ย้อนอดีตเจ้าเต่ายักษ์กาเมร่า ฉบับยุคเฮเซ

Gamera : The Guardian of Universe (1995)

Gamera 2: Attack of Legion (1996)

Gamera 3: Revenge of Iris (1999)

ในปี 1996 NASA ได้ทำการค้นพบฝนดาวตกประหลาดที่กำลังมุ่งหน้ามายังโลก จนทำให้กลุ่มคนบางกลุ่มที่ทราบข่าวจึงไปยังจุดที่คาดว่าฝูงดาวตกจะมาที่นี่เพื่อเก็บภาพช่วงเวลาสำคัญ นั่นคือบริเวณทะเลสาบฮอกไกโด ซึ่งเหตุการณ์นี้อยู่ในสายตาของ โฮนามิ นักวิทยาศาสตร์สาวเข้าอย่างจัง ก่อนที่ภายหลังจะพบว่า ฝูงดาวตกที่ว่ามันคืออุกกาบาตซึ่งตกอยู่หลายที่นับไม่ถ้วน

หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดปรากฏการณ์รังสีออร่าประหลาดในยามค่ำคืน ที่ส่งผลทำให้ระบบการสื่อสารเกิดความขัดข้องพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แถมปริมาณออกซิเจนกลับพุ่งสูงขึ้นกว่าผิดปกติ อีกฝั่งทางด้านโรงงานเบียร์ โฮซาโกะ อดีตสารวัตรจากภาคแรกที่ลาออกจากราชการมาเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับโรงงานเบียร์แห่งนี้ ซึ่งวันนี้เขามาตรวจตราพร้อมกับเพื่อน (เขาเล่าเหตุผลการลาออก เพราะเจอสิ่งประหลาดเข้า) ทันใดนั้นทั้งสองคนต้องตกตะลึงเมื่อพบสัตว์ประหลาดเขาก่อนที่มันจะแสดงพลังจนเจ้าหน้าที่ทั้งสองตกใจหนีกระเจิงกันเลยทีเดียว

ทางด้านศูนย์วิศวกรเครือข่าย NTT ที่มีหนึ่งในวิศวกรอย่าง โอบิสึ ได้รับข้อมูลว่าเหตุการณ์ที่เครือข่ายมีปัญหาโดยเฉพาะสายไฟเบอร์ในแถบภาคเหนือนั้น ได้ไปอย่างปริศนา ซึ่งโอบิสึคาดว่าจากเหตุการณ์ที่อุกบาตหล่นเมื่อสามวันก่อนอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

ต่อมาโฮนามิได้รับโทรศัพท์จาก วาตานาเสะ ทหารผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี โทรจะให้ไปยังสถานที่เกิดเหตุเพราะว่าเธอตั้งสมมุติฐานกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ พร้อมพาไปดูคำให้การสัมภาษณ์ของโฮซาโกะที่ยืนยันว่าเขาเห็นกับตาจริงๆ พร้อมหลักฐานความเสียหายจากกลุ่มขวดเบียร์ที่กลายเป็นเศษผง แต่โฮนามิก็ทำได้เพียงสันนิษฐานเหมือนทุกครั้ง

แต่แล้วเหตุการณ์ก็เริ่มกระจ่างชัดหลังจากที่รถไฟใต้ดินในเมืองเกิดขัดข้องก่อนที่กลุ่มสัตว์ประหลาดจะอาละวาดซึ่งคือกลุ่มเดียวกับที่บุกมายังโรงงานเบียร์นั่นเอง ทำให้คนที่อยู่ในรถไฟเสียชีวิต ก่อนที่พวกมันจะยึดสถานีรถไฟเป็นรังของพวกมันก่อนที่ทางกองทัพและเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำท้องที่จะรีบเข้ามายังจุดเกิดเหตุพร้อมทำการอพยพผู้คน แล้วทำการส่งกองกำลังเข้าไปสืบต้นตอ แต่ขาดการตัดต่อพร้อมถูกโจมตีไปทีละคนสองคน ดูเหมือนงานนี้จะเป็นงานช้างเข้าเสียแล้ว…

และแล้วสิงมีชีวิตแปลกประหลาดที่เหมือนดอกไม้ก็ปรากฏให้ทุกคนได้เห็นและดูเหมือนจะเป็นรังของพวกมัน ขณะเดียวกัน วาตานาเสะ และกองกำลังมาสมทบทีหลัง ก็ได้เห็นภาพต่อหน้าแบบเต็มๆ ก่อนจะขออนุญาตเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของพื้นที่ทำการสำรวจและช่วยชีวิตคนอื่นๆที่เหลือ ก่อนจะพบหลักฐานชิ้นสำคัญ เมื่อกลับไปยังฐานทัพและสรุปสิ่งที่ได้เจอทำให้ได้รู้ว่า มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์อุกบาตบุกโลกและสัตว์ประหลาดที่บุกโรงงานเบียร์ และการปรากฏของดอกไม้ที่ทำให้ปริมาณออกซิเจนข้างในต่ำพร้อมสามารถฆ่าคนได้ ถ้าปล่อยไว้มันจะลุกลามไปทั่วประเทศแน่นอน

วาตานาเสะ จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับ โฮนามิ ซึ่งอีกฝ่ายเปรียบลักษณะการดำรงชีวิตเหมือนฝูงมดที่ต้องพึงพาสถานที่เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิต ส่วนทางด้าน โฮนามิ ก็ได้คุยกับ โอบิสึ วิศวกรซึ่งได้จำลองภาพจากคำบอกเล่าของเธอและวาตานาเสะพบว่า ถ้าดอกไม้มันระเบิดอาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้างและผู้คนจะล้มตายครั้งใหญ่เลยทีเดียว

ในที่สุดทางกองทัพจึงมีมติที่จะถล่มดอกไม้ประหลาดด้วยการติดตั้งระเบิด แต่ก็เกิดเหตุว่าสัตว์ประหลาดพวกมันกลับรับรู้ แต่ก็มีเหตุการณ์แทรกขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเต่ายักษ์กาเมร่าโผล่มาจากทางมหาสมุทรก่อนจะทำการจัดการต้นไม้ แหลกเป็นจุล แต่ทว่าเหล่าสัตว์ประหลาดก็โผล่จากภาคพื้นดิน แล้วรุมกินโต๊ะเต่ายักษ์จนต้องบินตั้งหลัก แต่โชคดีที่บริเวณนี้มีหม้อแปลงจึงตัดสินใจจัดการเหล่าสัตว์ประหลาดที่เกาะตามตัวจนตายเกือบหมด

หลังผ่านเหตุการณ์ค่ำคืนก็มีการลงข่าวสัตว์ประหลาดสองตัว โดยตัวแรกคือเต่ายักษ์กาเมร่า ที่เคยปกป้องโลกมาแล้วครั้งหนึ่ง ส่วนสัตว์ประหลาดอีกตัวที่มาพร้อมกับดอกไม้ประหลาด ได้รับการเปิดเผยว่ามันชื่อ เลเจี้ยน ส่วนทางด้าน โฮนามิ กับ โอบิสึ ก็ได้ข้อมูลเกี่ยวกับเต่ายักษ์กาเมร่า โดยเฉพาะเด็กสาวที่ชื่อ อาซากิ เธอคือคนที่สามารถควบคุมกาเมร่าได้ ก่อนที่จะได้ไปดูการชันสูตรศพของเลเจี้ยน ก่อนจะได้พบเบาะแสสำคัญว่า มันมีชีวิตด้วยการใช้พลังของก๊าซแรงดันผ่านธาตุซิลิคอน ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลักฐานที่เกิดขึ้นในโรงงานเบียร์ รวมถึงมาตามคลื่นอุปกรณ์สื่อสารของมนุษย์ด้วยนั่นเอง

หลังจากนั้นก็เกิดเหตุทำนองนี้ซ้ำขึ้นอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นการพบซากเหล่าเลเจี้ยนตามสถานที่ใหญ่ๆ หลากจากนั้นก็เกิดเหตุ ดอกไม้ประหลาดเกิดขึ้นในแถบย่านสำคัญๆในญี่ปุ่น จนต้องทำการอพยพผู้คนไปยังที่ปลอดภัยอย่างฉุกละหุก ซึ่งโฮนามิก็ได้เจอกับ อาซากิ แต่ทว่า ก็เกือบจะมาโจมตี เฮลิคอปเตอร์ ที่ โฮนามิ และ อาซากิ อยู่กับผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ที่จะอพยพ แต่แล้วเต่ายักษ์กาเมร่าก็กลับมาสู้อีกครั้ง คราวนี้เจอกับระดับนางพญา ไฟต์นี้ทำเอากาเมร่าเกือบสิ้นชีพ เพราะพลังอันแข็งแกร่ง ก่อนที่มันจะหลบหนีมุดใต้ดิน เพราะ ดอกไม้ที่วางไว้ตามจุดพร้อมจะปล่อยพลัง ทำให้กาเมร่าจึงฝืนร่างกายไปจัดการดอกไม้ดังกล่าว แต่ทว่าต้นกำเนิดพลังทำงานเสียก่อน จนระเบิดเมืองเป็นวงกว้างสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับประเทศญี่ปุ่นเข้าจนได้ จนกาเมร่าแน่นิ่งในที่สุด

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตัวเองทั่วประเทศตัดสินใจ วางแผนรัดกุมเพื่อจะจัดการกับฝูงเลเจี้ยน โดยตั้งเขตแนวป้องกันรอบนอกโตเกียว และจะสื่อสารโดยไม่ให้เกิดคลื่นความถี่เรียกพวกมันมา ส่วนทางด้านชาวบ้านบางส่วนโดยเฉพาะเด็กๆ ต่างมายังจุดบริเวณที่กาเมร่าสงบนิ่ง เพราะพวกเด็กๆเชื่อว่า เจ้าเต่ายักษ์คือผู้พิทักษ์โลก ส่วน โฮนามิ และ อาซากิ ที่มาถึง ก่อนอาซากิจะถ่ายพลังคำอธิษฐานที่เธอและทุกคนส่งพลังใจไปยังเต่ายักษ์ให้ฟื้นกลับมา แล้วทันใดนั้นเจ้าเต่ายักษ์ก็ฟื้นคืนชีพในที่สุดทำให้ทุกคนโห่ร้องด้วยความยินดี

หลังจากนั้นเลเจี้ยนก็โผล่มารุกรานพร้อมกับส่งลูกสมุนเข้ามาก่อกวน พร้อมทำการโจมตีกองกำลังจนพลาดท่า ทำให้ไม่สามารถต้านทานพลังของสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้เลย ขณะที่กาเมร่าหลังได้รับพลังจากมนุษย์จึงบินไปท้าสู้กับเลเจี้ยนอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเลเจี้ยน ที่มีทั้งพลังสนามแม่เหล็กอันแกร่งกล้า และ ดุดัน ไม่เกรงใจใคร (ฮ่า) พร้อมด้วยลูกสมุนจำนวนมาก

ซึ่งตอนนั้นเอง โอบิสึ ที่เฝ้าดูเหตุการณ์ที่ทำงาน เหมือนนึกอะไรได้ เขาจึงโทรไปยังสถานีเครือข่ายเพื่อเปิดคลื่นสัญญาณเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ จนกลายเป็นกันต่อสู้แบบตัวต่อตัว ที่ดุเดือด แต่ด้วยการสื่อสารและพลังที่มนุษย์ส่งจิตอธิษฐาน จึงทำให้เจ้าเต่ายักษ์มีพลังแฝงพร้อมปล่อยลำแสงจากท้องยิงพุ่งใส่เลอจิออนจนสิ้นลายที่สุด เช่นเดียวกับกองทัพที่ทางวาตานาสะ สั่งให้ใช้ขีปนาวุธถล่มลูกสมุนเลิจิอองจนราบเป็นหน้ากลอง
เมื่อศึกจบลงพร้อมพระอาทิตย์ที่กำลังจะส่องสว่างในยามเช้า

เต่ายักษ์จึงตัดสินใจกลับไปยังถิ่นของมัน และเป็นประจักษ์พยานว่า เจ้าเต่ายักษ์คือผู้พิทักษ์ของมนุษยชาติที่พร้อมจะปกป้องโลกใบนี้ต่อไป….