ขุดกรุเกมเก่า – Parasite EVE
ประเภท : Turn-base / Sci-Fi Triller
ผู้พัฒนา : Square Soft
เครื่อง : Playstation
วางจำหน่าย : 29 มีนาคม 2541
ขุดกรุเกมเก่า Bakusou Kyoudai Let’s & Go!! : Eternal Wings
ขุดกรุเกมเก่า : X-MEN : Children of the Atom
ขุดกรุเกมเก่า : Brave Fencer MUSASHIDEN
ขุดกรุเกมเก่า : Shadow of the Colossus
ขุดกรุเกมเก่า : Gundam Battle Assault 2
ในช่วงปี 90 เป็นยุคเฟื่องฟูของกราฟฟิก 3 มิติโพลีก้อนอย่างมาก เกมที่พัฒนาลงให้ระบบ Playstation เองก็มีเกมที่รันภาพ3มิติโพลีก้อน ทำให้จินตนาการของนักสร้างเกมจากหลายๆค่าย ได้ถูกถ่ายทอด และ สร้างชื่อเสียงจนกลายเป้นตำนานมาก็ไม่น้อย
และนี่ก็เป็นเกมที่อยู่ในใจเกมเมอร์มาตลอดอีกหนึ่งเกม แต่ด้วยเรื่องราวที่ซับซ้อน และชวนงงไม่น้อย ก็อาจจะทำให้แฟนๆบางส่วนอาจจะไม่เข้าใจถึงเนื้อเรื่องของเกมนี้อย่างชัดเจน
ดังนั้น บทความนี้ก็จะขอสรุปรวบยอดเรื่องราวตั้งแต่ “จุดกำเนิด” ของเรื่องราวทั้งหมด จนจบเกมภาคแรกกันเลย กับ Parasite Eve
+
+
+
จุดเริ่มต้นของ Parasite EVE (ฉบับนิยายโดย ฮิเดอากิ เซนะ)
เวอร์ชั่นหนัง กำกับโดย มาซายูกิ โอชิไอ หนึ่งในเจ้าแห่งหนังสยองขวัญญี่ปุ่น
เรื่องราวทั้งหมดของ Parasite EVE เกิดขึ้นจาก “เซลล์เล็กๆเซลล์เดียว” ที่นักชีววิทยาเรียกว่า “ไมโตคอนเดรีย” (Mitochondria) มันทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานของเซลล์ และแน่นอนว่า มันอยู่ในร่างกายของคนทุกคน
แต่ทว่าเซลล์ไมโตรคอนเดรียที่ว่า เกิดวิวัฒนาการจนสามารถมีความนึกคิด และ เข้ามาบงการจิตใจของ “นากาจิม่า คิโยมิ” ภรรยาของ “ดร.นากาจิม่า โทชิอากิ” นักวิทยาศาสตร์สาขาชีวะวิทยา ซึ่งความนึกคิดของเซลล์ไมโตคอนเดรียนั้นเกิดความคิดที่วิปริตขึ้น เพราะมันหลงรักดร.โทชิอากิ จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา ตั้งแต่การวางแผนให้คิโยมิเกิดอุบัติเหตุจนสมองตาย ต้องเข้าโรงพยาบาล
รวมไปถึงแผนการ บริจาคไตของคิโยมิให้ศูนย์อวัยวะ และคาดการณ์ไว้แล้วว่าด้วยความรักของดร.โทชิอากิ จะนำเอาเนื้อเยื่อตับของคิโยมิมาทำการคืนชีพ ส่วนไตของคิโยมิ อยู่ในร่างของสาววัยรุ่น “อันไซ มาริโกะ” ที่รับไตของคิโยมิมาโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนั้นเซลล์ไมโตคอนเดรียยังดลใจให้ ดร.โทชิอากิทำวิจัยต่อจนสำเร็จ พร้อมกับตั้งชื่อให้มันว่า “อีฟ” (EVE) เซลล์ที่เพาะจากเนื้อเยื่อตับของคิโยมิที่เติบโตเป็นรูปเป็นร่างอย่างรวดเร็ว และในที่สุด “คิโยมิก็กลับมา” แต่จิตใจนั้นเป็นอีฟเต็มขั้น 100% มันได้ทำการข่มขืนดร.โทชิอากิ เพื่อเอาน้ำเชื้อไปปฏิสนธิไข่ของของเธอ และเตรียมการไปสู่แผนการสร้างทายาทสุดวิปริตขั้นต่อไป “เด็กสาวมาริโกะ” ที่มีเซลล์ของคิโยมิในตัว ตกเป็นเป้าหมายของอีฟ โดยอีฟคาดว่าลูกของเธอจะสามารถเปลี่ยนรหัสพันธุกรรมของตนได้ แล้วก้าวข้ามเป็น “สิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ” ที่สามารถปรับเปลี่ยนสภาพได้อย่างไร้ขีดจำกัด
และก่อนที่ โทชิอากิ จะได้รับรู้ถึงธรรมชาติของอีฟที่ต้องการจะครองโลก อีฟก็เริ่มอยู่เหนือการควบคุม เธอทำการเผาร่างมนุษย์คนแล้วคนเล่าด้วยพลังจิตที่ยากจะคาดเดา!
ไข่ของอีฟที่ได้รับเชื้อจากดร.โทชิอากิ ได้เข้าไปปลูกถ่ายเข้าสู่ร่างของมาริโกะที่โรงพยาบาล แต่ผลที่ได้ก็คือ เด็กที่เกิดมาได้ไม่นานก็ตายลง เนื่องจากตัวอสุจิของดร.โทชิอากิ เป็นคนละประเภท และไม่สามารถเข้ากันได้กับไมโตรคอนเดรียทั้งสองสาย (อีฟ / คิโยมิ) ทำให้เซลล์ในตัวเด็กหักล้างกัน เมื่อแผนไม่สำเร็จ อีฟจึงได้พาร่างของมาริโกะที่หมดสติจากการให้กำเนิดเด็ก เพื่อที่อีฟ จะได้เก็บเธอไว้ทดลองซ้ำอีกครั้ง
แต่ดร.โทชิอากิก็มาขวางไว้ มาริโกะจึงปลอดภัย โดยตัวดร.โทชิอากิเองรู้สึกผิดที่ทำอะไรโง่ๆ แต่ก็ด้วยเพราะความรักเมีย จึงสละร่างของตนเพื่อยุติความขัดแย้งทั้งหมด และยังสามารถหยุดการระเบิดของ “คลื่นพลังจิต” (psychokinetic) ที่ร้ายแรงถึงขั้นสามารถฆ่าคนได้มากมายได้สำเร็จ จบเรื่องในฉบับนิยาย (ส่วนเวอร์ชั่นหนังจะต่างออกไปพอสมควร)
บทส่งท้ายของนิยาย ยังมีการค้นพบเซลล์ตับอ่อนของคิโยมิที่ดร.โทชิอากิเพาะไว้มากมาย แต่ก็ถูกทำลายลงในที่สุด
และหลายปีต่อมา มาริโกะได้แต่งกับชาวอเมริกัน และได้เปลี่ยนชื่อจาก “อันไซ มาริโกะ” มาเป็น “มาริโกะ แบลร์” และได้ให้กำเนิดเด็กสาวสองคน นั่นก็คือ “อายะ แบลร์” (Aya Brea) และ “มายะ แบลร์” (Maya Brea) ที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังเกมส์อีก 2 ภาค ใน PS1
Parasite Eve
หลายปีต่อมา “อีฟ” เซลล์ไมโตรคอนเดรียที่เคยอยู่ในร่างของมาริโกะ ก็ถูกส่งต่อให้พัฒนาในร่างของ “มายะ แบลร์” ลูกสาวคนเล็กของมาริโกะ และ อีฟยังคงใช้แผนจัดฉากให้มายะ และมาริโกะ ประสปอุบัติเหตุจนเสียชีวิต เหลือเพียง “อายะ แบลร์” พี่สาวของมายะที่รอดชีวิตมาได้ แต่สูญเสียตาข้างขวาไป จึงได้ทำการปลูกถ่ายดวงตาของน้องสาวใส่ให้ (หลังเกิดอุบัติเหตุราวๆ2-3ปี)
และไตของมายะถูกบริจาคให้กับ “เมลิสซ่า เพียร์ซ” (Melissa Pearce) ที่มีอาการไตวายแต่กำเนิด ซึ่งก็เป็นเวลาที่แพทย์ฝึกหัด “ฮานส์ แคลมป์” (Hans Klamp) ได้นำเอาเซลล์ไตของมายะไปเพาะเลี้ยง และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้อีฟ เติบโตในร่างของเมลิสซ่าส่วนหนึ่งเช่นกัน…
ส่วนอายะที่เติบโตมาอย่างยากลำบาก ก็สามารถสอบเข้าเป็น “เจ้าหน้าที่ตำรวจ” ประจำสถานีตำรวจนิวยอร์คได้สำเร็จ และในวันที่ 24 ธันวาคม 1997 จะเป็นวันที่เธอจะไม่มีวันลืม…
คืนวันคริสมาสต์อีฟ เป็นคืนที่อายะ ได้นัดเพื่อนหนุ่มคนนึงไปชมการแสดงโอเปร่าของ “เมลิสซ่า เพียร์ซ”ที่โรงละครคาร์เนกี้ฮอลล์ แต่ทันใดนั้นร่างกายของนักแสดงคนอื่นๆ รวมถึงผู้ชมในโรงละครต่างเกิดไฟลุกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ (เหตุการณ์นี้ สามารถเรียกได้อีกอย่างว่า “คนไฟลุก” หรือ Spontaneous human combustion) ทำให้เหยื่อทุกคนเสียชีวิตทั้งหมด เหลือเพียงแต่อายะกับเมลิสซ่าที่ไม่เป็นอะไรเลย เนื่องจากมีการกลายพันธุ์ของไมโตรคอนเดรียที่หลับไหลอยู่ในร่างของทั้งสองคนนั่นเอง
ท่ามกลางความสับสนนี้เอง อายะจึงได้ไล่ตามเมลิสซ่าไป แต่เธอก็พบกับเมลิสซ่าที่เป็นอสุรกายที่เรียกตัวเองว่า “อีฟ” เป็นครั้งแรก และหลบหนีไป
***โดยสัตว์ประหลาดที่อายะเห็นในเกมทั้งหมดเป็นผลงานการเข้าแทรกแซง และขยายเซลล์ไมโตรคอนเดรียของอีฟในตัวสัตว์และสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า Neo-Mitochondrial Creatures หรือ NMC***
ในวันคริสต์มาส อายะ และคู่หู “แดเนียล ดอลลิส” ได้เข้าพบนักวิทยาศาสตร์ “ดร.ฮานส์ แคลมป์” ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ อายะได้รู้ความจริงจากทางดร.ฮานส์บางส่วนเกี่ยวกับอีฟ และปฏิเสธคำถามอื่นๆ ต่อมาในวันเดียวกันนั้น พวกเขาได้ยินข่าวว่าอีฟอยู่ในเซ็นทรัลปาร์ค อายะไล่ตามเธอ และปล่อยให้แดเนียลรออยู่นอกสวนสาธารณะเซ็นทรัลปาร์ค
ระหว่างทาง อีฟได้เปลี่ยนผู้คนบริเวณนั้นให้กลายเป็น NMC มาขวางทางอายะ แต่สุดท้ายทั้งอายะ และ อีฟ ก็ได้พบกันอีกครั้ง กับการต่อสู้บนหลังรถม้า แต่ผลก็คืออีฟหนีไปได้ และอายะที่อยู่บนรถม้าก็ถูกกระแทกจนหมดสติไป
หลังจากนั้นไม่นานนัก ทางการได้ทำการอพยพผู้คนออกจากแมนฮัตตัน แต่ “มาเอดะ คุนิฮิโกะ” (Kunihiko Maeda ) ชายชาวญี่ปุ่นคนนึงที่ลักลอบเข้ามาได้ ในขณะที่เขาเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจลุกเป็นไฟต่อหน้าต่อตา
ในวันต่อมา อายะได้ตื่นขึ้นมาในอพาร์ตเมนต์ย่านโซโห เธอได้พบกับแดเนียล และมาเอดะ ที่อยู่ข้างกายของเธอ มาเอดะได้เล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของอีฟ นักวิทยาศาสตร์พยายามที่จะเพาะเลี้ยงเซลล์ตับของภรรยาที่ตายไป และ ไมโตรคอนเดรียในเซลล์ของเธอเข้ายึดร่างของเธอ มาเอดะเชื่อว่าอีฟอาจจะพยายามที่จะให้กำเนิด “Ultimate Being” ซ้ำรอยเดิมเมื่อหลายปีก่อนที่อายะจะเกิดมา
ทั้งสามได้พบกับดร.ฮานส์อีกครั้ง โดยคราวนี้เขาได้กล่าวถึงเซลล์ของอายะที่กำลังต่อสู้กับเซลล์ไมโตรคอนเดรียของอีฟ และสรุปว่าเป็น“ทฏษฎียีนที่เห็นแก่ตัว” (The Selfish Gene – ทฤษฎีของ ริชาร์ด ดอว์กินส์ ว่าด้วยวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต โดยกล่าวถึงสิ่งหนึ่งที่วิวัฒนาการตัวเองมาเป็นเวลาหลายล้านล้านปี…) แถมยังพร้อมวางท่าราวกับเป็นศัตรูอีกด้วย
หลังจากนั้นทั้งสามก็รีบเร่งกลับไปยังโรงพักนิวยอร์ค เพื่อช่วยเบนและดักลาส เบเกอร์ จากการจู่โจมสุนัขตำรวจกลายพันธุ์ที่มีชื่อว่า Sheeva พวกเขาทำสำเร็จ แต่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ชื่อ “ตอร์เรส โอเวน” ถูกสังหาร
วันต่อมา ทั้งสามคนไปที่โรงพยาบาลเซนต์ฟรานซิส (St. Francis Hospital) ที่ๆมาเอดะคิดว่าอีฟจะเอาเสปิร์มมาใช้ในการสร้างสิ่งมีชีวิตขั้นสุด เมื่อพวกเขามาถึง เขาพบว่าอีฟอยู่ตรงนั้นแล้วและกำลังจะหนีไป
วันที่ 5 หลังจากการปรากฎตัวของอีฟ อายะได้เข้าพบกับดร.ฮานส์อีกครั้ง ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ คราวนี้เธอได้รู้ถึงแผนการออกแบบพันธุวิศวกรรมในการตัดต่อเชื้ออสุจิ สำหรับอีฟ เพื่อให้เธอสามารถสร้าง Ultimate Being และในตอนนั้นเอง ตัวของดร.ฮานส์ก็ถูกไฟลุกท่วมทั้งตัว ก่อนสิ้นใจดร.ฮานส์ได้ถามอายะถึงตรรกะและเหตุผลที่อายะยังเมตตาเขา ทั้งๆที่เขาคือเบื้องหลังเรื่องราวความวุ่นวายนี้ แต่อายะก้ได้แต่ตอบว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์พึงกระทำ…
อายะได้ออกตามหาอีฟใน ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ แต่เหมือนจะสายไป เพราะ “Giant Slime” ได้ถือกำเนิดจากครรภ์ของอีฟในฐานะผู้คุ้มกันการกำเนิดของ Ultimate Being โดย Giant Slimeเป็น สิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด มีรูปทรงคล้ายมนุษย์ และมีขนาดที่ใหญ่โตมาก
หลังจากการโจมตีของกองทัพไม่เป็นผล กองทัพจึงได้ขอให้อายะเข้าไปจู่โจมอีฟจากเฮลิคอปเตอร์ เพราะอายะเป็นเพียงผู้เดียวที่พลังของอีฟไม่สามารถทำอันตรายได้จากภายใน อายะรับภารกิจดังกล่าว แล้วขับเฮลิคอปเตอร์โจมตี Giant Slime แล้วเข้าไปสู้กับอีฟในซากปรักหักพังของเทพีเสรีภาพ หลังจากนั้นอายะก็พบว่าเซลล์ของอีฟนั้นเป็นเซลล์ที่ไม่เสถียรและเกิดการตายของเซลล์ในที่สุด
วันที่ 6 ในขณะที่อายะพักอยู่บนเรือของกองทัพ มาเอดะ และ แดเนียลโล่งใจว่าอายะปลอดภัยดี แต่อย่างไรก็ตาม Ultimate Being ก็ปรากฎตัวและโจมตีเรือโดยรอบ อายะจึงเข้าต่อสู้กับ Ultimate Being อีกครั้ง แต่ทว่า ไมโตรคอนเดรียของมันทำให้ตัวของมันมีวิวัฒนาการในอัตราที่สูงจนน่าตกใจ
ทำให้อายะตั้งใจที่จะยุติเรื่องราวเหล่านี้ด้วยการตั้งค่าความดันหม้อไอน้ำของเรือ จนสูงถึงขีดอันตรายเพื่อทำลายมันด้วยแรงระเบิดจากบนเรือ จากนั้นเธอก็กระโดดออกจากเรือ
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น พรรคพวกของอายะ ก็มารวมตัวกันที่คาร์เนกี้ฮอลล์อีกครั้ง เพื่อชมการแสดงในโรงละครแห่งนี้ด้วยกัน เพื่อลืมเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนนั่นเอง…
ทุกอย่างเหมือนจะจบ แต่ทว่า…ไมโตรคอนเดรียของอายะในตอนนี้ เหนือชั้นกว่าของเมลิสซ่าแล้ว และกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ…
—END—
Gameplay
เกมนี้ หากมองเผินๆก็จะเหมือนกับเกมแนวสยองขวัญเอาตัวรอด แต่ในความเป็นจริงแล้วตัวเกมกลับเป็น RPG – Turnbase ที่เอา Theme ของนิยายไซไฟทริลเลอร์สยองขวัญมาจับมากกว่า ทำให้อารมณ์ในการเล่นแตกต่างจาก Resident Evil หรือเกมสยองขวัญอื่นๆในตลาดตอนนั้น
การต่อสู้ในเกมนี้ จะคล้ายๆกับพวก Final Fantasy คือมี เกจ ATB (Active Time Battle) ที่มีเพื่อกำหนดแอคชั่นตัวละครเมื่อถึงเทิร์น หรือเกจเต็ม ผู้เล่นจึงสามารถใส่คำสั่งต่างๆได้เช่น โจมตี ใช้สกิล หรือไอเทม แต่ในกรณีที่ยังไม่ถึงจังหวะที่สามารถโจมตีได้ ตัวเกมจะให้ผู้เล่นได้ควบคุมตัวอายะ หลบหลีกการโจมตีของพวก NMC ได้ ซึ่งอาวุธแต่ละประเภทเอง ก็จะมีระยะยิง และระยะหวังผลด้วยเช่นกัน รวมไปถึงจำนวนกระสุนที่มีจำกัดอีกด้วย
จัดว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่มีความน่าสนใจ และการผสานของสองแนวเกมเพลย์ที่ไม่น่าจะรวมกันได้ ก็ทำออกมาสนุกจนกลายเป็นอีกหนึ่งเกมที่อยู่ในระดับ “ขึ้นหิ้ง” ของ Square Enix ที่แฟนๆอยากให้ทำรีเมคมากที่สุดอีกหนึ่งเกมเช่นกัน
**ส่วนเรื่องราวของภาค 2 ขอติดค้างไว้ก่อนนะครับ ไว้มีโอกาสจะมานำเสนอให้ได้อ่านกัน**
แอดมิน Ak47
Trailer
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก