รีวิว Review Spider-Man: No Way Home : เป็นผู้ใหญ่ได้แล้วนะปีเตอร์!
23 ธันวาคม 2564 22:00 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

 

Spider-Man No Way Home

Marvel’s Spider-Man: No Way Home

แนว : Superhero / Action / Adventure / Comedy

แสดงนำโดย : ทอม ฮอลแลนด์  เซนดายา, เบเนดิกต์ คัมเมอร์แบตช์, เจคอบ บาตาลอน
ผู้กำกับ : จอน วัตส์

ผลิตโดย :  Sony / Marvel Studios

กำหนดฉาย  ธันวาคม 2021


 

S.H.FIGUARTS SPIDER-MAN [BLACK AND GOLD SUIT] (SPIDER-MAN NO WAY HOME) [ราคา วันวางขาย] (3)

แนะนำ ของเล่นใหม่ S.H.FIGUARTS SPIDER-MAN

[BLACK AND GOLD SUIT] [ราคา /วันวางขาย]

 

 

 

Spider-Man No Way Home - Official Teaser Traile (2)

ภาคนี้ คือผลลัพท์ที่ภาค Far Form Home ทิ้งไว้ให้

เราจะเห็นโลกที่วุ่นวายมากกว่าเดิม เมื่อปิเตอร์ ปาร์คเกอร์ ถูกเผยตัวตนให้สาธารณชนได้รับรู้ คนรอบข้างเขา ทั้ง MJ , ป้าเมย์ ,เนต กลายเป็นที่จับตามองไปด้วย และนั่นส่งผลให้การใช้ชีวิตของคนที่ปีเตอร์รัก ไม่เหมือนเดิม (ในคอมมิคบางตอนนี่ถึงกับคนรอบข้างโดนวายร้ายตลบหลังฆ่าตายเลยก็มี) และจากจุดที่ปีเตอร์รู้สึกว่าคนรอบข้างอาจจะไม่ปลอดภัย จึงคิดหาทางทำให้ชีวิตของเขากลับมาเหมือนเดิม แต่ด้วยความเป็นเด็ก จึงคิดอะไรได้ไม่มากเท่าไหร่นัก จึงกลายเป็นไอเดียง่ายๆอย่าง “การขอร้องให้ดร.สเตรนจ์ใช้เวทมนตร์” แก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น

 

 Spider-Man No Way Home - Official Teaser Traile (6)

 จากจอมเวทย์มือใหม่ สู่การเป็นยอดจอมเวทย์ผู้เก่งกาจ ดร.สเตรนจ์ คือหนึ่งในคีย์ของทีม Avenger ในการสู้ศึกธานอส นักดีดนิ้ว ความสามารถของเขาได้รับการขัดเกลา จนสามารถท่องเวลาหาความเป็นไปได้หลายล้านรูปแบบ จนเอาชนะเจ้ามันม่วงมาได้  และยิ่งในตอนนี้ หากการเข้าไปในมัลติเวิร์สของดร.สเตรนจ์ ไม่ได้มาจากพลังของ  “มณีเวลา” หรือ Eye of Agamotto  แต่เป็นพลังของเขาเอง


ก็เท่ากับว่า ความสามารถของหมอแปลก ในตอนนี้ ก็น่าจะเท่ากับแอนเชียนท์ วัน เผลอๆอาจจะเก่งเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้ไปซะแล้ว เพราะแม้แต่ แอนเชียนท์ วัน เองก็เคยกล่าวว่า ดร.สเตรนจ์ คือจอมเวทย์ที่เก่งที่สุด …

 

Loki-trailer-featured

และยิ่ง “การแตกของเส้นเวลา” ผลลัพท์ในตอนจบของซีรีส์ LOKI ก็ได้ทำให้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เต็มไปด้วยช่องโหว่ และไร้เหตุผล ให้กลายเป็น “ความชอบธรรม” ในการสร้างสตอรี่ ที่ไม่สมเหตุผลได้ด้วยการอ้างถึง“ทฤษฎีมัลติเวิร์ส” ที่แตกออกไปจนมั่วซั่วนั่นเอง…

 

 

 

ทั้งหมดนี้ คือ “แก่นของเรื่องราว ที่เกิดขึ้นใน Marvel’s Spider-Man: No Way Home

 

 

Marvel’s Spider-Man No Way Home

รีวิว 9/10

 หนังที่เต็มทุกอารมณ์ความบันเทิง และดราม่าที่สนุก ลงตัว และมีเหตุผล

จนเราคิดว่า นี่คือ “สไปเดอร์แมนที่ดีที่สุดอีกเรื่อง” (เรื่องแรกของแอดฯ ยกให้ไอ้แมงมุมโทบี้ในภาค 2 นะ ดราม่าดี) 

 

 

หลังจากหลบสปอย + ไม่ติดตามข่าวสารใดๆของไอ้แมงมุมภาคนี้เลย นับตั้งแต่ตัวอย่างแรกออกมา แอดมินบอกเลย ในฐานะแฟนไอ้แมงมุม นี่คือ “มหกรรมความฟิน ครั้งยิ่งใหญ่” ของขวัญจากมาร์เวลที่เข้าขั้น Masterpiece!! หลังจากที่ Avenger : Endgame ได้ฝากเอาไว้ และยังไม่มีหนังมาร์เวลเรื่องไหนทำออกมาได้ยิ่งใหญ่ และได้ใจคนดูเลย จนกระทั่งวันที่ไอ้แมงมุม  Marvel’s Spider-Man: No Way Home” ออกฉาย…

Spiderman Suit 2017 (3)

หนังเล่าเรื่องราวผลสืบเนื่องจากภาคที่แล้วตรงๆ (ใครยังไม่ดู รีบทำการบ้านซะ) หนังไม่ปราณีคนดูที่ไม่ได้ตามจักรวาล MCU เลย อย่างน้อยคุณต้องมีพื้นฐานจากหนังไอ้แมงมุมมาร์เวลมาก่อน  จะเต็มอรรถรสมากๆ เพราะหนังทำมาเพื่อให้เราได้เห็นมุมมอง พัฒนาการตัวละครที่เติบโตขึ้น จริงจังขึ้น ถ้าว่่ากันตรงๆเลย คือถ้าใครคิดว่่า สไปเดอร์แมนของ ทอม ฮอลแลนด์ เป็นเด็กน้อยง้องแง้ง เรียกหา คุณสตาร์ค ทั้งเรื่อง ในภาคก่อนๆ…

 

 

Marvel’s Spider-Man 3 (2)

เราจะเห็นการเติบโต และการตัดสินใจบางอย่างของเขา และเราจะภูมิใจในตัวหนุ่มน้อยที่ “โต” ทั้งความคิด ร่างกาย และจิตใจจริงๆ…อารมณ์ตอนอยู่ในโรงนี่คือ เหมือนพ่อนั่งดูลูกชายที่กำลังโตเป็นหนุ่ม มีความคิดอ่าน เรียนรู้ในข้อผิดพลาด และอยากแก้ไขมันแล้วจริงๆ

 

ตัวหนังมีความยาว 2 ชม. ที่ไม่มีจุดยืดยาด น่ารำคาญใดๆ หนังใส่ “เนื้อหา” อัดแน่นตลอดสองชั่วโมง คุ้มๆ เนื้อๆเน้นๆ เข้าประเด็น และลากยาวมายังบทสรุปของเรื่องราวได้ “ลงตัว” และ “ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆเลย” อีกทั้งอารมณ์ของหนัง ยังมีหลากหลาย ตั้งแต่ “ขำในลำคอ” ไต่ระดับมา “ฮาก๊าก” / หรือจะ  “ดราม่า” ชวนเครียด ไล่ไปถึง “เสียน้ำตา” ได้ เชื่อว่า ใครที่ได้ดู จะต้องคิดเหมือนกันแน่นอนว่าหนังมันครบทุกมิติจริงๆ…

 

 

Spider-Man No Way Home - Official Teaser Traile (12)

และการที่ตัวร้ายค่อนข้างเยอะ หลายคนกังวลว่าจะเอาอยู่มั้ย อันนี้ยืนยันว่า “ตัวหนัง สามารถใส่ Point ของตัวร้ายแต่ละตัว ให้มีแอร์ไทม์ที่เหมาะสม และลงล๊อกอย่างน่าสนใจ” ถือว่าผู้เขียนบท และผู้กำกับ จอน วัตส์ เอาอยู่จริงๆ เพราะตัวหนัง มีโมเมนตั้มของตัวละครในเรื่องที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป ทุกตัวเด่น และน่าจดจำไม่แพ้กัน 

 

ที่สำคัญ ตัวหนัง มีจุดที่ทำให้ติ่งไอ้แมงมุมกรี๊ดแตกมาเรื่อยๆ ใครที่อยากรู้ว่ามีอะไร แนะนำไปดูเอง ขอไม่กล่าวถึง แต่บอกเลยว่า “เป็นการเปลี่ยนโรงหนังในไทยให้กลายเป็นโรงหนังอินเดียได้” เฮลั่น “แทบลุกมาไต่เพดานโรงหนัง” เลย (555+) เอาแค่นี้ละกัน 

 

ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ดีงามในหนังไอ้แมงมุมภาคสามจากจักรวาลมาร์เวลนี้ แต่สิ่งที่ไม่ค่อยโอเคมีนิดเดียว คือฉากต่อสู้ที่รวดเร็ว “จนดูไม่รู้เรื่อง” ในหลายๆจังหวะ CGแปลกๆ จัดแสงแปลกๆ แต่ก็โอเค ช่่างมันเถอะ ในเมื่อเนื้อหามันเต็มที่ ใส่เต็มขนาดนี้ ถือว่ายอมรับได้ครับ 

 

สรุป ถ้าคุณเป็นแฟนไอ้แมงมุม คุณต้องไปดู แค่นี้แหละ!

 

 

———–

 

อ่อ มี End Credit 2 ตัว 

ตัวแรก ว้าวซ่าใช้ได้

ตัวสอง เป็นตัวอย่างจากหนัง “Dr.Strange in the Multiverse of Madness จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย”  

มาตัดต่อใหม่นิดหน่อย เรียกแขกให้หนังหมอแปลกนี่แหละ ถ้าไม่ซีเรียส กลับมาดูที่บ้านก็ได้ครับ 555

 

แอดมิน AK47