ขุนพันธ์ 3
ประเภท: แอ็คชัน / แฟนตาซี / ดราม่า
กำกับโดย: ก้องเกียรติ โขมศิริ
นักแสดงนำ: อนันดา เอเวอริ่งแฮม
ค่ายภาพยนตร์ : สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
วันที่เข้าฉาย: 2 มีนาคม 2566 ในโรงภาพยนตร์
เตรียมรับชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์
รับชมหรือดาวน์โหลดภาพยนตร์ ขุนพันธ์ 1 และ 2 ทางHBO GOรวมถึงขุนพันธ์ 3ได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม นี้ สมัครสมาชิก HBO GO ได้ที่ https://www.hbogo.co.th/ หรือสมัครผ่านแอปที่ App Store หรือ Play Store เริ่มต้นเพียง 99.70 บาทต่อเดือน หรือสามารถรับชมผ่านทาง 3BB HBO GO พร้อมใช้งานบน Android TV, Apple TV, LG TV และ Samsung Smart TV และมาพร้อมกับฟังก์ชัน AirPlay และ Google Cast
ตัวอย่างเต็มสุดเดือด ขุนพันธ์ 3 (Official Teaser)
“ความคงกระพัน กำลังถูกท้าทาย” บ้านเมืองยุคหลังสงครามโลก
ภารกิจครั้งใหม่ของขุนพันธ์ มือปราบคงกระพัน กับการ “จับตาย”
เตรียมความพร้อมสู่ความมันส์ ภาคที่สาม
นี่คือภาพยนต์ที่ดัดแปลงจากชีวประวัติของ “พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช” สุดยอดนายตำรวจแห่งสยามประเทศ ผู้ที่ใช้อาคมแห่งคุณงามความดี เอาชนะอวิชชาทั้งมวล จนกลายเป็นที่รัก และเคารพศรัทธาของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งประเทศ
ในปีพ.ศ.2493 บ้านเมืองได้รับผลกระทบจากสงคราม ชุมโจรเสือร้ายยังคงชุกชุมไปทั่วทุกหนแห่ง ขุนพันธ์ นายตำรวจมือปราบผู้ยึดมั่นในความถูกต้องจึงถูกเรียกกลับมาปฏิบัติภารกิจล่าตัว 2 เสือร้ายอาคมกล้าที่กำลังฮึกเหิมและท้าทายอำนาจรัฐ โดยที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงตัวได้
นำไปสู่การหวนเหยียบถิ่นเสืออีกครั้งของขุนพันธ์ ท่ามกลางเหล่าเสือร้ายที่หมายเอาชีวิต และพร้อมพิพากษามือปราบคงกระพันด้วยความตาย
การจับตาย 2 เสือชื่อดังอย่าง เสือ มเหศวรและ เสือดำ ครั้งนี้อาจไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ขุนพันธ์จะสามารถบรรลุภารกิจท้าทายศรัทธา และเผชิญหน้าเหล่าเสือร้ายที่มีทั้งอาคมและ ความคงกระพันได้หรือไม่….หรือถึงเวลาแล้วที่ครั้งนี้ มือปราบหนังเหนียวอย่างขุนพันธ์จะกลายเป็น “ผู้ถูกล่า” เสียเอง
โตโน่- เสือดำ
: ที่สุดของพลัง ไม่ใช่แค่นักแสดง แต่รวมทั้งตากล้อง ช่างไฟ ทีมงานทุกคนในกองถ่าย ถ้าทำคนเดียวจะเหมือนคนบ้า แต่กองนี้เป็นที่ที่รวมคนบ้า ทุกคนมีเท่าไหร่ใส่กันหมด ผมไม่เคยรู้สึกแม้แต่นิดเดียวว่าทุกคนไม่เต็มที่ ทุกคนรักในสิ่งที่เราเชื่อ รักในหนังไทย รักใน “ขุนพันธ์ 3”
มาริโอ้ – เสือมเหศวร
: ที่สุดของความมันส์ มันส์จนหูดับ มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นตลอด ทุกคนมาเต็ม มามันส์กัน เป็นพลังที่สนุกมาก
อนันดา – ขุนพันธ์
: ที่สุดของหนังไทย เราอาจไม่ค่อยมีหนังแอ็กชันไทยที่เป็นของคนไทยจริงๆ ส่วนใหญ่เราจะมีหนังแอ็กชันที่ถอดมาจากต่างประเทศ ผมรู้สึกว่าเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยจริงๆ ที่มีหนังแบบนี้
โขม-ก้องเกียรติ ผู้กำกับ
: ที่สุดของจิตวิญญาณคนทำหนัง มันคือที่สุดของทั้งหมด ของคนทั้งทีม เราอยากมอบที่สุดนี้ให้แก่คนดูว่ายังมีคนกลุ่มนี้อยู่ ไม่ว่าวันนี้คนจะพูดเกี่ยวกับหนังไทยยังไง เราก็ยังจะทำต่อไป
Review
ดุเดือด งดงาม โคตรเบียว แต่เนี้ยบทุกดีไซน์ สมกับภาคสุดท้ายจริงๆ
————-
ถือเป็นหนังไทยเปิดมาต้นปี ที่จัดว่า “สมการรอคอย” นี่คืออีกหนึ่งสูตร “หนังบล๊อคบัสเตอร์” ที่ไทยขาดหายไปนานมาก
หนังแอคชั่นที่เต็มไปด้วยกระบวนท่าการนำเสนอที่ “ใกล้ตัว” คนไทย ทั้งความเชื่อ การเมือง สังคม และความเป็นอยู่ที่ย้อนยุค แต่ดูเท่
ถ้าเราชื่นชอง “ซามูไรพเนจร” (รูโรนิ เคนชิน) คุณก็น่าจะทัชกับหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก นอกจากเรื่องอาคม ผีๆสางๆ ตำรวจจับผู้ร้าย ที่ย่อยง่าย เข้าใจง่ายแล้ว ตัวหนังยังใส่ความซับซ้อนของการเล่าเรื่องลงไป ผ่านทฤษฎีสมคบคิดทางการเมือง ที่ถือว่า “โชคดี ที่เป็นแค่เรื่องแต่ง” … เพราะประเทศเรา”ไม่มี”การทุจริต ฉ้อโกง เหรือเต็มไปด้วยข้าราชการกังฉิน ชักใยองค์กรตำรวจที่มีแต่ผู้อุทิศชีวิตพิทักษ์ประชาชนแบบในหนังแน่นอน (มั้ง)
————
ประเด็นการเมือง การทุจริต และหลายๆอย่างที่เป็น “สีเทา” (ค่อนไปทางดำ) ของกลุ่มที่เรียกว่า “ผู้พิทักษ์กฎหมาย” ที่คอนทราสท์กับ “กลุ่มนอกกฎหมาย” ที่สังคมได้ผลักไสให้ “โจรเชิ้ตขาว” จำใจเป็นผู้ร้าย อย่าง “เสือมเหศวร” (มาริโอ้) …
หรือแม้แต่ความอดอยาก ความโกรธแค้นต่ออำนาจรัฐที่ผิดพลาด ทำให้เกิด “โจรเชิ้ตดำ” ที่กลายเป็น “โจรโดยสันดาน” (ตามเนื้อหาในหนัง) ลุกขึ้นมาใช้กำลัง ต่อสู้ในวิถีที่พวกเขาเชื่อ (เอาเอง) ว่ามันถูกต้อง
และเป้าหมายคือ การงัดกับรัฐ (ตำรวจ) โดยตรง เพื่อแสดงจุดยืนที่เกรี้ยวกราด เหมือนเมายาตลอดเวลาของ”เสือดำ” (โตโน่) ประเด็นนี้ หนังทำหน้าที่ได้สวยงาม คมคาย และมีนัยยะแฝงพอให้ขบคิดตาม ยัน End Credit ของเรื่อง
————
บอกเลยว่าตัวหนัง ใช้งานทุกตัวละครได้คุ้มค่า ไม่มีตัวละครไหน “ถูกทิ้ง” ให้ไม่มีผลกับเรื่องเลย (แม้แต่แก๊งโจรแก่ๆ นั่งรถเข็น ที่ทำแอดฯหลั่งน้ำตาให้ เท่โคตรรรร)
เป็นการลงดีเทลที่เฉลี่ยความสำคัญ และยึดโยงกันเป็นเนื้อเดียวกัน แม้แต่ตัวประกอบ ที่บางจุดอาจจะดู ”คลีเช่” (ธรรมดาดาษดื่นจนเดาทางได้) แต่ภาพรวม ทำให้หนังมันเดินหน้าต่อไปพร้อมๆกับการขยี้ปมเรื่อง “ครอบครัวของขุนพันธ์” ได้เป็นอย่างดี
ส่วนพลังนักแสดง อันนี้สุดจัด
โดยเฉพาะ คุณ #โตโน่ อันนี้ขอชมเลยว่า เป็นการ Develop คาแรคเตอร์ “เสือดำ” ที่มีความเป็นวายร้าย หลุดมาจากการ์ตูน DC เลย ทุกแอ็คชั่นคือ เท่ หล่อ แอ็ค แต่เกรี้ยวกราด ดูโมโหโลกทั้งใบตลอดเวลา เราชื่นชอบเสือดำในแบบของคุณโตโน่มากๆ
ส่วนเสือมเหศวร แบบของคุณ #มาริโอ้ ดูสุภาพ เป็นคนดีที่ไม่ได้อยากจะเป็นโจรออกปล้น หรือทำร้ายใครจริงๆ เป็นคาแรคเตอร์ที่น่ารักน่าทะนุถนอมมากๆ (?) เป็นคนหล่อหน้าใสในดงโจร ยืนหนึ่งเรื่องออร่าความขาวกระจ่างใสแบบแปลกๆ ซึ่งก็น่าจะเข้ากับธีมหนังที่เป็น “แฟนตาซี แอคชั่น ฮีโร่โม้กระจุย” อยู่แล้ว เลยไม่ได้ติดขัดอะไร
แถมทำให้ความแตกต่างของ “โจรเชิ้ตขาว” และ “โจรเชิ้ตดำ” นั้น ชัดเจนยิ่งขึ้น
ทางด้านงานโปรดัคชั่น และการใส่กิมมิคของหนัง จุดนี้เรารู้สึกอยากบอกว่า “ขอบคุณพี่โขม” มากๆ
เพราะ นี่คือหนังที่ผู้กำกับ “ทำการบ้าน” มาเป็นอย่างดีว่า
“คนดูอยากดูอะไร คนทำจัดให้ไม่มีขัด”
คำกล่าวนี้ไม่เกินจริง เพราะทุกๆซีนต่อสู้ ทุกๆการลำดับเรื่องกว่า 2 ชั่วโมงเต็มนั้น ต่อให้มีจุดที่เนิบเนือย แต่เต็มไปด้วยความใส่ใจ รู้ว่าความต้องการคนดู อยากเห็นสิ่งนี้ ในหนังก็จะใส่มาเพื่อ “เซอร์วิสแฟนๆ” แม้ว่าจะต้องแลกกับความหวือหวาของงานภาพมุมกล้อง โทนสี การวางองค์ประกอบศิลป์ หรือแม้แต่ “เวลา” ที่ยาวนานของหนัง ที่เน้น “ความเรียบง่าย” ในการถ่ายทอดออกมา ก็ตาม… โดยเฉพาะ 20 นาทีสุดท้ายของเรื่อง คนดูในรอบสื่อถึงกับเฮลั่นโรง เหมือนดูหนังในอินเดียเลย
(ส่วนตัวเชื่อว่า พี่โขมแกคงมีอะไรอยากเล่าเยอะมากกว่า 2 ชม.อะดูทรง)
—————
โดยรวม เป็นหนังไทยที่แอดมินกล้าพูดว่า “ของโคตรดี” ถ้าคุณอยากดูหนังแอคชั่นที่เต็มไปด้วยความเท่ ความเบียว และ “เซอร์วิสคนดู”แบบจัดเต็ม 2 ชั่วโมงราวกับหนังอเมริกันฮีโร่ ไปดูเถอะ
ยิ่งคนที่ดูภาคแรก ภาค 2 มาด้วย บอกเลยว่า นี่คือการสั่งลา ที่สมศักดิ์ศรีในฐานะหนังไตรภาคแล้วจริงๆ…อย่างที่บอก ถ้าชอบ “ซามูไรพเนจร” (รูโรนิ เคนชิน) คุณก็จะชอบเรื่องนี้ได้ไม่ยากเช่นกัน!