Resident Evil 7 DLC Not A Hero / End of Zoe [รีวิว / บทสรุปเนื้อเรื่อง]

 

 *** ขอขอบคุณร้าน Next Level ที่ช่วยอนุเคราะห์แผ่นเกมส์สำหรับใช้ในการรีวิวครั้งนี้ด้วยครับ***

 

Resident Evil 7 /Biohazard 7  Gold Edition

ประเภท : FPS / Survival
เครื่อง : Xbox One / PlayStation 4 / PC 
ผู้พัฒนา : Capcom
วันวางจำหน่าย : 12 ธันวาคม 2017

***บทความนี้มีสปอยล์เนื้อเรื่องในเกม***

 

“Resident Evil 7″ เป็นผลงานเกมจากทาง Capcom ที่สร้างเสียงฮือฮาในงาน E3 2016 ที่ผ่านมา ด้วยภาพลักษณ์ที่สยดสยอง ความกดดันที่ถาโถมใส่คนเล่นจนพาลหัวใจจะวายตายคาเครื่อง มีกำหนดลงให้ PC / PS4 / XboxOne และ PlayStation VR

 

ตัวเกมจะถูกนับเป็นภาคหลักของซีรี่ยส์ Resident Evil อย่างเป็นทางการ ที่เปลี่ยนรูปแบบการเล่นจากแนวยิงแหลกแจกกระสุนตั้งแต่ภาค 4-5-6 มาเป็นแนวสยองขวัญเอาตัวรอดเต็มสูบ ซึ่งพัฒนาภายใต้แนวคิด “opens the door to a trulty terrifying horror experience.” หรือ “เปิดประตูสู่ประสบการณ์สยองขวัญที่แท้จริง” และตัวเกมจะใช้เอนจิ้นตัวใหม่ที่ชื่อ “RE Engine” ในการพัฒนาซึ่งทำมาเพื่อซัพพอร์ทระบบ PlayStation VR  นั่นเอง

 

***เรื่องราวในภาค 7 หลัก สามารถอ่านได้ในบทความรีวิวเกม คลิก***

 

 

 

 

เนื้อเรื่อง DLC – Not A Hero 

คริส เรดฟิลด์ ( Chris Redfield) เจ้าหน้าที่หน่วย BSAA ได้รับการติดต่อจากบริษัท Blue Umbrella องค์กรอัมเบรลล่าที่จดทะเบียนบริษัทใหม่อีกครั้งที่หมายจะกวาดล้างสิ่งชั่วร้าย อาวุธชีวภาพต่างๆที่บริษัทอัมเบรลล่าในอดีตเคยสร้างไว้ ให้มาสะสางเรื่องราวคดีตระกูลเบเกอร์ และไวรัสสายพันธุ์ E-Series (เอฟเวอลีน) จนนำไปสู่การช่วยเหลือ “มีอา” และ “อีธาน วินเทอร์” กลับบ้านอย่างปลอดภัย…

 

หลังจากเข้าเคลียร์พื้นที่แล้ว คริสได้รับคำสั่งให้เข้าทำการสืบสวนบ้านเบเกอร์ และไล่ล่าตัวลูกชายคนโต “ลูคัส เบเกอร์” ที่มีส่วนในการดีลกับ บริษัทเวชภัณฑ์  TENTSU ต้นตอของความเลวร้ายในครั้งนี้ และเขากำลังหลบหนีไปทางเหมืองเกลือของตระกูลเบเกอร์ แต่ทว่าคริสต้องเจอกับเจ้าหน้าที่หน่วย Blue Umbrella ที่ถูกลูคัสวางกับดักสังหารโหดทีละคนๆ ตัวเองก็โดนกับระเบิดติดที่แขน แต่คริสก็สามารถปลดชนวนระเบิดได้

 

แต่สุดท้าย คริสก็ได้ดวลกับลูคัส และสังหารลูคัสลงได้ คริสได้ทำลายคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ทิ้งก่อนที่จะส่งข้อมูลของการวิจัยไวรัส กับบันทึกของลูคัส กลับไปยังบริษัท Tensu ลงสำเร็จ และเก็บหลักฐานบางส่วน ก่อนที่จะถูกเรียกตัวให้กลับฐานภายหลัง เป็นอันปิดคดีบ้านเบเกอร์ไป…

 

 

 

 

 

เนื้อเรื่อง DLC – End of Zoe

หลังจากที่อีธาน ได้เลือกที่จะมอบวัคซีนต้านไวรัส E-Series ให้กับมีอา ภรรยาของเขา ทำให้ โซอี้ ลูกสาวบ้านเบเกอร์ที่ยังพอจะเป็นผู้เป็นคนที่ฝากความหวังไว้กับวัคซีน ก็รู้สึกผิดหวัง และโกรธสองผัวเมียวินเทอร์มาก ม้ว่าอีธานจะรับปากกับโซอี้แล้วว่าจะส่งคนมาช่วยเธอ แต่โซอี้ก็ไล่สองคนนั้นออกไปให้พ้น และเธอก็เดินระหกระเหินไปในป่า และถูกจิตของเอเวอลีนกระตุ้นไวรัสในตัวของโซอี้จนกลายสภาพตกผลึกรอบตัวจนหมดสติไป 

 

โจ เบเกอร์ (Joe Baker) ลุงของโซอี้ก็เดินทางมาถึงบริเวณนั้นพอดีกันกับที่คนของ Blue Umbrella 2 คน กำลังปรึกษาว่าจะส่งโซอี้กลับฐานยังไง แต่ลุงโจไม่เสียเวลา จัดการซัดสองเจ้าหน้าที่ลงไปนอนกับพื้น และพาโซอี้กลับไปที่เซฟเฮ้าส์ในละแวกใกล้เคียง พร้อมกับจับคนของ Blue Umbrella ไปคนนึง เพื่อหวังจะรีดเอาข้อมูลที่จะช่วยหลานสาวสุดที่รักให้รอดจากไวรัสได้

 

ซึ่งคนของ Blue Umbrella ก็ได้บอกว่า จริงๆแล้วพวกเขามาเพื่อช่วยโซอี้ แต่ลุงโจหมัดเหล็กไม่เชื่อ และพยายามซักถามวิธีช่วยด้วยตัวเอง และในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ระบุว่า มันมีวัคซีนที่สามารถรักษาได้อยู่ในตัวของเจ้าหน้าที่ที่มาด้วยกัน แต่เมื่อโจได้วัคซีนจากศพของเจ้าหน้าที่มาแล้ว มันกลับไม่พอที่จะรักษาโซอี้ได้ ลุงโจจึงว่าจะออกตามหาเพิ่ม

 

แต่ทว่า “แจ๊ค เบเกอร์” พ่อของโซอี้ และน้องชายของโจ ที่น่าจะตายไปตั้งแต่การดวลกับอีธาน (ในภาคหลัก) ก็กลับมา และพยายามชิงตัวโซอี้ไปให้ได้ โจที่กำลังสับสน งุนงงกับเรื่องราวต่างๆ ก็มีแต่ต้องเดินหน้าต่อเพื่อรักษาชีวิตญาติเพียงคนเดียวที่โจเหลืออยู่…

 

ในขณะที่โจต้องออกเดินทางแกะรอยแจ๊คที่ลักพาตัวหลานสาวไป โจก็ถูกไล่ต้อนจากกลุ่ม Mold สิ่งมีชีวิตชีวภาพที่เกิดจากไวรัส E-Series แต่โชคดีที่ลุงโจไปเจอกับกล่องอาวุธ “สนับมือไฟฟ้า” ของเล่นใหม่จาก Blue Umbrella ในค่ายชั่วคราวของหน่วยพิเศษที่มาก่อนหน้า ทำให้โจมีพลังในการต่อกรกับพวกโมลด์ เพื่อชิงตัวหลานสาวสุดที่รักกลับมา

 

และในที่สุด สองพี่น้อง โจ และแจ๊ค ก็ต่อสู้กันในบ้านของตัวเอง โดยมีโซอี้ที่หายใจรวยรินรอการช่วยเหลืออยู่ ในตอนนี้ แจ๊คไม่อยู่ในสภาพของมนุษย์ที่มีสติแล้ว เขาเป็นเพียงสัตว์ประหลาดที่รอการดวลหมัดกับโจเท่านั้น และในที่สุดโจก็โค่นแจ๊คลงได้! และโจเองก็มีวัคซีนที่มากพอที่จะช่วยชีวิตโซอี้ได้

 

แต่หลังจากนั้นไม่นาน คริส เรดฟิลด์ ก็ปรากฏตัว พร้อมกับลูกน้องล้อมทั้งสองคนนี้ไว้ แต่สุดท้ายแล้ว คริส ก็พาโซอี้ และโจไปรักษาพยาบาล ตามคำขอของอีธานที่รอดไปก่อนหน้า 

 

อีธานโทรมาหาโซอี้ และบอกว่าเขาทำตามที่รับปากว่าจะพาคนมาช่วยจริงๆ ในตอนนี้ โจ กับ โซอี้ปลอดภัยแล้ว…

 

อวสาน

 

 

 

 

 

DLC อื่นๆที่แถมมาในแผ่น Gold Edition

Banned Footage Vol. 1: Bedroom

เนื้อเรื่องของ DLC นี้ผู้เล่นจะต้องหนีจากการตามหาของมาการ์เรตให้ได้

 

Banned Footage Vol. 1: Nightmare 

สู้กับเหล่าบรรดากองทัพ โมลด์ ที่หมายจะกระซวกไส้ผู้เล่น แน่นอนว่าเราต้องยันพวกมันให้ได้จนถึงเช้า

 

Banned Footage Vol. 1: Ethan Must die

ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นอีตาลุงเบเกอร์ ไล่วางกับดักโดยไม่ให้อีธานรอดออกไปจากบ้านหลังนี้

 

Banned Footage Vol. 2: 21

เกมไพ่แบล็คแจ๊คนัดพิเศษ ดวลกับลูคัสด้วยเกมไพ่ ที่ผู้แพ้จะต้องสูญเสียบางอย่าง

 

Banned Footage Vol. 2: Daughters

เรื่องราวอันแสนเศร้าของครอบครัวเบเกอร์ ที่ต้องทนทุกข์กับการถูกล้างสมองโดยเอเวอลีน เล่ารื่องผ่านทางโซอี้ ตามไปอ่านได้ที่ ลิ้งค์ 

 

Banned Footage Vol. 2: Jack’s 55th Birthday

โหมดเอาฮา ที่ผู้เล่นจะต้องวิ่งหาอาหาร พร้อมกับเคลียร์ฝูงศัตรูในบ้าน แล้วเอามาให้อีตาลุงแจ๊คในเวลาที่กำหนด

 

 

 

Gameplay

ทีมพัฒนาระบุว่าตัวเกม จะกลับไปเป็นสิ่งที่ Resident Evil ควรจะเป็น นับตั้งแต่ภาคแรกออกวางขายในปี 1996 นั่นก็คือ “การเป็นเกมสยองขวัญขนานแท้” มีการแก้ปริศนา บรรยากาศที่สมจริง แต่นั่นไม่ใช่กับ DLC ทั้งสองตัวที่มีเนื้อเรื่องขยายความนี้ เพราะใน DLC ชุดนี้ คือความบันเทิง สยองขวัญ + แอคชั่นบ้าพลัง สาดกระสุน ต่อยผีตายซากให้ดับได้แบบไซตามะวันพันช์แมนกันเลย! ส่วนระยะเวลาในการเล่น DLC1 ทั้งสองตัวนี้ก็ใช้เวลาราวๆ 4 ชม. (อย่างนานที่สุด) ก็สามารถเคลียร์เกมได้แล้ว…

 

คริส มาพร้อมกับปืนกล ปืนพก และแรงควายที่พร้อมจะกระแทกใส่หน้าโมลด์ทุกตัวที่ชวางหน้า ยิงกันมันส์สะใจ!

 

ในขณะที่ลุงโจ จะเน้นการคราฟท์อาวุธพวกหอกไม้ การหากระสุนลูกซอง แต่อาวุธที่ดีที่สุด และเอาชนะทุกสรรพสิ่งในเกมนี้ก็คือ หมัดของลุงโจนี่แหละ ไม่รู้แกไปทำอะไรมา ต่อยหัวหลุด อย่างโหด!!

 

 

 

 

Game Rank B Score 8/10

เนื้อเรื่อง 2/3      งานภาพ 3/3    เกมเพลย์ 2/3    ความชอบส่วนตัว 1/1

เป็นแผ่นที่คุณควรซื้อ ถ้ายังไม่มีภาคหลัก และอยากเล่น DLC ครบๆ แต่ถ้าไม่ ก็ปล่อยผ่านไปเลย 

 

ในแผ่น Gold Edition เหมือนทำมาเพื่อเป็นการรักษามูลค่าของแบรนด์ Resident Evil ให้ยังอยู่ในตลาดไปอีกซักพัก เพราะตัวเกมออกมาตั้งแต่ต้นปี และมีการถกเถึยงเรื่องตัวละครอย่าง คริส เรดฟิลด์ ว่าเป็นตัวจริง ตัวปลอม มโนกันไปเรื่อย จนกระทั่งทาง Capcom ได้ประกาศ DLC Not a Hera ก็ยิ่งทำให้เกิดความอยากรู้เข้าไปอีก 

 

แต่เมื่อตัวเกมไปปล่อย DLC ไปแล้ว ในส่วนเนื้อเรื่อง เราแทบจะไม่กระเตื้องอะไรเลย นอกจากการรับรู้ว่า นี่คือ “คริสตัวจริง” (จากการใช้เทคโนโลยีสแกนใบหน้านักแสดงที่มารับบทคริส) ส่วนการมาของ Blue Umbrella ก็มาเป็นแค่เอกสารเท่านั้นว่ามีองค์กรนี้มาได้ยังไง เป้าหมายคืออะไร ไม่มีอะไรในเนื้อเรื่องที่เป็นรูปธรรมกว่านี้ ส่วน DLC End of Zoe น่าจะเป็นฉากจบที่แท้จริงของเกม RE7 เลยก็ว่าได้ แม้ว่าตัวเกมจะส่ง “ลุงโจหมัดเหล็ก” เข้ามาเป็นตัวเดินเรื่องด้วยความบ้าพลังแทน ทุกอย่างลงเอยด้วยดี และเติมเต็มเนื้อเรื่องให้สมบูรณ์พอสมควร

 

 

เกมเพลย์ของ DLC ทั้งสองตัวนี้แตกต่างจากภาคหลักอย่างมาก เพราะในภาคหลัง เราเล่นเป็น อีธาน  มนุุษย์เงินเดือนออกตามหาเมีย บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยความไม่รู้ ความอึดอัด และไร้ทางสู้ (แม้ว่าช่วงหลังๆยิงกันบ้าพลังก็ตาม) แต่กับเกมเพลย์ของ Not a Hero กลับตรงกันข้าม มันคือเกมแอคชั่นเดินหน้ายิงแหลก แถมแก้ปริศนาเล็กน้อย อารมณ์เหมือนเล่น DOOM มากกว่า

 

ส่วน End of Zoe ก็เอาซะเว่อวังเลย ให้สมฉายา “ลุงโจหมัดเหล็ก” พี่แกจะเดินไปต่อยเหล่าโมลด์ด้วยมือเปล่าๆอย่างเมามันส์ แม้ว่าจะมีปืนให้ใช้ แต่หมัดลุงโจก็หนักกว่าอยู่ดี กลายเป็นเกม“แอบตลก” ในโทนเรื่องที่ซีเรียสไปเลยซะงั้น…

 

ส่วนงานภาพก็ตามมาตรฐาน คงไม่ต้องซุยอะไรเยอะ เพราะมัะนก็ใช้ของภาคหลักมาทำนั่นเอง เอาเป็นว่าแผ่นนี้ เหมาะกับคนที่ยังไม่ได้ซื้อภาคหลักมาเล่น หรือคนที่ขายแผ่นภาคหลักไปแล้ว และอยากเล่นอีก แถมมี DLCครบๆ ในราคาที่โคตรถูกแบบนี้ (1250 บาท) ก็น่าสนใจครับ!

 

แอดมิน AK47

 

 

Trailer