จะทำอะไรเหนือคนธรรมดา แต่เขาเป็นเพียงตำรวจคนหนึ่งที่ทักษะด้านอาวุธปืนและการต่อสู้ในแบบตำรวจ เขาต้องแก้ไขมันดั่งปัญหาเฉพาะหน้าด้วยข้อจำกัดบางอย่าง หนังยังพยายามที่มีช่วงบู๊แอ็คชั่นแบบมันเร้าใจ ใส่ซีจีเข้ามาได้เนียนใช้ได้น่าตื่นเต้นอยู่ช่วงหนึ่ง แต่อาจไม่มากพอสำหรับคอหนังแอ็คชั่นที่ระยะหลังเน้นหนักไปที่ฉากพวกนี้โดยเฉพาะหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั้งหลาย เพราะโรโบคอปจะเน้นไปที่การเล่าเรื่องเสียมากกว่า
แอดมินว่าช่วงเวลาของการพัฒนาตัวเองในเรื่องนี้ทำได้ดีมาก ไม่ก้าวกระโดดจนไร้ความน่าเชื่อถือเกินไป คนดูตามทันพัฒนาการตัวละคร และมีอารมณ์ร่วมไปกับหนังได้ไม่ยาก
Robocopถูกตีความจนไม่ใช่หนังฮีโร่ ทั้งๆที่เป็นหนังฮีโร่!
ไม่ใช่ว่าหนังเรื่องนี้ไม่ดีนะ แต่แอดมินจะบอกว่า “ถ้าคุณคิดจะไปดูหนังเรื่องนี้ เพราะมันเป็นหนังฮีโร่หลอกเด็ก” พาลูกหลานไปดู แอดมินไม่แนะนำครับเพราะเนื้อหาในหนัง “ไม่ได้โลกสวย” เตะต่อยปล่อยพลังจับผู้ร้ายฮีโร่ผดุงคุณธรรมจ๋ามาเลย มันไม่ใช่ครับ (ยิ่งเอาไปจับกลุ่มกับหนังฮีโร่สมัยนิยม จากทางมาร์เวล หรือ DC ที่ชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ซึ่ง“Robocop” จะทำให้คุณผิดหวังมาก!!) แต่ถ้า คิดจะไปดู เพราะ “ชอบในคาแรคเตอร์” หรือ “อยากดูหนังแอคชั่นดราม่าดีๆซักเรื่อง”ก็ไม่ว่ากันครับ
“เมอร์รี่คิงส์ มีทุกสิ่งให้เลือกสรร นะนายจ๋า!!”
คะแนน 8/10 Rank B
(ถ้าไปดูในฐานะ”หนังฮีโร่” ก็ เอาไป 6/10 Rank D)
-ข้อดี : เนื้อหาดราม่าหนักปนเศร้า / แอคชั่นดูสนุก / ตัวละครมีมิติ / โลกยุคหุ่นยนต์เข้ามามีบทบาท ถ่ายทอดออกมาได้เยี่ยม (CG เนียนใช้ได้) / จบแบบไม่ค้างคาใจ (ทำภาคต่อก็ได้นะ ถ้าอยากทำ) / แซมมวล แอล แจ๊คสัน และ ลุงแกรี่ โอลด์แมน ขโมยซีนได้ใจไปเลย
-ข้อเสีย : เนื้อหาดราม่า ที่หลายๆคนอาจจะเบื่อได้ / น่าเสียดายที่หนังไม่ได้ออกมาในแบบ 3 มิติแม้จะมีบางช่วงที่ถ่ายทำออกมาได้เหมาะสมจะเป็นหนัง 3 มิติก็ตาม / ฉากแอคชั่นที่ดูหมองๆไปนิด เมื่อเทียบกับหนังฮีโร่ยอดนิยมหลายๆเรื่องที่นิยมการ “ถล่มเละ มีความวินาศสันตะโร”เป็นจุดขาย / แซมมวล แอล แจ๊คสัน ขโมยซีนได้น่ารำคาญในบางจุด
ตัวหนัง ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีครับ ไม่น่าผิดหวัง เครดิตยกให้ ”เนื้อเรื่อง”เลยครับ ที่ทำออกมาได้หนักแน่น พาลเอาคิดตามไปเลยว่า”ถ้าเป็นเราจะอยู่ได้ยังไง” ตัวหนังทำให้เห็นว่า แม้ปัจจัยต่างๆภายนอกจะเปลี่ยนไป แต่ความรักของคนในครอบครัว เป็นสิ่งสำคัญที่มีค่า ทำให้คนที่ไร้หัวใจ ได้กลับมามีความรัก มีน้ำตา และก้าวต่อไปแม้ว่า อะไรๆจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วก็ตาม
แอดมิน Ak47
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console