ชื่อญี่ปุ่น : 恐竜戦隊ジュウレンジャー (เคียวริว เซนไต จูเรนเจอร์)
ชื่อไทย : ขบวนการนักรบไดโนเสาร์ จูเรนเจอร์
จำนวน : 50 ตอน
ผลิตโดย : Toei
ฉายครั้งแรก : 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ถึง 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536
ฉายครั้งแรกในไทย : พ.ศ.2537 ทางช่อง 9 วันอาทิตย์เวลา 10.30 – 11.00 น.
นี่คือหนึ่งในสุดยอดหนังขบวนการ 5 สีที่อยู่ในใจของเด็กไทยยุค 90 อีกหนึ่งเรื่อง เรื่องราวของการต่อสู้พิทักษ์โลกของเหล่านักรบไดโนเสาร์จากอดีตกาล กับแม่มดผู้ชั่วร้าย กับ “ขบวนการนักรบไดโนเสาร์ จูเรนเจอร์”
ขบวนการนักรบไดโนเสาร์จูเรนเจอร์ (恐竜戦隊ジュウレンジャー เคียวริวเซนไต จูเรนเจอร์) เป็นภาพยนตร์ซุปเปอร์เซนไตลำดับที่ 16 ของประเทศญี่ปุ่น ออกอากาศทางสถานีทีวีอาซาฮี ทุกวันศุกร์ เวลา 17.30-17.55 น. (ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น) โดยเริ่มออกอากาศตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 ถึง 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 รวมความยาวทั้งสิ้น 50 ตอน ส่วนในประเทศไทย จูเรนเจอร์เคยออกอากาศทาง ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. โดยผู้นำเข้ามาฉายคือ บริษัท “ทูนทาวน์เอนเตอร์เทนเมนต์” (บ.ของ น้าต๋อย เซมเบ้) ในปี พ.ศ. 2537 โดยออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา10.30 น. (ในขณะนั้น)
จากนั้นก็มีลิขสิทธิ์ในรูปแบบวิดีโอ คือ บริษัท วิดีโอสแควร์ในปัจจุบันได้ออกวางจำหน่ายในรูปแบบวีซีดีลิขสิทธิ์ โดยบริษัท การ์ตูนอินเตอร์ จำกัด โดยมีการเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น “ขบวนการเทพนักสู้ จูเรนเจอร์” และปัจจุบัน มีจำหน่ายเป็น VCD ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ บ.Cartoon Inter
เรื่องย่อ
เมื่อหลายล้านปีก่อน มีการต่อสู้ของ “นักรบไดโนเสาร์” ที่คอยปกป้องโลก ร่วมกับ “เทพพิทักษ์ไดโนเสาร์” ที่ต้องฟาดฟันกับ “แม่มดผู้ชั่วร้าย บันโดร่า” ผลก็คือเหล่าเทพพิทักษ์ไดโนเสาร์ และ จอมปราชญ์ “บาร์ซ่า” ได้จับแม่มดบันโดร่า ผนึกไว้ในคนโทวิเศษ แล้วปล่อยคนโทนั้นล่อยลอยไปในห้วงอวกาศหลายล้านปี โลกกลับสู่ความสงบสันติ จนกระทั่งเรื่องราวการต่อสู้ของเหล่านักรบไดโนเสาร์ และเทพพิทักษ์ไดโนเสาร์ก็ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา
แต่ทว่า ในยุคปัจจุบัน โลกได้มีการส่งมนุษย์อวกาศ 2 นาย ไปสำรวจดาวเคราะห์เนเมซิสอันห่างไกล พวกเขาได้ค้นพบกับคนโทโราณที่อยู่บนดาวนั้น ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้แม่มดบันโดร่า และลูกสมุน ก็ได้ถูกปลดผนึกออกมา และหวังจะแก้แค้นเหล่ามนุษย์โลก และเหล่าเทพพิทักษ์ไดโนเสาร์
แน่นอนว่า จอมปราชญ์ “บาร์ซ่า” ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าเขาจะกลายเป็นตาลุงแก่ๆเลอะเลือนก็ตาม เขาได้ทำการอัญเชิญเหล่า “นักรบไดโนเสาร์” ที่หลับไหลมานานนับล้านๆปี ได้มาทำหน้าที่เดิมอีกครั้ง ในฐานะ “ขบวนการนักรบไดโนเสาร์ จูเรนเจอร์”
โดยนักรบไดโนเสาร์ประกอบไปด้วย “เกคิ เจ้าชายเผ่ายามาโตะ” / “โกชิ นักรบเผ่าชาม่า” / “แดน นักรบเผ่าเอธอฟ” / “บอย นักรบเผ่าไดม์” และ “เม เจ้าหญิงเผ่าริเชีย”
แต่ด้วยความแข็งแกร่งของบันโดร่าที่มีมากกว่ายุคหลายล้านปีที่ผ่านมา ทำให้เหล่าจูเรนเจอร์ต้องออกตามหา “อาวุธในตำนานทั้ง 5 ชิ้น” (伝説の武器 เดนเซทสึ โนะ บุกิ) ซึ่งเกิดจากการสังหารมังกร 5 หัวเมื่ออดีตกาล ได้แก่ ดาบสยบมังกรริวเกคิเคน / ขวานฟ้ามอธเบรเกอร์ / หอกเทพคู่ไทรเซแลนซ์ / มีดสั้นเซเบอร์แดกเกอร์ และ ธนูพูเทร่าแอโร่ว์ หากเหล่าจูเรนเจอร์ได้ครอบครองอาวุธในตำนานเหล่านี้ ก็จะมีกำลังสามารถต่อกรกับโดร่ามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งได้ แต่กว่าจะได้มา พวกของเกคิก็ต้องเสี่ยงชีวิต และอุปสรรคมากมาย ที่ “เขาวงกตลึกลับแห่งความสิ้นหวัง” ที่ๆเก็บซ่อนอาวุธในตำนานเช่นกัน
และการต่อสู้กับบันโดร่าในครั้งนี้ ก็ทำให้ “เทพพิทักษ์ไดโนเสาร์” ได้ตื่นขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญ และยังสามารถเปลี่ยนร่างเป็น “หุ่นเทพเจ้าไดโนเสาร์ ไดจูจิน” อีกด้วย
ในตอนนั้นเอง แม่มดบันโดร่า ก็เห็นหนทางที่จะเอาชนะเหล่าจูเรนเจอร์ และเทพพิทักษ์ไดโนเสาร์แล้ว เมื่อ“เรียวตะ” หลายชายแสนซนของ “โนม” หนึ่งในนักปราชญ์เพื่อนซี้ของบาร์ซ่า ก็ได้ฝ่าฝืนคำสั่งของโนม และบาร์ซ่า เข้าไปในป่าลึกลับ และทำการปลดผนึกนักรบไดโนเสาร์ที่ชื่อ “บุไร” เพราะเรียวตะเชื่อว่า บุไรแข็งแกร่งกว่าพวกของเกคินั่นเอง แต่เมื่อบุไรตื่นขึ้นมาจริงๆแล้ว กลับเข้าต่อสู้กับพวกเกคิด้วยความแค้นบางอย่าง และก็หนีหายไป
บาร์ซ่าเล่าถึงเรื่องราวเมื่อหลายล้านปีก่อนให้พวกเกคิได้รู้ว่า ที่แท้จริง บุไรคือพี่ชายแท้ๆของเกคิ โดยทั้งสองคนเป็นลูกชายของยอดนักรบ “อัศวินดำ” ที่คอยทำงานรับใช้พระราชาแห่งเผ่ายามาโตะ และได้ยกลูกชายคนเล็ก (เกคิ) ให้กับพระราชา ที่ยังเป็นทารก เพื่อให้สืบราชบัลลังก์ต่อ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน อัศวินดำก็ก่อการกบฎขึ้นมา ทำให้พระราชาเผ่ายามาโตะพลั้งมือสังหารอัศวินดำต่อหน้าบุไร ทำให้บุไรโกรธแค้นพระราชามาก เขาจึงเก็บความแค้นนี้ แล้วหนีมาฝึกตนในป่าลึกลับ ที่มีโนม และ เรียวตะคอยดูแลป่านี้ โดยหวังว่าจะล้างแค้นให้พ่อด้วยการกำจัดเกคิ และราชวงษ์ยามาโตะทั้งหมดด้วยตัวเอง…เมื่อเกคิได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เขาก็รู้สึกเห็นใจ และยังคิดเสมอว่า บุไรเป็นครอบครัวที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้เขาไม่อาจลงมือกับพี่ชายแท้ๆได้
…และทุกอย่างลงล๊อก แม่มดบันโดร่าจึงยื่นข้อเสนอให้กับบุไรในการพาไปยังมิติมืด ที่ซ่อนของสุดยอดศาตรา “ดาบมารเฮลฟรีด” ให้บุไรไปใช้ฟรีๆ แลกกับการเป็นลูกมือของเธอ แน่นอนว่า แม้บุไรจะได้ดาบมารมาครองสมใจแล้ว แต่เขาก็ไม่สนใจบันโดร่าด้วยซ้ำ เพราะต้องการที่จะกำจัดเกคิเท่านั้น
และในตอนนี้ แผนของบันโดร่าก็ซับซ้อนไปอีกข้น เพราะนอกจากจะได้บุไรมาใช้งาน (แบบไม่เต็มใจนัก) ก็ยังสามารถถ่วงเวลาเพื่อให้เกิดสุริยคราสซึ่งเป็น “วันที่ไดจูจิน จะมีกำลังอ่อนแอที่สุด” ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ไดจูจินถูกพลังของกริฟอนซ่า และดาบมารเฮลฟรีดของบุไร ซัดตกบ่อลาวา สิ้นสภาพไป
ในขณะที่จูเรนเจอร์กำลังเจอกับวิกฤติหนัก พวกบันโดร่ากลบเลี้ยงฉลองยกใหญ่ในวัง บันโดร่าพาเลซบนดวงจันทร์ และบุไรก็ท้วงเรื่องที่บันโดร่าจะมอบโลกให้บุไรปกครองครึ่งหนึ่ง แต่บันโดร่ากลับคำ ทำให้บุไรโกรธมากจึงเข้าทำร้ายบันโดร่า แต่ด้วยพลังเวทย์ที่กล้าแข็งมาก บันโดร่าจึงได้ซัดบุไรตกลงมายังโลก ที่นั่น เขาก็พบกับ “โคลโต้” ผู้รักษาอายุขัย และโคลโต้ได้บอกกับบุไรว่า เขาจะมีชีวิตเหลืออีก 32 ชั่วโมง หรือจนกว่าเทียนแห่งชีวิตจะดับไป หากอยากมีชีวิตต่อ ก็จะต้องอยู่ในห้องกาลเวลาไปตลอดชีวิต และทุกครั้งที่ออกไป เทียนแหล่งชีวิตก็จะหายไปเรื่อยๆ
ก่อนทิ้งให้บุไรนั่งงงชีวิต โคลโต้ก็ได้มอบ “มีดสั้นลิ้นมังกร จูโซเคน” ให้บุไรไปใช้อัญเชิญ มังกรเทพพิทักษ์ผู้สาปสูญ “ดราก้อน ซีซ่าร์” แต่ทว่าบุไรก็กลับเอาไปใช้อาละวาดแบบเปล่าประโยชน์ เรียกดราก้อนซีซ่าร์ออกมาอาละวาด แต่ด้วยเจตนาที่ต้องการปกป้องผู้คนอันแรงกล้าของพวกจูเรนเจอร์ ก็ทำให้เหล่า”เทพพิทักษ์ไดโนเสาร์” ที่ตกบ่อลาวา ก็กลับมาอีกครั้ง
การดวลกันระหว่างเกคิ กับบุไร จบลงที่ชัยชนะของเกคิ ไดจูจินจึงแนะนำให้เกคิสังหารบุไรเสีย เพื่อปกป้องสันติสุขของโลก แต่เกคิไม่ยอมรับคำแนะนำของไดจูจิน แต่ด้วยความดี และมิตรภาพของพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ทำให้บุไรตาสว่าง และเข้าร่วมกับพวกเกคิ กลายเป็นนักรบคนที่ 6 อย่างเป็นทางการ และดาบมารเฮลฟรีดก็สลายไป เพราะบุไรไม่เหลือความเกลียดชังต่อเกคิอีกแล้ว อีกทั้งไดจูจินยังมอบพลังใหม่ “โกริวจิน” หุ่นเทพไดโนเสาร์ ที่เกิดจากการรวมร่างของ ดราก้อนซีซ่าร์ / ไทรเซราท๊อปส์ / เซเบอร์ทูธไทเกอร์ และ แมมอธ ไว้รับมือกับพวกบันโดร่า
แต่สุดท้ายบุไรก็ติดกับดักของบันโดร่า ทำให้ห้องกาลเวลาถูกทำลาย โคลโต้เองก็ไม่อาจยื้อชีวิตบุไรได้ เพราะเดิม บุไรได้ตายไปแล้วเมื่อหลายล้านปีก่อน จากเหตุการณ์ถ้ำน้ำแข็งที่ผนึกร่างบุไรเกิดถล่มระหว่างที่เขาจำศีลนั่นเอง แต่ไดจูจินขอร้องให้รักษาชีวิตบุไรไว้ เพราะบุไร จะเป็นกุญแจสำคัญในการเรียก”เทพพิทักษ์ไดโนเสาร์” ให้ครบ 7 ตัว (ไดจูจิน 5 / ดราก้อนซีซ่าร์ และ คิงบราคิอ้อน) ทำให้โคลโต้ต้องยอมช่วยยื้อชีวิต ผ่านทางเทียนแห่งชีวิตนั่นเอง…ก่อนสิ้นลม บุไรได้มอบมีดสั้น จูโซเคน และ เกราะดราก้อนอาร์เมอร์ ให้กับเกคิ และจากไปอย่างสงบ…และเรื่องนี้ทำให้เกคิเป็นเดือดเป็นแค้นบันโดร่าเป้นอย่างมาก
แผนการขั้นสุดท้ายของบันโดร่าได้เริ่มขึ้น เมื่อ “ไดซาตาน” จอมมารโลกล้านปี ได้ถูกปลุกขึ้นด้วยพลังของแม่มดบันโดร่า และการสังเวยเด็ก 13 คน บัดนี้โลกกำลังใกล้ถึงจุดจบด้วยแก๊สพิษที่ไดซาตานปล่อยออกมา และยังได้ทำการชุบชีวิต “ไค” เจ้าชายเผ่าดารุ ลูกชายของบันโดร่า ที่เสียชีวิตไปเมื่ออดีต จากการเผลอทำไข่ไดโนเสาร์แตก จนถูกไดโนเสาร์ฆ่าตาย และนั่นก็เป็นสาเหตุที่บันโดร่าเกลียดชังไดโนเสาร์ และเป็นเหตุที่ทำให้พวกมันสูญพันธุ์
ทางด้านพวกเกคิ และเพื่อนๆ ก็ต้องฝ่ามิติปีศาจเพื่อเข้าไปช่วยเหลือ ไดจูจิน / ดราก้อนซีซ่าร์ และ คิงบราคิอ้อน จากการลักพาตัวของแม่มดบันโดร่า ที่ได้นำฐานทัพ บันโดร่าพาเลซ มาเทียบท่าบนยอดตึกสูง และรับมือกับเหล่าขุนพลของบันโดร่าจนสามารถช่วยพวก”เทพพิทักษ์ไดโนเสาร์”ออกมารับมือกับไค ที่มีไดซาตานคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง
แต่ด้วยพลังของ “คิวเคียวขุ ไดจูจิน” ที่มีพลัง100% ก็สามารถกำจัดไดซาตาน และไค ลงได้ แม่มดบันโดร่าเสียใจที่ต้องสูญเสียลูกชายอีกครั้ง บันโดร่าจึงคิดจะล้างแค้นพวกจูเรนเจอร์ที่บุกเข้ามา แต่ทว่านางกลับใช้เวทย์มนต์ใดๆไม่ได้อีกแล้ว
ไดจูจินให้เหตุผลว่า การที่บันโดร่าใช้เวทย์มนต์ไม่ได้ เป็นเพราะ “แม่มดผู้ชั่วร้ายตัวจริงมักจะไม่ร้องไห้!” แต่ด้วยความเป็นแม่ ความดีงามในใจที่ยังห่วงหาลูก จนร่ำไห้ออกมานั้นเป็นเหตุที่ทำให้พลังที่ชั่วร้ายในตัวบันโดร่าหายไปนั่นเอง
ไดจูจินจัดการผนึกบันโดร่าลงคนโททองคำอีกครั้ง และส่งพวกนางล่องลอยไปในอวกาศที่ไกลแสนไกล คิงบราคิอ้อน ได้มอบไข่ไดโนเสาร์ที่ใกล้ฟักเป็นตัวให้กับเหล่าเด็กๆบนโลกช่วยดูแล และในคนโทที่ล่องลอยนั้น พวกของบันโดร่าก็อยู่อย่างมีความสุขตามอัตภาพ รอวันที่จะกลับมาล้างแค้นพวกจูเรนเจอร์ แต่ในตอนนี้ รามี และ กริฟอนซ่า สองขุนพลของบนโดร่า ก็ได้ให้กำเนิดทารกน้อยน่ารัก ก็ทำให้บันโดร่าลืมเรื่องการรุกรานโลกไปชั่วคราว ตามประสาคนแก่เห่อหลาน…
ส่วนพวกของเกคิ และบัลซ่า ก็ได้เดินทางสู่สรวงสวรรค์ร่วมกับพวกของไดจูจิน และ เทพพิทักษ์ไดโนเสาร์ คอยเฝ้าดูโลกอยู่ห่างๆบนท้องฟ้าต่อไป..
อวสาน
=======
ตัวละคร
ไทแรนโนเรนเจอร์ / เกคิ ) แสดงโดย โมจิซึกิ ยูตะ
เจ้าชายแห่งเผ่ายามาโตะ เป็นคนที่มีคุณลักษณะของผู้นำทุกๆด้าน ทั้งความเข้มแข็ง อ่อนโยน ใจดี และเป็นเสาหลักให้เพื่อนๆได้ยึดเหนี่ยวจิตใจ
แมมมอธเรนเจอร์ / โกชิ แสดงโดย อุมอน เซนจู
อัศวินแห่งเผ่าชาม่า เขาเปรียบเสมือนรองหัวหน้าจูเรนเจอร์ เป็นคนที่มีภูมิความรู้รอบตัวไม่ด้อยไปกว่าบัลซ่า มีความแค้นส่วนตัวกับบันโดร่าเนื่องจากแค้นที่ไปฆ่าพี่สาวของตน
ไทรเซร่าเรนเจอร์ / แดน แสดงโดย ฟูจิวาระ ฮิเดกิ
อัศวินหนุ่มน้อยจากเผ่าเอธอฟ ปกติเป็นคนอารมณ์ดี แต่ด้วยความอ่อนประสบการณ์ จึงมักจะทำอะไรบุ่มบ่ามในการต่อสู้อยู่เสมอ ยามว่างก็มักจะหว่านเสน่ห์ใส่สาวๆ เพราะมั่นใจในความหล่อของตัวเอง(?)
ไทเกอร์เรนเจอร์ / บอย แสดงโดย ฮาชิโมโต ทาคุมิ
อัศวินเผ่าไดม์ แม้เป็นอัศวินที่อายุยังน้อยที่สุดในกลุ่ม เป็นนักรบที่ต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มีฝีมือที่ร้ายกาจ แต่มีนิสัยชอบทำอาหาร และกินจุมากพอๆกับฝีมือการทำอาหาร มีจุดอ่อนคือ “แครอท” เมื่อเห็นแครอทมักเกิดอาการลมจับเสียทุกครั้ง
พูเทร่าเรนเจอร์ / เมย์ แสดงโดย จิบะ เรย์โกะ
เจ้าหญิงแห่งเผ่าริเซีย แม้จะดูสุภาพและอ่อนโยน รักเด็ก รักดอกไม้ ชอบของสวยงาม แต่ร้องเพลงไม่ได้เรื่อง มีฝีมือไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอก โดยเฉพาะการต่อสู้จากแนวหลัง หรือการต่อสู้จากระยะไกล
ดราก้อนเรนเจอร์ / บุไร แสดงโดย อิซึมิ ชิโร่
เจ้าชายแห่งเผ่ายามาโตะ ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเกคิ ที่โกรธแค้นเกคิจากการที่สูญเสียพ่อ เมื่อไม่รู้จะโกรธใคร ก็เลยมาลงที่น้องชายตัวเอง แต่สุดท้าย ก็แพ้ความดีในใจของเกคิ และความเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดที่ไม่มีวันตัดขาด แต่สุดท้าย บุไรก็จากโลกนี้ไปจากแผนการทำลายห้องกาลเวลาของบันโดร่า อันเป็นที่ๆเก็บเทียนชีวิตของบุไรไว้
ไดจูจิน (大獣神)
หุ่นเทพเจ้าไดโดนเสาร์ที่เกิดจากการรวมร่างของ “เทพพิทักษ์ไดโนเสาร์” 5 ตัว ได้แก่
ไทแรนโนเซารัส
สัตว์เทพผู้แข็งแกร่งและหาญกล้า กำเนิดจากภูเขาไฟเป็นเสมือนเทพประจำตัวของ ไทเรนโนเรนเจอร์ มีกรงเล็บและหางอันทรงพลัง นอกจากนี้ยังพลังคลื่นช็อคเวฟ Tyranno sonic เป็นอาวุธเด็ดอีกด้วย
จูแมมมอธ
หุ่นเทพพิทักษ์แมมมอธอาศัย อยู่ในทุ่งน้ำแข็งของทวีปอาร์กติก สามารถโจมตีศัตรูโดยการพ่นหิมะออกจากส่วนงวง เมื่อประกอบร่างจะทำหน้าที่เป็ส่วนแขนและหลัง
ไทรเซราทอป
หุ่นเทพพิทักษ์ไทรเซร่าทอปส์ อาศัยอยู่ในทะเลทราย สามรถยิงโซ่ตะขอออกจากเขาเพื่อใช้จัดการศัตรูได้ นอกจากนี้ยังมีปืนใหญ่เลเซอร์คู่ที่หางเป็นอาวุธเด็ดอีกด้วย เมื่อประกอบร่างจะทำหน้าที่เป็นส่วนขาซ้ายของหุ่นยนต์ยักษ์
เซเบอร์ไทเกอร์
หุ่นเทพพิทักษ์เซเบอร์ไทเกอร์ อาศัยอยู่ในป่า มีปืนเลเซอร์ ที่หางเป็นอาวุธ เมื่อประกอบร่างจะทำหน้าที่เป็นส่วนขาขวาของหุ่นยนต์ยักษ์
พูเทราโนดอน
หุ่นเทพพิทักษ์พเทอร์ราโนดอน อาศัยอยู่ในปล่องภูเขาไฟมีปืนเลเซอร์เป็นอาวุธ เมื่อประกอบร่างจะทำหน้าที่เป็นส่วนหน้าอกของหุ่นยนต์ยักษ์
====
ดราก้อนซีซาร์
หุ่นเทพพิทักษ์ดราก้อนซีซาร์ อาศัยอยู่ในมหาสมุทร สามรถปล่อยจรวดออกจากนิ้วมือได้ นอกจากนี้ยังมีหางอันทรงพลังเป็นอาวุธอีกด้วย
โกริวจิน (剛竜神)
เกิดจากการรวมร่างของแมมอธ, ไทรเซร่าทอป, เซเบอร์ไทเกอร์ และ ดราก้อนซีซาร์
จูเทย์ ไดจูจิน (獣帝大獣神จักรพรรดิไดจูจิน)
เกิดจากการรวมร่างของไทแรนโนเซารัส, แมมมอธ, ไทรเซร่าทอป, เซเบอร์ไทเกอร์, พเทราโนดอน และ ดราก้อนซีซาร์
คิวเคียวขุ ไดจูจิน (究極大獣神;จอมเทพสูงสุด)
เกิดจากการรวมร่างของ ไทแรนโนเซารัส, แมมมอธ, ไทรเซร่าทอป, เซเบอร์ไทเกอร์, พเทราโนดอน, ดราก้อนซีซาร์ และ คิงบราคิออน ทำให้เกิดร่างสุดยอดขึ้นมา
จอมปราชญ์ “บาร์ซ่า”
ชายชราที่เป็นถึงจอมเวทย์ผู้เก่งกาจจากโลกล้านปี แต่ไม่ได้ใช้เวทย์มนต์มานานมาก ทำให้เป็นคนแก่เลอะเลือนไปบ้าง กว่าจะจำเวทย์มนต์ได้ก็ปาไปจะจบเรื่องแล้ว โดยปัจจุบันได้แฝงตัวเป็นผู้ดูแลหอพัก “ซากุระแมนชั่น” ซึ่งใต้หอพักนี้ก็เป็นมิติเชื่อมต่อกับห้องหนังสือ และ “สารานุกรมไดโน” อีกทั้งยังเป็นห้องที่ผนึกเหล่าจูเรนเจอร์เอาไว้อีกด้วย
แม่มดบันโดร่า
ราชินีเผ่าดารุ ผู้สูญเสียลูกชายเพราะไดโนเสาร์ นางจึงเจ็บแค้นและร่วมมือกับ “ไดซาตาน” เป็นต้นเหตุที่ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์
บันโดร่า เป็นแม่มดที่มีพลังเวทย์สูงส่งมาก และมีลูกสมุนตัวแสบ ทั้ง ท๊อตแบ๊ต / บุ๊กบั๊ก / รามี่ / กริฟอนซ่า / ปุริปุรีกัน ก็สามารถสร้าง “กองกำลังโดร่ามอนสเตอร์” จากเตาเผาของ “บันโดร่าพาเลซ” วังของบันโดร่าที่ตั้งอยู่บนดวงจันทร์
บวกกับอำนาจของ “ไม้เท้าวิเศษ” ที่สามารถขยายร่างให้พวกลูกสมุนด้วยแล้ว ก็เป็นจุดที่สร้างความเวียนหัวแก่พวกจูเรนเจอร์มากมาย
====================
ภาพในอดีต และปัจจุบันของเหล่านักแสดง จูเรนเจอร์ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2016 ที่อเมริกา (สีน้ำเงิน หรือ คุณฟูจิวาระ ฮิเดกิ มาไม่ได้ เพราะติดสัญญาห้ามออกสื่อของทางค่ายเพลงครับ)
Credit ภาพ https://www.facebook.com/JHERODOTCOM/
ช่วงเนื้อเรื่องของบุไร แอดมินว่าสนุกละครับ หลังจากนั้นจะเข้าสู่บทสรุปของเรื่องที่ออกจะรวบรัด และง่ายไปหน่อย แต่เด็กๆไม่คิดเยอะอะไรขนาดนั้นละนะ 55
หลังจากบุไรจากไป ดราก้อนซีซ่าร์เศร้าเสียใจมาก จนไม่ไมีกะใจจะสู้ต่อ ทำให้เกคิต้องเข้าไปปรับความเข้าใจกัน
เคยมีเกมเครื่องฟามิคอมออกมาด้วยนะ
ขบวนการจูเรนเจอร์ เป็นความกล้าที่จะฉีกแนวจากหน่วยรบที่ใช้อุปกรณ์ไฮเทค หรืออิงจากความเป็นหนัง SCI-FI มาเป็นแนวแฟนตาซีที่หลุดจากกรอบเดิมๆ อีกทั้งยังมีการปรากฎตัวของนักรบคนที่ 6 อย่างเป้นทางการของสารบบหนังขบวนการ 5 สี และยังเป็นขบวนการแรก ที่ใช้พาหนะมาประกอบร่างเป็นหุ่นยนต์ยักษ์มากถึง 7 ลำ ซึ่งนับได้ว่าเป็นการเปิดทาง สู่การออกแบบของเล่นแนวทางใหม่อิงการตลาด
เพลงเปิด-ปิดของซีรี่ยส์นี้ ยังได้ “เคนตะ ซาโต้” พระเอกหนุ่มที่โด่งดังจากขบวนการ “เทอร์โบเรนเจอร์” มาขับร้องเพลงอันแสนคุ้นหูนี้ด้วย
แอดมิน Ak47
เพลงเปิดที่คุ้นหูเด็กยุค 90 เป็นอย่างดี!