[ Mobile Suit GUNDAM OOF ]
[ มาทำความรู้จัก จักรวาล GUNDAM OO กันก่อนเข้าเรื่อง ]
Gundam OO Side Stories เกือบทุกภาคนั้นเรียกได้ว่า ดำเนินเรื่องราวไปพร้อมๆกับพวก Setsuna และ Celestial Being ในภาคหลักเลย ซึ่งภาคเสริมนี้ก็จะมีการเจาะลึก เนื้อเรื่อง ภารกิจ ตัวละคร ที่ทีวีซีรีย์ไม่ได้ครอบคลุมไว้ ให้แฟนๆภาค OO ได้ทราบกัน หากเรียงกันตามไทม์ไลน์แล้ว ภาค OOF จะดำเนินเรื่องไปถึงช่วงไม่กี่ปีก่อนที่จะเริ่ม Gundam OO season 2 หลังจากจบภาค OOF ไปแล้ว(ตามมังงะ) ก็ได้ดำเนินเรื่องภาคเสริมต่อด้วย OOI ในเวลาที่ห่างกันไม่นานนัก
[ BRIEF ]
“F for Fereshte” (เฟเรชเต) องค์กรลับที่รับหน้าที่ซัพพอร์ท Celestial Being ในภารกิจต่างๆตี่ไม่ได้ถูกอธิบายไว้ในทีวีซีรีย์ นำโดย Fon Spaak ไมสเตอร์ฆาตกรผู้คลั่งไคล้ในการต่อสู้ด้วยกันดั้ม และ Chall Acustica อดีตไมสเตอร์รุ่นที่2ของ CB ผันตัวมาเป็นนักวางแผนและหัวหน้าของเฟเรชเต หุ่นที่มีบทบาทมากในภาคนี้ก็คือ Astraea ที่ถูกส่งต่อมาจากไมสเตอร์รุ่นที่ 2 ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “Type-F (Fereshte เอ้ะหรืออาจเป็น Type-Fon ? ฮา)” รวมไปถึง Sadalsuud Type-F อีกด้วย
[ MOBILE SUITS ]
สำหรับโมบิลสูทใหม่ที่ปรากฏตัวในภาค OOF นี้ เป็นโมบิลสูทตัวเดิมจากภาค OOP เพียงแต่เปลี่ยนสี เพิ่มพาร์ทอาวุธ หรือ เปลี่ยนชื่อเป็น Type-F (F มาจาก Fereshte) เท่านั้นเองครับ ทั้งนี้ขอแนบข้อมูลหุ่นแต่ละตัวไว้สักหน่อยละกันครับ ( ข้อมูลจะซ้ำกับ OOP นะ อย่างที่บอก มันคือหุ่นตัวเดิมเลย แต่จะแนบภาพ Type-F ที่มาอยู่ในสังกัดเฟเรชเตให้นะครับ )
GNY-001 Gundam Astraea – Gundam Gen.2 เป็นต้นแบบในการพัฒนาของ Gundam Exiaโดยมีรุยโด้ เรโซแนนซ์ เป็นไมสเตอร์ประจำหุ่น Astraea ได้รับการพัฒนาที่โคโลนี่ ลากรันจ์ 3 หรือ “Krung Thep” ร่วมกับ Sadalsuud Abulhool และ Plutone อัสเทรียเรียกได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของเอ็กเซียอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ แต่อาวุธของอัสเทรียอย่าง Proto GN Sword หรือ GN Launcher ก็เป็นต้นแบบให้อาวุธอย่าง GN Sword ของเอ็กเซีย ชื่อของ Astraea มาจาก เทพธิดา Astraea เช่นเดียวกับชื่อของการ์ดบนไพ่ทาโร่(ซาดัลซุด/อาบุลโฮล และ พลูโตเน่ ก็ใช้ชื่อจากไพ่ทาโร่เช่นเดียวกัน) โดยอัสเทรียเป็นไพ่ที่แสดงถึง “ความยุติธรรม” ต่อมาอัสเทรียได้ถูกนำไปใช้โดยองค์กร เฟเรชเต และเปลี่ยนชื่อเปน Astraea Type-F
GNY-002 Gundam Sadalsuud - Gundam Gen.2 เป็นต้นแบบในการพัฒนาของ Gundam Dynames
มีไมสเตอร์ 874 เป็นนักบินประจำเครื่อง ชำนาญการต่อสู้ระยะไกลเช่นเดียวกับดิวนาเมส แต่อาวุธหลักจะเป็น “Revolve Bazooka” ไม่ใช่ไรเฟิลแต่อย่างใด ถือเป็นหุ่นที่เริ่มใช้เทคโนโลยี e-sensor ในการตรวจจับตำแหน่งศัตรูในระยะไกล ชื่อของซาดัลซุด มีความหมายว่า ความโชคดี ต่อมาถูกครอบครองโดย เฟเรชเตเช่นเดียวกับอัสเทรีย และถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Sadalsuud Type-F
GNY-003 Gundam Abulhool – Gundam Gen.2 เป็นต้นแบบในการพัฒนาของ Gundam Kyrios มาร์ลีน วลาดี้เป็นไพล็อตประจำเครื่อง แต่รูปแบบในการแปลงร่างอาจจะยังดูไม่ดีเท่าคิวริออส รูปลักษณ์ตอนเป็น flight mode จะเป็นเครื่องบินแท้ๆเลย เป็นหุ่นที่มีสมรรถนะในการบินด้วยความเร็วสูงที่สุด แต่มีจุดด้อยที่อาวุธ ติดตั้งไว้เพียงวัลแคน และ มิสไซล์เท่านั้นเอง อาบุลโฮลตามชื่อในไพ่ทาโร่ มีความหมายว่า ความน่าเกรงขาม
GNY-004 Gundam Plutone – Gundam Gen.2 เป็นต้นแบบในการพัฒนาของ Gundam Virtue ชาล อคุสติก้า เป็นไมสเตอร์ประจำเครื่อง ถือเป็นกันดั้มรุ่นที่ 2 ที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้ามากที่สุด เพราะสามารถใช้ Trial System ได้ กางGN Field ก็ได้แถมมี Core Fighter สำหรับหลบหนีฉุกเฉิน / ประกอบเข้ากับตัวหุ่น ได้อีกด้วย ถือเป็นต้นแบบของ Nadleeh และ Virtue อย่างแท้จริงเลย นอกจากนี้ยังมี GN Composite Armor หรือการอัดเกราะด้วยอนุภาค GN เพิ่มความแข็งแกร่งของเกราะขึ้นไปอีก ชื่อพลูโตเน่ มีความหมายโยงถึง เทพพลูโตตามตำนานโรมัน สื่อถึง “นรก”
[ CHARACTERS ]
Fon Spaak – อดีตฆาตกรผู้ถูกเวด้าเลือกให้มาเป็นไมสเตอร์ ฟอนเกลียดแนวคิดของอิโอเลียแทบทุกอย่างยกเว้นตรงที่ “การใช้กันดั้มในการเปลี่ยนแปลงโลก” มีการติดสายระเบิดไว้ที่คอด้วยเหตุผลเดียวกับ มาร์ลีนจากภาค OOFแต่เพิ่มเติมตรงที่ ฟอนจะถูกล็อคข้อมือไว้ตลอดเวลา เว้นแต่ตอนขับกันดั้ม อีกด้วย
Chall Acustica – ชาล อดีตสมาชิก CB ได้รับเลือกเป็นผู้นำองค์กรเฟเรชเต มีความหลังบางอย่างกับหุ่น Plutone …
Hanayo – Haro ติดหูแมวที่สามารถทำงานได้แบบ Haro ทั่วๆไปของ CB เพิ่มเติมความสามารถตรงที่ มีร่างกายของตน แสดงออกมาได้ด้วย
Sherilyn Hyde – เด็กสาวมากความสามารถด้านเครื่องกล และการซ่อมแซมโมบิลสูท ลูกศิษย์นายช่างใหญ่อย่าง เอียน วาสตี้
Eco Calore –ไมสเตอร์ตัวสำรอง ผู้ที่ครั้งหนึ่งเกือบได้เป็นไมสเตอร์ แต่ฝืมือไม่ถึงจึงถูกเวด้าปฏิเสธไป
Hixar Fermi – ฮิกซาร์ที่ต่างออกไปจากภาค OOP ได้รับหน้าที่ติดตาม Fon และ Fereshte จากเวด้า แต่ทำไม.. เขาถึงเปลี่ยนไปกันนะ
Hayana – ผู้ติดตามฮิกซาร์ ไมส์เตอร์รูปแบบเดียวกับ Hanayo
[ STORIES ]
**การบรรยายเนื้อเรื่องของภาค OOF จะขอเขียนในลักษณะ “เชื่อมโยง” กับ ภาคหลักนะครับ จะไม่ได้บรรยายเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบแบบละเอียด จะพยายามแสดงให้เห็นถึงแง่มุมต่างๆของตัวละครที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกันกับภาคหลักนะครับ** ( เนื้อเรื่องเต็มๆ แนะนำให้ลองหามังงะอ่าน Gundam OOF LCโดยค่า Siam Inter 4 เล่มจบครับ )
FERESHTE (เฟเรชเต)องค์กรสนับสนุน CB ที่ได้ก่อตั้งโดย ชาล อคูสติก้า อดีตสมาชิกCB และผู้เป็นกันดั้มไมสเตอร์รุ่นแรก เธอซึ่งได้รับการอนุญาติจากเวด้าเป็นที่เรียบร้อยก่อตั้ง Fereshte ขึ้นมาโดยมีพรรคพวก 4 คน ได้แก่ ฟอน สปาร์ค , เอโค่ , ฮานาโยะ และ เชอริลิน …
ปี AD 2307 ช่วงเวลาเดียวกับที่พวก เซตสึนะ และ ไมส์เตอร์คนอื่นๆของ CB ปรากฏตัวต่อสายตาชาวโลกใน First Mission , กลุ่มเฟเรชเตเองก็ได้เริ่มเคลื่อนไหว ฟอน สปาร์ค ไมส์เตอร์อดีตฆาตกร ออกความเห็นว่าตนนั้น ไม่เห็นด้วยกับความคิดของ “อิโอเลีย เชนเบิร์ก” ที่ว่าจะขจัดสงครามด้วยอาวุธอย่างกันดั้ม แต่ตนก็ยินดีที่จะทำตามแผนการ เนื่องจากตนรู้สึกว่า “แผนของตาลุงนี่ มันน่าสนุก !!!” (ฟอนกล่าวไว้)
รูปแบบภารกิจของเฟเรชเตที่มังงะ Gundam OOF แสดงให้ผู้อ่านได้รับรู้คือ ภารกิจของพวกเขา ไม่ไช่เพียงแค่การสนับสนุนด้วยกำลังอาวุธ แต่รวมไปถึงการวิเคราะห์ยุทธการต่างๆของ CB เพื่อเป็นการขยายความหลายๆฉากในอนิเมะว่า “ทำไมไมสเตอร์ถึงได้ตัดสินไจเช่นนั้น”เช่นในตอนที่เซตสึนะปะทะกับเกรแฮมเป็นครั้งแรกเหนือมหาสมุทร การต่อสู้จบลงด้วยการที่ Exia ถูกกดดันจนต้องยอมถอยจมลงน้ำไปทั้งอย่างนั้น แต่เหตุผลที่เซตสึนะตัดสินใจทำแบบนี้ นั้นก็คือ … การต่อสู้กับแฟลกของเกรแฮม เริ่มมีความเสียเปรียบ เซตสึนะจึงตัดสินใจลงน้ำไป ด้วยเหตุที่ว่าแฟลก มันลงน้ำไม่ได้ … // ณ ตรงนี้เป็นประเด็นที่ไม่สามารถทราบได้เลยหากติดตามเพียงภาคหลัก …นี่คืออีกหนึ่งแง่มุมที่น่าสนใจมากๆของตัวละครนี้ ฟอน สปาร์ค เป็นตัวละครที่มักจะอ่านแผนการต่างๆ ได้ออกอย่างง่ายดาย คาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ เซนส์ดีสุดๆ
ภารกิจแรกในการสนับสนุนของเฟเรชเต เริ่มด้วยการใช้ Sadalsuud Type-F ในการสนับสนุน Dynames ของล็อคออน เพื่อทำลาย โมบิลอาร์เมอร์ใต้น้ำของ HRL … ล็อคออนทำการยิงไปที่ MA แต่ดันพลาด !? เนื่องจากโดนแจมมิ่งโดย MA ของศัตรู แต่ด้วยความช่วยเหลือของ Sadalsuud และ เซนส์ของฟอน ทำให้ตรวจจับตำแหน่งของศัตรูได้พบ และส่งข้อมูลให้กับ Halo ในดิวนาเมสได้ทันที ทำให้ล็อคออนปฏิบัติภารกิจสำเร็จไป ( อ้อลืมบอกไป Sadalsuud ที่เป็นหุ่นต้นแบบของ Dynames ก็มีระบบที่ใช้ Halo ในการเป็นนักบินผู้ช่วยเช่นกัน )
เหตุการณ์ต่อมา ฟอน มาพร้อมกับ อาบุลฮุล หุ่นต้นแบบของคิวริออส ได้ทำการสนับสนุน CB ในภารกิจแทรกแทรงการรบระหว่าง 3 กองทัพ และได้พบกับ อาลี อัล ซาซีส์ … ในมังงะตอนนี้ ฟอนได้กล่าวว่าเขารู้จักกับผู้ชายคนนี้ รู้จักกับซาซีส์ จำได้ทันทีหลังได้ยินเสียงของเขา ฟอน สปาร์ค ในวัยเด็ก เคยทำงานร่วมกับ ซาซีส์ สมัยมันยังเป็นทหารกบฏอยู่เคอร์ดิช (จุดนี้ เป็นจุดที่แสดงให้เห็นถึง วัยเด็ก อดีตอันคล้ายคลึง ระหว่างฟอน และ เซตสึนะ)
ฟอน เลือกที่จะยังไม่ปะทะกับซาซีส์ในตอนนี้ และ บินจากไป พร้อมกับรอยยิ้มสุดแสนจะดีใจ ที่ต้นได้รู้ถึงการมีชีวิตอยู่ของซาซีส์นายเก่า
พวกทรินีตี้เองก็ได้มาปรากฏตัวในภาค OOF ด้วยการบุกมาถึงฐานของเฟเรชเต พร้อมแจ้งว่า มีคำสั่งจากเวด้าให้ทำการยุบองค์กร และ ยอมมอบเตา GN Drive ของ O-Gundam ให้กับเหล่าทรินิตี้แต่โดยดี ทางฟอนไม่ยอมรับ และได้ขับ GNY-004 Plutone Gundam ออกไปเพื่อจะปะทะกับโทรเน่ทั้ง 3 เครื่อง แต่แล้วเหตุการณ์ที่เลวร้ายก็ได้เกิดขึ้น เมื่อ โยฮัน ทรินิตี้ ได้รายงานต่อเวด้าว่าฟอนสปาร์คทำการขัดคำสั่งของเวด้า ปลอกคอของฟอนจึงเกิดระเบิด กล่องเสียง หลอดลมโดนดาเมจไปเต็มๆ อีกทั้งเสียเลือดมาก แต่ถึงแบบนั้น ฟอน ก็ยังสามารถบังคับหุ่นสู้ต่อไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ( หมอนี่มันเกินลิมิตของมนุษย์ไปแล้ว )
แม้ว่าสุดท้ายจะพ่ายแพ้ให้กับโทรเน่ทั้ง 3 เครื่องและต้องหลบหนีด้วย Core system ของ Plutone … ฮานาโยะเองก็อยู่กับฟอน และคอยพยุงชีวิตของฟอนเอาไว้เท่าที่จะทำได้ เหล่าเฟเรชเต ตัดสินใจจะพาฟอนไปหา ดร.โมเรโน่ คุณหมอคนเก่งเพือรักษา ซึ่งประจำการอยู่บนที่ยานปโตเลไมออส …
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ CB ไม่รุ้ถึงการมีอยุ่ขององค์กรเฟเรชเตนะครับ … ดังนั้น การที่จะพาฟอนเข้ามารักษานี่ถือว่า มีเพียง “เอียน” และ “โมเรโน่” เท่านั้นที่ทราบเรื่องและช่วยกันปิดบังอย่างดี ( เอียน วาสตี้ และ โมเรโน่ รู้จักกับ ชาล มาตั้งแต่ภาค OOP และทั้ง2คนทราบถึงการมีอยู่ของเฟเรชเต)
หลังจากฟื้นตัวกลับมาได้ ฟอน สปาร์ค กำลังจะลุยภารกิจต่อไปด้วยการขึ้นขับ Astraea Type-F ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ตัวร้ายประจำซีรีย์ได้เปิดเผยตัวออกมาพร้อมกับการปิดชีพอิโอเลีย “Ribbons Almark” นั่นเองครับ รวมไปถึง การเปิดใช้ระบบ Trans-Am ซึ่งเป็นไม้ตายที่อิโอเลียซ่อนเอาไว้ มอบให้กับเหล่าไมส์เตอร์ทุกคน ..อีกทั้งฮานาโยะ ซึ่งเป็นเทอร์มินัลของเวด้า ได้รับข้อมูลมาว่า CB นั่นล่มสลายไปเรียบร้อยแล้วหลังการพ่ายแพ้ต่อสหพันธ์ที่รวม 3 กองทัพเป็นหนึ่งเดียว นั่นคือช่วงจบ Gundam OO Season 1 นั่นเองครับ
สำหรับ Gundam OOF season 2 และ เล่มที่ 2 นั้น นับว่ามีการเชื่อมโยงกับภาคหลักน้อยมาก เป็นการเปิดตัว ตัวละครใหม่ ไมส์เตอร์คนใหม่อย่าง ฮิกซาร์ เฟรมี่ และ คู่หูอย่าง ฮายานะ ( หากใครอ่านบทความ OOP มาแล้วอาจจะกระตุกขึ้นมาได้เมื่อเห็นชื่อนี้)
ฮิกซาร์ เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการลอบเข้ามายังฐานทัพเฟเรชเต อีกทั้งใช้ฮายานะในการบังคับและขโมย Sadalsuud Type-F มาได้ แต่ก่อนจะออกจากฐานไปก็มาเจอกับ ฟอน ที่ขับอบุลโฮลกลับมายังฐานพอดี ฟอนพยายามต่อสู้เพื่อไม่ไห้หุ่นของตนนั้นถูกขโมยไป แต่ผลก็จบที่ฮิกซาร์ก็สามารถหนีออกมาได้สำเร็จ …. ทั้งฟอนและฮิกซาร์ต่างลงไปที่โลก ได้พบกันคุยกันอย่างเยือกเย็น ทั้งสองคนมาที่ลิฟท์วงโคจรโดยมีจุดประสงค์เดียวกันคือการยับยั้งเหตุก่อการร้ายที่ลิฟท์ แต่เจ้าฟอนนี่ก็มาแนวบ้าหลุดโลกเหมือนเดิม ฟอน สามารถเอาตัวรอดจากการโจมตีของ MS ของกลุ่มก่อการร้ายได้ ซึ่งแม้แต่ฮิกซาร์ที่ขับซาดัลซุดอยู่ก็ยังได้ตกตลึงถึงความอึดของหมอนี่ …
ขึ้นเล่มที่ 3 เนื้อเรื่องของฝั่งเฟเรชเตนั้นเข้มข้นขึ้น แต่ด้านความเชื่อมโยงกับภาคหลักเรียกได้ว่ายังน้อยเหมือนกับเล่ม 2 จุดที่เชื่อมโยงกันมีเพียงจุดเดียว คือการนำ GN Drive ของ O-Gundam ที่เฟเรชเตเป็นคนครอบครองไว้ กลับมาที่ CB เพื่อพัฒนาระบบใหม่ล่าสุดอย่าง Twin Drive system ที่อิโอเลียส่งมาให้พร้อมๆกับ Trans-Am นั่นเองครับ โดยเอียนได้ใช้ข้อมูลเดิมของ Rasiel Gundam เป็นพื้นฐานในการพัฒนา OO Gundam อีกด้วยนะครับผม … แต่ไหนๆแล้ว ก็จะขอเล่าสรุปเกี่ยวกับเนื้อเรื่องในเล่ม 3 ให้ฟังนะครับ
สถานการณ์ในเล่มนี้เรียกว่ากลับด้านปหมดเลย ฟอน ได้ตัดสินใจไปเข้าร่วมกลุ่มต่อต้านสหพันธ์ แยกตัวออกจากเฟเรชเต และ ไม่ฟังคำสั่งของชาล ถูกตั้งเป็นกบฏต่อองค์กรเรียบร้อยแล้ว สถานการณ์เลวร้ายถึงขนาดนี้ ชาลไม่มีทางเลือก และได้ตัดสินใจติดต่อกับ ฮิกซาร์ ทีก่อนหน้านี้ยังเป็นศัตรูกันอยู่ ให้มาเป็นกันดั้มไมส์เตอร์ของเฟเรชเต ฮิกซาร์ยอมรับข้อเสนอของชาล พร้อมกับรับภารกิจแรกในทันที [ พาฟอน สปาร์คกลับมาที่เฟเรชเตให้ได้ ] แต่ฮิกซาร์ ก็ไม่สามารถเอาชนะฟอนด้านการสู้รบได้ ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายหยุดการปะทะ ฟอนได้ขึ้นสู่อวกาศอีกครั้ง และด้วยความช่วยเหลือของฮานาโยะ เขาสามารถนำยานโรงงานเก่าของ เฟเรชเตอย่าง “ยูคลิเดส” ออกมาใช้งาน ทางด้านฮิกซาร์ที่ยังตามมา ตื้อไม่เลิกก็ได้ตะลึงไปเลย …
มาถึงเล่มจบของภาค OOF กันแล้ว ! จุดเชื่อมโยงสำคัญของเล่มนี้ มีเพียงประเด็นเดียวอีกแล้ว นั่นคือ การปรากฏของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “อินโนเวเตอร์” ครับผม หากให้พูดถึงจุดที่น่าตกใจสุดๆสำหรับเล่มนี้นั้นก็มีอยู่ด้วยกันสองประเด็น จะค่อยๆเล่าตามเนื้อเรื่องไปนะครับ
ฟอน สปาร์ค ได้พบกับอินโนเวเตอร์คนหนึ่งที่มาพร้อมกับ Black Plutone และ ตกลงว่าจะให้ความร่วมมือกับ ฟอน สิ่งที่น่าตกใจคือ ฟอน สัมผัสได้ว่าคนที่เขาคุยอยู่ด้วยนี้ ไม่ไช่มนุษย์ธรรมดา ไม่ไช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั่วๆไป เป็นอะไรที่พิเศษกว่านั้น … สิ่งที่ฟอนสัมผัสได้นั้นถูกต้องทุกอย่าง เขาสัมผัสได้ถึงแม้ว่าตัวเขานั้นจะไม่ใช่อินโนเวเตอร์ด้วยซ้ำ ! ( ฟอนนี่มันเหนือมนุษย์เกินไปละนะ ) ในเล่มนี้ ฮิกซาร์ เริ่มกลับเป็นตัวของตัวเอง เริ่มเดินไปตามทางของตนเองโดยไม่พึ่งเวด้าอีกต่อไป นำมาซึ่งการปะทะกันระหว่าง อินโนเวด (สปอย : ฮิกซาร์ ณ ตอนนี้ เป็นอินโนเวดนะครับ ) เหล่าอินโนเวดที่ปรากฏตัวในเล่มนี้ มีกระทั่งตัวฮิกซาร์อีกคนนึง รวมไปถึง เกรฟ (กราเว่ แล้วแต่คนจะอ่าน) ที่ตายไปแล้วในภาค OOP (ก็มาในรูปแบบอินโนเวดนะครับ) เหตุการณ์นี้ทำให้ฮิกซาร์สับสนอยู่พักใหญ่ทีเดียวกว่าจะเอาชนะมาได้ ….
เรื่องที่พีคที่สุดของเล่มที่ 4 นี้อีกจุดครับ หลังจากฝ่าฟันการต่อสู้กับเหล่าอินโนเวดที่ขับ Black Plutone ได้อย่างง่ายดายแล้ว ฟอนก็ได้เข้าไปเยือนเวด้า … (ใช่ครับ เวด้า ไอหมอนี่มันรู้กระทั่งว่าเวด้านั้น ตั้งอยู่ด้านหลังดวงจันทร์ ซึ่งมันรู้ได้ยังไง ในมังงะเองก็ไม่ได้กล่าวเอาไว้)VEDA ที่แม้แต่เหล่า CB ยังไม่รู้ตำแหน่งของตัวเครื่องเลยด้วยซ้ำ กว่าจะมารู้เอาก็ช่วงท้าย season2 แล้ว ฟอนล่วงหน้ามาภาคนึงแล้วเนี่ย !
มาถึงฉากสุดท้ายของเล่มนี้ และ ของภาคนี้แล้วครับ ฟอน ที่ได้เข้ามาถึงตำแหน่งศูนย์กลางของเวด้า ได้พูดคุยกับ Ribbons Almark ที่ ณ เวลานั้นเป็นผู้ควบคุมเวด้าอยู่ Ribbons ได้กล่าวชื่นชมผลงานของฟอน ว่าช่วยทำให้ภารกิจของเขานั้นสะดวกรวดเร็วขึ้นเยอะจริงๆ แต่ฟอนก็เจอกับเรื่องที่ไม่คาดคิดเมื่อสิ่งที่เขาเห็น ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ ตัวเครื่องเวด้าหลักนั้นถูกเหล่าอินโนเวเตอร์ และ Ribbons ย้ายไปอีกที่แล้ว …. // ตัดจบ ฉากนี้ ณ ตรงนี้ ก่อนจะ Time Skip ไปอีก 1 ปี ( สปอยเชื่อมไปถึง OOI เลยละกันครับ ด้วยความสามารถแบบไหนก็ไม่อาจทราบได้ หลังจากเหตุการณ์ภาค OOF ไปแล้ว เมื่อฟอนปรากฏตัวขึ้นในภาค OOI ตัวเขานั้น มีเวด้าส่วนตัวไว้ใช้งานครับ … )
เนื้อเรื่องตัดมาอีกช่วง ปี AD 2308 1 ปีให้หลังจาก CB ล่มสลายไปหลังการพ่ายแพ้ .. เหล่า CB ค่อยๆเริ่มก่อตัวขึ้นใหม่ อีกทั้งมีเฟเรชเตคอยสนับสนุนหนุนหลังอยู่ เหล่าสมาชิกของทั้งสององค์กรในเวลานี้ได้ทำงานร่วมกันมากขึ้น แต่เหล่าไมส์เตอร์ก็ได้สาบสูญแยกย้ายกันไปตามที่ทราบกัน เชอริลิน สาวน้อยแมคคานิคอัจฉริยะเองก็ได้ร่วมกับเอียน วาสตี้ ในการพัฒนาโมบิลสูทตัวใหม่ล่าสุด
“GN-0000 OO Gundam”
จบ MobileSuit Gundam OOF
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก