Ju-On ผีดุ กำเนิดมรณะ
ชื่อญี่ปุ่น : 呪怨 -終わりの始まり-
(จู ออน : โอวาริ โนะ ฮาจิมาริ / The Beginning of the End )
อำนวยการสร้าง : Masayuki Ochiai
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Masayuki Ochiai
ผู้เขียนบทภาพยนตร์ : Masayuki Ochiai / Takashige Ichise
นักแสดงนำ : Misaki Saisho / Kai Kobayashi /Shô Aoyagi / Yasuhito Hida / Miho Kanazawa / Yuina Kuroshima / Reina Triendl /
แนว/ประเภท : Horror / สยองขวัญ
ความยาว : 90 นาที
เรท : ไทย/18
วันเข้าฉายในประเทศไทย : 28 สิงหาคม 2557
ผู้ผลิต : Showgate / Universal Studio
โปสเตอร์แบบไทย ที่ชวนให้ตะแคงคอดูทุกครั้งไป (ฮา)
นี่คือ “ภาพยนตร์สยองขวัญที่กำลังเป็นกระแสบอกต่อถึงความน่ากลัวอยู่ในประเทศญี่ปุ่นขณะนี้”นี่คือคำโฆษณาแรก ที่แอดมินได้ยินหลังจากได้มีการประกาศซื้อลิขสิทธิ์ โดย “มงคลภาพยนต์” ในฐานะที่เป็นแฟนหนังเดนตายของซีรี่ยส์นี้ ตั้งกะปี 2002 ซึ่งเป็นภาคแรก (แอดมินนั่งดูสมัยVCD ครองพิภพ และไล่ดูมาตลอด ยันเวอร์ชั่นฮอลลีวู้ดสร้าง)
จริงๆ ซีรี่ยส์นี้ “มีภาค3ออกมาในบ้านเรามาแล้วก่อนหน้านี้” โดยเป็นการเอา “ละครซีรี่ยส์ + หนัง2ภาค มาตัดต่อใหม่” แล้วย้อมแมวขาย แต่เนื้อหาครบถ้วนกระบวนความใช้ได้ และยังเติมเต็มในส่วนของช่องว่างที่ตัวหนังสองภาคก่อนหน้าไม่ได้เล่าไว้เลยครับ
ต่อมาก็มีภาค4 (ค่ายLC ในบ้านเรามโนไปอย่างนั้น ชื่อจริงๆคือJu-On : White Ghost กับ Ju-On : Black Ghost เป็นภาคเสริม ซึ่งแยกแผ่นขาย พีไทยจัดมาในกล่องเดียวเลย ฮ่าๆ) ที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาหลักภาคก่อนอะไรเลย เป็นแค่ผลข้างเคียงจากคำสาปบ้านซาเอกิเท่านั้น จริงๆไปใช้ชื่ออื่นจะดีกว่ามั้งนะ…
และด้วยการที่แอดมินผ่าน “สมรภูมิหนังสยองขวัญ” ในโรงภาพยนต์มาไม่น้อย และตัวหนังยังได้กับตัวผู้กำกับ อย่าง “มาซายุกิ โอชิไอ” ผู้กำกับมือหนึ่งด้านภาพยนตร์สยองขวัญของญี่ปุ่นที่เคยสร้างหนังสยองวิทยาศาสตร์อย่าง “Parasite Eve” ที่ทำออกมาได้ดี และมีโลกทัศน์ที่น่าสนใจ รวมไปถึงสกิลของพี่แกในการวางสตอรี่บอร์ดที่ดึงเอาจังหวะ และอารมณ์ร่วมของคนดู ใส่มาถูกจังหวะ ก็ทำให้เกิดความคาดหวังอย่างมากครับกับซีรี่ยส์ภาคต่อ “ที่ทะลึ่งทำย้อนศรกลับไปยังจุดเริ่มต้น” ซะงั้น!! (ตามกระแสหนังแนว Origin ที่ฮอลลีวู้ดชอบเอาไปทำ)
ไปดูมาจริงๆ เดี๋ยวหาว่านั่งเทียนเขียน
ความพยายาม(แถ)ครั้งใหม่ของผีคุณแม่ “คายาโกะ”
ตัวหนังจะเล่าถึง “ยูอิ” สาวตกงานที่ที่อยู่กินกับแฟนหนุ่มนักเขียนบทหนัง ได้มาสมัครเป็นคุณครูในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง ในวันสอนวันแรก เธอก็พบว่า “โทชิโอะ ซาเอกิ” เด็กนักเรียนในชั้นได้ขาดเรียนไปหลายวัน ด้วยความไฟแรงและมุ่งมั่น เธอจึงไปที่บ้านครอบครัวซาเอกิ เพื่อสอบถามสาเหตุของการขาดเรียน
แต่เมื่อเธอก้าวเข้าไปในบ้านซาเอกิ เธอก็เจอกับเหตุการณ์ประหลาดๆ ที่เปรียบเสมือน “ก้าวแรกสู่ประสบการณ์สยองขวัญ” โดยที่เธอต้องหาคำตอบ และเอาตัวอดจากคำสาปเหล่านี้ให้ได้!!
เรื่องย่อแบบ Official ก็ตามนี้เลย
(แต่ Spot อาจจะเว่อร์ไปหน่อย ถ้ากลัวเสียอรรถรส ก็ข้ามไปเลยครับ)
“ยูอิ อิคุโนะ” (รับบทโดย โนโซมิ ซาซากิ) ครูสาวดวงซวย ที่ต้องมาพัวพันกับคำสาปผีคายาโกะ…
“นานามิ” (รับบทโดย เรนะ เทรดัล) เด็กสาวที่มาล่าท้าผีกลางวันแสกๆ
ก๊วนสาวล่าท้าผี (เรียงจากหน้าสุด) “อาโออิ” (รับบทโดย ฮาโอริ ทาคาฮาชิ) “รินะ” (รับบทโดย มิโฮ คานาซาวะ) และ “ยาโยอิ” (รับบทโดย ยูอินะ คุโรชิม่า)
ตัวหนังก็ยังเล่าเรื่องแบบงงๆ ผ่านเรื่องสั้นในมุมมองของแต่ละตัวละครให้เราติดตาม (อันเป็นวิธิการนำเสนอที่ “ล้ำ”มากๆ “เมื่อ12ปีที่แล้ว”) และเฉลยเมื่อถึงจุดๆนึง ที่ทำให้แอดมินตบเข่าฉาดเลยว่า “อย่างนี้นี่เอง!!”
สไตล์หนังทั่วไปจะเล่าลำดับเหตุการณ์เหมือนนับเลข 1-10 แต่กับ จูออน จะยังคงเอกลักษณ์คือการเล่าเรื่องสไตล์ “สลับลำดับTimelineในเรื่อง” บางเหตุการณ์ที่อยู่กลางเรื่อง กลับมาอยู้ต้นเรื่อง อะไรที่ควรอยู่ท้ายเรื่อง มากลางเรื่องเฉยเลย ซึ่งเป็นหนังที่ดูแล้ว “ปวดกบาล” กับการลำดับเรื่องพอสมควร ดังนั้น “ควรตั้งใจดู” ครับ ไม่งั้นจะพาลดูไม่รู้เรื่องเอา!!
“วงแหวนจักระ ผนึกจิ้งจอกเก้าหาง”… ไม่ใช่ละ นึคืออีกสัญลักษณ์ในเรื่องที่ไม่เคลียร์ให้ว่ามันคืออะไร
ผีแม่“คายาโกะ” (รับบทโดย มิซากิ ไซโช) ผีคุณแม่ฉีดกลูต้า จะตามมาดูแลคุณทุกที่ๆคุณย่างกราย และเอาความสยองมาแบ่งปันกับคนรอบข้าง…
ผีลูก “โทชิโอะ” (รับบทโดย ไค โคบายาชิ) ผีเด็กตกถังแป้ง ที่คอยเรียกแขกมาเข้าบ้านผีสิงเสมอๆ
จะว่าไปแล้ว ถ้าใครที่เคยดู จูออนมาตลอด จะทราบดีว่า เนื้อหาหลักๆจริงๆคืออะไรยังไง ใครเป็นใคร และมันจบในตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ในหนังภาคนี้ ที่ย้อนกลับไปทำเอาเนื้อหาช่วง “ต้นกำเนิด” ที่หลายๆคนคงทราบดีอยู่แล้ว…ขอให้ลืมมันไปซะ!! จริงๆจะเรียกว่า ภาคนี้ “เป็นหนังกึ่งๆReboot” มากกว่าภาคต่อครับ เพราะข้อมูลความเป็นมาของบ้านซาเอกิ ที่เราๆคอหนังสยองทราบดีนั้น “ได้ถูกหักล้างด้วยข้อมูลที่ไม่เคลียร์” ของภาคนี้ไปแล้ว
ความสยองครั้งใหม่ที่บางเบาเหมือนชุดนอนซีทรู!!
จุดขายของหนังผีที่เป็นเหมือนจานหลัก คงไม่พ้นเรื่องของจังหวะ “ตุ้งแช่” ใส่คนดู ยิ่งหนังผีระดับตำนานอย่าง The Ring หรือ Tales of Terror ก็ทำออกมาได้สุดยอดมากๆ ซึ่งจูออนสองภาคแรก ทำออกมาได้ไร้ที่ติ มีอะไรใหม่ๆในแง่การนำเสนอในจุดนี้ จนเป็นตำนานเทียบชั้นสองเรื่องที่แอดมินกล่าวถึงครับ (แต่หลังๆ Tale of Terror เหมือนหนังแนวอาร์ตๆ ปนสยองมากกว่า)
ซึ่งในภาคนี้ กลับไม่มีซีนสยองขวัญ ที่เด่นจัดๆพอจะเป็น Impact แรงๆ ให้กับหนังได้ (จริงๆแอดมินว่ามีนะ แต่เบาจนรู้สึกเฉยๆมาก) มีหลายซีนที่แอดมินร้องเฮ้ยลั่นโรงไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกัน แอดมินกลับเฉยๆใส่ในบางซีน (ถ้าภาษาง่ายๆ ก็ “จั่วลม” หรือ “วืด” ไปหลายดอกเหมือนกัน ว่างั้นเลย!!)
หนังสือมีตา…นี่มัน Librom ใน Soul Sacrifice ชัดๆ!!
นักแสดง ทุ่มพลังกับการ “นอนหงายแล้วตะกายตัว” ในช่องแคบได้ นับถือจริงๆ!
อ้ากว้างๆหน่อยยยยยย…
“แมวดำอบไมโครเวฟ” ซีนที่ทำให้ “คนรักแมวสั่นสะท้าน”ได้…
เมื่อยคอ ก็พักซักหน่อย…
มีอะไร…ในผ้าห่ม??
สรุป 6/10 Rank D
ข้อดี : หนังถ่ายทอดบรรยากาศได้น่ากลัว / เสียงรอบข้างต่างๆชวนอึดอัดใจ / หลายๆซีน ทำออกมาน่ากลัวแบบถูกจังหวะ / มุมกล้องมาตรฐานหนังผีทั่วไป / นักแสดงสาวๆในเรื่อง แจ่มทุกคน โดยเฉพาะนางเอก และนักเรียนสาวๆ (ยกเว้นผีคายาโกะนะ ฮ่าๆ) / ถึงจะยังงงๆกับไทม์ไลน์ในเรื่อง แต่พอถึงจุดเฉลย ก็สามารถเดาตอนจบได้ไม่ยากเย็น / บางฉากนึกถึงหนังเรื่อง The Omen แฮะ…
ข้อเสีย : หนังถ่ายทอดเนื้อเรื่องแบบ “สลับไทม์ไลน์” อาจจะงงแน่ๆ ถ้าไม่ตั้งใจดูจริงๆ / จุดโฟกัสของเรื่อง / ประเด็นที่มาของคำสาป ยังไม่น่าเชื่อถือ และเลื่อนลอยมากๆ / ข้อมูล เนื้อหาของหนัง ออกมาทำร้ายจิตใจแฟนๆหนังชุดนี้พอสมควร เพราะเล่นหักล้างสิ่งที่หนังภาคก่อนหน้าทำไว้ จนกลายเป้นหนังกึ่งReboot แบบเดียวกับ Transformer4 เป็นมา / จังหวะตุ้งแช่ หลายซีน “วืด” นะครับ แหม่ / ความสมเหตุสมผลในหนังมีบางจุด ที่ “ยังไม่สามารถตอบคำถาม” คนที่ดูได้ว่า “ทำไม” “อะไร” “ยังไง”
โปรโมชั่นที่ญี่ปุ่น จองตั๋วหนัง แล้วได้ “จุกปิดช่องหูฟังโทชิโอะ” น่ารักมากกว่าน่ากลัวแฮะ…
สรุปว่า ส่วนตัวแอดมินค่อนขางผิดหวังสุดๆ
กับภาคต่อ ที่ทางผู้ถือLCในบ้านเรา หวังจะปลุกกระแสหนังผีจากแดนปลาดิบได้ ด้วยแฟรน์ไชน์หนังผีภาคต่อเรื่องนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าดูเหมือนจะ “โฆษณาจนเกินจริงไปนิดหน่อย” เพราะเอาจริงๆ หนังเอง มีมุมมองของผู้กำกับ และบทต่างๆ ไปที “บรรยากาศ” มากกว่า “การกดดัน หลอกหลอน” เหมือนสองภาคแรกที่ทำออกมาในอดีต
ทำให้แฟนๆหนังคาดหวังไว้สูง และตกลงมา “คอหักตาย” กันเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นแฟนๆหนังผีตกถังแป้งรายนี้ จะด้วยการดูภาคไหนก็ตาม ถ้าสลัดเหตุและผลทิ้งไป แล้วพาสาวๆไปตีตั๋วนั่งดูซักหน่อย ก็ไม่เลวนะ
แต่มาตรฐานมันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แค่นั้นเอง!
ปิดท้ายรีวิวด้วยภาพของสาวน้อยตัวประกอบลูกครึ่งญี่ปุ่น ออสเตรเลีย “เรนะ เทรดัล” (Reina Triendl) กันครับ (โมเอะมากกกกก!!)
By Admin Ak Fourtyseven
Trailer