จากโลกของวิดิโอเกมที่ขับเคี่ยวอย่างดุเดือดในช่วงยุค 90 หลายๆค่ายต่างพัฒนาเครื่องเล่นเกมของตัวเองออกมา ทั้งทาง นินเทนโด (เครื่องฟามิคอม /เครื่องซูเปอร์ฟามิคอม /เครื่องเกมบอย) , SEGA (เครื่อง Mega Drive / เครื่อง GameGear), SNK (เครื่อง Neo – Geo) หรือแม้กระทั่ง Panasonic (เครื่อง 3DO) และส่งเกมสุดมันส์เป็นตำนานมากมาย

จนกระทั่งกลางยุค 90 โลกได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า เครื่องเล่น CD เป็นครั้งแรกที่แพร่หลายอย่างจริงจัง และเริ่มบุกตลาด “บริษัทนินเทนโด” จึงตื่นตัวเป็นเจ้าแรก ด้วยการเข้าเจรจาธุรกิจกับทาง SONY หรือ โซนี่ ในการผลิตเครื่องเล่นรุ่นใหม่ล่าสุดที่หมายมั่นจะพลิกวงการด้วยการให้ภาพ และระบบประมวลผลที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ในชื่อ “ SNES-CD ” เครื่องเล่น CD เกมตัวต้นแบบ!

แต่ทว่าในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ทางฝั่ง SEGA ที่เป็นคู่กัดตลอดกาลของนินเทนโดในยุคนั้น ก็ริเริ่มที่จะทำเครื่องเล่น CD ที่สามารถประกอบเข้ากับเครื่องเดิมของเขาในชื่อ Mega CD ทำให้ยิ่งร้อนรนเข้าไปอีก ทำให้ทางนินเทนโด ตัดสินใจฉีกสัญญากับทางโซนี่ และให้ บริษัท Phillip เป็นผู้สร้างระบบ CD ที่ว่า (ใช่ครับ หลอดไฟฟิลลิปส์นั่นแหละ) แต่ทางฟิลลิปส์เองก็ไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น เพราะมัวแต่ไปทำเครื่องเล่น CD ของตัวเองอยู่ โปรเจคท์ก็เลยพับหายไปนับแต่นั้น

ทำให้บริษัทโซนี่ที่หวังจะสร้างชื่อเจาะตลาดกลุ่มเกมนั้นไม่เหลือใครเป็นที่ปรึกษา ผลงานวิจัยและพัฒนาถูกยกเลิกกลางอากาศ เท่ากับว่าต้องต่อสู้ในสมรภูมิการตลาดเกมเพียงลำพัง แต่ความเจ็บใจ ทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะปลุกชีพSNES-CD ในชื่อดั้งเดิมออริจินอลว่า “Playstation” ด้วยสิ่งที่โซนี่มีอยู่ในมือ…เทคโนโลยี และ ทุนหนุนหลังจากบริษัทแม่ที่หนาปึ้ก! ซึ่งทางนินเทนโดเอง ก็ได้ฟ้องร้องขอให้ศาลสั่งให้โซนี่ระงับการพัฒนา แต่ศาลไม่รับฟ้อง ทำให้เดินหน้าต่อไป…

และในวันที่ 3 ธันวาคม 1994 ก็เป็นวันที่ทางโซนี่ได้ส่ง “เทคโนโลยีประมวลผลแบบโพลีก้อนอย่างเต็มรูปแบบ” ที่ชื่อว่า เครื่องเล่นเกม “Playstation” ออกมาในที่สุด!

PS1
วางขายครั้งแรก
ญี่ปุ่น 3 ธันวาคม ค.ศ. 1994
อเมริกา1 กันยายน ค.ศ. 1995

ยอดขาย 102.49 ล้านเครื่อง (นับถึง มีนาคม 2010)

เป็นเครื่องเกมที่ถือว่าเป็นประตูสู่การทำเกมยุคใหม่ แม้ว่าเครื่อง Playstation จะไม่ใช่เครื่องเล่นตัวแรกที่ใช้ CD เป็นตัวบรรจุเกม แต่มันเป็นเครื่องที่ “ตอบโจทย์นักพัฒนาเกม” เพราะพวกเขา “สามารถถ่ายทอดจินตนาการ” และ “ความสนุก” ควบคู่กันไปกับงานภาพของเครื่อง

แม้ว่าหลังจากนั้นไม่กี่ปี ทาง SEGA ก็ผลิตเครื่องเกมออกมาที่ชื่อว่า SEGA SATURN แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว

นอกจาก PS1 ตัวอ้วนหนาแล้ว ยังมีรุ่นพิเศษที่เรียกว่ารุ่น PSone ที่เครื่องเล็กกว่า ตัดระบบระบายความร้อนออก และเน้นหดทุกอย่างเอาไว้ในเครื่องทรงกะทัดรัดแทน

เกมดังๆ
Resident Evil , Tekken , Rockman 8 , Rockman X4-5-6, Tomb Raider, Final Fantasy VII/VIII/IX, Castlevania: Symphony of the Night, Silent Hill, Metal Gear Solid, Crash Bandicoot, Gran Turismo, Chrono Cross, Twiated Metal และอีกมากมาย

PS2
วางขายครั้งแรก
ญี่ปุ่น 4 มีนาคม 2000
อเมริกา 26 ตุลาคม 2000

ยอดขาย 143.8 ล้านเครื่อง (นับถึง มีนาคม 2010)

เมื่อ CD ไม่พอต่อการยัดคอนเท้น และจินตนาการของผู้สร้างเกม และเกมเมอร์ที่ต้องการความสวยงามไปอีกขั้น การมาของ PS2 ในช่วงปี 2000 (หลังคาเมนไรเดอร์คูก้าออกฉายได้ไม่นานนัก 55+) ก็ทำเอาเกมเมอร์ลุกฮือต่อคิวซื้อกันอย่างบ้าคลั่ง กางเต้นท์นอนรอหน้าห้างย่านอากิฮาบาระกันเลย

เมื่อกระแสแรง ก็ต้องคู่กับอาการ “ขาดของ” ทำให้เหล่าพ่อค้าที่มีของในมือพากันปั่นราคาให้เครื่องมันแพงขึ้น ใครอยากเล่นก็เปย์กันในราคาเกือบ18kบาทกันเลย (ยังไม่แปลงเล่นก๊อบด้วยนะ) แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก ตัวเครื่องก็ถูกผลิตซ้ำอีกครั้งจนของเพียงพอต่อความต้องการตลาดทั่วโลก และออกรุ่นสองออกมา เป็นรุ่นสลิม ตามสูตรของโซนี่เขานั่นเอง

ซึ่งในช่วงนั้น คู่แข่งอย่าง Microsoft ก็ส่งเครื่อง XBOX อ้วนดำ มาแข่งขัน โดยเอาเกมต่อสู้สายหื่นอย่าง DOA มายั่วให้อยากอีกด้วย แต่ยอมรับว่า เจ้า Xอ้วนดำ ทำตลาดในบ้านเราไม่ค่อยดีนัก สู้ PS2 ไม่ได้จริงๆ!

และตอนนี้ยังมีคนที่เล่นเครื่องนี้อยู่…ไม่เชื่อไปดูที่ร้านในตึกเมก้าสะพานเหล็กได้ พวกเอามาขายกันเพียบ แต่ขอโทษ…“เครื่องบิลด์” (ยำอะไหล่) แปลงเล่นก๊อบเกินครึ่งนะครับ งานนี้ใครอยากเล่นก็ตาดีๆดูละเอียดๆหน่อยละกัน

เกมดังๆ
God of War 1- 2 , GTA III – Vice City- San Andreas, Final Fantasy X, Devil May Cry, Suikoden series, Metal Gear Solid 2/3, Silent Hill series , Kingdom Hearts I/II, Gran Turismo 3: A-Spec และ BLACK เกมเดินหน้ายิงที่ดีที่สุดของระบบนี้ (ด้วยระบบเสียง 5.1 +งานภาพที่สวยล้ำมากในสมัยนั้น) และอื่นๆอีกมากมาย

PS3
วางขายครั้งแรก
ญี่ปุ่น 11 พฤศจิกายน 2006
อเมริกา 17 พฤศจิกายน 2006

ยอดขาย 37.5 ล้านเครื่อง (นับถึง มีนาคม 2010)

และเมื่อ DVD ก็ไม่พอ!! คราวนี้ โซนี่งัดของโหดเลย กับการมาของแผ่น Blu-Ray Disc ที่จัดว่าจุได้เยอะมาก เพราะตัวแผ่นนั้นสามารถแบ่งได้ทั้งหมด2แบบคือ 25 GB แบบ single-layer และ 50 GB dual-layer ในราคาเครื่องเปิดตัวในไทย(ย่านสะพานเหล็ก) สูงถึง 23k บาท!! (แม่เจ้า! แพงกว่า PS4 เปิดตัวด้วยซ้ำ)

แต่ราคามหาโหดนี้ เมื่อคุณได้เห็นงานภาพแล้วจะร้องว่า คุ้มค่า เพราะด้วยการแปลงสัญญาณภาพเป็นดิจิตอลผ่านสาย HDMI ทำให้งานภาพสวยสด คมกริบ และสมจริงที่สุดในสมัยนั้น แม้ว่าทาง XBOX360 จากทาง Microsoft ยังคงยึดตลาดเกมคอนโซลในช่วงแรก แต่การมาของ PS3 ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเหวี่ยงไปทาง PS3 ซะเยอะในเวทีโลก

(ในไทยช่วงนั้นยังเล่น Xbox360 เยอะกว่า เพราะมันเล่นแผ่นก๊อป + เอาเกมลง HDD ที่ไม่วุ่นวายเหมือนฝั่ง PS3)

หลังจากนั้นก็มีการออกรุ่น”สลิม” และ “ซูเปอร์สลิม” ออกมาอีกด้วย และนอกจากนี้ นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในการใช้เครื่อง PS3 เป็นเครื่องมือช่วยในการคำนวณผลการทดลองในทางการแพทย์ รวมไปถึงมีข่าวลือว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลาง มักจะใช้ระบบแชทผ่าน PSN ในการวางแผนอีกด้วย

เกมดังๆ
God of War 3 , The Last of Us, GTA4-5 , Uncharted 2-3, LittleBigPlanet, Red Dead Redemption, Metal Gear Solid 4: Guns of the Patriots, Evil Within , GT

PS4
วางขายครั้งแรก
ญี่ปุ่น 22 กุมภาพันธ์ 2014
อเมริกา 15 พฤศจิกายน 2013

ยอดขาย 25.3 ล้านเครื่อง (นับถึง มิถุนายน 2015)

มาถึงเครื่องเล่น Gen ล่าสุดจากฝั่ง Playstation สายหลัก กับ PS4 โซนี่ถึงกับกล่าวต่อนิตยสาร Edge ว่า PS4 นั้นเป็น “เครื่องเล่นวีดีโอเกมที่ทรงพลังที่สุดในโลก” นอกจากนี้ นักพัฒนาเกมหลายคนยังออกมาระบุอีกว่า ความเร็วของมันทิ้งห่าง Xbox One อย่างไม่เห็นฝุ่น

โดยในยุคของ PS4 มีฟีเจอร์เด่นๆคือการเข้าถึงหน้าสโตร์ที่เข้าใจง่าย รองรับการเล่นเกมออนไลน์เต็มรูปแบบทั้งสายแลน และไวไฟ ผู้เล่นสามารถถ่ายทอดหรือรับชมการเล่นเกมผ่านการสตริมมิงแบบสดได้ และบันทึกเกมเพลย์มันๆของตัวเองได้อีก

นอกจากนี้ ทางโซนี่ได้ออกอุปกรณ์ที่เรียกว่า PSVR แว่น VR ที่แสดงผล360องศา ให้ผู้เล่นได้เต็มที่กับบรรยากาศของเกมแบบเต็มๆ แต่ทั้งนี้ ตัวระบบVR เองยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับ HTC VIVE หรือ OCULUS ที่พัฒนาต่อเนื่อง และให้งานภาพที่คมชัดสวยงามยิ่งกว่า และด้วยคุณลักษณะเหล่านี้เอง ทำให้ในปี 2014 เพลย์สเตชัน 4 กลายเป็นเครื่องเล่นเกมที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งของโลก

โดยในปัจจุบัน PS4 ออกมาอีก 2 รุ่น ได้แก่รุ่นสลิม ที่ชูจุดเด่นด้านการกินไฟที่น้อยกว่า และรุ่น PS4 PRO ที่เน้นงานภาพ 4K ที่คมชัดเมื่อแสดงผลบนหน้าจอที่รองรับ

เกมดังๆ
Uncharted 4: A Thief’s End – Lost Legacy , Dynasty Warrior , Gundam Versus , Bloodborne ,Dragon Ball Xenoverse , Sword Art Online: Fatal Bullet , Summer Lesson , Resident Evil 7 , Final Fantasy XV , Yakuza: Kiwami , Monster Hunter: World ,Middle-earth: Shadow of War

PS5 ตามนี้ >>>> คลิก1   คลิก2

นี่คือเรื่องราวของ Playstation จากอดีตถึงปัจจุบันครับ ในอนาคต ถ้ามีรุ่นใหม่ๆออกมาอีก ก็จะทยอยอัพเดทให้ หวังว่าเราคงจะติดตามกันจนถึงวันนั้นนะครับ

แอดมิน Ak47