องครักษ์พิทักษ์เจี๊ยบ (Out Of The Nest)

ผู้กำกับ :  อาร์ทูโร เอ. เฮอร์นานเดซ / วีรภัทร ชินะนาวิน/ เจฟฟ์ ชู/ แอนดรูว์ กอร์ดอน

กำหนดฉาย  5 กันยายน 2024

 “องครักษ์พิทักษ์เจี๊ยบ (Out Of The Nest)” ผลงานจากทางบริษัท T&B Media Global (Thailand) ที่เล่าเรื่องราวการเดินทางของ  “อาร์เธอร์” เด็กส่งของต๊อกต๋อยที่ใฝ่ฝันจะเป็นช่างตัดผม ได้รับภารกิจมาดูแล 7 เจี๊ยบสุดคิวต์ เทอร์ร่า, พัดเดิ้ล, ลีฟ, สปาร์ค, ทวิก, ทิน และ พัฟ ที่มีความแสบซน และมีความเป็นสากลด้วยฝีมือทีมสร้างระดับโลก ทำให้แอนิเมชันเรื่องนี้เป็นแอนิเมชันไทยเพียงเรื่องเดียวที่ได้รับเลือกเป็น “Annecy Selections” ในงานเทศกาลภาพยนตร์แอนิเมชันที่ใหญ่ที่สุดในโลก กับงาน “Annecy International Animation Film Festival ปี 2024” 

เรื่องราว ณ อาณาจักร แคสตีเลีย ที่มีตำนานเล่าว่า มี “ฮ่องเต้ไก่” และผู้กล้าทั้ง 7 ร่วมมือกันต่อสู้กับจอมมารร้าย และทำให้ได้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้ แต่หลังจากนั้นหลายปี ฮ่องเต้ไก่รุ่นลูก และ มเหสี ก็ได้ออกไข่ 7 ใบ ที่มีศักดิ์เป็นองค์รัชทายาท และมีลูกสมุนผู้จงรักภักดีต่อพรรคมาร “ภาคีกงเล็บ” ได้ชิงไข่ทั้ง 7 ใบไป เพื่อให้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันสละราชบัลลังก์หากแผนสำเร็จ แต่นั่นทำให้ผู้กล้าในตำนานรายหนึ่งได้กลับมา และช่วงชิงไข่ทั้ง 7มาได้ แต่อาการก็บาดเจ็บสาหัส…

จนมาพบกับแพะหนุ่มนามว่า “อาร์เธอร์” (ต้าอู๋) ที่เป็นเด็กส่งของต๊อกต๋อย และอาศัยสำนักช่างตัดผมในฐานะเด็กรับใช้ของ “ปรมาจารย์โท้ด” (น้าต๋อย เซมเบ้) และแล้ว ทั้งสำนัก ถูกภาคีกงเล็บบุกเผาสำนัก ปรมาจารย์โท้ดและผู้กล้าได้ต้านทานกองกำลังพรรคมารไว้ และให้อาร์เธอร์หนีไปพร้อมกับไข่ทั้ง 7 ใบ โดยมีภารกิจสำคัญคือ การส่งไข่ทั้ง 7 ให้ถึงมือฮ่องเต้ ในราชวังแคสติเลียให้จงได้…

อาร์เธอร์ที่กำลังสับสน และไม่ทันตั้งตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น จะรับมืออย่างไร ความหมายของการเป็นผู้กล้า ความฝัน กับภารกิจ … บัดนี้การต่อสู้ของแพะหนุ่ม ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

ฐิติ ทองเบญจมาศ Group Deputy Chief Executive Officer ได้เผยว่า ทุ่มทุน 17 ล้านเหรียญ หรือราว 620 ล้านบาท สร้างขึ้นจากความร่วมมือ 3 ฝ่าย

-ฝ่ายแรกคือ ไทย ที่นอกจาก T&B แล้ว ยังมีสตูดิโอ Riff Studio มาช่วยออกแบบตัวละคร งานโปรดักชั่นของเรื่องกว่า 80% 

-ฝ่ายที่สองได้ Base FX จากจีนมาช่วยด้านโปรดักชั่น

-และฝ่ายที่สามคือ แอนดรูว์ กอร์ดอน โปรดิวเซอร์ระดับฮอลลีวู้ดที่มีผลงานสร้างชื่อมากมาย รวมถึง อาร์ทูโร เอ. เฮอร์นานเดซ ผู้กํากับและเขียนบท ร่วมกับ กิลเลียน เบอร์โรว์ นักเขียนบทชื่อดัง และ Fabrizio Mancinelli นักประพันธ์ดนตรีชื่อดังมาดูแลเกี่ยวกับเพลง

ความรู้สึกหลังรับชม

ถ้าคุณชอบ Kung Fu Panda คุณจะชอบเรื่องนี้ได้ไม่ยาก เนื้อหาภาพรวม จังหวะจะโคนของเรื่องราวนั้นมีบรรยากาศที่คล้ายกันมากๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันย่อยง่าย และมีความ Epic ในช่วงเวลาท้ายๆเรื่อง ซึ่งเป็นลายเซ็นในสไตล์การเล่าเรื่องของ กิลเลียน เบอร์โรว์ ใครที่เป็นแฟนๆของ My Little Pony จะจับจุดได้ไม่ยาก (เพราะเป็นคนเขียนบทให้)

และยิ่งใครเป็นคอหนังจีน ก็จะสัมผัสได้ว่า มีความ “กระบี่ไร้เทียมทาน” มาเลย ตัวพระเอกนี่ “ฮุ้นปวยเอี๊ยง” ชัดๆ  

เส้นเรื่องจะเล่าถึงตัวพระเอกเป็นหลัก พร้อมๆกับการเฉลี่ยความน่ารักของ 7 ลูกเจี๊ยบ ที่คาแรคเตอร์ต่างกันชัดเจน บางตัวแรงเยอะ บางตัวฉลาด บางตัวขี้กลัว บางตัวขี้แอ็ค อันนี้สามารถบอกได้เลยว่า มันต้องมีลูกเจี๊ยบซักตัวที่ทำให้คุณรักได้ไม่ยาก

แต่น่าเสียดายที่เวลา 1ชั่วโมง 30 นาที ไม่สามารถเฉลี่ยบทให้ลูกเจี๊ยบทั้ง 7 แบบฉ่ำๆได้

แต่จะเน้นหนักไปทางการเดินทาง การต่อสู้เอาตัวรอดของกลุ่ม 7 เจี๊ยบและพระเอกที่กำลังสับสน แต่ก็ต้องเข้มแข็งเพื่อปกป้องเด็กๆเหล่านี้ โดยมีการปูพื้นหลังของพระเอกเอาไว้ราวกับหนังจีนกำลังภายในยุค 80s เลย ที่พระเอกเก่งแบบไม่มีเหตุผลหนักๆมากนัก คือมาถึงพริ้วเลย และจบลงที่ไฟนอลแบทเทิล

ซึ่งทุกอย่างถูกผูกเรื่องแบบไม่ต้องซับซ้อนมาก ไปไวๆเลย แต่ก็รู้สึกว่าเร็วเกินไปหน่อย ปรับอารมณ์ไม่ทันบ้างนิดนึง ซึ่งพอมาลองๆดูฟีดแบคหน้าโรงจากเด็กๆ ก็บอกว่าดูได้ง่ายๆ ชอบใจมาก บอกสนุกมาก ผู้ปกครองหลายๆท่านเองก็ดูรู้เรื่องโดยไม่มีความรุนแรงใดๆเลย ก็เลยไม่ชัวร์ว่า หรือเราคิดไปเองหว่า 555+ (แต่ขัดใจเรื่อง ประเด็น”ทรงผม”เนี่ย ตลกมาก ใส่มาแล้วใช้ไม่คุ้ม ก็ไม่รู้จะใส่มาทำมั้ย )

ในขณะที่คนดูภายนตร์สายลึกหน่อย ก็จะได้ประเด็นคมๆ แฝงคำสอนเรื่องการใช้ชีวิต การมีสติกับปัจจุบันขณะ ความรักของผู้เป็นครูอาจารย์ มองศิษย์เหมือนลูกคนหนึ่ง , ความกล้าหาญ, การมองโลกที่ไม่ควรเอาสิ่งที่ตัวเองของ ไปยัดใส่ให้คนอื่น

ซึ่งวาทะคมๆเหล่านี้ มาด้วยน้ำเสียงของ “น้าต๋อย เซมเบ้” ในบทอาจาร์ยโท้ด (คางคก) คือทรงพลัง บทที่ดูเหมือนอาจารย์อุเกว ใน Kung Fu Panda แต่มาในเวอร์ชั่นที่สบายๆกว่า จุดนี้ เราใจฟู และรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ยินเสียงน้าต๋อยในบทบาทนี้มากๆ 

ส่วนคุณ ต้าห์อู๋ ส่วนตัวยอมรับว่าไม่ได้ติดตามนักแสดงท่านนี้ในบทบาทอื่นๆเลย และมาถึงก็ฟังเสียงพากย์ในฐานะนักพากย์การ์ตูน ซึ่งเราถือว่า “ลบคำสบประมาทว่าเอาดารามาพากย์การ์ตูนแล้วห่วย” ….ขอเถียงสุดใจเลยว่า “ต้าห์อู๋ไม่ใช่คนในลิสท์ของดาราพาการ์ตูนห่วยแน่ๆ”

ในเรื่องเต็มๆนั้น ตัวละครอาร์เธอร์ มีความเป็นดิสนีย์ มีความดรีมเวิร์ค มีความการ์ตูนฝรั่งสูงมากๆ มีเอเนอร์จี้ล้นๆ ไม่ได้รับงานมั่วๆมาและอาศัยแค่เป็นดาราดังแล้วมาพากย์เพื่อหวังดึงคนดูที่เป็น FC …ยอมรับครับ ต้าห์อู๋ ถ้ามาเอาดีด้านพากย์อนิเมชั่น ถือว่าทำได้ดี และเนียนมากๆ…สอบผ่านครับ

งานภาพจัดว่าโหด*ัสมากๆๆๆๆ เน้นหนักไปที่สีสัน และความนุ่มฟูของเส้นขนที่ปลิวสไว (เห็นว่า Brush กันมันส์มือเลย) ไม่ดูแข็งกระด้าง มูฟเม้นท์ไหลลื่น และมีการออกแบบคาแรคเตอร์ที่เรียบง่าย ทั้งอิมเมจตัวละคร และการแสดงอารมณ์ ที่ชัดแบบอนิเมชั่นฝั่งตะวันตกหลายๆเรื่อง ดูเพลินทุกซีน ทุกองค์ประกอบObjectครับ รวมไปถึงเสียงเพลงประกอบที่ Epic เข้าขั้นอนิเมชั่นฮอลลีวู้ด เพลงสกอร์ฟังเพลินๆตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบ 

ทั้งหมดนี้ ขอยกความดีความชอบให้ทีมงานและผู้เกี่ยวข้องจริงๆ เราว่าเราถูกใจ และเอนจอยมากๆกับอนิเมชั่นเรื่องนี้ แม้จะมีบางจุดที่อิหยังหวะ ซึ่งมันดีเทียบเท่า Transformers ที่จะเข้าโรงหลังจากนี้เลยครับ

พาลูกหลานไปดูเถอะครับ เด็กดูสนุก ผู้ใหญ่ได้ตกตะกอนความคิดเชิงปรัชญาจีนแบบเบาๆด้วย ของดี และเราเชียร์ครับ!!

#OutOfTheNest #องครักษ์พิทักษ์เจี๊ยบ

#OOTN