ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมเกมเต็มไปด้วยกระแส รีเมคและ รีบูต …มีแฟรนไชส์ในตำนานมากมายต่างได้รับโอกาสในการกลับมาทวงพื้นที่ในความทรงจำของเกมเมอร์รุ่นใหญ่อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Resident Evil, Dead Space หรือแม้กระทั่ง Silent Hill ที่หวนกลับมาในรูปแบบที่ทั้งทันสมัยและซื่อสัตย์ต่อต้นฉบับจนคว้างรางวัลมาแล้วมากมาย…
ล่าสุด มี “ข่าวลือ” ที่เริ่มจะส่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ ว่า “Prototype” เกมแอ็กชันโอเพนเวิลด์สุดเดือดจากยุค Xbox 360 และ PS3 อาจเป็นชื่อถัดไปที่กำลังจะได้กลับมาสร้างความปั่นป่วนในมหานครที่เต็มไปด้วยเชื้อไวรัสอีกครั้ง
Prototype: เมื่อความโกรธกลายเป็นพลังทำลายล้าง
Prototype วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2009 โดย Radical Entertainment และจัดจำหน่ายโดย Activision ตัวเกมสร้างความโดดเด่นทันทีด้วยโทนเรื่องราวที่ดาร์กและระบบเกมเพลย์ที่แปลกใหม่
ผู้เล่นได้รับบทเป็น Alex Mercer ชายผู้ตื่นขึ้นมาโดยไร้ความทรงจำและพบว่าตนเองมีพลังเหนือมนุษย์ที่สามารถกลืนกินสิ่งมีชีวิตเพื่อดูดซับความสามารถและรูปลักษณ์ได้ นำไปสู่การต่อสู้เอาชีวิตรอดในเมืองแมนฮัตตันที่กลายเป็นเขตกักกันของไวรัส “Blacklight”
สิ่งที่ทำให้ Prototype แตกต่างจากเกมโอเพนเวิลด์อื่นในยุคนั้น คือความรู้สึกอิสระในการเคลื่อนไหวอย่างกับซูเปอร์ฮีโร่ เพียงแต่เป็นในรูปแบบของสิ่งมีชีวิตสุดอำมหิต บ้าคลั่ง และเป็นจอมทำลายที่เข้าขั้นไร้เทียมทาน ผสมผสานกับการแปรสภาพของร่างกายเป็นอาวุธต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นใบมีดยักษ์ กำปั้นเหล็ก หรือกงเล็บขนาดมหึมา เกมให้ผู้เล่นรับบทเป็นทั้งผู้ล่าและเหยื่อในเวลาเดียวกัน สร้างความรู้สึกเข้มข้นที่หาได้ยากในเกมแนวเดียวกัน
แม้จะถูกวิจารณ์เรื่องความซ้ำซากของฉากเมืองและระบบภารกิจที่ยังไม่หลากหลาย แต่ด้วยแนวคิดที่แปลกใหม่ การเล่าเรื่องผ่านสายตาของมนุษย์ที่กลายเป็นอสูร และเกมเพลย์ที่เร้าใจ Prototype ก็ยังสามารถทำยอดขายได้กว่า 2.1 ล้านชุดภายในไม่กี่ปี และกลายเป็นเกมขวัญใจกลุ่มผู้เล่นที่หลงใหลในความรุนแรงแบบสุดขั้ว
ภาคต่อ และการหายตัวไปอย่างเงียบงัน
ปี 2012 Activision ได้ปล่อย Prototype 2 ซึ่งคราวนี้ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น James Heller อดีตทหารที่สูญเสียครอบครัวเพราะไวรัส และเชื่อว่า Alex Mercer คือผู้อยู่เบื้องหลัง เขาจึงกลายเป็นตัวละครหลักที่ออกตามล่า Mercer ด้วยพลังที่ได้รับจากไวรัสชนิดเดียวกัน
แม้ Prototype 2 จะได้รับคำชมในด้านระบบการต่อสู้ที่ลื่นไหลขึ้น เมืองที่ดูมีชีวิตชีวามากกว่า และเนื้อเรื่องที่ตรงไปตรงมา แต่ยอดขายกลับไม่เข้าเป้าเท่าที่คาดไว้ ส่งผลให้ Radical Entertainment ถูกลดขนาดกลายเป็นทีมสนับสนุน และซีรีส์ Prototype ก็หายไปจากวงการเกมนับแต่นั้น
Remake ที่ ลือว่าทำอยู่?
แม้เวลาจะผ่านมากว่าทศวรรษ ชื่อของ Prototype ก็ยังคงถูกพูดถึงเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะในหมู่แฟนเกมที่เติบโตมากับยุค PS3/Xbox 360 และในช่วงปี 2025 ที่กระแสรีเมคกำลังเฟื่องฟู ข่าวลือเกี่ยวกับการคืนชีพของ Prototype ก็เริ่มปรากฏในแหล่งข่าวเกมต่างประเทศบางแห่ง โดยมีการอ้างอิงถึงการเคลื่อนไหวภายในของ Activision ที่อาจกำลังมองหาโอกาสรีบูตแฟรนไชส์ในคลัง
หากการรีเมคเกิดขึ้นจริง นี่จะเป็นโอกาสทองในการใช้ขุมพลังกราฟิกและเทคโนโลยีเกมในปัจจุบันยกระดับประสบการณ์ของ Prototype ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแมนฮัตตันที่มีความสมจริงในระดับ AAA ระบบการต่อสู้ที่ลื่นไหล ปรับสมดุลได้ดีขึ้น หรือแม้แต่การขยายโลกของ Blacklight Virus ให้กว้างขวางและซับซ้อนมากขึ้น
นอกจากนี้ ความสำเร็จของเกมรีเมคสายดาร์กอย่าง Dead Space หรือ Resident Evil ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเกมที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอึดอัดและธีมไซไฟ–สยองขวัญยังคงมีที่ยืนในตลาด และ Prototype เองก็มีดีเอ็นเอที่เหมาะกับยุคสมัยนี้อย่างเต็มที่
นับตั้งแต่ภาคแรกจบลง แฟน ๆ ต่างตั้งคำถามกับชะตากรรมของ Alex Mercer และศักยภาพของจักรวาล Blacklight ที่ยังถูกเล่าไปเพียงผิวเผิน การรีเมคอาจไม่ใช่แค่การปรับภาพกราฟิก แต่คือโอกาสในการ “สร้างใหม่” ทั้งโครงสร้างของโลก ตัวละคร และแม้แต่ทิศทางของเนื้อเรื่องที่สามารถเชื่อมโยงไปยังภาคต่อได้อีกครั้ง
คำถามคือ Activision พร้อมหรือยังที่จะให้โอกาสเกมที่เคยถูกมองว่าเป็นรอง Infamous และถูกทิ้งไว้กลางทาง ได้กลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้งในฐานะเกมไซไฟโอเพนเวิลด์ยุคใหม่?
โอเพนเวิลด์ในยุคที่ความใหญ่ไม่พอ ต้องลึกและมีน้ำหนัก
การนำ Prototype กลับมาในยุคปัจจุบัน ไม่ได้หมายถึงแค่การเพิ่มกราฟิกให้สวยขึ้น หรือทำให้เมืองสมจริงกว่าเดิม แต่ต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงเชิงวัฒนธรรมในอุตสาหกรรมเกมอย่างชัดเจน
ปัจจุบัน เกมโอเพนเวิลด์ไม่ได้แข่งขันกันที่ความมันส์ หรืออิสระเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นการแข่งขันในด้าน “ความหมาย” ของเรื่องราว บทสนทนาที่ลึกซึ้ง ตัวละครที่ซับซ้อน และการออกแบบโลกที่ต้องสื่อสารแนวคิดบางอย่างให้ผู้เล่นซึมซับได้ เช่น Cyberpunk 2077, Red Dead Redemption 2, หรือแม้แต่ Assassin’s Creed Shadows ที่กำลังดราม่า และวางขายอยู่ตอนนี้ ต่างชูประเด็นวัฒนธรรม บาดแผลทางประวัติศาสตร์ และการตั้งคำถามต่อศีลธรรม
แต่ Prototype กลับยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามในหลาย ๆ ด้าน—มันเป็นเกมที่ยึดเอา “พลังเหนือมนุษย์” /”ไซไฟ “/ “แฟนตาซี” และ “การทำลายล้าง” มาเป็นแก่นกลางของประสบการณ์ ยิ่งฆ่า ยิ่งโหด ยิ่งสนุก นั่นคือเสน่ห์ของมันในยุค 2009
คำถามคือ… เสน่ห์แบบนั้นจะ “ไปต่อ” ได้หรือไม่ในยุคที่เนื้อหารุนแรงถูกตรวจสอบหนักกว่าเดิม?
อีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญคือ ระบบการจัดเรตและการเซ็นเซอร์ที่เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเกมเน้นภาพการกลืนกินร่างคน, การแปลงสภาพของมนุษย์เป็นอาวุธมีชีวิต หรือการไล่ล่าสังหารกลางเมืองพลุกพล่าน ซึ่งอาจขัดต่อแนวทางของหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย, จีน, เยอรมนี หรือแม้แต่ญี่ปุ่น ที่มักมีการปรับลดฉากโหดให้สอดคล้องกับกฎหมายในประเทศ
แม้เกมจะสามารถใส่ตัวเลือก “ลดความรุนแรง” หรือสร้างฉากทางเลือกที่เบาลงได้ แต่คำถามคือ ถ้าจุดขายหลักของ Prototype คือ “พลังอันป่าเถื่อน” แล้วการปรับลดเหล่านั้นจะทำให้มันสูญเสียเอกลักษณ์ไปหรือไม่?
แถมยุคที่ Prototype วางขายครั้งแรก ผู้เล่นยังเปิดใจกับเกมที่ “เล่นสนุกแต่ไม่ต้องลึกซึ้ง” ได้ง่ายกว่า แต่ยุคปัจจุบันที่โซเชียลมีเดียมีบทบาทสูง การรีวิวเชิงวิเคราะห์กลายเป็นมาตรฐาน และเกมที่มี “แค่ระบบสนุก” อาจอยู่ในกระแสได้ไม่นานถ้าไม่มี “ประเด็นให้พูดถึง”
นั่นทำให้แอดมินมองว่า หากจะรีเมค Prototype ในยุคนี้ อาจไม่พอที่จะเป็นเกมโหด มันส์ สะใจอีกต่อไป ทีมพัฒนาจะต้องสร้าง “บริบท” ให้กับความรุนแรงนั้น เช่น ทำไม Alex จึงต้องกลืนกิน? /โลกใบนี้กำลังพูดถึงอะไร? /การเป็นมนุษย์กลายพันธุ์หมายถึงอะไรในเชิงสัญลักษณ์?
นั่นอาจเป็นทางรอดที่ทำให้ Prototype กลายเป็นมากกว่าภาครีเมค แต่กลายเป็น “การตีความใหม่” ของจักรวาลไซไฟยุคมืดที่ยังคงมีพลังอยู่เสมอ
กล่าวคือ ในวงการเกมยุคปัจจุบัน การทำเกมแนวโอเพนเวิลด์ไม่ใช่แค่การสร้างแผนที่ขนาดใหญ่หรืออิสระในการเคลื่อนไหวอีกต่อไป หากผู้เล่นต้องการตวาม “ลึก” และ “มีเป้าหมาย” มากกว่าเดิม แม้ Prototype จะเคยโดดเด่นด้วยความรุนแรงและอิสระสุดขั้ว แต่ในยุคนี้ ที่เกมแอ็กชันโอเพนเวิลด์มีตัวเลือกหลากหลาย และแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ การกลับมาอีกครั้งย่อมไม่อาจพึ่งพาความมันส์แบบ “ถอดสมองเล่น” ได้อีกต่อไป
หากแต่ต้องยกระดับประสบการณ์ใหม่ให้สมกับความคาดหวัง ทั้งในแง่ของการออกแบบโลกที่มีชีวิต ระบบการเล่นที่มีชั้นเชิง และเนื้อหาที่มีน้ำหนักมากพอจะสื่อสารกับผู้เล่นอย่างจริงจัง
เพราะอย่างที่เราเคยรีวิวเกมไปหลายๆครั้ง เราได้อ่านคอมเม้นท์แฟนๆเพจเรา ก็สามารถบอกได้เลยว่า “คนเล่น แค่เล่นสนุกมันไม่พอแล้วจริงๆ” ยังต้องตอบได้ว่า “เนื้อเรื่องสนุกไหม คุ้มค่าจ่ายหรือไม่?”
เพราะเกมในยุคหลังจากนี้ อาจจะมีราคาพุ่งสูงถึง 3000 บาท นั่นทำให้เ้กมเมอร์หลายคนคิดหนักกว่าการเล่นเอามันส์ไปแล้ว…
และนี่อาจเป็นบททดสอบสำคัญของ Prototype หากคิดจะกลับมาทวงพื้นที่ในตลาดเกมที่แข่งขันกันดุเดือดกว่าที่เคย
และในวันที่เกมยุคเก่ากำลังได้รับการชุบชีวิตใหม่ … Prototype ก็อาจถึงเวลาที่จะกลายร่าง จากตำนาน สู่เกมแอ็กชันที่ผู้เล่นรุ่นใหม่ และรุ่นเก่าจะได้สัมผัสร่วมกันอีกครั้ง หรือไม่ยังไงนั้น…
โปรดติดตามต่อไปครับ!
แอดมิน AK47
ที่มา
gamerant insider-gaming xboxera
#PrototypeRemake #Prototype #PrototypeRevival
#Activision #OpenWorldGames
#เกมรีเมค #เกม
-
ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี 28 : ปริศนาภาพติดตามรณะ [ฉายไทย / เรื่องย่อ /ตัวอย่าง]
Detective Conan The Movie 28: One-Eyed Flashback ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี 28 | ปริศนาภาพติดตามรณะ รอบพิเศษ 19 – 23 เมษายน 2568 (Paragon Cineplex) กำหนดเข้าฉายรอบปกติ 24 เมษายน 2568 ในโรงที่ร่วมรายการ แฟน ๆ ยอดนักสืบจิ๋วโคนันเตรียมตัวให้พร้อมกับ Detective Conan The Movie 28: One-Eyed Flashback หรือชื่อภาษาไทย ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี 28 | ปริศนาภาพติดตามรณะ ซึ่งมีกำหนดเข้าฉายในประเทศไทยช่วงเดือนเมษายน 2568 โดยจะมีรอบพิเศษระหว่างวันที่ 19 – 23 เมษายน 2568 ที่ Paragon Cineplex ก่อนเข้าฉายในรอบปกติวันที่ 24 […]
-
[REVIEW] BEYBLADE X : X Over Project 10th Anniversary Beyblade Burst : Xeno Xcalibur
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand #ベイブレードX
-
Mario Kart World [Switch2 / ราคา / วันวางขาย / คุ้มไหมถ้าจะซื้อ]
#อัพเดท #นินเทนโด