John Wick : Chapter 3 Parabellum
ชื่อไทย : จอห์น วิค แรงกว่านรก 3
ประเภท : ภาพยนตร์
แนว : แอคชั่น / ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ : แชด สตาเฮลสกี้
ผู้ผลิต : Lionsgate / 87Eleven / Thunder Road Pictures / Summit Entertainment
ฉาย : 16 พฤษภาคม 2019
ภาค 4 ฉาย 2021 อ่านต่อ คลิก
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวเล่าต่อจากฉากจบของ John Wick 2 หลังจากที่ โจนาธาน วิค หรือ จอห์น วิค นักฆ่าขั้นเทพของสภานักฆ่า( High Table) ได้ลงมือฆ่า “ซานติโน่ ดันโตนิโอ” มาเฟียอิตาลีเจ้าของ “ตราเลือด” ตราสัญญาที่จอนห์ และ ดันโตนิโอเคยทำร่วมกันในอดีต ที่โรงแรมคอนติเนนตัล
ทำให้จอนห์ ถูกตั้งค่าหัวจากสภาสูงให้นักฆ่าทั่วโลกมาตามล่า…โดยจอนห์นึกได้ว่าตัวเขาต้องไปที่ “คาซาบลังก้า” เพื่อตามหาใครคนหนึ่งที่สามารถทำให้จอนห์หลุดพ้นจากปัญหานี้ได้ แต่เขาจะไปหาใคร ไปทำไม ไปยังไง ต้องไปดูในโรงเอาเองนะครับ
REIVIEW 9/10
โคตรมันส์ แต่แอบยืดไปนิด
ถือเป็นหนังที่แอดมินบอกได้เลยว่า “มาไกลมาก” ใครจะไปคิดว่า เหตุจากการล้างแค้นให้หมาเพียงตัวเดียว จะลากผู้ชมไปรู้จักกับโคตรนักฆ่าสุดเท่ และอันตรายที่สุดอย่างจอนห์ วิค จนมาถึงการเปิดเผยวัฏจักรวงการนักฆ่า ที่หลายๆคนอึ้งกับโลกทัศน์ที่สุดเซอร์เรียล (ใครจะไปคิด คนไร้บ้าน ขอทาน ก็เป็นนักฆ่า) จนมาถึงภาคที่ 3 ที่จะพาคนดูดำดิ่งกับเรื่องราวของภาคีนักฆ่าที่แอบให้นึกถึง Assassin Creed พอสมควร
เนื้อเรื่องของหนังต้องบอกว่าฉากแรก เปิดตัวต่อจากตอนจบของหนังภาค 2 ชนิด “เรียบเรียงฟุตเทจเป็นฉากๆ” ไม่รู้สึกโดด ฉีกเป็นเหมือนหนังคนละเรื่องแต่อย่างใด (เป็นไปได้ ควรดูภาค 2 ก่อนเพื่อความอิน) ในส่วน การเล่าเรื่องค่อนข้างเนือย แต่มีประเด็นให้ติดตาม สลับกับแอคชั่นวูบวาบบ้าง แล้วลากยาวความโหดดิบ บ้าพลังไปยันฉากจบที่ทำให้อยากดูภาค 4 มันพรุ่งนี้เลย!! ส่วนฉากแอคชั่นภาคนี้ บอกได้คำเดียวว่า “จัดหนักจนสำลักลูกปืนกันไปข้าง!” เราจะได้เห็นลีลาการพะบู๊แบบ “ยิงยาว” ถ้าหนังผ่านช่วงเนือยที่เกริ่นถึงโลกนักฆ่า กฏ และเส้นเรื่องอันอืดๆไปบ้าง ก็จะเข้าสู่มหกรรมสังหารโหดที่จอนห์จัดให้ ทั้งลูกปืน คมดาบ กำปั้น ทุกลีลา แน่นๆ เร้าใจดุเดือดกว่าสองภาคที่ผ่านมา มีการลำดับภาพที่ชัดเจนตามสูตรหนังแอคชั่นสมัยนิยม แต่บางจังหวะก็รวดเร็วจนชวนให้เวียนหัวไปบ้าง ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้
ส่วนบทบาท คงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก แม้ว่าเราจะไม่ค่อยเห็นผลงานนักแสดงอย่าง คีอานู รีฟ / ลอวเรนซ์ ฟิชเบิร์น / ฮัลลี เบอร์รี และคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการทำให้เราเชื่อว่านักแสดงคนนั้น เป็นตัวละครนี้จริงๆ สีหน้า ท่าทาง บทพูดต่างๆ มันมีความเป็นจอนห์ วิค และคนในโลกของเขาอย่างชัดเจน
แต่ที่ชมจริงๆคือ “จ๊อบซัง BNK48″ เอ้ย…“เซโร่” นักฆ่าชาวญี่ปุ่นผู้มี จอนห์ วิค เป็นแฟนคลับระดับคามิโอชิ ที่ มาพร้อมดาบซามูไรและฝูงนินจายุคโมเดิร์นสุดเฟี้ยว ที่รับบทโดย”มาร์ค ดาคาคอส” ท่านประธานรายการทีวี เชฟกะทะเหล็กสาขาอเมริกา ที่เล่นได้เฉียบ เท่ ฮา และจิตในเวลาเดียวกัน เป็นนักฆ่าที่ถูกวางบทให้เป็นศัตรู แต่เรากลับเกลียดหมอนี่ไม่ลงจริงๆ เผลอๆเรายังอยากเห็นเขาในภาคต่อหลังจากนี้ด้วยซ้ำ คนนี้มีภาพจำติดตาจริงๆ
ทั้งหมดทั้งมวลในภาค 3 คือบทสรุปที่ไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือการเปิดจักรวาลโลกนักฆ่าที่น่าติดตาม
สัปดาห์นี้ John Wick 3 คือหนังที่แนะนำให้ไปดูจริงๆครับ โคตรมันส์ในฉากสาดกระสุนแบบไม่ต้องคิดเยอะ ดูจบแล้วคุณจะอยากให้ภาค4เข้าโรงพรุ่งนี้จริงๆ!!
“John Wick : Chapter 3 Parabellum” หรือ “จอนห์ วิค แรงกว่านรก 3″ เข้าฉาย 16 พฤษภาคม 2019
แอดมิน Ak47
—————————————
เกร็ดจากหนัง John Wick 3
จากหนังฟอร์มเล็กๆ บทง่ายๆ ที่เกิดขึ้นจากการรวมทุนของเหล่าสตั๊นท์แมน เพื่อให้ “คีอานู รีฟส์” มารับบทนำ เพื่อตอบแทนที่พระเอกหนุ่มอมตะรายนี้เคยช่วยพวกเขาในตอนที่กำลังถ่ายทำ The Matrix เมื่อหลายสิบปีก่อน และด้วยพล๊อตง่ายๆ แต่แอคชั่นมันส์เหลือล้น และฉากยิงปืนสไตล์ GunKata ทำให้หนังเรื่องนี้มีภาคต่อและบทสรุปในภาค 2 ก็ทิ้งประเด็นให้ขยี้ต่อได้อีก แถมยังกวาดรายได้ถึง 166 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 40 ล้านเหรียญ ทำให้โปรเจคท์ภาค 3 เดินหน้าสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศของ แชด สตาเฮลสกี สตั๊นท์แมน และผกก.หนังได้ออกมาระบุว่า ตอนนี้บทของ John Wick : Chapter 3 กำลังอยู่ในส่วนของการเขียนบท และถ้าไม่ติดขัดอะไร ปี 2018 จะเริ่มเปิดกล้องการถ่ายทำแล้ว และออกฉายเร็วสุดคือปี 2019 โดยบทของภาคที่ 3 เขาอยากให้ความลึกของโลกนักฆ่าของจอนห์ วิค นั้นลึกล้ำยิ่งขึ้น และฆ่าได้มากขึ้น เพราะมีการให้สัมภาาณ์กับทางนิตยสาร Entertainment Weekly ว่าในภาคนี้จะใช้สตั๊นมาเข้าฉากมากขึ้น ทำให้จอนห์ วิค ฆ่าได้มากขึ้น ซึ่งสถิติในภาคแรกนั้น จอห์น วิคของเรา สังหารไปทั้งหมด 77 ศพ …..ส่วนใน ภาค2 กดไป 128 ศพ
ในภาคนี้ ตัวนักแสดงอย่าง คีอานู รีฟส์ เองก็ได้กลับเข้าไปยังคลาสยิงปืนอีกครั้ง ที่คราวนี้เขาได้เรียนกับ “ฌอน ไรอัน” อดีตหน่วยรบเนวี่ซีลและหน่วยซีไอเอของสหรัฐฯ เน้นรูปแบบ “ฝึกปฏิบัติการกรวยมรณะ” ที่ต้องฝ่าออกจากห้องที่มีทางออกทางเดียวและเต็มไปด้วยศัตรูให้ไวที่สุด พร้อมด้วย การเคลื่อนอาวุธ ที่ลดปืนลงแล้วเล็งขึ้นมาใหม่ขณะเคลื่อนที่พร้อมอาวุธผ่านประตู, การฝึกวางเท้า ที่ถือเป็นตัวส่งแรงเกือบทั้งหมด เวลาที่ต้องข้ามสิ่งกีดขวาง, การฝึกเข้าห้อง 2 แบบ ได้แก่ แบบไดนามิค ที่เน้นความรุนแรงดุดัน บุกเข้าไปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และ แบบใช้งานจริง เมื่อทุกซอกมุมกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญ ต้องเปิดเผยตัวน้อยที่สุด พยายามเคลียร์พื้นที่คืนมาจากศัตรูมากที่สุด ซึ่งเจ้าตัวฝึกซ้อมงานแอคชั่นด้านนี้อยู่นานร่วมเดือน
ส่วนเทคนิคที่เราเห็นในหนัง John Wick ทั้งสองภาค ที่เป็นการยิงปืนหมุนตัวเล็งหัวเหมือนมีบอทช่วยเล็งนั้น มีชื่อเรียกว่า “Gun Kata” (กันคาตะ) เป็นศาสตร์ที่ไม่ได้มีอยู่จริงบนโลกตั้งแต่แรก แต่เป็นศาสตร์ที่เกิดขึ้นเพื่อการแสดงฉากแอคชั่นยิงปืนที่รวดเร็วฉับไว และคิวบู๊ที่สวยงามพริ้วไหวนั่นเอง ภายใต้แนวคิด “เล็งยิงคู่ต่อสู้ให้ได้มากที่สุด + ทำให้ปืนคู่ต่อสู้เล็งไม่ได้” โดยศาสตร์แขนงนี้ มีจุดกำเนิดแนวคิดจากหนังฮ่องกงเรื่อง “A Better Tomorrow” หรือ “โหด เลว ดี” ที่กำกับโดย จอนห์ วู และแสดงนำโดย โจวเหวินฟะ ที่มีฉากยิงสโลว์โมชั่น และลีลาที่สวยงาม(ในยุคนั้น) แต่ก็ยังไม่ได้ออกแบบคิวบู๊ให้ดูสวยงามเหมือนทุกวันนี้
เรื่องที่เหมือนเป็นการเปิดศาสตร์การยิงปืนสุดพริ้วจริงๆจังๆ ก็คือในหนังเรื่อง “Equilibrium” หรือ “นักบวช ฆ่าไม่ต้องบวช” ที่ คริสเตียน เบล แสดงนำ และดูแลคิวบู๊โดย “เคิร์ท วิมเมอร์” (Kurt Wimmer) อันนี้จะเป็นเหมือนกับการเอาฉากแอคชั่นของจอนห์ วู มาต่อยอดให้เป็น “การต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่ถือปืน” ไและเน้นการต่อสู้ระยะกลาง ถึงประชิดตัวมากขึ้น โดยจะเน้นการกำจัดเป้าหมายที่ใกล้ที่สุดก่อน ด้วยการใช้การปัด สกัด ป้อง สไตล์คิวบู๊หนังกังฟู เป็นหลัก แต่ถึงจะบอกว่าเป็นศาสตร์สำหรับใช้ในโลกภาพยนตร์ แต่ทว่า Gun Kata เองก็ได้มีการเผยแพร่หลักสูตรนี้ไปยังกองทัพในบางประเทศอีกด้วย เช่นใน เกาหลีใต้ ที่ได้รับคำแนะนำจาก CIA ของอเมริกาด้วย
นอกจากจะมีชื่อเรียกว่า Gun Kata แล้ว ยังมีชื่ออื่นๆที่เรียกการต่อสู้สไตล์นี้ในวงการภาพยนตร์อีกด้วย เช่น Gun fu (กันฟู – มาจากคำว่า Gun + Kung Fu) / Bullet Ballet (บุลเลทบัลเล่ต์) และ Gymnastic Gunplay (ยิมนาสติกกันเพลย์)
นอกจากการเทรนนิ่งคนแล้ว ในภาค 3 ก็มีการเทรนนิ่ง “น้องหมา”ที่มาเข้าฉากด้วย โดยทีมงานได้ร่วมกันเฟ้นหาหมาสำหรับ John Wick : Chapter 3 Parabellum นานร่วม5 เดือน ก่อนที่จะส่งไปฝึกกับ “แอนดริว ซิมป์สัน”ผู้เชี่ยวชาญการฝึกหมาป่าจาก Game of Thrones มาทำหน้าที่ครูฝึกสตั๊นท์หมาในฉากด้วย ซึ่ง หมาพันธุ์ Shepherd ทั้ง 5 ตัว จะมีบุคลิกที่แตกต่างกันออกไป แชด สตาเฮลสกี ผู้กำกับ John Wick 3 บอกว่า เขาต้องลงลึกในการถ่ายทำร่วมกับหมาเพื่อให้การแสดงของหมาออกมาดีที่สุด และต้องส่งนักแสดงสาว “ฮัลลีย์ เบอร์รี” ที่รับบท “โซเฟีย” นักฆ่าสาวที่เป็นเจ้าของหมา 2 ตัวที่เราได้เห็นในตัวอย่าง เข้าร่วมการฝึกฝนการควบคุมสัตว์เลี้ยงเช่นกัน
ที่ทีมงานให้ความสำคัญกับหมาในเรื่อง เพราะเป็นเหมือนนัยยะของการเล่าแบบแฝง ตัวอย่างเช่น ลูกหมาในภาคแรก เป็นสัญลักษณ์แทนภรรยาของ จอนห์ และการสูญเสียของเขา ส่วน หมาในภาค 3 นี้ก็เป็นสัญลักษณ์แทนบางคนที่ “โซเฟีย”ได้สูญเสียไปเหมือนกัน และพวกมันจะไม่เหมือนลูกหมาในภาคแรก เพราะพวกหมาในภาคนี้จะมีผลต่อเนื้อเรื่องมากขึ้นพอสมควร
ภาค 4 ฉาย 2021 อ่านต่อ คลิก
John Wick กับ Action GunFu มันส์ๆ
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console