Huawei MateView GT
สนใจไปกดได้ในนี้ https://bit.ly/3y2RSmQ หมื่นเจ็ดนิดๆ
ขนาดจอ 34 นิ้ว
พอร์ต
USB-C x 1 (supports display, data transfer, and 10 W max charging power)
USB-C x 1 (only for power supply)
HDMI x 2 (HDMI2.0)*
DP x 1 (DP1.4)
3.5 mm headset and microphone 2-in-1 jack x 1
ความโค้ง 1500R
อัตราส่วนภาพ 21 : 9
ประเภทหน้าจอ : VA
Resolution : 3440 x 1440
Refresh rate : สูงสุดที่ 165 Hz
ค่าช่วงสี : 90% DCI-P3 (ค่าปกติ) / ครอบคลุม 100% sRGB
Colors : 1.07 พันล้านสี
ความสว่าง : 350 nits (ทั่วไป)
อัตราส่วนค่า Contrast 4000 : 1 (ทั่วไป)
ค่าความถูกต้องสี : ΔE < 2 (ΔE < 2 หรือค่า เดลต้าE คือระบุค่ามาตรฐานเฉลี่ยในช่วงสี sRGB )
รองรับ HDR
โหมดถนอมสายตา รับรองโดย TÜV Rheinlandลดแสงสีฟ้า / ลดการกระพริบของภาพ
ลำโพงคู่ SoundBar dual speakers 5 W x 2 + ระบบสัมผัสควบคุมเสียง + ไฟ LED
ไมค์ติดในจอ DMIC x 2 รองรับระยะเสียง 4 เมตร (ใช้ USB C ในการใช้ไมค์)
Game assistant : แสดงผลที่มืด Dark field controls, เป้าเล็งติดจอ
ระบบปุ่มควบคุมการตั้งค่าแบบคันโยกจอยเกม
หลังจากที่ทาง หัวเหว่ย ประเทศไทย ได้มีการเปิดตัวอุปกรณ์เกม PC มากมายเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ทั้ง PC สเปคแรงๆ มือถือ แทปเลตที่เป็นของประจำค่าย คราวนี้แอดมินได้รับสิทธิในการรีวิวของเล่นชิ้นโตจากทางหัวเหว่ยประเทศไทย กับ Huawei MateView GT จอโค้ง 34 นิ้ว ที่เป็นผลงานชิ้นแรกสุดในสายจอเกมมิ่ง ความคมชัด 3440 x 1440 (ในใบสเปคบอก 3K) พร้อมอุปกรณ์ลำโพง และไมค์ในตัว เรียกว่า ไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มแล้ว แต่จะดีแค่ไหน อันนี้เราจะรีวิวในทุกมิติการใช้งานในปัจจุบัน ทั้งการเล่นเกม / การทำงานสายกราฟิก วิดิโอ เล่นหุ้น / ดูภาพยนตร์ ทั้งแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง และแผ่น Bluray Disc
ก่อนเสียบปลั๊กใช้งาน
หนักมาก!! คืออยู่ในกล่องเข้าใจได้ว่าโฟมกันกระแทกหนาอย่างดี ทำให้กล่องหนัก แต่เมื่อแกะกล่องมาประกอบ ก็รู้สึกเลยว่า “หนักอยู่ดี” ด้วยขาตั้งที่เป็นเหล็กตันๆ + ลำโพงบิ้วท์อิน ที่ไม่สามารถแยกชิ้นส่วนได้ ทำให้งานประกอบทั้งหมดเมื่อนำมารวมกัน เลยดูแน่นหนา ไม่ก๊องแก๊ง ไม่มีเสียงหลวม เหลื่อม ก๊อกๆแก๊กๆ คือทุกอย่างทำมาพอดี ถือว่างานประกอบดีมากๆ มีวี่แววของความทนทาน
Huawei MateView GT มีหน้าจอแบบ ไวด์สกรีนขนาด 34 นิ้ว ที่มีอัตราส่วนภาพ 21:9 ซึ่งความกว้างที่เพิ่มขึ้นทำให้เกมมีความสมจริงยิ่งขึ้น เก็บภาพรวมในมุมกว้างได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกมแข่งรถ เกมFPS และ MOBA โดยเฉพาะ
ในจอจะประกอบไปด้วย ไมค์ที่อยู่ด้านบน (เป็นรูเล็กๆ 2 รู) ด้านหลังมีพอร์ทมาให้พอสมควร โดยจะเน้นหนักไปที่ USB C ที่เป็นแหล่งพลังงาน แนะนำว่าต้องดูให้ดี อย่าเสียบ USB หม้อแปลงผิดช่อง อาจเกิดความเสียหายได้ เพราะ USB C อีกพอร์ทนั้น เอาไว้ใช้เชื่อมต่อระบบไมค์กับ PC หรือการต่อโน้ตบุค หรือโทรศัพท์ที่มี USB C ต่อขึ้นจอเท่านั้น โปรดระวัง
จอเป็นแบบ Fix ตาย หมุนซ้ายขวาไม่ได้ ทำได้แค่เลื่อนขึ้นลง เงยจอ ก้มกดจอได้ เท่านั้นจริงๆ ถ้าจะหมุนจอ ต้องยกทั้งจอ ซึ่ง…หนักเอาเรื่อง 555 จุดนี้หวังว่าจะได้รับการปรับปรุงในรุ่นต่อๆไป
เลื่อนไปทางใต้หน้าจอ ตรงกลางโลโก้ HUAWEI จะพบกับ จอยสติ๊ก สำหรับปรับหน้าจอ Option ต่างๆ ใช้งานง่ายดี แต่มีปัญหาเรื่องการจัดการ UI อยู่บ้าง เพราะเวลาเราปรับเซตติ้งอะไรตามต้องการเสร็จแล้ว มันจะเตะเรากลับไปหน้าแรกสุดทันที ต้องเข้ามาใหม่ จุดนี้คือ UI ต้องมีการปรับแก้ในรุ่นต่อๆไปนะครับ
จอเกมมิ่ง ต้องเล่นเกม
สิ่งที่แอดมินนำมาทดสอบก่อนเลย คือ การเล่นเกม ซึ่งจอตัวนี้ ขอบอกว่า “ไม่มีเทคโนโลยีช่วยเหลือด้านบูสงานภาพอย่าง AMD FreeSync หรือ Nvidia G-Sync” งานภาพที่ได้เมื่อมีมูฟเม้นท์ เคลื่อนไหวเร็วๆ อาจจะมีเบลอเป็นเรื่องปกติ แต่ทว่า จอตัวนี้ มีสิ่งที่เรียกว่า “โหมด Overdrive” ที่ทำหน้าที่ แทรกเฟรมภาพ ทำให้งานภาพไหลลื่น ลดอาการเบลอได้ ซึ่งมีทั้งหมด 4 ระดับ
แต่ทว่าการปรับที่ระดับ 4 นั้น ทำให้เกิดภาพซ้อนขึ้นมาจนลายตาแทน จึงขอแนะนำให้ตั้งค่าที่ระดับ 3 ก็เพียงพอต่อการเล่นทุกเกมแล้ว
ซึ่งความละเอียด 3440 x 1440 และด้วยระดับความหนาแน่น 109ppi นั้นคมชัดพอที่จะทำให้เกมดูดี และมีพื้นที่ในแนวตั้งมากกว่าบนแผงจอ 1080p ทั่วไป ที่สำคัญ คือ “ไม่จำเป็นต้องมีการ์ดกราฟิกที่สูงจัด” เพื่อให้เกมทำงานได้ดีบนจอตัวนี้ (การ์ดจอที่ใช้ทดสอบคือ GTX 1070 ซึ่งก็รันได้ดี รวมไปถึง Macbook Pro ตัวล่าสุด ที่เราใช้ทำงานกราฟิก ซึ่งจะอธิบายในพาร์ทของการทำงานครับ)
ส่วนฟีเจอร์มาตรฐานที่สำคัญที่จอเกมมิ่งพึงมีอย่าง “การแสดงผลที่มืด Dark field controls” , “เป้าเล็งติดจอ” อันนี้ใช้งานได้ดีครับ โดยเฉพาะ Dark field controls ที่ทำให้เราเห็นดีเทลในที่มืดจากการซุ่มของศัตรู หรือไอเทมที่ซ่อนตามมุมฉาก ถือว่าทำออกมาได้ดีครับ แม้ว่าจะมีอาการเบลอๆเล็กน้อย แต่เรื่องค่าสีที่ได้ ถือว่าสวยงาม และเก็บภาพมุมกว้างได้ดี
ซึ่ง MateView ใช้พาเนล VA ที่มีสี 10 บิต ให้ความสวยงามในแง่สีสันของเกม และดีเทลพอสมควร ซึ่ง…มัน เหมาะสำหรับเกมแนวๆ Single Player มากกว่า eSport ครับ
ต่อนินเทนโด สวิทช์ เอาไว้เล่น แวนการ์ด EX ได้ 55
ที่บอกแบบนี้เพราะ เวลาตอบสนอง 4ms (ไมโครเซคันด์) นั้นดีสำหรับการเล่นเกมแบบผู้เล่นคนเดียว แต่ “ไม่เร็วพอสำหรับ eSports” ที่ชี้เป็นตายในเสี้ยววินาที อาจจะตามหลังเจ้าอื่นๆในตลาด (แอดมินเคยรีวิวจอยี่ห้อหนึ่งก่อนหน้า ซึ่งให้เวลาตอบสนองเพียง 1ms นั้นชัดเจนมากๆว่ามันลั่นไวกว่า)
ส่วนอัตราการรีเฟรชของ Huawei สูงสุดที่ 165Hz ซึ่งเป็นตัวเลขที่โอเคแล้วสำหรับเกมกระแสหลัก สายขายงานภาพครับ
แต่ในพาร์ทเกมคอนโซลอย่าง PS4 นั้น จอ Huawei MateView GT ก็สามารถเล่นได้ดีนะครับ แต่ด้วย Output ที่มีให้แค่ 60hz จึงทำให้เล่นได้ในระดับมาตรฐานเท่านั้น อีกทั้งการเปิดแบบเต็มหน้าจอ นั้นไม่เหมาะกับทุกเกม ซึ่งแอดมินได้ทำการทดสอบเกม FIFA ถือว่างานภาพสวยงามอิ่มเต็มอารมณ์สเกลไม่เพี้ยนมากนัก เก็บบรรยากาศสนามที่กว้างขึ้น แต่เมือเอาไปเล่นเกมแอคชั่นเร็วๆ นี่เห็นผลเลย แถมภาพถูกบีบให้อ้วนออกข้าง มีอาการเบลอของการเคลื่อนไหวชัดเจน จึงต้องเปิดโหมด Overdrive จึงจะทำให้ภาพสวยงามไหลลี่นขึ้น
ส่วน PS5 ยังไม่ได้ลอง เพราะไม่มีเครื่องจ้า พ่ามพาม!! 555+
เอาไว้ดูไลฟ์ FB ได้เต็มตาในภาพคือไลฟ์การแข่งการ์ดเกมของร้านหนึ่งในย่านสะพานเหล็ก
เล่นเกมเบื่อแล้ว ได้เวลาดูหนัง!
หากใครที่เป็นสายหนัง อันนี้ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ “พอดูได้” ตอบโจทย์คนที่ชอบนั่งดูหนังคนเดียวในห้องทำงาน เพราะถึงแม้จะรองรับ HDR (High Dynamic Range)แต่ก็ไม่ได้สุดสาย เพราะค่าความสว่างเพียง 350 nits (ทั่วไป) เวลาขึ้น HDR ยังขับได้ไม่สุด (ถือว่าให้มาน้อยมากในส่วนความเป็น HDR) แม้มีดีเทลในที่สว่างและที่มืดก็จริง แต่ยังไม่ชัดเจนจนเห็นดีเทลเสื้อผ้า ในที่ๆเป็นสีดำ หรือสีขาวสว่าง
ซึ่งตรงนี้ จอทีวีจะได้เปรียบกว่า (เพราะมี1500 nitsขึ้นไป ซึ่งห่างจากตัวนี้หลายเท่าตัว) แต่ข้อดีคือ เราสามารถจ้องจอได้นานๆโดยไม่เมื่อยล้าสายตา เท่าการนั่งดูทีวี “ในระยะเดียวกัน” กับหน้าจอตัวนี้
ส่วน “สีดำ” จอตัวนี้ในใบสเปคระบุว่า HDR10 อัตราคอนทราสท์ที่ 4000 : 1 พร้อมค่า เดลต้าE < 2 แต่ก็ยังไม่มืดสนิทตามที่เคลมมา เพราะไม่ใช่จอ QLED ที่แยกหลอดไฟใต้แผง Panel ที่ให้ค่าสีดำสนิท จากการ “ดับไฟ”
แต่จอ Huawei MateView GT ใช้พาเนล VA ที่มีสี 10 บิต ที่สีดำ ก็ยังเป็น “หลอด LED สาดแสงสีขาวในพื้นสีดำ”ขึ้นมาที่หน้าจอ
แต่ด้วยค่า DCI-P3 ก็ทำให้สีสันสวยงามตรงกับที่สตูดิโอใหญ่ๆใช้ หรือผู้สร้างภาพยนตร์ต้องการนำเสนอออกมา ตรงจุดนี้ ชดเชยข้อเสีย และถือเป็น “ข้อดีในพาร์ทการทำงาน” ด้วย
พาร์ทย่อยของรีวิวนี้ คือการดูแอพสตรีมมิ่งที่ได้รับความนิยม 3 เจ้า ได้แก่ NETFLIX , DISNEY + Hotstar และ Apple TV+ โดยบิทเรทความคมชัดตามตารางนี้ (ในส่วน DISNEY + Hotstar จะต่ำกว่าในตาราง 2-3 mbps) โดยเราจะหาภาพยนตร์มาทดสอบกันใน Android Box ซึ่งเราตั้งค่าการส่งออกสัญญาณภาพแบบ HDR
โดยการทดสอบ เราพบว่า จอ Huawei MateView GT เวลาเปิด Apple TV+ ภาพสวยงามขั้นสุดในสายสตรีมมิ่ง ดีเทลครบจัดจ้านเท่าที่ HDR เล็กๆของจอให้คุณได้ รองลงมาคือ NF และด้อยสุดคือ Disney Plus ที่ความคมชัดแม้จะเปิด HDR ก็ยังขับไม่สุด มีความจมดีเทลอยู่พอสมควร
แต่ทั้งสามแพลตฟอร์ม ยังคงความคมชัดสู้แผ่น BD ไม่ได้ เพราะแผ่น BD ให้บิตเรทที่ 150 Mbps/sec ที่คมชัดมากกว่า
แม้จะมี HDR แต่จอก็ยังไม่สามารถขับความคมชัดของระยะแบบมิติลึกได้เท่าที่ควร แม้จะต่อสัญญาณออกในระดับสูงสุดแล้วก็ตาม
งานภาพในบางเรื่อง ก็เต็มจอบ้าง ไม่เต็มจอบ้าง ตาม “ต้นฉบับ” ที่ทางผู้สร้างจัดมา (ดิสนีย์+ เป็นเยอะมาก)
ซึ่งถ้าไม่ใช่สายหนังเชิงลึก หรือสายโปรดัคชั่นมานั่งดู ก็ถือว่าตอบโจทย์ เต็มอารมณ์ และทำหน้าที่ของการถ่ายทอดงานภาพที่ดีในระดับที่รับได้ และน่าพอใจครับ ถ้าเบื่อเล่นเกม ก็มาดูหนังได้ เต็มตาดีเหมือนกัน
แต่ถ้าเอาดีกว่านี้ HDR เข้มกว่านี้ คงต้องทีวีแล้วล่ะครับ 555+
ร้อยวันพันปี เราถึงจะได้หยิบเอาแผ่น BD มาทดสอบ ทั้ง หนังใหญ่ ทั้งอนิเมแผ่น BD ต้นฉบับจากญี่ปุ่นที่ให้คุณภาพสูงที่สุดในบิตเรทที่ 150 Mbps/sec ก็พบว่า ในซีนที่มีความเคลื่อนไหวเร็วๆนั้น การเปิด Overdrive เลเวล 3 ช่วยได้ แม้ว่างานภาพต้นฉบับจะมาที่ 25 fps ตามมาตรฐาน แต่ดูสมูธขึ้น เก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น
โดยเฉพาะอนิเมเก่าอย่าง “นาโนฮะ A’s” ที่เป็นหนังโรง ส่งตรงมาสเตอร์จากญี่ปุ่น ไม่มีขายในไทย ที่เราเอามาทดลอง ในเรื่องจะมีฉากต่อสู้ที่รวดเร็ว ก็ดูสบายตาขึ้นเล็กน้อย ดีเทลไม่หาย ลายเส้นตัวการ์ตูนยังครบถ้วน
เพียงแต่การดูหนัง ซีรี่ส์ต่างๆ จะ ส่งออกสัญญาณภาพแบบ HDR ที่ 60hz เท่านั้น ซึ่งตัวจอเองก็ดันไม่ได้มากไปกว่านี้แล้ว
แต่ซอฟท์แวร์ของจอ ได้ทำการทดแทนจุดเสียด้วยการขยายงานภาพให้เต็มจอ และรักษาสเกลให้เพี้ยนน้อยที่สุด ซึ่งต่างจากเกมคอนโซล ที่งานภาพเพี้ยนจัดๆเมื่อขยายเต็มจอซะอย่างนั้น
ด้านเสียงของลำโพงซาวด์บาร์ 5w และไมค์
ไม่ขึ้เหร่ เสียงมาครบทั้ง เบส แหลม กลาง แม้จะไม่ลึกจัดๆ หนักจัดๆ หรือแหลมสูงสุดแบบสายไฮเอนด์ แต่ถือว่า ดีกว่าลำโพงติดจอเจ้าอื่นๆ หรือลำโพงตามตลาดนัดแน่ๆ ด้วยรูปแบบที่เก็บย่านเสียงครบ เสียงดังเต็มห้อง และมีมิติให้พอได้ยินบ้างนั่นเอง แถมการใช้งานโคตรง่าย แค่แตะ แล้วรูดตามแนวเส้นไฟ ก็ปรับลดเสียงได้ แถมยังมีการปรับโหมดหนัง เกม ทั่วไป มีค่า Preset จากโรงงาน…ซึ่งเอาจริงๆ แยกไม่ออกหรอก 555 เหมือนๆกันหมด แต่สามารถยืนยันได้ว่า เสียงที่ได้ ออกมา“ดี” ในระดับที่ยอมรับได้
ในขณะที่ไมค์ในจอที่ติดมาจากโรงงาน มันสามารถเก็บเสียงสายสนทนาได้ทั้งใน FB หรือ Discord ได้ครบ หรืออาจจะมากไปด้วยซ้ำ เพราะถ้าใครอยู่หอพักติดกับห้องข้างๆแล้วเขามีเสียงดังมา มันก็เก็บเสียงรอบข้างในระยะ 4 เมตรด้วย ซึ่งคุณภาพเสียง จากที่ทดสอบ และได้รับการยืนยันจากปลายสายที่แอดมินพูดคุยในการประชุม และทดสอบจอ ต่างบอกว่า ไมค์เสียงชัดมากๆ ค่อนข้างเคลียร์ และไม่มีอู้อี้
ก็ถือว่าดีมากๆ ลดการเชื่อมต่อสายสารพัดวุ่นวายได้ดีเลย
ถึงเวลาทำงาน
โคตรชอบ!! บอกเลย นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จอนี้ให้คุณได้ เพราะด้วยความที่เป็นจอกว้าง มันจึงสามารถแบ่งอินเตอร์เฟซของโปรแกรมที่มีมากมาย ใช้พิมพ์ข่าว บทความ ไปจนถึงสายงานโปรดัคชั่นทั้งตัดต่อวิดิโอ งานเสียง หรืองานภาพ (รวมไปถึงเล่นหุ้น 555)
จะเทรดบิทคอยน์ ตัดต่อวิดิโอ เกรดสี แต่งภาพนิ่ง ให้สีเที่ยงตรงมากๆ หากคาลิเบรทจอแล้ว!
เราสามารถนำเอาแถบบาร์เมนู จัดเรียงให้อยู่ในจอเดียวได้ตามความต้องการ กล่าวง่ายๆคือ “มีพื้นที่ให้เล่นเยอะ” และมาพร้อมด้วยความสะดวกสบายในการทำพรีเซนเทชั่น เพราะสามารถนำเอา USB C ต่อเข้าโน้ตบุค หรือโทรศัพท์มือถือ ด้วย “สายUSB C สองหัวที่มีมาในกล่อง”
การใช้งานแค่ Plug and Play ได้ทันทีไม่ต้องลงอะไรเพิ่ม สามารถใช้งานเป็นจอ 2 ได้ทันที
และด้วยความที่จอมีฟังก์ชั่น DCI-P3 ทำให้การทำงานด้านภาพ เกรดสี ทำภาพยนตร์ ตัดต่อคลิป จะให้ค่าสีที่ตรงกับที่ผู้สร้างผลงานทำต้นฉบับมา และฉายไฟนอลโปรดัคท์ได้แม่นยำ
แต่เพื่อความเที่ยงตรง คุณต้องไป Calibrate จอเสียก่อน ถึงจะได้ค่าสีที่ตรงจัดๆตามความต้องการครับ
โดยรวม
เป็นจอที่มีไว้ใช้งานสารพัดประโยชน์ เล่นเกมก็ได้ ดูหนังก็ได้ ทำงานก็ดี (น่าจะประทับใจที่สุดคือการทำงานสายโปรดัคชั่นนี่แหละ) ด้วยพื้นที่ๆกว้าง ปรับแต่งได้เยอะ นั่นเอง ซึ่งตัวจอมีเทคโนโลยีที่กลางๆ สเปคกลางๆ ยังไม่ High End สายเกมจัด สายหนังตาเทพจัดๆ ยังไปไม่ถึงเลเวลนั้น
แต่ถือว่า เป็นจอที่ควรหามาใช้ตัวนึง ถ้าคุณรับกับราคาหมื่นเจ็ดได้ จัดมาเถอะ! ชีวิตในมิติการทำงาน เล่นเกม ดูหนังคุณจะสนุกขึ้นแน่นอน!
และถ้า Huawei MateView GT รุ่นหลังจากนี้ แล้วมี AMD FreeSync หรือ Nvidia G-Sync ล่ะก็…
บอกเลยว่า จะเป็นจอที่เจ๋งในสายเกมตัวนึงเลย!!
เสียดายที่รุ่นนี้เหมือนเป็นการลองตลาด เลยจะดูกั๊กๆไปนิดนึง แต่ยังอยู่ในระดับที่ประทับใจครับ!
แอดมิน AK47
สนใจสินค้า คลิกเลย https://bit.ly/3y2RSmQ
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console