อุปกรณ์ในคอมพิวเตอร์ที่มีส่วนช่วยในการประมวลผลนั้นนอกจาก CPU แล้ว “แรม” (RAM) เองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะความรวดเร็วในการโอนถ่ายและรับส่งข้อมูลจำเป็นต้องมีตัวช่วยในเรื่องของการจัดเก็บไปพร้อมๆ กันด้วย
บทความนี้จะขอนำเสนอ “แรมกับการใช้งานทางคอมพิวเตอร์” หากใครอยากรู้ก็สามารถอ่านเนื้อหากันได้เลย
แรมคืออะไร?
แรม หรือภาษาอังกฤษคือ RAM เป็นคำย่อมาจาก Random Access Memory เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ในคอมพิวเตอร์สำหรับใช้เป็นหน่วยความจำสำรองที่ใช้งานเกี่ยวกับการอ่านค่าและบันทึกข้อมูลต่างๆ แบบสุ่ม ก่อนจะถูกส่งไปประมวลผลยังตัว CPU ทั้งนี้เพื่อเป็นการอ่านและบันทึกข้อมูลที่รวดเร็วนั่นเอง
ซึ่งแรมมีหน้าที่ในการบันทึกข้อมูลต่างๆ อยู่ตลอดเวลา และข้อมูลจะหายไปทันทีเมื่อมีการปิดการงานคอมพิวเตอร์ลง
ส่วนประกอบโดยหลักๆ ของแรม
ในแรมหนึ่งตัวจะมีส่วนประกอบหลักอยู่ 4 ส่วนคือ…
1. Input Storage Area เป็นพื้นที่ในการรับข้อมูลจากอุปกรณ์ภายนอกเครื่องอย่าง เมาส์ คีย์บอร์ด หรือ แฟลชไดร์ฟ โดยต้องส่วนนี้จะถูกเก็บไว้เพื่อส่งต่อไปยังตัว CPU เพื่อประมวลผลของข้อมูล
2. Working Storage Area เป็นพื้นที่สำหรับจัดเก็บข้อมูลในระหว่างรอการประมวลผลของ CPU
3. Output Storage Area เป็นพื้นที่สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลจาก CPU แล้วและยังอยู่ในระหว่างรอส่งผลการประมวลดังกล่าวกลับคืนสู่โปรแกรมชุดคำสั่งที่ส่งมา
4. Program Storage Area เป็นพื้นที่ในส่วนที่ใช้เก็บชุดคำสั่งที่ผู้ใช้งานต้องการจะส่งเข้ามา ทำหน้าที่เป็นหน่วยควบคุมเพื่อดึงคำสั่งออกมาเป็นข้อๆ ว่าต้องทำอะไรบ้าง จากนั้นหน่วยควบคุมจะไปควบคุมฮาร์ดแวร์ที่ต้องการทำงานดังกล่าวให้ทำงานตามคำสั่งที่ต้องการให้ทำนั่นเอง
ประเภทของแรมมีอะไรบ้าง?
ในปัจจุบันแรมที่ใช้งานกับคอมพิวเตอร์มีอยู่สองประเภทใหญ่ๆ คือ
SDRAM (Synchronous Dynamic Random Access Memory)
เป็นแรมที่ใช้รอบการทำงานของสัญญาณนาฬิกา (Clock) ใน 1 รอบจะทำงาน 1 ครั้ง และเป็นการทำงานของช่วงสัญญาณนาฬิกาเฉพาะขาขึ้นเท่านั้น
DDR SDRAM (Double Data Rate SDRAM)
เป็นแรมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน พัฒนามาจาก SDRAM ที่สามารถส่งการโอนถ่ายข้อมูลทั้งขาขึ้นและขาลงพร้อมๆ กันได้ในครั้งเดียว ซึ่งสำหรับ DDR SRAM นั้นที่มีความถี่สัญญาณนาฬิกาอยู่ที่ 100 MHz และมีการส่งข้อมูลสูงสุดมากถึง 1600 MB ต่อวินาที
รูปเปรียบเทียบของแรมแบบ DDR
ในปัจจุบัน แรมแบบ DDR ถูกนำมาใช้งานแทนที่แรมแบบSDRAMซึ่งให้ค่าของ Bandwidth หรือการส่งผ่านข้อมูลที่สูงกว่านั่นเอง แรมแบบ DDR ในท้องตลาดที่วางขายอยู่แบ่งออกเป็น DDR2, DDR3 และ DDR4 โดยในแต่ละแบบก็จะต่างกันตามขนาดของหน่วยความจุของแรมด้วย
การเลือกซื้อแรมสำหรับการใช้งาน
ในการใช้งานคอมพิวเตอร์นั้น การมีหน่วยประมวลที่เยอะจะช่วยให้การทำงานของคอมพิวเตอร์เร็วขึ้น ยกตัวอย่างเช่นคอมพิวเตอร์สำหรับการเล่นเกม… ตัวเกมจะระบุความต้องการในการลงเกมและเข้าเล่น ซึ่งถ้าคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานมีแรมที่มีความจุสูง ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพการประมวลผลของเกมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า CPU ที่ใช้งานเป็นสเปคระดับได้ด้วย ตัวอย่างเช่น CPU แบบ Core i3,i5,i7 จะใช้แรมแบบ DDR3 ทั้งหมด
วิธีการดู Slot PCI ในการใส่แรมแบบต่างๆ ของเมนบอร์ด
ส่วนในการติดตั้งแรมก็ให้ดูว่า Slot ของเมนบอร์ดรองรับการติดตั้งของแรมชนิดไหน รวมถึงมี Slot ใช้งานกี่แถว ซึ่งการใช้แรมที่มีขนาดและความเร็วที่ไม่เท่ากัน ก็อาจจะทำให้คอมพิวเตอร์มีความไม่เสถียร และอาจเกิดอาการแฮงค์จนคอมดับได้เช่นกัน ดังนั้นถ้าเป็นการใช้งานในกรณีที่เป็นแรมใหม่ ก็ให้เลือกความจุที่เยอะที่สุดไปเลยและใส่ให้น้อยแถวที่สุดเท่าที่ควรจำเป็น
แต่หากคอมพิวเตอร์ไม่ได้มีไว้ในการเล่นเกมหรือใช้ทำงานที่ต้องใช้กราฟฟิกเป็นหลักแล้ว การมีแรมเยอะก็อาจจะไม่ค่อยมีความจำเป็นมากมายอะไรนัก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งานนั่นเอง…
@Save สาย Pay
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console