แนวทางการเล่นอาชีพ Mage ใน Ragnarok M : Eternal Love : Metal Bridges‏ แหล่งร่วมข้อมูลข่าวสาร เกมส์ การ์ตูน ของเล่น หนัง อุปกรณ์ ไอที

แนวทางการเล่นอาชีพ Mage ใน Ragnarok M : Eternal Love

26 พฤศจิกายน 2561 18:53 น.

อีกหนึ่งตำแหน่งที่ขาดไม่ได้ในกิลด์ หรือปาร์ตี้ คือตัวทำดาเมจขั้นรุนแรง และอาชีพ “เมจ” คือจุดเริ่มต้นของสายทำลายล้างด้วยเวทมนตร์ที่มีลักษณะ “การโจมตีด้วยธาตุ” ที่ชัดเจน ดังนั้นเรามาดูกันว่า ปลายทางของเมจ ที่เป็นตัว Burst Damage หนักๆนี้ ต้องเล่นไปในทิศทางไหน

Flow ในการอัพ Stats ตอนเป็น Mage

“ยัดค่า INT ให้ได้มากที่สุด ยาวยันเลเวล 50″

อาชีพเมจ เป็นอีกหนึ่งคลาสที่เก่งช้า ออกล่ามอนสเตอร์ด้วยตัวคนเดียวค่อนข้างลำบากในช่วง 30 เลเวลแรก ด้วยความที่เวทย์ยังไม่แรงมาก แถมสกิลที่สามารถจัดการศัตรูแบบยกฝูง ก็ยังมีไม่มาก จึงจำเป็นที่จะต้องไปเป็นปาร์ตี้ หรือไม่ก็อาศัยทำเควสท์ x10 / ซื้อใบผ่านเควสท์กระดาน-รอยแยก ซึ่งการอัพสเตตัสในช่วงนี้ อย่าสนใจค่าอื่น นอกจาก ยัดทุกแต้มที่มีลงไปที่ค่า INT ให้หมดครับ (ค่าความแรง ขึ้นอยู่กับ INT ล้วนๆ)

สกิลแนะนำในการเก็บเลเวล

Increse SP 10 / Soul Strike 5 /Fire Bolt 5 / Fire Wall 10 / Lightning Bolt 5 / Frost Diver 5

โดยจุดเก็บเลเวลของ Mage จะมีสามช่วง ที่ไม่เจ็บตัวมากมาแนะนำกัน

ช่วงแรก – เวล 30 บ่อไฮดร้า ถ้ำพายอน (ไปเป็นตี้กับพวกนักธนูได้ ตามสูตรนี้ คลิก )

สิ่งที่ทำคือยืนดูดเฉยๆ หรือจะใช้สกิล Fire Wall / Thunderbolt เปิดเล่นๆในวงก็ได้

ช่วงเวล 30 – 40 เหล่าบรรดาผึ้งทั้งหลาย ที่หุบเขา Mjornir (วาร์ปจาก Geffen มาได้)

เวทที่แนะนำ Firebolt / Thunderbolt / Fire Wall / Frost Diver

ป่าก๊อบลิน (ถ้ารู้สึกว่า ที่หุบเขา Mjornir ไม่ค่อยขึ้น ให้มาที่นี่ )

เวทที่แนะนำ Firebolt / Thunderbolt / Fire Wall

mage-ragnarok-m 1

การ Build ตัวละคร

ส่วนสกิล ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่า “สายการเล่น” และการแบ่งแต้มสกิลที่เหมาะสมอีกแล้ว ในเวอร์ชั่นมือถือจะมีความแตกต่างจาก PC พอสมควรในสายธาตุการเล่น ในเวอร์ชั่นนี้ จะตัดทอนความยุ่งยาก และเหลือเพียงเวทย์ใหญ่ๆแรงๆร่ายนานๆมาให้ใช้กันอย่างจุใจ (มันดีมั้ยวะเนี่ย 555+) เอาเป็นว่า เรามาดูกันว่าจะเล่นสายไหนยังไงบ้าง

Flow การอัพ Stats

หลังจากเป็นวิซาร์ดแล้ว เล่นไปซักเลเวล 50 ค่อยกลับมาลง DEX ให้ได้ซัก 30 แล้วกลับไปอัพ INT ต่อ สลับกับอัพ DEX ทุกๆ 10 เลเวล จนครบค่า Stats INT 99 + DEX 99 (ร่ายเร็วเพราะค่า DEX)

(ในรูป คือเลเวล44)

หลักๆการแบ่งสายของเวทย์

จะเป็นการทำคอมโบกันระหว่างสาย สามารถจับคู่ได้ดังนี้

สายวิญญาณ

สายที่เน้นความต่อเนื่องในการโจมตี มีการร่ายเวทย์ที่รวดเร็วทันใจ ดีเลย์ไม่นาน แต่ข้อเสียคือ ส่วนมากเป็นการโจมตีเป้าหมายแบบเดี่ยว แต่ถ้าขึ้นไฮวิแล้ว รับรอง “แรง”ด้วยสกิล Napalm Vulcan เก็บเป้าหมายเดี่ยวๆสบายๆ

สกิลที่ใช้

Increse SP Recovery 10 / Soul Strike 10 / Fire Bolt 10 / Fire Wall 10 / Heaven’s Drive 10 / Energy Coat 10 / Soul Drain 10 / Jupitel Thunder 10

น้ำแข็ง+สายฟ้า

จอมเวทย์สายเวล รอเก็บศัตรูแบบยกแผง ตามสูตร RO ยุคเก่า ไนท์ลาก วิซาร์ดยิงเวทย์หนักๆแรงๆซึ่งจะมีสูตรก็คือเปิดด้วยท่า Storm Gust ซึ่งเป็นสกิลแช่แข็งเป้าหมาย เมื่อเป้าหมายถูกแช่ ให้ตามด้วย Lord of Vermilion ที่เป้นเวทสายฟ้า ซึ่งจะทำให้ดาเมจแรงทะลุโลกได้ไม่ยาก

สกิลที่ใช้

Increse SP Recovery 10 / Cold Bolt 10 / Frost Diver 10 / Lightning Bolt 10 / Lord of Vermillion 10 / Magic Crasher 5 / Energy Coat 5 / Strom Gust 10/ Jupitel Thunder 10

ไฟ+ดิน

สายนี้จะเน้นการโจมตีเป้าหมายเดียวอย่างรุนแรง โดยมีปลายทางคือตอนเป็นHi Wizard จะเห็นผลเลยในกิลวอร์ PVP เพราะหยุดการเคลื่อนไหวด้วยเวท Stone Curse ที่เป็นธาตุดิน ซึ่งเป้าหมายที่โดนสาปเป็นหิน จะโดนเวทธาตุไฟแรงขึ้นเกือบเท่าตัว แต่ในตอนเป็นวิซาร์ด ก็ยังคงหากินกับสายน้ำแข็ง+สายฟ้าไปก่อน แล้วค่อยรีเซตสกิลเอาทีหลังได้

สกิลที่ใช้

Increse SP Recovery 10 / Fire Bolt 10 /Fire Wall 10 / Soul Strike 10/ Heaven’s Drive 10 / Sight 1 / Sightrasher 9 / Energy Coat 5 / Magic Crasher 10 /Fire Ball 10

สายผสม

อันนี้มาแนวโลภหลายใจเลย เอาหมดทุกสาย ข้อดีคือไปเก็บเวลได้ทุกที่ เพราะมีแทบจะธาตุที่ซัพพอร์ทดาเมจแรงๆ ข้อเสียคือไม่แรงสุดทางซักอย่าง

สกิลที่ใช้

Increse SP Recovery 10 / Firebolt 5 / Cold Bolt 5 / Fire Wall 10 / Frost Diver 10 / Heaven’s Drive 10 / Strom Gust 10 / Jupitel Thunder 10 / Energy Coat 5 / Magic Crasher