[Review] แฟลตเกิร์ล : ชั้นห่างระหว่าง เ ร า – หดหู่ หม่นหมอง สวยงาม นิยามของชีวิตวัยรุ่นที่ไม่มีสิทธิ์เลือก
04 กุมภาพันธ์ 2568 00:00 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

flat-girl-gdh-movie-2025

เรื่องราวของสองสาววัยรุ่นลูกตำรวจ ณ แฟลตแห่งหนึ่ง ที่ถึงแม้ทั้งคู่จะมีฐานะแตกต่างกัน แต่ความสัมพันธ์ไม่เคยมีระยะห่าง จนวันหนึ่ง มิตรภาพของพวกเธอกำลังถูกท้าทายด้วยการเผชิญหน้ากับความจริง ความรัก และรสชาติของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่

 

flat-girl-gdh-movie-2025 (1)

GDH เปิดตัวภาพยนตร์เรื่องแรกของปี ‘แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า’ภาพยนตร์ Drama – coming of Age ที่เล่าเรื่องสองสาววัยรุ่นลูกตำรวจในแฟลตแห่งหนึ่ง ที่ถึงแม้จะมีฐานะแตกต่างกัน แต่ความสัมพันธ์ไม่เคยมีระยะห่าง จนวันหนึ่ง มิตรภาพของพวกเธอกำลังถูกท้าทายด้วยการเผชิญหน้ากับความจริง ความรัก และรสชาติของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ผลงานการกำกับโดย แคลร์ จิรัศยา วงษ์สุทิน 

 

แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า’

“เมื่อชั้นของแฟลต ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลข แต่คือระยะห่างของชีวิต ความสัมพันธ์ และความฝัน”

flat-girl-gdh-movie-2025 (4)

ในแฟลตตำรวจที่มีครอบครัวตำรวจนับร้อยอยู่ร่วมกัน ‘น้องเจน’ (แฟร์รี่ กิรณา พิพิธยากร) เด็กสาวจากครอบครัวนายตำรวจที่แม่เป็นเจ้าแม่เงินกู้ประจำแฟลตที่ทุกคนต้องเกรงใจ

flat-girl-gdh-movie-2025 (3)

ส่วน ‘พี่แอน’ (เอินเอิน ฟาติมา เดชะวลีกุล) เด็กสาวที่พ่อเสียชีวิตในหน้าที่ ทำให้เธอต้องช่วยแม่ทำงานหาเลี้ยงน้องอีก 3 คน

 

เจน กับ แอน แบ่งปันทุกโมเมนต์ร่วมกันและยังตัวติดกันเสมอ หลังเลิกเรียน พวกเธอมักจะมาตีแบดด้วยกันที่สนามแบดกลางแฟลต กับเพื่อนร่วมแก๊งสุดซี้หนุ่มออกสาวอย่าง ‘ไนซ์’ (อาโป วชิรากร รักษาสุวรรณ)

flat-girl-gdh-movie-2025 (10)

เจนหวังว่าจะได้อยู่ที่แฟลตนี้ โดยมีแอนเคียงข้างกันไปตลอด จนกระทั่งการเข้ามาของ ‘อาตอง’ (บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์) ตำรวจหนุ่มที่เพิ่งย้ายมาอยู่แฟลต ที่ไม่เพียงสั่นคลอนมิตรภาพของทั้งคู่ แต่ยังทำให้เจนและแอน ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า ครอบครัวที่ไร้พ่อผู้เป็นตำรวจเช่นครอบครัวของแอน อาจมีเวลาที่จะอยู่ในแฟลตแห่งนี้เหลือน้อยลงไปทุกที และในขณะที่ของเจน ก็กำลังมาถึงจุดเปลี่ยนที่หนักใจวัยรุ่นไม่แพ้กัน…flat-girl-gdh-movie-2025 (8)

 

 

 

REVIEW

flat-girl-gdh-movie-2025 Review

เดินออกมาจากโรงด้วยความรู้สึกที่อยากถามว่าพรี่แคลร์แกเอาอะไรมาให้แอดฯดูวะเนี่ย

ตึงจัดๆ หน่วง เรียล หดหู่ หนักหัวหนักตัวหนักใจมาก แต่สวยงาม และมีทางลงของเรื่องแบบ “อืม เออ นั่นละ เค้าเลือกเวย์นี้ ก็ตามนั้น”

 

 ‘แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า’จะพาคุณไปสำรวจการก้าวข้ามผ่านวัยในมุมมองวัยรุ่นผู้หญิง ในโลกที่ทุกอย่างถูกกำหนดด้วยชั้น ระหว่างความฝัน ฐานะ แม้กระทั่งความรัก ชีวิตในชุมชนข้าราชการชั้นผู้น้อย ได้ถ่ายทอดออกมาสมจริงขั้นสุด ที่ทั้งรุงรัง อึดอัด แออัด และไม่มีที่ไหนเจริญหูเจริญตาเลยแม้แต่น้อย ทั้งห้องที่ประตูผุพัง กำแพงที่เต็มไปด้วยสีสเปรย์ ตรอก ชั้นต่างๆที่เต็มไปด้วยสิ่งของที่แต่ละห้องสร้างอาณาเขตของตัวเอง

 

เอาจริงๆเหมือนเห็นชีวิตตัวแอดฯเองในอีกเวอร์ชั่นที่ยุ่งเหยิงมากๆ (แอดฯก็อยู่แฟลตของทางการจัดหาให้ เลยเข้าใจฟิลครับ)  เพียงแต่ในเรื่องนั้น ได้เล่าเรื่องราวความซับซ้อนของ “คน” มากกว่า “สถานที่” อย่างตรงไปตรงมา…และนำสถานที่ เป็นเหมือนกิมมิคที่สื่อถึง “ความฝัน” ที่ถูกพรากไป วัยสาวที่ควรสดใสกลับถูกบทบาท ภาระต่างๆที่ผู้ใหญ่ตัดสินใจเลือก (หรือไม่ได้เลือกก็ตาม) พาเรื่องราวแย่ๆ มาให้บ่าเล็กๆของสองสาวได้แบกมันเอาไว้…

 

‘เจน’ (แฟร์รี่ กิรณา พิพิธยากร) เธอคือเด็กที่พอจะมีกินมีใช้ในสังคมตำรวจที่ทรุดโทรม จนวันหนึ่ง ชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยนที่ต้องยอมรับมันให้ได้ 

 

 ส่วน ‘แอน’ (เอินเอิน ฟาติมา เดชะวลีกุล) เธอเป็นเหมือนพี่สาวคนโตของเด็กๆในแฟลตนี้ และยังเป็นพี่สาวคนโตของบ้านที่ต้องทำงาน และเลี้ยงน้องๆในบ้านอีก 3 คน เธอมีความฝันที่จะเป็นแอร์โฮสเตส ทักษะทางภาษาของเธอจัดว่ายอดเยี่ยม และไปได้สวย แต่ทางบ้านเธอกลับมีปัญหาตรงที่ พ่อตายในหน้าที่ แม่ก็ติดเงินชาวบ้านไปทั่ว และอาศัยในแฟลตตำรวจแบบรอวันที่จะถูกไล่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้…ซึ่งแอนเองก็มีจุดที่ต้องเลือก ระหว่าง “ความฝัน” และ “ความจริง” 

flat-girl-gdh-movie-2025 (6)

แต่ด้วยความเป็นวัยรุ่น เวลาดูภาพยนตร์แนวๆนี้ อาจจะต้องคิดแบบเด็กๆหน่อยว่า เออ เราในตอนนั้น ก็คิดอะไรได้ไม่ลึกพอเหมือนปัจจุบันนี้ บางการกระทำอาจจะดูงี่เง่า ตื้นเขิน และไร้สาระในระดับที่เหตุผลใดมารองรับก็ยากจะทำใจ ซึ่งในเรื่องนี้ก็มีให้เห็น ดังนั้น เราอาจจะเอาฟิลเตอร์ความเป็นผู้ใหญ่ มาใส่ในการรับชม ก็อาจจะมีความอิหยังหวะหน่อยๆเหมือนกัน

 

ตัวภาพยนตร์ได้นำเสนอช่วงที่สดใส น่ารักของ เจน และ แอน ราวกับเป็นช่วงที่ทำให้ผู้ชมได้ค่อยๆเรียนรู้เรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละคร สถานที่ และสถานการณ์ต่างๆแบบช้าๆ สไตล์หนัง Slow Burn เราอมยิ้มทุกครั้งที่สองนักแสดงสาวเข้าฉาก มันน่ารัก กุ๊กกิ๊ใจฟูพี่คะน้องขา สไตล์หนังยูริเรื่องนึง…ทั้งสองเป็นนักแสดงที่เคมีเข้ากันมากๆ ดูเพลินมากๆ ทั้งในพาร์ทความรักที่ดูแล้วยังมีความสับสน ไม่แน่ใจในตัวเองว่าจะรักหรือไม่รัก ตามประสาวัยรุ่นที่ต้องค้นหาตัวเอง และในพาร์ทที่ใช้อารมณ์ใส่กัน ทั้งด้านดี และด้านลบ ทั้งหมดสามารถทำให้คนอยากเอาใจช่วยทั้งสองตัวละครให้ไปถึงสุดทาง

 

จนกระทั่งภาพยนตร์ได้ใส่ตัวแปร ซึ่งคุณแคลร์ผกก. ก็น่าจะเลือกสูตรเดียวกับ “365 วันบ้านฉันบ้านเธอ” แต่ทวีความเรียล และเข้มข้นของสถานการณ์ที่เปลี่ยนจากโปสเตอร์หนังใสๆ ให้กลายเป็น “โคตรอึดอัด สุดหดหู่ใจ” ได้เลย

 

นั่นคือตัวละคร  ‘อาตอง’ (บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์) นายดาบหนุ่มต่างจังหวัดที่มาทำงานในกทม. ที่เข้ามาแทรกกลางความรักของสองสาวและนำพาความ “บ้านบึ้ม”…  ไม่ต่างจาก “ไอ้บูม” ใน”365 วันบ้านฉันบ้านเธอ” เลยแม้แต่น้อย

 

 

แต่จังหวะการเล่าของหนังก็มีอาการสวิงเป็นบางช่วง โดยเฉพาะช่วงท้าย ที่ Rush คนดูจนบางทีก็ตามเหตุและผลที่ตัวละครคิดไม่ทัน  โผล่มาอีกที ตัวละครก็ตัดสินใจไปแล้ว แต่อย่างว่า การที่ตัวเรื่องพยายามเล่าสไตล์ทีวีซีรีส์ด้วย ทำให้ตัวภาพยนตร์ใช้เวลาในการ Slow Burn นานมากเกินไปจนเริ่มล้า ทำให้ผ่านไปแล้ว 2 ชั่วโมง ยังจับแก่นที่จะนำไปสู่ไฟนอลซีนได้ช้ามาก

 

ทำให้การเล่าเรื่องต้องเร็ว แรงขึ้น และตูม! ในองค์สุดท้ายที่หนักหนาทางความรู้สึก ไม่ได้กระแทกกระทั้น แต่ค่อยๆเผาไหม้ในจิตใจคนดูอย่างช้าๆในช่วงนี้ และจมสู่ความอึมครึมจนรายชื่อทีมงานขึ้นจนจบเพลง (ไม่มีซีนเพิ่มใน End Credit)

 

แต่ก็มีจุดที่ไม่ชอบอยู่บ้าง เช่น บางปม ถูกนำมาใช้ แต่ก็ปล่อยจางไป หรือประเด็นหลัก ที่เกิดขึ้นจาก  ‘อาตอง’ เองก็เหมือนจะไม่ได้พูดถึงมากนัก ทั้งๆที่ตัวเองก็มีส่วน แต่บท และสถานการณ์ที่มุ่งโฟกัสไปที่สองสาวตัวเอกในช่วงกลาง-ท้าย ทำให้ตัวละครอื่นๆ และปมอื่นๆถูกเท ปล่อยจางกลางทาง หรือกล่าวถึงแบบให้คนดูไปคิดเป็นปลายเปิด

 

ส่งผลให้เมื่อดูจนจบเรื่อง…คนดู จะมีความรู้สึก “ค้างเติ่ง”  ไม่มูฟออนจากภาพยนตร์ไปพักหนึ่ง

 

flat-girl-gdh-movie-2025 (7)

ส่วนงานภาพ มุมกล้องต่างๆ โกอินเตอร์ได้สบายมาก เชื่อว่าถ้าลงสตรีมมิ่ง แล้วย้อนไล่ดู เซฟชอตสวยๆได้เพียบ ฟิลภาพของหนังจะมีทั้งโทนสว่าง แลโทนมืด แต่ทั้งหมด คลุมด้วยสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วย กรอบ ขอบเขต และการวางบาลานซ์ที่สร้างซีนสวยๆมากมาย และทำให้ “ภาษาภาพยนตร์” มีชั้นเชิงในการถ่ายทำที่น่าสนใจมากๆ อันนี้ยกเครดิตให้ทีม DP ของเรื่องเลย กำหนดช๊อต วางซีน หาองค์ประกอบ คือดีงามมากๆ

 

 

ถึงจะมีหลายจุดที่ชอบ แต่เราก็เชื่อว่านี่ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่คุณดูแล้วจะแฮปปี้ไปกับ “ชีวิต” ของวัยรุ่นที่ไม่ได้เลือกเส้นทางของตัวเอง และถูก พันธะทางสังคมเหนี่ยวรั้งเอาไว้…

 

ถ้าคุณสามารถเคลียร์สมองหลังจากการรับชมได้ ก็ดีไปครับ

 

แต่ถ้าไม่ เชื่อว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้คุณ “หนักหัว และกรอักกระอ่วนใจ” ไปพักนึงเลย

 

พรี่แคลร์เค้ามารอบนี้คือไม่ปราณีคนดูเหมือนตอนทำซีรีส์แล้ว!

 

ถ้าปลายปี 2024 มี “วัยหนุ่ม” ที่อึดอัดแล้ว 

 

ต้นปี 2025 ก็มี “วัยสาว” ของ ‘แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า’

 

ที่หดหู่ไม่แพ้กันในแง่ของจิตใจที่แหลกสลาย และชะตาชีวิตที่ตัวเองเลือกไม่ได้

 

 

 

พบกับภาพยนตร์ Drama-Coming of Age

‘แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า’

6 กุมภาพันธ์ นี้ ทุกโรงภาพยนตร์

#แฟลตเกิร์ลชั้นห่างระหว่างเรา
#FLATgirls