ตำรวจเหล็ก ไซเบอร์คอป
ชื่อญี่ปุ่น : 電脳警察サイバーコップ (เตนโอ เคย์ซัทสึ ไซเบอร์คอป)
ชื่ออังกฤษ : Dennou Keisatsu Cybercop
ประเภท : แอคชั่น,ฮีโร่
จำนวน : 3ุ6 ตอน
ผลิตโดย : บ.โตโฮ
ฉายครั้งแรก : 2 ตุลาคม 1988 (พ.ศ.2531) - 5 กรกฎาคม 1989 (พ.ศ. 2532)
ฉายครั้งแรกในไทย : กุมภาพันธ์ พ.ศ.2533 ทางช่อง 7
ในยุค 80 ยุคที่หนังทีวีแนวโทคุซัทสึ (หรือหนังแนววิทยาศาสตร์แฟนตาซี แต่โดยรวมแล้จะพูดถึงหนังแปลงร่างญี่ปุ่นมากกว่า) ได้ซบเซาอย่างหนักจากพิษเศรฐกิจ ถึงขนาดหนังแปลงร่างจากโตเอะอย่าง “มาสก์ไรเดอร์” ยังอยู่ในสภาวะลูกผีลูกคน (ตอนนั้นโชคดีที่ ไรเดอร์แบล็ค เสียงตอบรับถล่มทลาย และมาตายในไรเดอร์แบล็ค RX เพราะความมั่วของบทสรุปของเรื่องราว ซึ่งเดี๋ยวจะเขียนให้อ่านวันหลัง)
ก็ได้ทำให้หลายๆค่ายต่างพากัน “เพลย์เซฟ” ด้วยการลดจำนวนตอน หรือย่อขนาดเรื่องราวไปลงม้วนวิดิโอ หนักๆเลยก็ยุติการผลิตชั่วคราวไปเลย แต่ในท่ามกลางวิกฤติแบบนี้ ก็มี “ค่ายโตโฮ”ผู้ท้าชิงสังเวียนฮีโร่ ที่ขอสวนกระแสเศรฐกิจด้วยการส่งหนังฮีโร่ป้อนสู่จอทีวี หลังจากที่ค่ายนี้เน้นทำหนังก๊อดซิลล่า และซัพพอร์ทหนังยอดมนุษย์มาชั่วนาตาปี…และนี่คือจุดกำเนิดของหนังทีวีซีรี่ยส์ทุนต่ำที่ดังถล่มเละเทะในบ้านเรา “ตำรวจเหล็ก ไซเบอร์คอป“
“ตำรวจเหล็ก ไซเบอร์คอป“เป็นหนังแปลงร่างโทคุซัทสึสร้างโดยบ.โตโฮ โดยในตอนแรกจะตั้งใจทำออกมาเป็นแนวหนังขบวนการซุปเปอร์เซนไต (ซึ่งเป็นแนวคิดตอนทำหนังตัวอย่างเสนอทางสถานี) แต่ก็มาปรับเปลี่ยนเป็นแนว “ตำรวจสวมเกราะจากอนาคต” แทน เนื่องจากตอนนั้นความดังของ”เมทัลฮีโร่” ของฝั่งโตเอะนั้น กำลังดังเป็นพลุแตก เลยขอเกาะกระแสมั่ง…และทางช่อง NTV ของประเทศญี่ปุ่นก็ตอบรับทีมงาน จึงได้ออกฉายครั้งแรกวันที่ 2 ตุลาคม 2531 และออกอากาศตอนอวสานในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2532 มีจำนวนตอนทั้งหมด 34 ตอน + ตอนพิเศษรวมฮิตเหตุการณ์อีก 2 ตอน รวมเป็น 36 ตอน และฉายในบ้านเราในปี 2533 ตอน 7 โมงเช้าวันอาทิตย์ทางช่อง 7 สี
===
เรื่องย่อ
ในปี 199X มีเหตุอาชญากรรมไซเบอร์ และเหตุก่อการร้ายมากมายขึ้นที่โตเดียว จนก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินไปมากเกินกว่าที่กองกำลังปกติของกรมตำรวจแห่งโตเกียวจะรับมือได้…
กรมตำรวจญี่ปุ่นจึงได้จัดตั้งหน่วยปราบปรามพิเศษขั้นมาเพื่อรับมือกับเหตุก่อการร้าย และอาชญกรรมไซเบอร์ที่เรียกว่า หน่วย “Z.A.C.” (Zero-Section Armed Constables เรียกย่อๆว่า “แซ็ค”) โดยใช้เทคโนโลยีสุดล้ำยุคอย่าง “Bit Suits” ในการปราบเหล่าวายร้ายกวนเมืองเหล่านี้ โดยเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ใส่ชุด“Bit Suits” จะถูกเรียกว่า “ไซเบอร์คอป”
จนกระทั่งวันหนึ่ง พวก ZAC ก็ได้พบกับ “ทาเคดะ ชินยะ” ชายปริศนาที่สามารถสวมชุด Bit Suitsได้เช่นเดียวกันกับเหล่าไซเบอร์คอป แต่เขากลับจำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองเลยนอกจากชื่อ และโค้ดการเปิดระบบBit Suits ที่ชื่อ “จูปิเตอร์” เท่านั้น
ชินยะเลยตกกระไดพลอยโจน ด้วยการเป็นเจ้าหน้าที่ไซเบอร์คอปไปโดยปริยาย และได้ร่วมงานกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆในการปราบเหล่าร้ายแทบทุกวัน
เมื่อสืบไปเรื่อยๆ ก็จะพบว่า การก่อเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากน้ำมือของ “องค์กร Death Trap” (เดธแทร็ป) เป็นองค์กรที่นำโดย “บารอน คาเงยาม่า” ชายผู้มีองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีสุดล้ำ ทั้งหุ่นยนต์ไซบอร์ก เทคโนโลยีชีวะพันธุวิศวกรรม ซึ่งทำให้เหล่าไซเบอร์คอปต้องตกในสถาณการณ์ลำบากมามากมายนับครั้งไม่ถ้วน
จนกระทั่งการมาของ “ลูซิเฟอร์” ชายหนุ่มปริศนาอีกคน ที่หมายจะสังหารชินยะ หรือ จูปิเตอร์ให้ได้ แต่ความจริงก็ปรากฎว่า “ชินยะ และ ลูซิเฟอร์ เป็นมนุษย์จากโลกอนาคตของศตวรรษที่ 23 “ ซึ่งเป็นยุคสงครามนิวเคลียร์ ที่ทั่วโลกใช้นิวเคลียร์ถล่มกันราวกับเป็นปะทัดวันลอยกระทง ซึ่งทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนรักกันมาก แต่ทว่า “บารอน คาเงยาม่า” ได้ใส่ความจูปิเตอร์ว่าเป็น”คนทรยศ” ในเหตุการณ์ “หอคอยบาบิโลนระเบิด” หลังเปิดระบบ “Time Portal” (หรือระบบย้อนเวลา)ในศตวรรษที่ 23
**ความจริงก็คือ จูปิเตอร์ได้เห็น บารอน คาเงยาม่า หัวหน้าหน่วยรบ ได้ทำการลอบวางระเบิดหอคอยบาบิโลน จึงเข้าไปห้าม แต่ว่าลูซิเฟอร์ดันมาเห็นจังหวะที่จูปิเตอร์กำลังจะจัดการกับระเบิด จึงเข้าใจผิด จนทั้งคู่ถูกแรงระเบิดจนทะลุกาลเวลาไปยังอดีต ปี199X นั่นเอง…***
( ซึ่ง”ระบบย้อนเวลา” เป็นไอเทมที่สำคัญมากในการเปลี่ยนอนาคตของศตวรรษที่ 23 เพราะ “สามารถส่งคนกลับไปแก้ไขอดีตก่อนยุคสงครามนิวเคลียร์ได้” นั่นเอง )
ด้วยเหตุนี้ทำให้ลูซิเฟอร์โกรธแค้นจูปิเตอร์มาก เพราะเป็นเหตุให้ทหารในหน่วยของเขาต้องตายทั้งกองร้อย จึงไล่ล่าชินยะอย่างเอาเป็นเอาตาย (ซึ่งที่จริงเป็นฝีมือของบารอน คาเงยาม่านั่นเอง) และเมื่อปรับความเข้าใจกัน ทั้งคู่จึงเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกันเหมือนเดิม แต่ด้วยนิสัยจองหอง หยิ่งทระนงของลูซิเฟอร์จึงแอบช่วยจูปิเตอร์เป็นบางครั้งเท่านั้น…(จริงๆแล้ว เขาเชื่อมั่นในตัวเพื่อนว่าจะไม่แพ้ใครมากกว่า)
และเมื่อลูซิเฟอร์ไม่สามารถอยู่ในการควบคุมปั่นหัวได้อีกแล้ว บารอน คาเงยาม่า จึงริอาจคิดการใหญ่ด้วย “แผนการทำลายล้างโตเกียว ด้วยขีปนาวุธ”
แต่ทางกรมตำรวจ และหน่วย ZAC ได้รับแผ่นฟล๊อปปี้ดิสก์ที่บันทึกข้อมูลแบบแปลนการสร้างบาเรียของเมืองโตเกียว และได้ติดตั้งเสร็จก่อนแผนของพวกเดธแทร็ปสำเร็จ (แต่ก่อนหน้านี้ก็มีเหตุวุ่นวายบนขบวนรถไฟ ที่ส่งมอบข้อมูลดังกล่าว จากการก่อกวนของพวกเดธแทร็ปที่ส่งไซบอร์กมาชิงแผ่นฟล๊อปปี้ดิสก์ซะก่อน…)
ในที่สุด ด้วยการร่วมมือของจูปิเตอร์ กับ ลูซิเฟอร์ สองเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ก็สามารถยิงปืนใหญ่ “พลาสม่าแคนน่อน” ที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุดเท่าที่มนุษย์ยุค90 สามารถสร้างได้ จัดการกับบารอน คาเงยาม่าลงสำเร็จ ปิดฉากแผนชั่วพวกเดธแทร็ปไปอย่างงดงาม
ด้วยความแรงของพลังปืนใหญ่พลาสม่าแคนน่อน ทำให้เกิด “ช่องว่างแห่งกาลเวลา” ที่มีปลายทางคือ “ศตวรรษที่ 23″ ทั้งจูปิเตอร์ และลูซิเฟอร์จึงตัดสินใจกลับไปยังโลกอนาคต เพราะ พวกเขาปิดฉากความเลวร้ายของคาเงยาม่าลงได้ และ ตั้งใจจะฟื้นฟูอนาคตหลังสงครามนิวเคลียร์ด้วย เจ้าหน้าที่อุเอซึกิ จึงขอติดตามจูปิเตอร์กลับไปยังโลกอนาคต (เพราะแอบมีใจให้) ทั้งสามคนจึงเดินทางผ่านห้วงมิติเวลานั่น
แต่ทว่า บารอน คาเงยาม่า ยังไม่ตาย! และเขาก็ต้องการที่จะตามไป แต่ทว่า “ไซเบอร์มาร์ส” เจ้าหน้าที่ไซเบอร์คอป ได้กระโดดเกาะขา ลากบารอนคาเงยาม่าและตัวเขาเองลงสู่ปากปล่องภูเขาไฟ
ไซเบอร์มาร์สรอดตายด้วยพลังของชุด Bit Suits สุดทนทาน ส่วน บารอน คาเงยาม่า ก็ตายคาปล่องภูเขาไฟไปเป็นอันจบสิ้นเรื่องราวของไซเบอร์คอปอย่างสวยงาม ท่ามกลางความดีใจของเพื่อนๆหน่วยZAC …
END
===
“ไซเบอร์บิท สแตนบาย!!” การแปลงร่างของเหล่าไซเบอร์คอป ที่ต้องลงไปยื่นเท่ๆในตู้สวมเกราะ
มอเตอร์ไซด์สุดล้ำ ที่ตัวผู้ขับต้องนิ่งราวกับรูปปั้น ถึงจะขับได้!!
ตัวละคร
ทาเคดะ ชินยะ / ไซเบอร์ จูปิเตอร์ (แสดงโดย โยชิดะ โทโมโนริ)
ชายหนุ่มที่ความจำเสื่อมจากโลกอนาคตศตวรรษที่ 23 ที่ตกกระไดพลอยโจนมาเป้นเจ้าหน้าที่หน่วย ZAC ออกปราบเหล่าร้ายโดยหวังว่าวันหนึ่งเขาจะนึกเรื่องราวของตัวเองออก ชื่อเดิมก่อนมาที่ปี 199X เขาเป็นทหารที่มีชื่อว่า “Z226″ (แซด ดับเบิ้ลทู ซิกส์) และยังเป็น “หลานชายของ ผบ.ฮิซากิ โอดะ แห่งหน่วย ZAC “ที่มาจากอนาคตอีกด้วย
โดยชุดBit Suits “จูปิเตอร์” เป็นชุดที่ผลิตในศตวรรษที่23 จึงอัดแน่นด้วยเทคโนโลยี และมีท่าไม้ตายคือ”ธันเดอร์ อาร์ม” เป็นการเรียกอาวุธเมื่อความโกรธของจูปิเตอร์ถูกเร่งถึงขีดสุด ท้องฟ้าจะแปรปรวน และส่งสนับมือ เพื่อให้เขาเอาไปควงหมัดด้วยความเร็วสูง เป็นการชาร์จพลัง และยิงลำแสงทำลายล้างออกไป หรือจะเปลี่ยนเป็นการรัวหมัดชุดคลื่นโซนิคเวฟได้
อุเอซึกิ โทโมโกะ (แสดงโดย มิกะ ชิบะ)
เจ้าหน้าที่สาวน้อยวัย16 ที่ทำหน้าที่สนับสนุนงานภาคสนามของเหล่าไซเบอร์คอป ซึ่งตามจริงแล้ว เธอจะได้รับชุดBit Suits ที่มีโค้ดเนมว่า “วีนัส” แต่ทว่าก็ถูกยกเลิกโปรเจคท์ไป (เพราะงบประมาณในการสร้างที่สุงกว่าทุกชุดในปี 199x) จึงทำให้เธอรับหน้าที่กึ่งๆเจ้าหน้าที่ประสานงานในการขอกำลังเสริม หรือเรียกใช้งาน
โดยเมื่อใดก็ตามที่เหล่าไซเบอร์คอปประกาศเรียกโค้ดว่า “Set Arm” ทำให้อุเอซึกิต้องรีบวิ่งหา “Bit Station” ซึ่งเป็นจุดที่ป้อนตัวเลขข้อมูลคำร้องขอใช้อุปกรณ์เสริม โดยอาจจะซ่อนตามศาลเจ้า หลังต้นไม้ เสาไฟฟ้า หรือจุดต่างๆ โดย “Black Chambers” (ห้องจัดเก็บเครื่องมือของกรมตำรวจ) จะส่งอุปกรณ์มาให้ผ่านทางท่อใต้กรุงโตเกียว ที่เรียกว่า “Chamber Tubes” แล้วออกไปรับของได้เลย
ในยามว่าง เจ้าหน้าที่อุเอซึกิ และทีมงานไซเบอร์คอป จะแวะซ้อมดนตรีก่อนเลิกงาน และยังรับจ๊อบร้องเพลงตามผับด้วย โดยเพลงเอกคือ “Shooting Star”
โฮโจ อากิระ / ไซเบอร์ มาร์ส (แสดงโดย โชโก ชิโอทานิ)
ชีวิตของนายตำรวจรายนี้เริ่มขึ้นหลังจากที่พ่อของเขาชิงฆ่าตัวตายตอน8ขวบ จากพิษเศรฐกิจ ทำให้เขาเริ่มมีความเป้นแบดบอย โดยใช้ความอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์ในการเจาะระบบข้อมูลของบริษัทที่พ่อของเขาทำงานให้ หลังจากใช้ชีวิตเหลวแหลก เขาก็พบกับ ผบ.ฮิซากิ โอดะ แห่งหน่วย ZAC ที่ดูแลเขา แล้วปรับพฤติกรรม จนกลายเป็นกำลังสำคัญของหน่วยไป เขาจึงรักและนับถือ ผบ.โอดะมากๆ และยังได้รับตำแหน่งหัวหน้าชุดไซเบอร์คอปภาคสนามอีกด้วย
โดยชุดของไซเบอร์มาร์ส จะเป็นชุดที่มีความคงทนสูงที่สุดในบรรดาไซเบอร์คอปยุค199x (เป็นรองแค่ไซเบอร์จูปิเตอร์เท่านั้น) มีอาวุธคู่มือคือเครื่องยิงจรวด
โอซามุ ไซอนจิ / ไซเบอร์ เมอร์คิวรี่(แสดงโดย มัตสึโมโต้ ทาเคชิ)
นายตำรวจผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้มือเปล่า เขาสูญเสียพี่ชายที่เป็นตำรวจในระหว่างที่ทำคดี ทำให้แม่ของเขาไม่พอใจที่เขาเป้นตำรวจ แต่เขาก็ปรับความเข้าใจกับแม่ และกลายเป้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เก่งกาจได้
ตัวของไซอนจิจัดว่าเป็นตำรวจสายห้าวที่มักจะวิ่งเข้าไปเปิดงานเวลามีเรื่องเสมอ เป็นคนที่มีความกล้า และบ้าในตัวสูงจนแผนล่มมาหลายครั้ง ถึงเพื่อนๆจะเอือมระอา แต่ก็เป้นที่รักของทุกคน เพราะความเสียสละของเขานั่นเอง แถมชุดไซเบอร์เมอร์คิวรี่ที่สวมใส่ ก็มีน้ำหนักเบา และคล่องตัวที่สุดในบรรดาไซเบอร์คอป มีอาวุธหลักๆเป็นดาบสั้น และปืนกลเล็ก
โมริ เรียวอิจิ / ไซเบอร์ แซทเทิร์น (แสดงโดย ซาซากิ เรียวมะ)
นายตำรวจอารมณ์ดีประจำทีม เขามักจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆ ด้วยมุกที่ปังบ้าง แป้กบ้าง ตามวาระ โดยเจ้าตัวเป้นคนที่ไม่ชอบออกหน้าไปสู้ซักเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเขาขี้ขลาด แต่เป็นเพราะ “เบื่อที่จะต่อสู้” มากกว่า โดยฝีมือการต่อสู้ เอาจริงๆ ก็เป็นรองแค่ไซอนจิเท่านั้น จัดว่าเป้นตำรวจที่”สโลว์ไลฟ์” เช้าชามเย็นชามที่สุดในกลุ่ม เพราะเขามีภาระที่ต้องดูแลคือน้องชายและน้องสาวที่รอเขากลับบ้านอีก 3 คน ดังนั้นเขาจะพยายามไม่เสี่ยงหากไม่จำเป็น
ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้เขาเป้นประเภท “คิดมาก ก่อนทำ” วิเคราะห์พื้นที่เวลาปฎิบัติงานอย่างละเอียดรอบคอบเสมอโดยชุดไซเบอร์แซทเทิร์นของเขา ก็ติดตั้งจานดาวเทียม และคอมพิวเตอร์วิเคราะห์สถารการณ์ในแนวหลังเวลาสู้รบเสมอ ซึ่งจะตรงข้ามกับขาลุยไซอนจิ ทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกันตลอดเวลา…
ลูซิเฟอร์ / ไซเบอร์ลูซิเฟอร์ (แสดงโดย ทาคาระ ยูจิ)
เพื่อนรักของจูปิเตอร์ หรือ ทาเคดะ ชินยะ จากศตวรรษที่23 เขาย้อนเวลากลับมาพร้อมๆกับบารอน คาเงยาม่า เพื่อมาตามล่าจูปิเตอร์ หวังว่าจะล้างแค้นให้เหล่าทหารที่ต้องตายไปในเหตุระเบิดหอคอยบาบิลอน อีกทั้งการพูดเชิงยั่วยุของบารอน คาเงยาม่า ทำให้ทวีความเดือดดาลเข้าไปอีก แต่เมื่อทราบความจริงแล้วว่าเป้นการเข้าใจผิด บวกกับความโมโหที่บารอน คาเงยาม่าหลอกใช้เขา จึงเบนเข็มมาร่วมมือกับลูซิเฟอร์ในการต่อสู้กับพวกเดธแทร็ป อย่างไม่เป็ทางการ (เจ้าตัวชอบลุยเดี่ยวมากกว่า) แต่ก็มีมาช่วยจูปิเตอร์ในยามคับขันเช่นกัน (แถมชอบมาในมาดของ “คาวบอยขี่ม้าถือปืนไรเฟิล” ที่จัดว่าเท่ห์โคตรๆ…)
ชุดไซเบอร์ลูซิเฟอร์ จัดว่าเป็นชุดที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาชุดBit Suits ทั้งหมดทั้งมวล มีอาวุธเยอะมาก ทั้งปืนพกคู่ “อิมพัลส์ แม็กนั่ม” / ปืนกลที่ไหล่ทั้งสองข้าง “อิมพัลสืแมชชีนกัน” / ปืนใหญ่”พัลซ่า แคนน่อน” / ปืนยาวไรเฟิล “กีก้าแม็กซ์” (ที่มักจะเก็บไว้ในโลงศพ แล้วก็ลากไปๆมาๆในเรื่อง) / และสุดท้าย “ลำแสงไซเบอร์กราวิตอน” เป็นปืนใหญ่ที่ยิงออกมาจากเกราะของไซเบอร์ลูซิเฟอร์ ที่มีอานุภาพร้ายแรงพอๆกับ”ธันเดอร์อาร์ม” ของจูปิเตอร์
==
ของเล่น
ของเล่นจากหนังเรื่องนี้กลายเป็นของหายาก เพราะไม่มีเจ้าไหนได้ลิขสิทธิ์จากโตโฮมาทำสินค้าขายในปัจจุบัน จะมีก็แต่ของเก่าเก็บในอดีตเท่านั้นมาวางขาย แถมราคานี่ก็น้องๆ PS4 กันเลย ถ้าจะเก็บให้ครบชุด!
===
“ไซเบอร์คอป” อาจจะไม่ได้ดังอะไรมากในญี่ปุ่น แต่นี่คือ การเดบิวแจ้งเกิดครั้งแรกของสาวน้อยมหัศจรรย์อายุ16ปี “มิกะ ชิบะ” ที่ส่งให้เธอเป็นไอดอลที่มีผลงานเพลง แผ่นเสียง เลเซอร์ดิสก์ และผลงานถ่ายแบบนิตยสารแฟชั่นทั้งแบบสวยงาม และปลุกใจเสือป่าออกมาเยอะมากในช่วงปลายๆปี 80-90ตอนต้น
ปัจจุบันคุณมิกะ ชิบะ ได้รีไทร์ไปใช้ชีวิตสงบๆกับลูกหลานแล้ว แต่ก็มีบางครั้งออกให้สัมภาษณ์และรับงานละครบ้างประปราย…(ในภาพซ้ายเป็นภาพปัจจุบัน ส่วนภาพขวาเป็นงานเปิดตัว หนังแปลงร่าง”แกรนด์เซเซอร์”ของโตโฮเมื่อปี 2002)
ในเรื่องนี้ จัดเป็นหนังแปลงร่างทุนต่ำมาก เพราะเหล่าพระเอกทั้งหมด จะเป็นสตั๊นท์แมน เล่นเอง เจ็บเอง ใส่ชุดโดดไปมาตีลังกาเอง เพราะพวกเขาทั้งหมด ก็มาจากทีมงาน JAC หรือ”สมาคมสตั๊นท์แมนแห่งญี่ปุ่น” ซึ่งก็ประหยัดรายจ่ายไปได้เยอะพอสมควร แถมได้คุณ โชโก ชิโอทานิ นักแสดงในเรื่อง (ไซเบอร์มาร์ส) ที่เป็นทั้งสตั๊นท์แมน มานั่งแท่นเป็นผกก.คิวบู๊เองในบางตอนด้วย
====
“ไซเบอร์คอป ภาค2!?”
จริงๆเราเกือบจะได้ดู “ไซเบอร์คอป ภาคที่2″ แล้ว ถ้าทาง บ.โตโฮ ได้อนุมัติบทที่คุณ “โชโก ชิโอทานิ” หรือ “ไซเบอร์มาร์ส” ที่ได้ทำการร่างบท และลงทุนเรื่องการทำชุด และการทำโปรดัคท์ชั่น แล้ว (พูดง่ายๆ ถ้าไฟเขียวผ่านปุ๊ป ตัหนังก็ออกฉายตอนแรกได้เลย)
แต่ทางบ.โตโฮเจอพิษเศรฐกิจฟองสบู่ในช่วงปี 2540 บวกกับการที่ช่วงนั้นกำลังจะมีโครงการทำหนังแปลงร่างชุด “Gransazer” (ซึ่งโด่งดังในช่วงยุค 2000ต้นๆ) บทของ”ไซเบอร์คอป 2 จึงไม่ได้รับการอนุมัติไปโดยปริยาย”
และในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก คุณโชโก ชิโอทานิ ก็สิ้นเนื้อประดาตัว เพราะไม่มีงานเข้า ไม่มีเงิน จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึกที่บ้านพัก ย่านโดเก็นซากะ…เหลือเพียงความทรงจำในฐานะนักแสดงผู้มากความสามารถในโลกของหนังแปลงร่างผู้อาภัพเท่านั้น…
===
ถึงจะไม่ดังมาก แต่ก็มีเด็กๆเขียนจดหมายมาชิงรางวัลมากมายพอสมควรนะเออ!
จัดเป็นหนังฮีโร่แปลงร่างที่ไม่ได้ดังอะไรมากในญี่ปุ่น แต่ในบ้านเราฮือฮามาก เพราะด้วยเทคนิคCGที่ล้ำยุค การเล่นบลูสกรีนซ้อนฉากที่ไม่ค่อยได้เห็น ก็ทำให้หนังเรื่องนี้ถูกเด็กๆพูดถึงมาก บวกกับพล๊อตที่สนุก (ดูไม่ตกยุค ถ้าจะรีเมคใหม่) จึงเป้นที่ถูกใจเด็กๆที่นั่งรอหน้าจอ และรอเช่าวิดิโอม้วน ที่เป็นลิขสิทธิ์จาก บ.วิดิโอสแควร์นั่นเอง…
ที่ญี่ปุ่นออก DVD ครบเซ็ทภาพชัดๆแล้ว อิจฉาา อยากให้บ้านเรามีแบบนี้มั่ง!
น่าเสียดายที่โปรเจคท์ดีๆแบบนี้ไม่ได้รับการสานต่อ…ถ้าค่ายไหนจะ LC มายัดลงDVD คงจะดักเด็กหนวดยุค 80-90ได้บานตะเกียง!!
แอดมิน Ak47
===
เพลงเปิดสุดเร้าใจ “A Roar to Tomorrow”
เพลงเปิดตัวเต็มแปลไทย คลิก
===
เพลงปิดแสนไพเราะ โดย มิกะ ชิบะ (เจ้าหน้าที่อุเอซึกิ)
“Shooting Star”