14 อีกครั้ง I love you two thousand
กำหนดฉาย : 12 ตุลาคม 2566
แนวภาพยนตร์ : โรแมนติก-คอมเมดี้
บริษัทผู้สร้างและจัดจำหน่าย : สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
กำกับภาพยนตร์ : นฤบดี เวชกรรม
อำนวยการสร้าง :สมศักดิ์ เตชะรตันประเสริฐ
ทีมนักแสดง : ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ , ณัฏฐ์ กิจจริต ,อินทนนท์ แสงศิริไพศาล
อายุ 14 มีได้แค่หนึ่งครั้ง …รักแรกในความทรงจำ ก็มีได้แค่ครั้งเดียว
“14 อีกครั้ง” จะรื้อฟื้นความทรงจำในวัย 14 ที่ไม่มีใครลืมรักแรกของตัวเองได้ลง ผ่านเรื่องราวของ “กิ๊บ” (รับบทโดย ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ ) อดีตนักเรียนดีเด่น ที่ตัดสินใจกลับบ้านต่างจังหวัดเพื่อมาพักใจ แต่ดันต้องมาเจอะอดีตเพื่อนเคยซี้คนที่ “กิ๊บ” เคยหนีหน้ามาตลอดอย่าง “ต้อ” (รับบทโดย นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต) ที่จนวันนี้ “ต้อ” ก็ยังไม่เคยรู้สาเหตุเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างเขาและ กิ๊บ ??
ขณะเดียวกัน “กัน” (รับบทโดย ภูผา-อินทนนท์ แสงศิริไพศาล) น้องชายตัวแสบวัย 14 ของกิ๊บ ก็มีเหตุให้ว้าวุ่นใจไม่แพ้พี่ เมื่อเจอ “ผิง” (รับบทโดย แฟร์รี่-กิรณา พิพิธยากร) นักเรียนหญิงคนใหม่ของโรงเรียน จะหันหน้าไปปรึกษากับเพื่อนในแก๊งหัวหมา “ม่อน” “วัด” “ต่าย” และ “ซาร่า” ก็ดูจะเละไม่เป็นท่า
แต่เอาวะ…กรุงโรมก็ไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว ความรักของกันก็เช่นกัน ของอย่างนี้ไม่ลองไม่รู้ ลำบากไปถึง “กิ๊บ”กับ “ต้อ” ที่ถูกลากมาเกี่ยวแบบงงๆ แต่ใครจะรู้… ว่าความซ่าของวัยรุ่นแก๊งนี้ กลับสะกิดหัวใจของ “กิ๊บ” และ“ต้อ” ให้ได้ย้อนความหลังช่วงใจพังวัย 14 ให้กลับมาอีกครั้ง
ต้อ รับบทโดย นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต
ต้อหนุ่มสุดอึน ผู้มีความสามารถระดับมัลติ ฟังก์ชัน แต่เรื่องความรักสกิลต่ำเตี้ยเรี่ยดิน มาดกวน มุกเยอะ เหมือนจะเข้าใจโลกทุกอย่างยกเว้นเรื่องกิ๊บ… ที่เก็บคำถามในใจตั้งแต่วัย 14 แล้วอยู่ดี ๆ วันนึงเธอก็ กลับมาอยู่ตรงหน้า…
กิ๊บ แสดงโดย ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์
กิ๊บ อดีตนักเรียนดีเด่นประจำจังหวัดจันทบุรี เป็นว่าที่นักศึกษาดีเด่น แต่จิตตกเลยหนีกลับมาพักใจที่บ้านเกิด แล้วดันเกิดมาเจอกับอดีตเพื่อนซี้ที่เคยตัวติดกันยิ่งกว่าฝาแฝด
กัน แสดงโดย ภูผา-อินทนนท์ แสงศิริไพศาล
น้องชายสุดเฮี้ยว ที่ได้ DNA เฮี้ยนของกิ๊บมาเต็ม ๆชีวิตเคยมีแต่เล่น จนได้เจอนักเรียนใหม่อย่าง “ผิง”เลยอยากลองเอาจริงสักที ยอมทำทุกอย่างให้เขาหันมา แม้จะเป็นปัญหากับทั้งพี่ทั้งเพื่อน แต่แล้วไง… ใครแคร์
ต่าย แสดงโดย เล็ก-ธีรเวช สุภาวงษ์
น้องชายของต้อ เรียบร้อย เรียนเก่ง พรสวรรค์เริ่ด น้องดีเด่น ที่ดูจะเป็นโล้เป็นพายและเป็นที่พึ่งทางสติปัญญาของเพื่อน ๆ ถึงเรื่องเรียนจะเด่นไม่เป็นรองใคร แต่หัวใจกลับมีให้คน ๆ เดียว
ม่อน แสดงโดย โยชิ-สุริยาวิชญ์ ถนอมชัยสนิท
นี่แหละ… โนบิตะเวอร์ชันเกรียนแตกผู้มักจะมาพร้อมไอเทมและไอเดียชวนอึ้ง บอกเลยคนนี้ เรื่องสาวไม่สน ส่วนเรื่องซนม่อนพร้อมลุย
วัด แสดงโดย วีเจ-นพรุจ ตันธนวิกรัย
ลูกชายร้านเจ้าของหนังสือเจ้าใหญ่ในขลุง ผู้ชอบแบ่งปันหนังสือการ์ตูน ให้เพื่อน ๆ ตัวตึงเรื่องการตกหลุมรักรุ่นพี่ 18+ อย่างพี่มรกต สาวสบึมส์บนปกแมกกาซีนสุดหวิว เขานี่แหละ… FC ตัวจริงที่ฝันไกลว่า สักวันจะได้เจอพี่สาว… ตัวเป็น ๆ สักที
ผิง แสดงโดย แฟรี่-กิรณา พิพิธยากร
เท่ เซอร์ บอย เด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจากเชียงใหม่ พกสเก็ตบอร์ดคู่ใจไปไหนไปกัน ความเงียบของเธอ อาจจะทำให้เดาทางยาก แต่ก็เป็นมิชชันที่ท้าทายหัวใจแมน ๆ อย่าง “กัน” ให้ได้ขยับขั้นไปเป็น ฟ.แฟน
ซาร่า แสดงโดย โมเน่ต์ BNK48 – ภาริตา ริเริ่มกุล
สาวน้อยไฮแฟเชิ่นจะโฉบเฉี่ยว เปรี้ยวเว่อร์ขนาดไหนแต่ฝันใหญ่ของเธอ คือการพับนกกระเรียน 1,000 ตัว เพื่อหวังปาฏิหาริย์ให้นักร้องในดวงใจฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
REVIEW
14 อีกครั้ง อีกครั้งที่เป็นวัยรุ่นผู้มึนงง สับสน จับต้นชนปลายในชีวิตไม่ถูก เหมือนกับบทหนังเรื่องนี้
หลายคนที่ผ่านช่วงวัยรุ่นมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นยุคที่มีเสน่ห์ที่สุดในความทรงจำ คือยุครอยต่อระหว่าง ความ Analog กับ Digital ยุคที่โทรศัพท์ทำได้แค่คุย อยากเห็นสิ่งไหนต้องเดินทาง อยากเจอต้องรอคอย มนุษย์มีปฏิสนธิทางกายภาพสูงกว่ายุคดิจิทัลเต็มตัว ชีวิตวัยรุ่นในยุคนั้นไม่ได้รวดเร็ว แต่กลับได้ใช้จังหวะชีวิตในแต่ละวันอย่างมีเรื่องราว …
ภาพยนตร์เรื่อง “14อีกครั้ง” จึงเหมือนเป็นตัวแทนรุ่น มาเล่าประสบการณ์ของความเป็นวัยรุ่นปี 2000 สื่อให้คนดูในยุคนี้ ได้สัมผัสความสนุกสนาน การดำเนินชีวิต และวีรกรรมที่เกิดขึ้นจริงนอกโลกโซเชียล ซึ่งตัวหนัง ทำได้ดีมากๆในส่วนของเซตติ้ง งานภาพ ดปรดัคชั่นภาพรวมทั้งหมด มันดูสโลว์ไลฟ์มากๆ ข้าวของต่างๆในหนัง ไม่ว่าจะหนังสือการ์ตูน นิตยสาร พาดหัวหนังสือพิมพ์ ทีวี กล้องแฮนดี้แคม หรือแม้แต่ป้ายใบปิดหนังดังของสหมงคลในยุคนั้น ก็มีมาให้ได้เห็น และอุทานเบาๆว่า “ไปหามาจากไหนฟะ” แล้วใส่ลงไปในหนังแล้วดูน่าเชื่อ กลมกลืน ไม่โดดจากสิ่งที่หนังพยายามนำเสนอเซตติ้งยุค 2000 จริงๆ…
กิมมิคของเรื่อง จึงเป็นหมุดหมายสำคัญของสิ่งต่างๆในวงการบันเทิง ที่เราดูแล้วต้องคิดถึงช่วงเวลานั้น ทั้งอีเว้นท์ของ ข่าวเศร้าของวงการบันเทิงของคุณบิ๊ก D2B / การตามพบไอดอลคนสำคัญของหนุ่มๆจากปกนิตยสารวาบหวิว / เพลง / การแต่งกาย ถือว่าทำออกมา “เชื่อ” ว่ามาจากสมัยนั้นจริงๆ
โดยทีมงานเลือก อำเภอ ขลุง จังหวัดจันทบุรี เป็นชุมชนเล็ก ๆ ฉากหลังที่บ้านเมืองยังคงสไตล์วินเทจ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ ยังคงความคลาสสิกของบ้านไม้ ศาลเจ้า สวนทุเรียน ตลาด ภูเขา และทะเล รวมไปถึงความเรียบง่ายในการใช้ชีวิตมาเป็นโลเคชั่นหลัก
แต่สิ่งที่ทำให้หนังมีรอยแผลใหญ่ๆ คือ การเล่าเรื่องที่ “มีอีเว้นท์แทรกยิบย่อยมากเกินความจำเป็น” บางเรื่องที่หนังเล่า ไม่ได้ทำให้เส้นเรื่องหลักมีผลกระทบอะไรเลย ไม่รู้จะใส่มาทำไมในหลายๆเหตุการณ์ อีกทั้งหนังยังไม่ชัดเจนแนวทางว่าจะไปทางไหน
จะ Coming of Age ก็ไม่ใช่
จะแนว Road Trip ผจญภัยตามทางก็ไม่เชิง
จะ Love Comedy ก็ยังงงๆในความสัมพันธ์
แถมหนังมีปัญหากับการเลี้ยงอารมณ์คนดูที่ปรับโทนกันไม่ทัน หนังกำลังซึ้ง เศร้าจากอาการไม่สมหวังในรัก ก็ดันมีเหตุชวนช๊อก จากการสูญเสีย แล้วอยู่ๆหนังก็มีความหวัง ด้วยการมอบอีเว้นท์หลักแบบเร่งด่วน
จังหวะหนังเลยอกมาแบบงงๆ ตรงไหนควรเล่า ก็ไม่ลงลึก อย่างความสัมพันธ์ตัวละครกลุ่มเพื่อนแก๊งหัวหมากับนักเรียนใหม่ ยังไม่ได้ลงรายละเอียดมาก จนคนดูเชื่อว่านี่คือกลุ่มเพื่อนรักที่ยอมเสียน้ำตายามสูญเสีย และจากลา แต่กลับไปเล่ามุกตลกเรี่ยราดตามทาง
มันฮามั้ย ก็ฮานะครับ สนุกด้วย แต่พอมานั่งตกตะกอนกันอย่างจริงจังแล้ว ไม่มีผลกับเนื้อเรื่องหลักเลย จะมีไม่มีก็ได้ เหมือนพวก Side Quest ในเกม RPG ที่จะทำไม่ทำก็ได้ แต่กลับให้เวลาในส่วนนี้มากเกินไปจนรู้สึกว่า แก่นสารของหนังจริงๆมีนิดเดียว ที่เหลืออะไรก็ไม่รู้…
ส่วนพลังการแสดงของนักแสดงในเรื่อง ทั้งหน้าเก่า หน้าใหม่ จัดเต็มไม่มีกั๊ก โดยเฉพาะเหล่านักแสดงเด็กแก๊งหัวหมา ที่แม้ว่าบทจะงงๆ ที่มาที่ไปตัวละครไม่ชัด ทำไมเพื่อนกลุ่มนี้มันรักกันมาก ทำไมเด็กใหม่ มาเป็นเพื่อนกับเด็กกลุ่มนี้ ทั้งๆที่เพิ่งทำสเก็ตบอร์ดพัง โกรธกัน แล้วอยู่ๆมาเป็นพวกกันแบบข้ามเลเวล …แต่ถึงอย่างนั้น น้องๆก็ทำหน้าที่ตัวเองก็ทำได้ดีจนเราเชื่อและอินไปกับความตั้งใจของตัวละครนั้นจริงๆ
เสียดาย บทที่คลุมเครือ ตัดตอน ข้ามผ่านจุดที่ควรขยี้ กลับทำให้การแสดงของน้องๆกลุ่มนี้ เหมือนมีอะไรขาดหายไป…
จุดที่ชมแยกเป็นพิเศษ คือ น้อง โมเน่ต์ BNK48 – ภาริตา ริเริ่มกุล เป็นการเดบิวในฐานะนักแสดงหนังใหญ่ แม้ว่าจะเป็นตัวประกอบ แต่เป็นตัวประกอบที่ซัพพอร์ทตัวละครหลัก และซัพเส้นเรื่องหลักได้ดีมากๆด้วย โดยบท “ซาร่า” สาวแก่นเด็กเปรี้ยวลูกสาวร้านเสริมสวยตัวตึง ที่เป็นแฟนคลับคุณบิ๊ก D2B ที่มีความตั้งใจในการถ่ายทอดอารมณ์ของแฟนคลับที่ส่งใจช่วยศิลปินคนโปรดได้ดี จนนึกว่าน้องเกิดทันในยุคนั้นจริงๆ
ซึ่งถ้าหากนับเวลากันตามจริง น้องเกิดไม่ทันเหตุการณ์คุณบิ๊กแน่ๆ แต่ด้วยสีหน้า ท่าทาง อารมณ์ความเศร้า ในบทของของแฟนคลับ เชื่อว่าใครที่ทันช่วงเวลานั้น หรือเคยทำอย่างที่ซาร่าทำ อย่างการสะสม CD หรือพับนกกระดาษ อวยพรให้คุณบิ๊กปลอดภัย ก็น่าจะอินไปกับตัวละครนี้ไม่ยาก น้องเล่นถึงมาก ขอชมจริงๆ เพราะถ้าคนไม่อินข้อมูลตรงนี้ ก็คงไม่น่าจะถ่ายทอดอารมณ์นั้นได้จริงๆ…
สรุป ตัวหนัง ไม่เข้าขั้น “แย่” แต่บอกว่า “โคตรดี” เลย ก็คงไม่ได้ สิ่งที่ทำให้หนังดูน่าสนใจ คือการเน้นย้ำเรื่องราวที่เป็น Nostalgia ทำให้คนหวนระลึกยุค 2000 ได้ ทั้งบรรยากาศ ข้าวของ และเสียงเพลง นี่คือจุดแข็งที่สำคัญมากๆของหนังเรื่องนี้ รวมไปถึงมุกตลกที่ทำให้อมยิ้ม ขำได้ตลอดแทบทั้งเรื่อง ก็น่าจะเพียงพอสำหรับการตีตั๋วไปรับชมแล้ว
แม้ว่าหนังจะมีเส้นเรื่องและอารมณ์หนังที่โดดไปมา ปรับตามไม่ทัน เหมือนนึกอะไรได้ก็เล่าไปเรื่อยของหนังเรื่องนี้นั้น ทำให้หนังมีจุดที่ “สะดุด” พอสมควร…แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังเชียร์ให้คุณไปดูหนังเรื่องนี้อยู่ดี เพราะเราชอบมาก แฮปปี้บนความอิหยังหวะของบทหนังนั่นละ
อันนี้ส่วนตัว … เพราะมี “แฟรี่ – โมเน่ต์” สองสาวที่น่ารักน่าหยิก มีบทบาทในเรื่องที่โดดเด่น ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ครับ 555+
ภาพงานเปิดตัวภาพยนตร์ “14 อีกครั้ง”
14อีกครั้ง (I Love You Two Thousand)
12 ตุลาคมนี้
มา 14 กันอีกครั้งในโรงภาพยนตร์
#14อีกครั้ง #ILoveYouTwoThousand