Kemono Friends ซับไทย 1 – 12End
เคโมโนะ เฟรนส์
ชื่ออื่น : けものフレンズ
สตูดิโอ : Yaoyorozu
ต้นฉบับ : Application on mobile
แนว : Adventure, Comedy
ผู้กำกับ: Tatsuki
บทอนิเมะ: Tanabe Shigenori
ผลิตอนิเมชั่น: Yaoyorozu
ออกอากาศครั้งแรก 10 มกราคม 2017 – 28 มีนาคม 2017 มีทั้งหมด 12 ตอนจบ
“Welcome to youkoso Japari Park , Kyou mo dottan battan o osawagi”
-ขอต้อนรับสู่ จาปารี ปาร์ค วันนี้ยังคงสับสนวุ่นวายเหมือนเดิม-
เรื่องราวความน่ารักสดใสของเหล่าสัตว์น้อยใหญ่สุดน่ารักแห่งสวนสัตว์จาปารี ที่มีปริศนาซ่อนอยู่ และกลายเป็นอนิเมที่สามารถพูดได้เต็มปากว่า “นี่คืออนิเมที่ลอยลำเข้าชิงอนิเมประจำปี 2017″ เรื่องแรกของปีเลยก็ว่าได้ ด้วยกระแสบนโลกโซเชียลที่รุนแรงมากทั้งในไทยและญี่ปุ่น ส่งผลให้เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2017 ที่ผ่านมา เวป Nico Nico Live ที่ออกอากาศเรื่องนี้ สามารถทำยอดผู้ชม “ตอนสุดท้าย” มากถึง “276,789 คน” และมี “1,250,413 คอมเม้นท์” และยอดวิวรวมทุกตอนอยู่ที่ 2 ล้านกว่าวิว ซึ่งถือว่าสูงมากในส่วนของอนิเมชั่นญี่ปุ่นที่ออกฉายในช่องทางดังกล่าว โดยตอนก่อนหน้านี้ก็ทำยอดได้ไม่แพ้กัน
และหลังจากนั้นไม่นาน การวางจำหน่ายเวอร์ชั่น Blu-Ray พร้อม Guidebook แผ่นแรก ก็ออกมา (ควรเรียกว่าซื้อหนังสือแถมอนิเมมากกว่า เพราะรูปเล่มล้ำเกินเนื้อหาในอนิเมไปไกลแล้ว) และแน่นอนว่า วางขายวันแรกยอดจอง 1แสนแผ่น หมดเกลี้ยง ทั้งเวป Amazon.com ที่ทำลายสถิติยอดจองแผ่นเต็มภายใน4นาที! หรือแม้แต่ร้าน Official เองก็หมดสต๊อคเรียบร้อย กว่าจะเปิดรอบใหม่ ก็ราวๆช่วงกลางเดือนเมษา 2017 หรืออาจจะเลทไปกว่านั้น…(ข้อมูลจาก Twitter)
และยังลามไปถึงเพลงเปิดที่คอยหลอนประสาทผู้ชมอย่าง “โยโคโซะ จาปารีปาร์ค” ก็สามารถทำยอดจองนับหมื่นแผ่น (ยังไม่นับการดาวน์โหลดจาก iTune และบริการอื่นๆ)
และยังเป็นการปลุกกระแสให้คนญี่ปุ่น “พาลูกหลานมาเที่ยวสวนสัตว์มากขึ้น” ร้านค้าต่างๆที่ทำของที่ระลึกในสวนสัตว์ทั่วญี่ปุ่น จัดแคมเปญ หาความเชื่อมโยงระหว่างสินค้าของตน กับอนิเมเรื่องนี้ ก็พาสินค้าขายดีตามๆกันไปด้วย โดยเฉพาะกลุ่มเพนกวิ้น ที่ในเรื่องตีบทเป็นไอดอลสาวสุดโมเอะ
แล้ว Kemono Friends คืออะไรกันแน่?
Kemono Friends เป็นผลงานอนิเมชั่นทุนต่ำสุดๆจากทางYaoyorozu ที่มีทีมสร้างไม่ถึง 10 คน (ไม่นับนักพากย์) เพื่อโปรโมทเกมมือถือจากค่าย Nexon ในชื่อเดียวกัน แต่ตัวเกมกลับปิดตัวในช่วงเดือนธันวาคม 2016 ก่อนอนิเมเข้าฉายไม่นานนัก
เกมเจ๊ง อนิเมไม่เจ๊ง!!
โดยตัวละครจาก Kemono Friends เป็นผลงานจาก อ.โยชิซากิ มิเนะ ผู้วาด “เคโรโระ” โดยเหล่าตัวละครขจากเคโรโระเองก็เคยไปโผล่มาในผลงงานเกมเคโมโนด้วยเช่นกัน แต่ในเวอร์ชั่นหนังสือการ์ตูน ที่เป็นเรื่องราวภายในเกม (เล่าเชิง Side Story) ได้อ.Furai วาดลงให้นิตยสาร Monthly Shōnen Ace ทำออกมาทั้งหมด 2 เล่มจบ และมีความเกี่ยวเนื่องับอนิเมชั่นด้วย
เรื่องย่อ+สปอยจัดเต็ม!
เนื้อหาของ Kemono Friends จะเล่าถึงเรื่องราวการผจญภัยของ สาวน้อยความจำเสื่อม “คาบังจัง” (คาบัง หมายถึง กระเป๋า) และ “เซอร์วัล” สัตว์สายพันธุ์แมวที่กลายเป็น “เฟรนส์” (วิวัฒนาการร่างคล้ายมนุษย์) ทั้งคู่ออกเดินทางค้นหาตัวตนของคาบังจัง ที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นสัตว์สายพันธุ์ไหน ทั้งคู่ได้เดินทางออกจากทุ่งซาวันน่า แล้วผ่านมายังจุดต่างๆของ “จาปารีปาร์ค” (Japari Park) สถานที่ๆเหมือนจะเป็นสวนสัตว์เปิดขนาดใหญ่ และพบกับสัตว์สายพันธุ์ต่างๆนานาชนิดที่กลายเป็นเฟรนส์ แต่ก็ยังคงลักษณะ นิสัย การใช้ชีวิตเหมือนตอนเป็นสัตว์
กุญแจสำคัญของวิวัฒนาการก็คือ “แซนด์สตาร์”(Sandstar) ผลึกสุ่มกาชา…เอ้ย คริสตัลลึกลับที่อยู่บนปากปล่องภูเขาไฟในจาปารีปาร์ค ไม่มีใครรู้ที่มาว่ามันมาจากไหน…และวิวัฒนาการนี้ ก็ได้นำพา “เซลูลีน”(Cerulean) สิ่งมีชีวิตประหลาดที่กลืนกินสรรพสิ่งสุดแกร่ง และนับเป็นศัตรูของพวกเฟรนส์ด้วย ทำให้การเดินทางไปยัง “ห้องสมุด”(Japari Library) สถานที่ๆรวบรวมองค์ความรู้ทั้งหมดของโลก ยิ่งต้องทำให้สองคู่หูระวังตัวให้มากขึ้น
ในการเดินทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและความเหนื่อยล้า ทั้งคู่ก็ได้พบกับหุ่นยนต์ไกด์นำเที่ยว “Lucky Beast “ หรือ“บอส” ที่เหล่าเฟรนส์เรียกกัน แต่ บอสสามารถพูดคุยตอบโต้กับคาบังจังเท่านั้น ไม่สามารถพูดคุยกับเฟรนส์ได้ ด้วยคำแนะนำของบอส ทำให้ทั้งคู่ต้องเข้าไปในเขตป่าดิบชื้น เพื่อออกตามหาชิ้นส่วนรถทัวร์ของจาปารีปาร์ค เพราะว่าห้องสมุดอยู่ไกลเกินกว่าจะเดินทางเท้าไปได้
แต่ด้วยความช่วยเหลือของตัว นาก และ จากัวร์ สองเฟรนส์ที่ชอบมาเล่นอยู่แถวๆแม่น้ำ และสติปัญญาในการแก้ปัญหาของคาบังจัง ก็สามารถสร้างสะพานพาคาบังจังและเซอร์วัลมาถึงรถบัสได้ แต่ก็ต้องหาพลังงานสำหรับรถบัส จึงได้ความช่วยเหลือจาก นกโทกิ ที่มีเสียงร้องสุดน่ารำคาญ พาคาบังจังไปถึงยอดเขา ที่ๆมีคาเฟ่พลังงานแสงอาทิตย์ตั้งอยู่ และยังได้พักดื่มชาจาก “อัลปาก้า” เจ้าของร้านคาเฟ่อันแสนเงียบเหงาด้วย
ซึ่งระหว่างที่ทั้งสองเดินทาง ก็มีกลุ่มของ แรคคูน และจิ้งจอกเฟนเน็กซ์ ไล่ตาม และมักจะช้ากว่าพวกของคาบังจัง 1 วันเสมอ…
คาบังจังเป็นคนที่อ่อนแอ และไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเหมือนสัตว์อื่นๆ แต่เธอมีสติปัญญาในการใช้สิ่งรอบตัว ทักษะการเจรจาและการคิดแบบมีระบบ ทำให้เธอสามารถช่วย “อเมริกันบีเวอร์” และ “แพรี่ด๊อก” ในงานออกแบบและสร้างบ้านที่พวกเขาต้องการได้
แถมยังยุติความขัดแย้งของ “สิงโต” กับ “กวางมูส” ได้ และจุดนี้ ได้ทำให้ “นกกระสาปากพลั่ว” หนึ่งในผู้ติดตามของกวางมูสได้คาดเดาว่า คาบังจังไม่ใช่เฟรนส์ แต่เป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่เรียกว่า “มนุษย์” ซึ่งก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น การที่จะรู้จริงๆ ต้องเดินทางไปที่ห้องสมุดอยู่ดี ซึ่งก็ไม่ไกลมากนัก
หลังจากที่ติดแหง็กอยู่ในเขาวงกตป้ายคำถามความรู้รอบตัว ในที่สุดคาบังจังและเซอร์วัล ก็มาถึงห้องสมุดจนได้ (ถ้าอ่านหนังสือไม่ออก ก็สามารถมาถึงห้องสมุดง่ายๆแล้ว) แต่ทั้งคู่ก็ยังต้องผ่านการทดสอบของ “นกฮูก 2 ตัว”ด้วยการทำอาหารโดยใช้ตำราในห้องสมุด (โดยทั้งสองให้เหตุผลว่า อยากกินอย่างอื่นที่ไม่ใช่ขนมปังจาปารีบัน) ซึ่งเหล่าเฟรนส์เองที่มาที่นี่จะไม่สามารถอ่านหนังสือภาษามนุษย์ได้ และคาบังจังเริ่มเรียนรู้ที่จะใช้ “ไฟ” ในการประกอบอาหาร
ผลก็คือ คาบังจังทำแกงกระหรี่ให้กิน ซึ่งเธอก็ได้รับคำตอบจากเหล่านกฮูกอย่างชัดเจนแล้วว่า “คาบังจังเป็นมนุษย์” จากการอ่านหนังสือออก ใช้ไฟ ใช้อุปกรณ์หลายๆอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายได้ โดยเหล่านกฮูกได้ระบุว่า มนุษย์ เป็นผู้สร้างจาปารีปาร์คแห่งนี้ และ “เป็นสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์ไปแล้ว” แต่คาบังจังยังไม่ปักใจเชื่อ เลยอยากจะออกตามหาเบาะแสสุดท้าย…
และนกฮูกทั้งสองก็ระบุว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นมนุษย์ คือที่ท่าเรือ ทำให้คาบังจังเริ่มมีความหวัง นอกจากนี้ เหล่านกฮูกได้มอบตั๋วไลฟ์โชว์ของคณะไอดอลนกเพนกวินรุ่นที่สาม “PPP”(เพพาพุ – มาจากคำว่า Penguin Performance Project ) เป็นของตอบแทน (ซึ่งเหล่านกฮูกไม่ได้ชอบไอดอล แต่เคยช่วยซ่อมอุปกรณ์ไลฟ์โชว์ เลยได้มา)
กลุ่มไอดอล PPP เพพาพุ หนึ่งในสัญลักษณ์ของเรื่องนี้ ที่แฟนๆต้องรอถึง 7 สัปดาห์กว่าจะได้ชมเรื่องราวของพวกเธอ และก็ถือว่าเป็นตอนที่เรตติ้งดีเป็นรองแค่ตอนอวสานเท่านั้น
หลังจากชมคอนเสิร์ตแรกของ 5 สาวไปดอลเพนกวิน เพพาพุแล้ว คาบันจังก็เดินหน้าต่อไปยังท่าเรือ ตามเบาะแสที่พวกเพนกวินเห็นเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งท่าเรือที่ว่า ก็จะต้องผ่านโซนหิมะอันหนาวเย็น และการเอาตัวรอดจากฝูงเซลูลีน พร้อมๆกับการซ่อมบ่อน้ำพุร้อนออนเซ็นของ “จิ้งจอกเงิน” และ“จิ้งจอกแดง”อีกด้วย
ในค่ำคืนหนึ่งที่พวกคาบังจังได้เข้าพักในโรงแรมกลางป่าของ “นกแคมโปพลิกเกอร์” (นกอาริสึคาเงระ) และก็ได้พบกับคดีวิญญาณปริศนา แต่เมื่อสืบแล้วก็รู้ความจริงว่า ที่แท้เป็นภาพฉายที่สะท้อนมาจากตัวของบอส โดยเป็นบันทึกเรื่องราวต่างๆเมื่อหลายสิบปีก่อนในจาปารีปาร์คแห่งนี้
**วรรคนี้เป็นเนื้อหาจากเวอร์ชั่นเกม ไม่มีในอนิเม***
หลายปีก่อน มีการค้นพบ “แซนด์สตาร์”(Sandstar) บนเกาะแห่งหนึ่ง ที่นั่นเหล่าสิ่งมีชีวิต สรรพสัตว์ที่สัมผัสกับแซนด์สตาร์ ก็เกิดการวิวัฒนาการในรูปแบบกึ่งมนุษย์ ที่เรียกว่า “เฟรนส์” พวกมันมีการสื่อสารกับมนุษย์ที่ชัดเจนเป็นธรรมชาติ พวกมันเรียนรู้ (และเริ่มเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์) เพราะต้องการที่จะอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆอย่างฉันท์มิตรตามชื่อ
แต่ในเวลาเดียวกัน แซนด์สตาร์ที่สัมผัสกับมลพิษ หรือซากศพที่ตายไป ก็จะกลายเป็น “เซลูลีน” กลุ่มก้อนพลังงานด้านลบ และในตอนนั้นเอง ที่เกาะแห่งนี้ ้เป็นเหมือนสถานที่วิจัย และค้นคว้าสายพันธุ์สัตว์ ก็เปิดตัวขึ้น และตั้งชื่อเรียกว่า “จาปารีปาร์ค” เป็นสวนสัตว์ที่มีหายโซน หลายสภาพอากาศในเกาะเดียวอย่างน่าอัศจรรย์ แต่ในทางกลับกัน พวกเซลูลีนเองก็เริ่มเยอะมากขึ้น จนไม่สามารถเปิดให้บริการจาปารีปาร์คได้เลย ทำให้ ไกด์นำเที่ยวหน้าใหม่ที่ชื่อ “มิไร” และ “เซอร์วัล” ได้เข้าต่อสู้เพื่อปกป้องดินแดนแห่งนี้ร่วมกับเฟรนส์ตัวอื่นๆ
**เนื้อหาเวอร์ชั่นมังงะ ต่อจากเกม วาดโดย Furai**
จาปารีปาร์คกลับมาเปิดอีกครั้ง โดยเล่าเรื่องผ่านไกด์มือใหม่ที่ชื่อ” นานะ” แต่เปิดได้พักหนึ่ง ก็เกิด “การปะทุครั้งที่สองของแซนด์สตาร์” เหล่าเฟรนส์สายพันธุ์ใหม่ๆเกิดขึ้น พร้อมๆกับพวกเซลูลีนไม่เว้นวัน แถมยังเป็นเซลูลีนสายพันธุ์ “สีดำ” ที่รับมือยากกว่าที่มิไรเคยเจอมา ทำให้มิไรได้สร้าง “ลัคกี้บีส” ขึ้นเพื่อเป็นหุ่นยนต์ที่ช่วยงานไกด์นำเที่ยว และสนับสนุนการใช้ชีวิตของเหล่าเฟรนส์ และยังศึกษาเรื่องราวของแซนด์สตาร์ และหาทางกำจัดพวกเซลูลีน
แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ มิไรได้พามนุษย์อพยพไปที่ท่าเรือ ทิ้งจาปารีปาร์คไว้กับพวกเซลูลีน และไม่มีใครรู้ชะตากรรมของมนุษยชาติอีกเลย
มาที่ปัจจุบัน หลังจากภาพฉายของบอส มีภาพของเซอร์วัล กับมิไรอยู่ด้วยกัน แต่เซอร์วัลเองกลับจำอะไรเกี่ยวกับมิไรไม่ได้เลย ทั้งคู่จึงรีบออกเดินทางไปยังที่ท่าเรือ…แต่ทว่าเสียงดันสนั่นทุ่งก็ไล่ตามพวกคาบังจัง…เซลูเลียนสีดำขนาดใหญ่ที่ร้ายกาจที่สุดอยู่ตรงหน้าแล้ว
ด้วยการช่วยเหลือของเหล่าเฟรนส์สายฮันเตอร์ ทำให้พวกคาบังจังรอดมาได้แบบฉิวเฉียด ในระหว่างที่เซลูเลียนสีดำหนีไปอีกทางหนึ่ง คาบังจัง และเซอร์วัล ก็ตัดสินใจตามบอสไปจนถึงปากปล่องภูเขาไฟ ที่ๆแซนด์สตาร์ปะทุเมื่อครั้งอดีตซึงก็เป็นเวลาเดียวกับกลุ่มของแรคคูนที่ตามหาคาบังจังเพราะต้องการจะเอาหมวกที่คาบังจังใส่มาเป็นของตัวเอง แต่เมื่อทราบความจริงว่าหมวกเป็นของคาบังจังแต่แรก ก็เลยยอมให้โดยดี
ทั้งหมดจึงเริ่มการตามหา “แผ่นศิลาเทพทั้ง 4″ เพื่อปิดผนึกกลุ่มพลังงานด้านลบที่ทำให้เซลูเลียนสีดำแกร่งขึ้น เมื่อปิดผนึกที่รั่วออกมาได้ ก็ใกล้เวลาค่ำ ทำให้เซลูเลียนสีดำเดินไปตามหาแสงอาทิตย์ที่จะลับขอบฟ้า และหยุดนิ่งในตอนที่แสงสว่างลับขอบฟ้า
ทั้งกลุ่มฮันเตอร์ กลุ่มแรคคูน และกลุ่มคาบังจัง จึงมานั่งประชุมกัน เพื่อหาทางกำจัดเซลูเลียนสีดำขยาดยักษ์นั่น โดยแผนก็คือการล่อให้เซลูเลียนสำดำไปยังเรือที่จอดอยู่ในท่าเรือ โดยการใช้ไฟเป็นตัวล่อ แต่แผนการผิดพลาด รถที่ใช้ล่อกลับเสียหายอย่างหนัก เซอร์วัลพลาดท่าถูกเซลูลีนดูดเข้าไปในร่าง และถ้าทิ้งไว้นาน เซอร์วัลจะกลับสู่ธรรมชาติ และไม่เหลือความทรงจำใดๆเลย คาบันจังอาสาไปช่วยเซอร์วัล ส่วน “คุณหมีสีน้ำตาล” หนึ่งในกลุ่มฮันเตอร์ ก็พาบอสไปยังเรือเพื่อจุดไฟรอ
คาบังจังสามารถช่วยเซอร์วัลมาได้ และได้สติที่ท่าเรือ แต่เพื่อนๆที่นั่นบอกกับเซอวัลว่าตอนนี้คาบันจังติดอยู่ในตัวเซลูลีนแทน เพื่อช่วยคาบังจัง ทำให้เซอร์วัล และ คุณหมีสีน้ำตาล จึงรีบไปช่วยคาบังจัง และหาทางล่อให้มันมายังเรือที่บอสเตรียมไว้ให้
“เซอร์วัล ผมสนุกมากนะที่ได้ร่วมทางกับคุณ” บทสั่งลาของบอสในฐานะผู้นำทาง มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว!
ทั้งสองได้เจอกับคาบังจังในตัวของเซลูลีนแล้ว แต่การโจมตีของเซอร์วัล กับคุณหมีสีน้ำตาลก็ไม่เป็นผล ในท่ามกลางความสิ้นหวัง เหล่าเฟรนส์ที่คาบังจังเคยช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มเดินทาง ก็มารวมพลกันที่นี่ ด้วยจุดประสงค์เดียว คือมาเพื่อช่วยคาบังจัง ผู้ที่เปรียบเสมือนฮีโร่ของพวกเฟรนส์ เฟรนส์ทุกตัวเข้าต่อสู้กับเซลูลีนด้วยโหมด “ปลดล๊อก สัญชาติญาณสัตว์ 100% ” (ยาเซย์ไคโฮ) และสามารถช่วยคาบังจังออกมาได้ (ซีนนี้ทำเอาขนลุก ยังกับหนังโรงไรเดอร์ดีเคท ที่ขนพรรคพวกมาเข้าฉาก อารมณ์เดียวกันเลย!)
แต่เหมือนจะสายไปแล้ว คาบังจังจะกลับคืนร่างกลับไปสู่จุดกำเนิด…เพราะผลจากพลังด้านลบของเซลูลีน หักหลบกับพลังของแซนด์สตาร์นั่นเอง…
แต่ทว่าเรื่องราวปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น คาบังจังกลับเป็นมนุษย์อีกครั้ง เพราะเดิมเธอก็เป็นมนุษย์อยู่แล้วนั่นเอง (ผลของพลังด้านลบของเซลูลีนไม่อาจหักล้างต้นกำเนิดมนุษย์อันแสนซับซ้อนได้ ซึ่งต่างจากเฟรนส์ ถ้าถูกดูดจนกลายร่างสู่ธรรมชาติในรูปแบบของสัตว์ป่าที่ไร้ความทรงจำ หรือวิวัฒนาการย้อนกลับ หรือถ้าโชคร้ายก็สูญสลายไปเลย)
เซลูลีนสีดำก็มาถึงเรือตามแผน เรือถูกปล่อยออกจากท่า และไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าแผนครั้งนี้ คือการที่บอสจะเป็นผู้บังคับเรือด้วยตัวเอง และต้องจมไปพร้อมๆกับเซลูลีน… (ซีนนี้บอสเท่มาก และเรียกน้ำตาจากผู้ชมได้ไม่น้อย)
เช้าวันต่อมาบอสที่จมไปกับเรือก็รอดมาได้ เหลือแค่เลนส์ กับสายคาดเท่านั้น แต่สามารถตอบโต้ พูดคุยๆก็เป็นปกติดี
หลายเดือนต่อมา ทุกคนจึงจัดงานปาร์ตี้ขอบคุณคาบังจังที่สวนสนุก ที่เหมือนเป็นศูนย์กลางของจาปารีปาร์ค ในตอนนั้น “แรคคูน” ก็เล่าเรื่องที่เธอเจอหมวกของคาบังจังครั้งแรก เธอเห็นแซนด์สตาร์ตกใส่หมวกใบดังกล่าว…และก็กลายร่างเป็นคาบังจัง
**ตรงจุดนี้เป็นการเฉลยเนื้อเรื่องว่า คาบังจังเป็นใครกันแน่ โดยหมวกใบดังกล่าวเป็นของ “มิไร” และหมวกใบนี้ที่ถูกแซนด์สตาร์หล่นใส่ ก็ไปหลอมรวมกับ “เส้นผม” ของมิไร จนกลายเป็นคาบังจัง
สรุปคือ คาบังจังไม่ใช่มนุษย์จริงๆ แต่เป็น“เฟรนส์รูปแบบมนุษย์”เท่านั้น***
ถึงแม้ว่าจะสนุก และมีความสุขในจาปารีปาร์ค แต่คาบังจังต้องการที่จะออกเดินทางเพื่อค้นหามนุษย์ต่อไป เหล่าเฟรนส์ที่รู้อยู่แล้ว จึงทำการซ่อมรถบัสที่พังจากการต่อสู้กับเซลูลีน และยังอัพเกรดให้ลอยน้ำได้ด้วย ถึงเวลาที่ต้องจากลากันแล้ว…
เรือของคาบังจังลอยไปได้ไม่ไกลมากนัก ก็มีเรืออีกลำลอยตามมา เซอร์วัล และกลุ่มแรคคูนก็ร่วมทางไปด้วย การเดินทางสู่โลกกว้างได้เริ่มขึ้นแล้ว… (จุดสังเกตุ ข้างหน้ามีสะพานแขวนด้วยนะเออ!)
—อวสาน—
Review 10/10 Anime “Rank S”
สนุก สดใส ไร้พิษภัย มีอะไรให้กลับไปคิดต่อ…You Must Watch!!
ร้อยวันพันปีจะหยิบอนิเมมาดูแบบจริงๆจังๆ หลังจากที่กระแสของ Kemono Friends แบบปากต่อปาก บอร์ดต่อบอร์ด ทั้งในไทยและญี่ปุ่นที่ถือว่าแรงมาก จนแทบไม่อยากจะเชื่อว่า อนิเมสีสันสดใส ธีมเรื่องเบาๆแบบนี้ มีดีอะไร เลยหยิบมานั่งดูครับ…
และแอดมินก็พบว่า ตัวเองติดเรื่องนี้ชนิด “นั่งดู 12 ตอนรวดเดียวจบ”(+1รอบ เพราะเก็บตกรายละเอียดมารีวิว) เพราะการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ มีความน่าติดตามสูงมาก แต่หลายๆคนอาจจะมองว่าอนิเมเรื่องนี้ มันก็การ์ตูนแก๊กเด็กน้อย…นั่นก็ถูกครับ แต่ถูกเพียงครึ่งเดียว คือถ้ามองในมุมของหนังเด็ก คุณจะได้รับอนิเมชั่นน่ารักๆเบาสมอง ดูแล้วคลายเครียดจากการทำงานทั้งวัน แถมมีการแทรกเนื้อหาที่สอนเด็กๆเกี่ยวกับสัตว์โลกน่ารักแบบเนียนๆ ที่ขายมิตรภาพของผองเพื่อน การเดินทาง คาแรกเตอร์น่ารักชวนหลงไหล และทำให้ภาพลักษณ์ของสรรพสัตว์ในโลกจริงดูน่าสนใจ เพราะอนิเมเรื่องนี้ ทำให้ยอดผู้เข้าสวนสัตว์ในญี่ปุ่นสูงเป็นประวัติการณ์เลย ถ้าเอารีวิวแบบเบื้องต้นไม่ได้ลงลึกอะไร ก็คงจะจบแต่เพียงเท่านี้
แต่จริงๆแล้ว ในเรื่องมี Gimmick ที่ลึก เพราะอนิเมเรื่องนี้ มีนัยยะแฝงที่เรียกว่า “ล้ำ” มากๆ หากพิจารณาองค์ประกอบภายในเรื่องที่นำเสนออย่างต่อเนื่องทุกตอนแบบพิจารณาเชิงลึก…
นกโทคิ หรือ นกช้อนห้อย ตัวละครโปรดของแอดมินเลยครับ กับบทบาทราวกับ ไจแอนท์ ร้องเพลงห่วย แต่มีสเน่ห์แบบแปลกๆ
ตัวอนิเมมี “แกนการสร้างสรรค์สรรพสิ่ง” ที่เป็นศูนย์รวมเรื่องราวอยู่ที่ “แซนด์สตาร์” ก้อนผลึกปริศนาที่มอบวิวัฒนาการให้กับสัตว์สี่ขาหน้าขน ให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงมนุษย์ มีสองขา มีการสื่อสาร ถ้าให้หยิบยก ธีมเรื่องใกล้ๆกัน ก็คงจะเป็น “2001 Space Odyssey” หนังโปรดของแอดมินที่มีศูนย์กลางของเรื่องคือ แท่งหินโมโนลิธ ที่มอบปัญญา และวิวัฒนาการของลิง ไปสู่ร่างมนุษย์ มีการนำเสนอที่มีฟิลลิ่งใกล้เคียงกับหนัง “ฮาร์ด ไซ-ไฟ” อยู่เล็กน้อย
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเฟรนส์ภายในเรื่องเอง ก็ยังมีความเป็นสัตว์อยู่ มีนิสัย มีการการตัดสินใจแบบสัตว์ แต่ไร้ซึ่งปัญญา ต่างจากเฟรนส์สายพันธุ์มนุษย์อย่าง “คาบังจัง” ที่ไม่มีคุณสมบัติทางกายภาพที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตในป่าตามธรรมชาติ แต่คาบังจัง สามารถคิด วิเคราะห์ จนสามารถนำสิ่งรอบตัวมาทำประโยชน์ และเอื้อต่อการใช้ชีวิต ทั้งการสร้างสะพาน การวางแผนการสร้างบ้าน สร้างกะท่อมน้ำแข็งเพื่อหลบพายุหิมะได้ หรือแม้แต่การฑูตที่ยุติความขัดแย้งของเหล่าสัตว์ก็ตามที ซึ่งเหล่าเฟรนส์จึงยกย่องบูชาในความฉลาดของคาบังจัง ที่สามารถเอาชนะอุปสรรคได้ ซึ่งกว่าเหล่าเฟรนส์จะทำได้ ก็อาจจะต้องใช้เวลาที่นานนับล้านๆปีเลยทีเดียว ซึ่งแอดมินไม่แน่ใจว่าการมาของสิ่งที่เรียกว่า “แซนด์สตาร์” อาจจะมีนัยยะอื่นที่แอบแฝงอยู่ และไม่สามารถใส่ลงไปในอนิเมชั่นทุนต่ำ 12 ตอนนี้ก็เป็นได้
(โดย“มนุษย์” หรือ Homo sapiens (โฮโมเซเปียน) ในภาษาละตินแปลว่า “คนฉลาด” หรือ “ผู้รู้” ซึ่งก็ตรงกับตัวละครคาบังจังนั่นเอง)
การเล่าเรื่องขออนิเมชั่นชุดนี้ เริ่มต้นที่ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลที่เรียกว่า “ซาวันน่า” เป็นการสะท้อนถึงจุดเริ่มต้นของมนุษย์สายพันธุ์เก่า ที่มีถิ่นฐานใกล้น้ำและทรัพยากรธรรมชาติอื่นซึ่งใช้เพื่อยังชีพขึ้นอยู่กับรูปแบบการดำเนินชีวิต (ฮิโป และ โอเอซิสในตอนที่ 1) ไปจนถึง ป่าดิบชื้น ป่าโปร่ง ริมน้ำ และ จบที่การเดินทางออกทะเล (ตามลำดับตอน 1- 9) เพื่อหาดินแดนใหม่ๆของมนุษย์ยุคหลังๆ
โดยการเดินทางของคาบังจัง ก็มีส่วนคล้ายผลงานวิจัย และค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ ได้ระบุว่า มนุษย์รุ่นแรกได้เริ่มอพยพออกจากทุ่งกว้างแอฟริกาเมื่อราว 70,000 ปีที่แล้ว เพื่อเดินทางไปยัง ยูเรเชีย,โอเชียเนีย และไปยังอเมริกา ซึ่งทฤฎีจุดเริ่มของมนุษย์มาจากแอฟริกา ก็ได้รับการยอมรับเมื่อในช่วงยุค 90 ซึ่งมนุษย์ในยุคแรกเริ่มก็มีวิถีชีวิตด้วยการล่าสัตว์และเก็บหาของป่า ไปจนถึงการทำสงครามชิงอาณาเขต ไปจนถึงการเรียนรู้ การใช้ไฟ และสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์เพื่อเอาชนะอุปสรรคในการใช้ชีวิตในธรรมชาติ ซึ่งทั้งหมดที่ยืดยาวมานี้ ก็ถูกเล่าในอนิเมเรื่องนี้ในฐานะ “นัยยะซ่อนเร้นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มนุษยชาติ” ด้วยเช่นกัน …อันนี้แอดมินเดาจากท้องเรื่องที่นำเสนอ +หาข้อมูลหลังดูจบนะครับ ไม่ใช้ข้อมูลจากทีมสร้างแต่อย่างใด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือจงใจ แต่มันพอดีกันเกินไปนิด
มีงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ระบุว่า “สิงโต เป็นสัตว์จอมขี้เกียจ” ขี้เกียจชนิดว่า เป็นที่สุดของตระกูลเสือและแมวทุกชนิดในโลก วันๆของสิงโตจะหมดไปกับการนอนถึง 20 ชั่วโมง ใช้เวลาในการเดินทางราว 3 ชั่วโมง และกินอีกราว 1 ชั่วโมง ซึ่งก็ตรงกับคาแรคเตอร์สิงโตในเรื่อง ที่ไม่ค่อยชอบเรื่องต่อสู้ ชอบนอนเล่นกลิ้งไปมามากกว่า… ข้อมูล verdantplanet.org
การใช้ชีวิตของเหล่าเฟรนส์ในเรื่องเองล้วนมีเอกลักษณ์ และบางอย่างก็สะท้อนถึงลำดับสังคม จากความใคร่รู้ (เซอร์วัล) เริ่มไปสู่การรวมกลุ่มก้อนเพื่อทำการบางอย่างเพื่ออยู่รอด (อเมริกันบีเวอร์ / แพรี่ด๊อก ) ,การออกล่าเป็นฝูง (กลุ่ม 3 ฮันเตอร์ช่วงท้าย) , ความขัดแย้งด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง (กวางมูส / สิงโต) , ความรอบรู้ สู่ความตระหนกและหวาดระแวง (ยีราฟ) / การแสวงหาความสงบ และปัจเจก (จิ้งจอกแดง จิ้งจอกเงิน) ฯลฯ ซึ่งเฟรนส์แต่ละตัวก็คือกระจกสะท้อนลำดับลักษณะนิสัยของมนุษย์ในช่วงเวลาต่างๆในประวัติศาสตร์โลกนั่นเอง
ในโลกของจาปารีปาร์คนับจากที่ถูกทิ้งร้างนานหลายปี หลายๆอย่างอยู่ในสภาพทรุดโทรม ให้บรรยากาศแบบ Distopia หรือ อาณาจักรที่ล่มสลาย มันทั้งอ้างว้าง และเปลี่ยวเหงา แต่กลับมีความอบอุ่น มิตรภาพที่สวยงาม และความน่าค้นหาในแต่ละตอนว่า มันเกิดอะไรขึ้น? ผู้คนหายไปไหน? ซึ่งหลายต่อหลายประเด็นสามารถต่อยอดไปทำซีซั่นที่สองได้ไม่ยากนัก
รวมไปถึงปริศนา “รอยดำที่มีอของคาบังจังในช่วงใกล้อวสาน” ที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่า เธออาจจะสูญสลายไปจากผลกระทบของพลังด้านลบจากเซลูลีนหรือไม่? หรือมนุษย์สูญพันธุ์หมดโลก เหลอคาบังจัง ที่เป็นเฟรนส์มนุษย์ แล้วความเป็นมนุษย์จริงๆก็เริ่มหายไปทีละน้อย??
ฉากจบในเรื่องมีลักษณะแบบปลายเปิดให้เอาไปคิดกันต่อ เพราะในฉากจบ พวกของคาบังจังก็เจอกับเฟรนด์สายพันธุ์ที่ไม่ได้มีอยู่ในจาปารีปาร์ค และอีกไม่ไกลนัก ก็จะถึงฝั่ง ที่ๆมีความเจริญ แต่จะมาแบบดิสโทเปียหรือไม่? เรื่องที่นกฮูกเล่าว่ามนุษย์สูญพันธุ์ไปจากโลกเป็นเรื่องจริงหรือไม่? ยังมีอะไรให้ตามต่อ และแอดมินก็เชื่อว่า ถ้าทำออกมา ก็มีคนพร้อมที่จะดูเช่นกัน
เพราะถ้าว่ากันตามจริงแล้ว แผนที่จาปารีปาร์คทั้ง 12 ตอนก็ยังสำรวจไม่หมดเลยด้วย
ท่านๆทั้งหลายไม่ต้องคิดเยอะแบบแอดมินก็ได้ครับ อนิเมเรื่องนี้ก็ดูสนุก สดใส ให้ลูกๆหลานๆได้ดูก็เพลินแล้วครับ คิดเยอะไปจะพาลไม่สนุกเดอา เอาเป็นว่า…
สมกับเป็นอนิเมม้ามืดแห่งปีที่ต้องหามาดูโดยแท้จริงก็แล้วกัน!!
แอดมิน Ak47
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console