Gundam X [เรื่องย่อ/ตัวละคร/โมบิลสูท]
04 เมษายน 2559 13:24 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

GX (1)

ชื่อไทย กันดั้มเอ็กซ์

ชื่อญี่ปุ่น (機動新世紀ガンダム X (คิโดชินเซย์กิ กันดั้มเอ็กซ์)

ชื่ออังกฤษ After War Gundam X

ประเภท แอคชั่น, หุ่นยนต์, ดราม่า

จำนวน 39 ตอน

 

 

GX (11)

ในช่วงยุค 90 มีการ์ตูนกันดั้มที่ออกฉายหลายเรื่อง ดีบ้างแป้กบ้างคละๆกันไป และนี่คือเรื่องราวของกันดั้มที่แป้กสนิทแห่งยุค แต่ดีไซน์สวยช่วยชีวิตไว้ กับเรื่องราวของ “กันดั้ม X” หรือ “After War Gundam X”

 

กันดั้ม X เป็นกันดั้มที่มีเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับภาคหลักเช่นเดียวกับกันดั้มวิงและจีกันดั้ม การนับศักราชในซีรีส์นี้คือ A.W. (After War) โดยนับตั้งแต่สงครามระหว่างโคโลนี่และโลกจบลง กันดั้มเอ็กซ์เป็นกันดั้มภาคเดียวที่กล่าวถึงนิวไทป์แต่ไม่ได้ใช้ระบบปฏิทิน Universal Century หรือ ศักราช UCโดยในประเทศไทยกันดั้มเอ็กซ์ได้ฉายทางสถานีโทรทัศน์ ITV โดยผู้ถือลิขสิทธิ์ในไทยตอนนั้นคือบริษัท ไทก้า โดยได้จัดทำมาในรูปแบบ วีซีดี อย่างเดียว

 

GXX

โดยในปัจจุบันบริษัทDEX เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์และได้ทำออกมาจำหน่ายในรูปแบบของดีวีดีบ็อกซ์เซ็ตพากย์ญี่ปุ่นซับไตเติ้ลไทย อย่างเดียวเท่านั้น…

 

 

เรื่องย่อ

GX (2)

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าในการเดินทางออกนอกอวกาศ เพื่อการอยู่อาศัย แต่ก็ได้มีความขัดแย้งทางอุดมการณ์ของคนสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือชาวโลก ที่มีหลายประเทศรวมตัวกันภายใต้นาม “สหพันธ์โลก” และ ชาวอาณานิคมอวกาศ หรือ “ชาวโคโลนี่” ทั้งสองฝ่ายได้งัดเอาเทคโนโลยีสุดยอดของตัวเองออกมาสู้รบกัน แต่ทว่าทางฝ่ายโคโลนี่ได้ใช้ประชาชนของโลกเป็นตัวประกัน โดยการขู่ว่า “ถ้าสหพันธรัฐไม่ยอมแพ้ จะทำให้โคโลนี่ตกลงสู่โลกเพื่อทำลายล้างโลก” ทางสหพันธ์โลกจึงได้ส่งโมบิลสูทที่ชื่อว่า “กันดั้ม” ออกมาทำลายล้างชาวโคโลนี่ที่ต่อต้าน แต่ชาวโคโลนี่ ก็ได้ปล่อยให้โคโลนี่ตกลงมาที่โลกจริงๆ ทำให้ชาวโลกล้มตายไปเกินครึ่ง โลกอยู่ในสภาพล่มสลาย อาหารการกิน การดำเนินชีวิตมีอย่างจำกัด จนในที่สุดแล้ว โลกก็อยู่ในสภาวะล่มสลายมาอย่างยาวนานถึง 15 ปี

 

และหลังจากนั้น ก็เข้าสู่ยุค After War…ยุคแดนเถื่อน ที่ผู้คนต่างแก่งแย่งเพื่อเอาตัวรอด…

 

 

GX (4)

 

 

เรื่องราวเล่าผ่านตัวละคร “การ์รอด รัน” เด็กหนุ่มหัวขโมยที่อาศัยการปล้นโมบิลสูทแลกเงินที่ได้มารับงานชิงตัวประกันจากนายหน้ารายหนึ่ง ภารกิจของเขาคือ ไปชิงตัวเด็กสาวที่ชื่อ “ทีฟา อาดีล” จากกลุ่ม”Vulture” (วัลเจอร์) ที่ออกตามหา “นิวไทป์” หรือกลุ่มคนที่มีคลื่นควอนตัมในสมองที่เข้มข้น และเชื่อมต่อกับฐานทัพบนดวงจันทร์ เพื่อไม่ให้เกิดสงครามซ้ำสองอีก แต่ทว่าหลังจากที่การ์รอดช่วยทีฟาออกมาได้ ก็เห็นท่าทีหวาดกลัวผิดปกติของทีฟา จึงได้ตัดสินใจเบี้ยวงานว่าจ้าง แล้วขับรถหนีออกมาทางหุบเขาที่เป็นโรงงานเก่า จนมาเจอกับ GX-9900 Gundam X กันดั้มในตำนานที่ติดตั้งระบบ Sattlelite Cannon ที่สามารถยิงปืนใหญ่ทำลายล้างโคโลนี่ได้ด้วยคลื่นสมองของนิวไทป์ และทีฟา คือนิวไทป์คนที่ว่านี้ 

 

GX (5)

สองพระรองผู้จืดจางของเรื่อง “รอยบี ลอยด์” และ “วิท ซู”

 

 

 

GX (1) copy

สองพี่น้องสุดแสบ นิวไทป์สอบตกของเรื่อง “ชาเกียร์” และ “ออลบา”

 

 

 

GXX (2)

หลังจากนั้นการผจญภัยของการ์รอต และกลุ่มวัลเจอร์ของ “กัปตัน จามิล นีท” ก็ได้ย้อนรอยไปถึงการมีอยู่ของนิวไทป์ / การปะทะกับสองพี่น้องฟรอสท์ “ออลบา ฟรอสท์” และ “ชาเกียร์ ฟรอสท์” และก็ตัดไปสู่สงครามสุดท้ายที่กันดั้มแอชทาลอน / กันดั้มเวอร์ซาโก้ ปะทะ กันดั้มดับเบิ้ลเอ็กซ์ ยิงกระสุนแสงพลังไมโครเวฟ แล้วก็จบไปแบบงงๆ

 

 

 

GXX (1)

เหมือนจะฟิน แต่เอาจริงๆ โคตรมึน เพราะตัวซีรี่ยส์ที่ทำมาแล้ว “แป้ก” จนต้องถูกตัดจบกลางอากาศนั่นเอง…

 

 

 

 

GX (9)

Gundam X : Under The Moonlight

7 ปีหลังจากสงครามในภาค TV ภาคนี้จะเล่าเรื่องราวของ “ริค อัลเลอร์” เด็กหนุ่มช่างซ่อมMS ดวงซวยที่เก็บ “GX-9900 Gundam X” สีดำ รุ่นทดสอบที่หายสาปสูญไปนานนับสิบปี  แถมต้องไปพัวพันกับกองทหารรับจ้าง และการค้นหาโมบิลสูทยุคสงครามเก่า จนได้พบกับเด็หหนุ่มนิวไทป์ปริศนาที่ชื่อว่า “ไค” ที่มาพร้อมกับโมบิลสูทต้นแบบของกันดั้มทั้งมวลในจักรวาล “GB-9700 Gundam Belphagor” (กันดั้มเบลเฟกอร์)

 

 

 

ตัวละคร

GX (16)
การอด รัน
ตัวเอกของเรื่อง เด็กหนุ่มวัย 15 ปี สูญเสียครอบครัวไปในสงครามโคโลนี่ จึงหาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างทำงานทุกอย่าง เก่งด้านเครื่องจักรและการลอบขโมย รู้เรื่องของโมบิลสูทเป็นอย่างดีเพราะต้องการเดินตามรอยพ่อของเขา เขาถูกคนของสหพันธ์โลกได้ว่าจ้างให้ไปลักพาตัวทีฟ่ามาจากฟรีเด็น แต่ในภายหลังได้เปลี่ยนเป้าหมายเป็นการหนีไปกับทีฟ่า และค้นพบ GX-9900 กันดั้มเอ็กซ์ และได้เป็นนักขับกันดั้ม ในภายหลังเขาเป็นสมาชิกของฟรีเด็น ภายใต้การนำของ จามิล และเปลี่ยนมาขับ “กันดั้มดับเบิ้ลเอ็กซ์” ในเวลาต่อมา

 

 

GX (14)

ทีฟา อาดีล

นางเอกของเรื่อง สาวน้อยผู้เป็นนิวไทป์ เป็นคนเงียบนิ่ง ไม่ค่อยพูดจา เธอเป็นเป้าหมายของสหพันธ์โลกและกองกำลังต่างๆเพราะความสามารถด้านนิวไทป์ที่เธอมี เธอสามารถติดต่อกับฐานบัญชาการบนดวงจันทร์ เพื่อเปิดใช้งานระบบ Satellite System ทำให้กันดั้มเอ็กซ์ สามารถยิง Satellite Cannon ได้

 

 

 

GX

จามิล นีท
เป็นอดีตนักบินของสหพันธรัฐ เคยเป็นนักบินของ GX-9900 กันดั้มเอ็กซ์ ภายหลังจากสงครามจามิลลาออกจากสหพันธ์โลกเพราะหลังจากสงครามโคโลนี่ทำให้จามิลเป็นโรคกลัวโมบิลสูท (ควบคุมไม่ได้และกลัวการขับ) จึงหันมาประกอบอาชีพวัลเจอร์และออกตามหานิวไทป์ที่มีอยู่บนโลก มียานรบภาคพื้นดินขนาดใหญ่ชื่อ “ฟรีเด็น”

 

 

 

GX (15)

วิท ซู
นักบินกันดั้มแอร์มาสเตอร์ (Gundam Airmaster) เป็นทหารรับจ้างที่รับงานว่าจ้างจากยานฟรีเด็น และยินดีทำงานให้แก่ผู้ที่จ่ายหนักกว่า แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีใครจ้างนอกจากกัปตันจามีลเท่านั้น…หลังสงครามใหญ่จบลง เขาก็ได้อยู่กับ”โทเนีย” พลสื่อสารสาวแห่งยานฟรีเด็น

 

 

 

GX (13)

รอยบี ลอยด์
นักบินกันดั้มเลโอพาร์ด (Gundam Leopard) ลุคเพลย์บอยเจ้าสเน่ห์ หนึ่งในนักบินของยานฟรีเด็นที่รับเงินเดือนจากกัปตันจามิล

 

 

 

GX (12)

ชาเกียร์ ฟรอสท์

นักบิน “กันดั้มเวอร์ซาโก้” ที่อยู่ในศุนย์วิจัยนิวไทป์ UNE (United Nations Earth) จัดเป็นนักบินโมบิลสูทที่เก่งกาจมาก เป็นคนที่เด็ดขาก ไร้ปราณีและทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมายของตนและน้องชาย เป้าหมายที่แท้จริงก็คือการกำจัดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับนิวไทป์ และระบบที่เกี่ยวข้อง เพราะเขารู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบต่อชีวิตที่สูญเสียจากสงครามครั้งก่อน หลังสงครามใหญ่จบลง เขาและน้องชายก็หายสาปสูญไปกับการดวลกันระหว่าง “ปืนไมโครเวฟของกันดั้มเวอร์ซาโก้+แอชทาลอน และ แซทเทิลไลท์แคนน่อนของ ดับเบิ้ลเอ็กซ์”

 

ออลบา ฟรอสท์
นักบิน “กันดั้มแอชทาลอน” ที่อยู่ในศุนย์วิจัยนิวไทป์ UNE (United Nations Earth) มีความสามารถในการอ่านใจคนได้เล็กน้อย แต่ความสามารถของพวกเขาไม่สามารถเข้ากันกับระบบนิวไทป์ Flash System โดยพวกเขาทั้งสองคน มักจะถูกเรียกว่า “Category F” โดยตัว “F” หมายถึง “FAKE” หรือนิวไทป์เทียมนั่นเอง

 

 

 

 

โมบิลสูท “กันดั้ม” ในเรื่อง

 

GX (17)

GX-9900 Gundam X
โมบิลสูทจากสมัยสงครามอวกาศครั้งก่อน ปีศาจสีขาวแห่งการทำลายล้างของสหพันธ์โลก ที่มีความสามารถในการใช้ “แซทเทิลไลท์ แคนน่อน” ที่ยิงสัญญาณไมโครเวฟเข้าที่แผงรับพลังงานบริเวณหน้าอกของตัวกันดั้ม และสะสมพลังงานจนเกิดแสงสว่างที่ปีกด้านหลัง และยิงลำแสงที่สามารถทำลายโคโลนี่ขนาดใหญ่ด้วยการยิงเพียงครั้งเดียว แต่ทั้งนี้ก็ต้องการนักบินที่เป้น “นิวไทป์” ในการสั่งยิง ซึ่งพลังนิวไทป์ของ “ทีฟา” คือกุญแจของการยิงปืนลำแสงนี้ แต่การ์รอดเป็นนักบินที่บังคับกันดั้ม และลั่นไกยิงออกไป  

 

ในยุคสงครามนั้น รอบๆโลกจะมีดาวเทียมที่ใช้สะท้อนคลื่นไมโครเวฟจากดวงจันทร์ในกรณีที่กันดั้มXไม่อยู่ในบริเวณที่พระจันทร์ขึ้นด้วย แต่ดาวเทียมเกือบทั้งหมดถูกทำลายในช่วงท้ายของสงคราม การใช้งาน”แซทเทิลไลท์ แคนน่อน” จึงต้องอยู่ในมุมที่สถานีไมโครเวฟบนดวงจันทร์สามารถส่งคลื่นมาให้ได้

 

จุดอ่อนสำคัญอีกประการก็คือการส่งคลื่นไมโครเวฟนั้นใช้เวลาประมาณ4วินาที ถ้ากันดั้มXต้องเคลื่อนย้ายตำแหน่งก่อนหน้าจะรับคลื่นได้ก็จะไม่สามารถยิง”แซทเทิลไลท์ แคนน่อน” ได้ และเนื่องจากต้องใช้มือจับเล็งขณะยิงจึงอยู่ในสภาพที่ป้องกันตัวไม่ได้ด้วยเช่นกัน

 

นอกจากนี้ยังมี บีมไรเฟิล และบีมเซเบอร์ ที่เป้นอุปกรณ์มาตรฐานแล้ว ยังมีอาวุธอย่างปืนกัตลิ่งขนาดจิ๋ว ติดตั้งที่แพ็คหลังได้ด้วย…ที่สำคัญ มันยังสามารถควบคุมยูนิตย่อยๆอย่าง FX-9900 GX-Bits ที่ติดตั้ง “แซทเทิลไลท์ แคนน่อน” ได้คราวละหลายๆตัวด้วยพลังนิวไทป์ผ่านการใช้งาน “Flash System” นั่นเอง

 

 

 

GX (18)

GX-9900-DV Gundam X Divider

หลังจากการต่อสู้อย่างหนัก ทำให้แผงหลังของระบบ”แซทเทิลไลท์ แคนน่อน” เสียหายเกินเยียวยาแล้ว ทำให้ “คิด ซาซามิล” ได้ทำการปรับปรุง ยกเครื่องกันดั้มเอ็กซ์ด้วยการถอดระบบแซเทิลไลท์ทิ้ง แล้วใส่อาวุธใหม่ลงไปนั่นก็คือ “ดีไวเดอร์” เป็นโล่แบบใหม่ที่มีความทนทานสูง และยังมีอาวุธติดตั้งอย่าง “บีม ฮาร์โมนิก้า” อาวุธทำลายล้างที่สามารถกำจัดเป้าหมายได้คราวละมากๆ อีกทั้งยังประหยัดพลังงานกว่าแซทเทิลไลท์ แคนน่อน แต่ถ้าเทียบแล้วก็ยังเบากว่าอยู่มาก 

 

อีกจุดที่มีการโมดิฟายใหม่คือ แผงแปลงพลังงานด้านหลังของกันดั้มXเดิมๆ ก็มาเปลี่ยนเป็น “เอเนอจีพ็อดและท่อขับดัน” ในขณะที่ใช้ดีไวเดอร์เป็นยูนิตขับเคลื่อนก็จะติดไว้ด้านหลังนี้ ซึ่งเอเนอจีพ็อดจะสามารถจ่ายพลังงานให้ดีไวเดอร์พอที่จะบินได้นานถึง12ชั่วโมงเต็ม

 

 

 

HGUC_150_face

GX-9901-DX Gundam Double X
เป็นโมบิลสูทที่พัฒนาโดย New United Nations Earth ที่เป็นการเอาแบบแปลนของ Gundam X มาต่อยอด โดยเป็นการติดตั้งแผงรับพลังงานเพิ่มจาก 4 แผงของ Gundam X มาเป็น 6 แผง และสามารถใช้ปืนใหญ่”แซทเทิลไลท์ แคนน่อน”ได้โดยไม่ต้องพึ่งพลังของนิวไทป์ได้ด้วย   

 

เดิมทีนั้นสหพันธ์โลกใหม่ได้ทำการทดสอบ Gundam Double X ที่เกาะซอนดาเอปตา แต่ก็ถูก การอด ขโมยไปโดยใช้ Gคอนโทรลเลอร์ของกันดั้มXแทน ต่ออมาคิดยังได้ดัดแปลงบัสเตอร์ไรเฟิลให้ใหม่เป็นการเฉพาะด้วย และยังมีอาวุธอื่นๆ เช่น บีมจาเวลิน บีมเซเบอร์แบบสองปลายและไฮเปอร์แฮมเมอร์ด้วย แต่ไม่เคยมีการใช้งานโดยการบังคับ

 

Gundam Double X ต้องใช้งาน “Double XG-Controller” ในการเดินเครื่อง นอกจากนี้ยังสามารถรวมร่างกับเครื่องบินสนันสนุน “GS-9900 G-Falcon” เพื่อฝ่าชั้นบรรยากาศ และลดเวลาที่ใช้ในการชาร์จ”แซทเทิลไลท์ แคนน่อน” แถมยิงได้ถี่ขึ้นกว่าเดิมด้วย

 

 

 

GX84

GW-9800 Gundam Airmaster

เป็นโมบิลสูทที่ติดตั้ง “Trans System” กลายร่างเป็น “Mobile Armor” ที่มีความเร็วสูงมาก อีกทั้งยังสามารถควบคุม FW-9800 GW-Bit MSที่เป็นยูนิตย่อยได้คราวละหลายๆตัวเหมือน Gundam X เป็นกันดั้มที่มีเกราะบางที่สุดในเรื่อง และในภายหลังได้ทำการติดตั้งเกราะ และเพิ่มความเร็วจนกลายเป็น GW-9800-B Gundam Airmaster Burst ในเวลาต่อมา

 

 

 

GX (21)

GT-9600 Gundam Leopard

เป็น MS ตัวแรกสุดในสายการผลิตไลน์กันดั้ม โดยเป็นกันดั้มที่มีเกราะที่หนาที่สุด และเน้นหนักไปทางพลังทำลายที่สูงสุดด้วยกระสุน และมิซไซล์ ก่อนที่จะมีการพัฒนาGundam Xตามมาภายหลัง อีกทั้งยังสามารถควบคุม FT-9600 GT-Bit ที่เป็นยูนิตย่อยได้คราวละหลายๆตัวเหมือนGundam X และในภายหลังได้ทำการติดตั้งเกราะ และเพิ่มความสามารถในการบรรทุกกระสุนจนกลายเป็น GT-9600-D Gundam Leopard Destroy ในเวลาต่อมา

 

 

 

GX (20)

NRX-0013 Gundam Virsago

เป็นโมบิลสูทที่ติดตั้งปืนใหญ่พลังทำลายล้างสูง “Mega-Sonic” เอาไว้ที่หน้าอก นอกจากนี้ ที่แขนยังสามารถยืดออกไปโจมตีศัตรูได้ (เหมือนนาทาคุ กันดั้มในภาค W)ถึงจะได้ชื่อว่ากันดั้ม แต่ก็เป็นกันดั้มที่ไม่ได้ติดตั้ง”Flash System”เพราะนักบินไม่ได้มีความสามารถของนิวไทป์ แต่สำหรับ MS ตัวนี้ ก็ต้องใช้ทักษะที่สููงในการบังคับอยู่ดี ต่อมาได้มีการอัพเกรดให้แข็งแกร่งขึ้น จนกลายเป็น “NRX-0013-CB Gundam Virsago Chest Break” ที่เพิ่มพลังทำลายของ”การยิงปืนใหญ่ไมโครเวฟแซทเทิลไลท์ลันเชอร์” “แต่ก็ต้องทำงานร่วมกับ “NRX-0015-HC Gundam Ashtaron Hermit Crab” เพื่อรีดพลังสูงสุด โดยมีพลังเทียบเท่ากับ “แซทเทิลไล์ แคนน่อน” ของ “Gundam Double X “

 

 

 

GX

NRX-0015 Gundam Ashtaron

เป็นโมบิลสูทที่ติดตั้ง “Trans System” ที่กลายร่างเป็น “Mobile Armor” ที่มีอาวุธสุดโหดคือ “กงเล็บ Atomic Scissors” ถึงจะได้ชื่อว่ากันดั้ม แต่ก็เป็นกันดั้มที่ไม่ได้ติดตั้ง”Flash System”เพราะนักบินไม่ได้มีความสามารถของนิวไทป์นั่นเอง ปกติจะออกทำงานคู่กับ NRX-0013 Gundam Virsago ต่อมาได้มีการอัพเกรดให้แข็งแกร่งขึ้นโดยเปลี่ยนแบ็คแพ็คให้ใหญ่ขึ้นและติดคีมกิกันติกซิสเซอร์ที่มี จนกลายเป็น “NRX-0015-HC Gundam Ashtaron Hermit Crab” ที่รองรับ “การยิงปืนใหญ่ไมโครเวฟแซทเทิลไลท์ลันเชอร์” ในภายหลัง

 

 

 

GXX (4)

GB-9700 Gundam Belphagor

เป็นโมบิลสูทที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับมือกับ”นิวไทป์” โดยเฉพาะ ปรากฎตัวครั้งแรกในสงครามใหญ่เมื่อ 15 ปีก่อน (ออกมาอีกครั้งในภาค SD Gundam G Generation F ) โดยจุดอ่อนของกันดั้มเบลเฟกอร ก็คือสมรรถนะที่สูงมากเกินเหตุ “ทำให้ร่างกายของนักบินต้องรับภาระหนักจนเสียชีวิต” ซึ่งอัตราเสียชีวิตมีสูงมากจนสหพันธ์เองเห็นนักบินว่าเป็นเหมือนชิ้นส่วนอะไหล่ชิ้นหนึ่งเท่านั้น ในยุคหลังสงคราม สหพันธ์โลกใหม่ก็ได้ใช้ข้อมูลของเบลเฟกอร์เป็นพื้นฐานในการสร้าง NRX-0013 Gundam Virsago และ NRX-0015 Gundam Ashtaron ในเวลาต่อมา

 

 

***ขอขอบคุณ ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือที่มี / ข้อมูลหุ่นจาก Wiki อาจจะมีตกหล่น ผิดพลาดบ้าง ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ***

 

 

 

แอดมิน Ak47

 

Gundam X OP1

 

 

 

Gundam X OP2