เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ วันพุธที่ 26 เมษายน 2566

ภาพยนตร์แอ็กชันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแจ็คกี้ ชาน ในรอบทศวรรษ อดีตสตันท์แมนตกอับและม้าเซกเธาว์คู่ใจ จะขอกลับมาทวงคืนที่ยืนในโลกภาพยนตร์แอ็กชันอีกครั้ง 

พล๊อตของเรื่อง เฉินหลง รับบทเป็น “สตันท์แมน” ในโลกภาพยนตร์ด้วยตัวเอง เมื่อวันที่สตันท์แมนโดนแทนที่ด้วยCG  ตัวหนัง จะเป็นการบ่งบอกถึงยุคสมัย ตัวคน จิตใจของนักแสดงที่ลงทุนเสี่ยงชีวิตเพื่อสร้างสรรค์ผลงานโลกบันเทิง แอ็กชัดฟัดครั้งนี้ไม่ใช่แค่มันส์ แต่ยังมีดราม่าให้คนทุกรุ่นได้อินไปด้วย ถือเป็นความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว

ผลงานการกลับมาของซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง “เฉินหลง” ถ่ายทอดเรื่องราวของ “เหล่าหลัว” (แจ็คกี้ ชาน) อดีตสตันท์แมนตกอับที่มีม้าคู่ใจสายพันธุ์ม้าเซกเธาว์ชื่อว่าเจ้า “กระต่ายแดง”

ถึงแม้ความฝันของเขาคือการปลุกปั้นเจ้ากระต่ายแดงให้กลายเป็นดาราแอ็คชั่น แต่ด้วยสถานะของเขาตอนนี้ มีแต่คนบอกว่าให้เขาเอาเจ้ากระต่ายแดงไปขายเพื่อหาเงินมาใช้หนี้จะดีกว่า

ทำให้เหล่าหลัวต้องขอความช่วยเหลือจากลูกสาวที่ห่างเหินกันไปนาน (หลิวฮ่าวฉุน) และแฟนทนายความของเธอ เหล่าหลัวยังคงแอบฝึกเจ้ากระต่ายแดงให้เป็นม้านักบู๊ชั้นยอด ไปพร้อมๆกับฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลูกสาวที่ขาดหายไปด้วย…

เหล่าหลัว และเจ้ากระต่ายแดงยังเดินหน้าทำตามฝัน  ที่จะได้กลับไปยืนในฐานะของสตันท์แมนแถวหน้า ทว่าโอกาสครั้งนี้อาจต้องแลกมาด้วยสายสัมพันธ์ของครอบครัว ที่มีแต่เหล่าหลัวเท่านั้นต้องเลือก

Review 

หนังฟิล์ม…หนังโรง…หนังกลางแปลง ก็มีหนังเฉินหลง…

หนังวิดิโอม้วน…VCD…DVD…BluRay ก็มีหนังเฉินหลง

หนังสตรีมมิ่มออนไลน์ ก็ยังจะมีหนังเฉินหลงอยู่ในนั้นตามมา…

ใครที่เกิด และโตมากับวงการหนัง ทุกยุคสมัยของแพลตฟอร์มการรับชม อย่างน้อยที่สุด ในชีวิตคุณ ต้องได้ดูหนังเฉินหลงมาแล้วซักเรื่องนึงละ

และ ทุกอย่างในเรื่อง Ride on ควบสู้ฟัด ก็นำเสนอให้คนที่ใช้เวลาร่วมกันกับยุคสมัยรุ่งเรืองของเฉินหลงได้มีประสบการณ์ร่วม  ทั้งแฟนหนัง เพื่อนร่วมงาน คนในวงการบันเทิงจีน+ฮ่องกง หรือแม้แต่เจ้าตัวเองก็ตาม…ได้หวนระลึกถึงวันเจ็บตัว เสี่ยงตาย จิตวิญญาณของสตั๊นท์แมนที่สู้ไม่ถอย เพื่อสร้างความบันเทิง ก่อนที่ยุคปัจจุบันจะเปลี่ยนไป…

Ride on ควบสู้ฟัด จัดเป็นหนังแอคชั่นขำๆ เน้นประเด็นดราม่าอบอุ่นหัวใจ สายสัมพันธ์ของ พ่อ ลูกสาว และม้าคู่ใจ บททดสอบของชายวัยบั้นปลายชีวิต ที่สนุก อิ่มเอม และยังเป็นผลงานที่ทำออกมาเพื่อคารวะ “เฉินหลง” ผ่านโลกทัศน์ของเส้นเรื่องอย่างแนบเนียน และ “พากย์ไทย” เรื่องนี้ นอกบทกันสนุกเลย แต่ก็เป็นอีกหนึ่งสเน่ห์จากทีมพากย์พันธมิตร ทำให้โทนหนังไม่เครียดจนเกินไป และยังทำให้ดูสนุกขึ้นด้วย อันนี้ต้องชมจริงๆ…

 โดยในหนัง Ride on ควบสู้ฟัด  จะแบ่งเส้นเรื่องออกเป็น 3 เส้น ได้แก่  

คนกับม้า , ความเป็นพ่อคน และ ความเป็นสุดยอดสตั๊นท์แมนของวงการหนัง

เส้นเรื่องระหว่าง คน กับ ม้า ทำออกมาได้น่ารัก น่าลุ้น เจ้ากระต่ายแดงที่เป็นม้าจริงๆในเรื่อง น่ารักมาก รู้สึกว่าใช้งานเจ้าน้องม้าคุ้มค่าตัว ทั้งแอคชั่น ตลก ซีนดราม่าเรียกน้ำตา น้องม้าเอาอยู่หมด รับส่งฟิลกับเฉินหลงได้ขำใช้ได้เลย

ในขณะที่เส้นเรื่องของ ความเป็นพ่อคน ที่ตัวละครเฉินหลง จะต้องค่อยๆสะสางปมพ่อ กับลูกสาว ก็ทำออกมาได้ประทับใจไม่แพ้กัน เพราะเราจะได้เห็น สุดยอดนักแสดงขาบู๊ ที่ดันล้มเหลวในเรื่องความรักและครอบครัว (ส่วนตัวคิดว่า เฮียเฉินแกก็น่าจะมีปมในใจเกี่ยวกับประเด็นนี้พอควร) ซึ่งหนังก็ได้เล่า และค่อยๆคลายปม

และมีจุดที่ค่อยเฉลยว่า ตัวละคร เหล่าหลัว นั้นแท้จริงแลัว ก็คือคนที่ใจกว้าง และรักคนรอบๆตัวเสมอมา

เพียงแต่เป็นคนที่มีอะไรไม่ค่อยพูด ด้วยความเป็นพี่ใหญ่ของวงการ เลยต้องเก็บความรู้สึกที่ “เจ็บไม่ได้ ตายไม่เป็น” ถ้าพี่ใหญ่อ่อนแอ แล้วน้องๆจะพึ่งใคร

ซึ่งนั่นทำให้เขากับครอบครัว เลยค่อยๆพังทลายลง…และรอการประกอบชิ้นส่วนที่แตกสลายให้กลับมาดีดังเดิม

จุดนี้ เหมือนผกก.แกจะเอาชีวิตของเฉินหลง ที่ล้มเหลวเรื่องครอบครับ ลูกเมีย มาเป็น แรงบันดาลใจ ส่วนหนึ่งเช่นกัน

แต่นั่นก็เป็นจุดสังเกตุที่สำคัญมากๆ  เพราะตัวหนังเองก็มีสิ่งที่เรียกว่า “อารมณ์สวิง” ราวกับคนเป็นไบโพล่าร์พอสมควร เช่นบางช่วงที่ตัวหนังกำลังมีความสุข แต่ก็จะมี Mood ที่ดึงกลับไปอารมณ์ที่ไม่ลงรอยของสองพ่อลูกเป็นระยะๆปรับอารมณ์แทบไม่ทัน

แต่ด้วยความ “บริบทแบบเอเชีย” ที่เล่นกับคำว่า “เลือดข้นกว่าน้ำ” ทำให้ ครอบครัว พ่อลูก ความรักและความผูกพันธ์ต่างๆ จะค่อยๆประสาน และหาเหตุผลมารองรับ แม้ว่ามันจะดูแบบ “อิหยังหวะ” ก็ตามที 

ส่วนเส้นเรื่องของ ความเป็นสุดยอดสตั๊นท์แมนขอวงการหนัง จุดนี้ก็ทำมาเพื่อคารวะเฉินหลงตัวจริง อย่างที่กล่าวไปแล้ว ทำให้หนัง ได้รวมเอาบรรดาเพื่อนฝูง มิตรสหาย และคนวงการหนังแอคชั่นฮ่องกงที่เป็นเหมือนครอบครัวใหญ่ๆของเฉินหลงมาร่วมงาน ซึ่งใน End Credit เราจะเห็นรายชื่อทีมงานสตั๊นท์แมนหลักร้อยชีวิต ความยาวเกือบ 1 นาทีวิ่งขึ้นมาให้ได้ไล่ลิสท์กัน เป็นหนังที่เล่าเรื่องของวงการหนังฮ่องกงที่ถูกปรับปรุง ก้าวกระโดด จากแอคชั่นเสี่ยงตายเล่นเอง จนเป็นหนัง CGที่มีความปลอดภัยสูงขึ้น ลดภาระความเสี่ยงของคนเบื้องหลังมากขึ้น 

จุดที่ชอบของพาร์ทกองถ่ายหนังเรื่องนี้ คือ การไม่ยกสถานการณ์ขึ้นมาแบบมั่วๆ ถ่ายๆแล้วจบ เพราะเมื่อหนังเข้าสู่ประเด็นเข้ากองถ่ายแล้ว เราจะได้เห็นซีนปั้นที่ถูกตัดต่อ เรียบเรียงออกมาเป็นไฟนอลโปรดัคท์อีกด้วย

ถือว่าเป็นสิ่งที่ “หนังซ้อนหนัง” ส่วนมากไม่ค่อยทำกัน เพราะเน้นเล่าเรื่องกองถ่ายหนัง แล้วก็จบกัน เข้าซีนใหม่ไปเลย

แต่เรื่องนี้ คือเราจะเห็นว่า ถ่ายทำฉากนี้ แล้วจะได้อะไรออกมา…จุดนี้คือชอบมากๆ

แต่เมื่อตัวหนังใช้เวลามากเกินไป การรวบรัดตัดความในบางพาร์ท จนทำให้หนังดูไม่สมเหตุผลก็มีให้เห็นในหลายๆจังหวะ เช่นการยกเลิกการเข้าฉากของนักแสดง ที่เหตุผลมารองรับสุดแปลก หรือการคิดหาทางออกให้สถานการณ์ที่กำลังตึงเครียดในกอง บางทีก็อาศัยลูกบ้า หรือ Logic แปลกๆมึนๆ แต่อย่างที่บอก… ก็”ความเฉินหลงอ่ะนะ” มันเลยดูแบบ “เออ ยอมรับได้แหละ” ถือว่า รุ่นใหญ่เค้าออกปากขอเองทั้งที

สรุป เป็นหนังที่ดีจัดๆเรื่องหนึ่งของเฉินหลง แนะนำให้ไปดู ยิ่งใครเป็นพ่อคน มีลูกสาว จะอินมากๆ

 Ride On เข้าฉายในโรงภาพยนตร์

วันพุธที่ 26 เมษายน 2566

ใดๆเลย หลิวฮ่าวฉุน’ (刘浩存) ที่แสดงเป็นลูกสาวเฮียเฉินในเรื่อง

คือน่ารักมากกกกกกกกกก ใครใจอ่อนนี่โดนตกแน่นอน บอกเลย

6 เรื่องน่ารู้ของภาพยนตร์ ควบสู้ฟัด!

1.ภาพยนตร์เรื่อง Ride On จะเต็มไปด้วยอีสเตอร์เอ้ก (Easter Egg) ที่ยกย่องฉากแอ็คชั่นคลาสสิกจากภาพยนตร์ของเฉินหลง ในอดีตหลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งจะทำให้แฟนๆของเขา ได้สนุกกับการทายว่าแต่ละฉากมาจากภาพยนตร์เรื่องอะไรบ้าง

2.ผู้กำกับภาพยนตร์ แลรี่ หยาง (หยางจื่อ) นับถือแจ็คกี้ ชานทั้งในฐานะแอ็กชันสตาร์ระดับปรมาจารย์และฝีมือการกำกับภาพยนตร์ เขาจึงเลือกที่จะนำเสนอผลงานเรื่องนี้เพื่อเป็นการคารวะผลงานของเฉินหลง ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา

3.“เจ้ากระต่ายแดง” หรือม้าคู่ใจของเฉินหลงในเรื่อง เป็นสายพันธุ์ “ม้าเซกเธาว์” ซึ่งเป็นม้าสายพันธุ์เดียวกับม้าศึกในวรรณกรรมชั้นเอกอย่าง สามก๊ก

4.เฉินหลง ยืนยันที่จะแสดงทุกฉากด้วยตัวเอง ถึงแม้จะต้องเสี่ยงอันตรายแค่ไหน แต่เขาไม่เคยขอให้ทีมงานลดความเสี่ยงในการถ่ายทำ เพราะเขาต้องการให้ทุกฉากสนุกสมจริงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

5.เฉินหลง ได้รับบาดเจ็บที่เท้าระหว่างถ่ายทำฉากที่เขาต้องใช้กำลังเท้ายกบันไดขึ้นมา และเกิดอุบัติเหตุตกม้าด้วย แต่ด้วยประสบการณ์ในหนังแอ็กชันมาโชกโชนทำให้เขาเอาตัวรอดมาได้อย่างปลอดภัย

6.เฉินหลง ต้องเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับม้าในเรื่อง ทั้งเล่นกับมัน ให้อาหารมัน เพื่อให้การเข้าฉาด้วยกันเป็นไปอย่างราบรื่น ทีมงานยังต้องระมัดระวังเรื่องของการใช้เสียงในการถ่ายทำด้วย เนื่องจากม้ามีโอกาสที่จะตื่นตกใจได้ง่ายถ้ามันได้ยินเสียงดัง