ย้อนอดีตเจ้าเต่ายักษ์กาเมร่า ฉบับยุคเฮเซ
Gamera : The Guardian of Universe (1995)
Gamera 2: Attack of Legion (1996)
Gamera 3: Revenge of Iris (1999)
ถือว่าเป็นโปรเจ็คที่ใครหลายคนรอคอยสำหรับ เจ้าเต่ายักษ์กาเมร่า ที่กำลังจะกลับมาอีกครั้งในแอนิเมชั่น Gamera Rebirth ที่จะลงทาง Netflix แม้จะยังไม่มีกำหนดชัดเจน แต่ก็ทำให้แฟนหนังไคจูต่างรอคอยเรื่องนี้มาก เพราะถือว่า กาเมร่า เป็นสัตว์ประหลาดไคจูที่แม้จะมาไล่เลี่ย กับ ก็อตซิล่า เรียกว่าเป็นไคจูร่วมสถาบันที่มีฐานแฟนคลับหนาแน่นจนถึงปัจจุบัน
เพื่อต้อนรับการมาของเจ้าเต่ายักษ์ในตำนาน วันนี้เราจะพาไปย้อนดูเรื่องราวของ กาเมร่า ฉบับยุคเฮเซ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นฉบับที่ดีที่สุดพร้อมทำให้เจ้าเต่ายักษ์จากที่เคยเป็นมวยรอง กลายเป็นไคจูที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้กัน มาฝากทุกท่านกันครับ….
Gamera : The Guardian of Universe (1995)
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเรือขนส่งพลูโนเนียมนามว่า ไคริว-มารุ ได้ค้นพบเกาะขนาดใหญ่พุ่งมายังตรงหน้า แม้ว่าจะไม่ถูกจมแต่ก็ได้รับความเสียหายพอสมควร ก่อนที่ข่าวจะถูกแพร่กระจายเป็นที่สงสัย โดยเฉพาะ โยชินาริ เจ้าหน้าที่ชายฝั่งที่ที่ได้นำเรื่องนี้มาปรึกษากับ คุซานากิ ตัวแทนบริษัทประกันภัยทางน้ำ เพื่อจะขอเข้าร่วมสำรวจเกาะประหลาดนี้ แต่ทางคุซานากิกลับปฏิเสธ ก่อนที่โยชินาริจะขอทำอาหารเลี้ยงที่บ้านที่ทำให้เขาได้รู้จักกับ อาซากิ ลูกสาวของคุซานากิ จนเมื่อเขาห็นความมุ่งมั่นและความตั้งใจจึงยอมให้เข้าร่วมสำรวจเกาะประหลาดในครั้งนี้
ส่วนอีกด้านหนึ่ง นากามิเนะ นักปักษีวิทยา ที่ได้รับการติดต่อจาก สารวัตรโอซาโกะ ขอให้ช่วยไปตรวจสอบพร้อมกับเขา เนื่องจากเขาได้รับแจ้งว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งเดินทางไปยัง เกาะฮิเมะกามิ เพื่อไปศึกษานกพันธุ์ใหม่ แต่เมื่อไปถึงพบว่าหมู่บ้านในละแวกนั้นถูกทำลายอย่างย่อยยับและพบศพอาจารย์ที่ถูกย่อยสลายจากฝีมือของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง ด้วยสัญชาตญาณของเธอ จึงตัดสินใจเข้าไปยังบริเวณในป่าจนได้พบกับนกยักษ์ชนิดหนึ่งบินโฉบหัวขึ้นไป ก่อนที่เธอจะให้สารวัตรโอซาโกะและเหล่าตำรวจติดตามขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ทำให้เธอจะได้เจอนกยักษ์และถ่ายเก็บเป็นหลักฐานก่อนจะประสานงานไปยังศูนย์ปฏิบัติการทางอากาศ เมื่อกลับมาถึงเธอจึงแจ้งผ่านสื่อเหมือนจะเป็นการเตือนว่า นกยักษ์พวกนี้พร้อมจะมาล่ามนุษย์ในอีกไม่ช้าต่อจากนี้
ขณะที่ทางฝั่งโยชินาริ กับ คุซานากิ ก็ร่วมทีมเดินทางมุ่งหน้าสู่เกาะประหลาด เพื่อหาคำตอบแล้วเขาก็พบว่าบนเกาะแห่งนี้ เมื่อขึ้นเกาะพบว่าใจกลางเกาะมีศิลาจารึกอักษรโบราณ ก่อนจะถ่ายเก็บเป็นหลักฐานเพื่อให้ผู้ชำนาญภาษาโบราณถอดใจความออกมา แต่ทว่าเกาะเกิดแผ่นดินไหวจนพวกเขาต้องหนีออกมา จนต้องรีบกระโดลงน้ำแล้วพวกเขาก็พบว่าเกาะแห่งนี้กำลังถูกกะเทาะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตและมุ่งหน้าไปยังตัวเมือง ทำให้โยชินาริจึงเดินทางตามไปทันที
โยชินาริ จึงไปยังจุดหมายของสิ่งนั้นแล้วพบว่าจุดหมายของมันคือสนามกีฬา ที่เหล่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตัวเอง กำลังวางแผนจะจับตัวนกยักษ์โดยพวกเขาได้ลำเลียงเนื้อวัวจำนวนมากมาวางไว้กลางสนาม เมื่อพวกมันเข้ามาและทานจนอิ่มเหล่าทหารก็จะทำการยิงกระสุนยาสลบทันที ซึ่งดูเหมือนจะเป็นไปตามแผนทุกอย่าง เมื่อพวกมันติดกับ ก็ทำการใช้แสงล่อพร้อมระดมยิงแบบไม่ยั้ง ก่อนที่จะสามารถจับมาได้ 1 ตัว ส่วนที่เหลือหนีไปอย่างหวุดหวิด
แล้วทันใดนั้นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อสิ่งชีวิตที่ถูกกะเทาะออกมามันคือเต่ายักษ์ ก่อนจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ จัดการกับนกยักษ์บางตัวที่หลบหนีมาได้ก่อนจะบุกมายังสนามกีฬาเพื่อจะจัดการกับนกยักษ์ที่เหลือ แต่พวกมันก็หลบหนีไปได้ ก่อนที่เต่ายักษ์จะบินตามพวกมันไป เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความโกลาหล จนประชาชนต้องวิ่งหนีอย่างชุลมุนกลายเป็นข่าวใหญ่เพียงชั่วข้ามคืน
วันหนึ่งหลังจากเหตุการณ์เต่ายักษ์บุก โยชินาริ จึงแวะไปทานข้าวที่บ้านเพื่อจะคุยกับ คุซานากิ ถึงเบาะแสที่ได้ซึ่งจากหลักฐานและคำบอกเล่าของ อาซากิ ก็เริ่มปะติดปะต่อว่า ศิลาที่พบในตัวเต่ายักษ์เป็นอักษรโบราณ และ ข้อความที่ถูกถอดความจากศิลาจารึก ก็ได้ใจความว่า “เมื่อใดที่กายาออส แผ่เงาแห่งวิปโยค….พวกเราขอประทาน กาเมร่าไว้เป็นความหวังสุดท้าย” ทำให้พวกเขาได้รับรู้ว่า เจ้าเต่ายักษ์มีนามว่า กาเมร่า ส่วนนกยักษ์คือ กายาออส ก่อนกลับ โยชินาริได้มอบโลหะชิ้นหนึ่งที่ไปเจอมา ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าโลหะชิ้นมันคือเครื่องสื่อสารไปยังเจ้าเต่ายักษ์ซึ่งเขาได้มอบให้กับอาซากิ ซึ่งเธอนำมาทำเป็นเครื่องรางก่อนจะพบว่ามันเกิดประกายแสงขึ้นมา
นอกจากนี้พวกเขาพบเบาะแสจากคำที่ถอดรหัสว่าว่า กาเมร่า ถูกสร้างโดยชนเผ่าโบราณในแถบแอตแลนติส โดยก่นหน้านั้น พวกเขาสร้าง กายาออส คอยดูแลแต่เนื่องจากมันเพิ่มจำนวนและอาจเกิดภัยจากพวกมัน จึงหวังให้เจ้าเต่ากาเมร่าเป็นความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติ
วันต่อมา โยชินาริ , นากามิเนะ และ คุซานากิ เข้าร่วมประชุมกับรัฐบาลและบอกเล่ากับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทางไซโตะกลับมองว่าสิ่งที่ทั้งสามเล่ามาก็แค่ตำนานไร้สาระที่ไม่สามารถหาข้อเท็จจริงมาพิสูจน์ได้ ก่อนจะยืนยันว่าทางรัฐบาลตัดสินใจที่จะ จับเป็น กายาออสเพื่อมาศึกษาและจับตายกาเมร่าสถานเดียว!!
หลังการประชุมทั้งสามก็เริ่มตามหาเบาะแส ในช่วงที่กองทัพเริ่มทำการจะจัดการสองสัตว์ประหลาดตามที่วางแผนเอาไว้ โดยโยชินาริเดินทางไปยังบริเวณเทือกเขาคิชุ ก็พบว่าชาวบ้านในละแวกนั้นกำลังหลบหนีจากกายาออส แล้วมาเจอนากามินะที่กำลังช่วยเด็กจนพลาดท่าเกือบจะเป็นมือเย็นของนกยักษ์ ก่อนที่ กาเมร่าจะไต่จัดการ จนทั้งสองพบว่ากาเมร่าเป็นผู้พิทักษ์เหมือนคำทำนายจริงๆ
ในที่สุดกายาออสก็สั่งสมพลังจนกลับมาอาละวาดในตัวเมืองอีกครั้ง จนตอนนี้ประชาชนเตรียมอพยพไปยังที่อื่น สถานการณ์ตอนนี้เริ่มจะวุ่นวายและหวาดกลัว กายาอสสมองโตเกียวเหมือนจีนชุดใหญ่ ขณะเดียวกัน กาเมร่าก็บุกมาถึงถิ่นจนเกิดการต่อสู้อีกครั้ง ส่วนทั้ง สี่คน อย่าง โยชินาริ , นากามิเนะ และ คุซานากิ จึงทำตามที่ อาซากิ ไปดูการต่อสู้แบบติดขอบเวทีเพราะว่าเธอสามารถสื่อสารกับเจ้าเต่ายักษ์กาเมร่าได้ โดยท้ายสุดด้วยพลังของมนุษย์และเต่ายักษ์ ทำให้กาเมร่าจึงฮึดสุดท้ายพ่นลำแสงสยบนกยักษ์กายาออสในที่สุด
จากชัยชนะดังกล่าวทำให้ อาซากิ หายบาดเจ็บนั่นไม่ถึงไม่สามารถสื่อสารกับเต่ายักษ์ได้อีกต่อไป แต่ทั้งสี่คนโดยเฉพาะอาซากิเชื่อมั่นอย่างหนึ่งว่า ถ้าภายในวันหน้ามีสัตว์ประหลาดเฉกเช่น กายาออส หรือ ศัตรูตัวใหม่ปรากฏตัวเพื่อหวังจะรุกรานทำลายโลก เจ้าเต่ายักษ์กาเมร่าก็จะกลับมาช่วยอีกครั้งอย่างแน่นอน…
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]




































