Deadpool 2 [ รีวิว / เรื่องย่อ / วันฉาย]
ประเภท : ภาพยนตร์
แนว : Action, Comedy
ผู้กำกับ : David Leitch
ฉาย : 16 พฤษภาคม 2018 (รอบดึก) / 17 พฤษภาคม 2018 (ฉายจริง)
เพลงใหม่ Ashes ของ Céline Dion ประกอบภายนตร์ Deadpool 2!
หลังจากประสบความสำเร็จกับความกวนบาทา และความเกรียนของฮีโร่ปากหมานหน้าปรุในชุดแดงรัดติ้วที่ชื่อ “เดดพูล” เมื่อสองปีก่อน คราวนี้เขากลับมาพร้อมกับความยียวนกวนประสาทที่มากขึ้น เล่นสเกลใหญ่ขึ้น และการรวมทีม X-Force รวมไปถึงศัตรูใหม่ กับภาคต่อที่มีชื่อว่า “Deadpool 2″
เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องของเดดพูลในภาคนี้ ไม่มีอะไรยากซับซ้อนนัก เล่าง่ายๆ ภาคนี้ เดดพูลต้องรวมทีมมนุษย์กลายพันธุ์ด้วยตัวเอง เพื่อทำภารกิจคุ้มกัน “รัสเซล”(Russell) มิวแตนท์เด็กลึกลับให้พ้นจากการตามล่าของนักรบผู้ข้ามกาลเวลาอย่าง “เคเบิล” เล่าได้เท่านี้ ถ้ามากกว่านี้คือสปอยล์ละครับ
“รัสเซล”(Russell) มิวแตนท์เด็กที่มีความสามารถในการใช้ไฟ (Pyrokinesis) สามารถระเบิดทุกสิ่ง เผาไหม้ทุกอย่างได้ตามต้องการ
รวมพล X Force!! ทีมฮีโร่จอมกวนที่นำโดยเดดพูล
Ryan Reynolds รับบทเป็น Wade Wilson
ตัวเอกสุดเกรียนแต่เก่งแบบสุดตรีน อดีตนักฆ่าผู้โด่งดังที่หันมาเอาดีด้านการเป็นฮีโร่ เขาพยายามที่จะเป็นฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรม แต่บางครั้งมันก็เหลวเป๋วไปซะงั้น
Brianna Hildebrand รับบทเป็น Negasonic Teenage Warhead
เด็กพังค์ที่เป็นตัวละครจากเดดพูลภาคแรกยังคงกลับมามีบทอีกครั้ง เธอมีความสามารถในการรวบรวมเอาพลังจากในร่างกายแล้วเปลี่ยนเป็นความร้อนจนสามารถระเบิดออกมาได้ (อ้างอิงตามฉบับหนังโรงเดดพูลภาคแรก)
Stefan Kapicic พากย์เสียงเป็น Colossus
ยักษ์เหล็กล่ำบึ๊กบึกบึนแต่สมองไม่ไวต่อความเกรียนของเดดพูล ร่างกายเป็นเหล็กตันทนแรงแถมทนแดดทนฝน ที่ไม่มีปัญหาเรื่องสนิมเกาะอย่างแน่นอน แต่จุดอ่อนของพี่แกก็มีนะ อยู่ตรง“เป้ากางเกง” นั่นละ
Zazie Beetz รับบทเป็น Domino
แม่สาวมิวแทนต์ตัวละครใหม่ของภาคนี้ที่เป็นนักแม่นปืนและมีความสามารถพิเศษคือ “ดวงดี” แบบไม่น่าเชื่อ
Terry Crews รับบทเป็น Bedlam
มนุษย์ไฟฟ้าตัวจริง เพราะความสามารถพี่แกคือการปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าแทรกแซงการทำงานของวงจรต่างๆ ระบบเครื่องใช้ไฟฟ้า แถมใช้ช๊อตหัวศัตรูได้ด้วย!
Shioli Kutsuna รับบทเป็น Surge
มนุษย์ไฟฟ้าตัวจริงอีกคน แต่ต่างจากเบดแลมตรงที่เธอสามารถเอาไฟฟ้าในอากาศรอบๆตัวมาสร้างเป็นอาวุธ และเป็นเพื่อนซี้ของ Negasonic Teenage Warhead อีกด้วย
Bill Skarsgård รับบทเป็น Zeitgeist
ชายหนุ่มจิตใจดี ผู้มีอ้วกเป็นพิษ จัดว่าเป็นตัวอันตรายอีกหนึ่งที่เดดพูลจับมาร่วมทีม X-Force
Lewis Tan รับบทเป็น Shatterstar
นักวิศวกรรมดัดแปลงพันธุกรรม ผู้ข้ามมิติกาลเวลามา และเป็นส่วนหนึ่งของผู้ก่อตั้งทีม X-Force
Rob Delaney รับบทเป็น Peter
ชายธรรมดาๆว่างงานวัยกลางคน ที่เห็นประกาศโฆษณารับคนเข้าทีม X-Force ของเดดพูล จึงมาลองสมัครเผื่อฟลุค และเดดพูลก็รับเขามาร่วมทีมจริงๆ…
Josh Brolin รับบทเป็น Nathan Summers หรือ Cable
วายร้ายของภาคนี้ ตัวละครจากซีรีส์ X-MEN ที่เป็นลูกชายของ ไซคลอปส์ กับ แมดเดอลีน ไพรเออร์ ที่เป็นร่างโคลนของ จีน เกรย์ มีความสามารถในการหายตัวข้ามมิติของเวลาได้
Review 9/10
เกรียน,ดราม่า, และบ้าบอคอแตกที่สุดในสารบบหนังฮีโร่!
ต้องเตือนกันแรงๆก่อนชม หนังฮีโร่เรื่องนี้ “ไม่เหมาะกับเด็ก และเยาวชนทุกประการ” ทั้งตัวหนังที่พกพาความรุนแรงระดับ”ไส้ทะลัก” หรือ “การใช้ภาษาที่สบถแจกฟักแกงกันค่อนเรื่อง” ทำให้หนังมีเรทผู้ชมอยู่ในระดับผู้ใหญ่ และเมื่อมันเป็นหนังผู้ใหญ่ เราจะเห็นภาพของ”เดดพูล” ฮีโร่ปากมากออกแอคชั่นไล่ล่าฆ่าวายร้ายในเรื่องแบบถึงเลือดถึงเนื้อตั้งแต่เปิดเรื่องกันเลย แน่นอนว่าเป็นฝีมือของผู้กำกับหนัง David Leitch ที่คงซิกเนเจอร์ของ John Wick ด้วยการสาดฉากแอคชั่นที่ทื่อๆ ดุดัน ดูเพลิน ออกไปทางหนังยุค 80 ซักหน่อย อ่อ…ใช่ ฟิลลิ่งออกไปทาง Terminator 2 ของ เจมส์ คาเมรอน นั่นละครับ
ในส่วนของเนื้อหา “ต่อเนื่องกับภาคที่แล้วอย่างชัดเจน” (บอกเท่านี้พอ 555+) ซึ่งมันเล่าดีมาก เราจะเห็นเดดพูลในอีกมุมที่ดำดิ่งเข้มข้นกว่าเดิม เป็นตัวตนของฮีโร่คนนี้มากกว่าเดิม และในภาคนี้ ตอกย้ำถึงภาพรวมในจักรวาลมาร์เวลฟ๊อกซ์ (Marvel 20th Fox) ด้วยบทบาทของ “ทีม X-Men” ที่มีกันแค่สองสามตัว (โคโลซัส / เนกาโซนิค บลาๆๆๆ ชื่อยาว ข้ามๆไป กับอีหมวยซามูไรหัวม่วง) แม้ว่าจะไม่ใช่ชุดคนกลายพันธุ์ชุดใหญ่ แต่เชื่อเถอะว่า แค่ตัวละครเอ็กซ์เมนแค่สองสามตัว เอาเนื้อเรื่องอยู่หมัด และไม่รู้สึกแปลกแยก แถมดูสนุกด้วย
และทวีความตึงเครียด ด้วยการมาของ “เคเบิ้ล” วายร้ายของภาค 2 ที่ต้องบอกว่า “แม้เราจะรู้บทสรุปของตัวละครดังกล่าวทันทีี่เห็นหน้า” แต่เชื่อเถอะ เคเบิ้ล คือตัวสีสันมันส์ๆห่ามๆในเรื่องเช่นกัน…ส่วน ทีม X-Force ในเรื่อง ก็จัดว่าเป็นสีสันที่สำคัญ ตัวละครเหล่านี้ “ทำเอาแอดมินขำเหมือนคนบ้าในโรงหนัง” กันเลย แต่บทจะเทไปทางตัวละคร “โดมิโน” ซะเยอะ และแน่นอนว่า “นางมาเหนือจริงๆ”
อีกส่วนที่ขอยกเครดิตให้เป็นการส่วนตัวก็คือ “เสียงพากย์ไทย” ที่พากย์ออกมาได้แบบสนุก เพลินๆเลย มีการชงมุกตบมุก และปรับบทสนทนาให้เข้ากับบริบทคนไทยให้เข้าใจง่ายขึ้น ต้องบอกก่อนว่าตัวละครเดดพูล มีความเป็นโอตาคุฝรั่งสูงมาก ทุกมุกที่พ่นออกมา ส่วนมากมาจากในหนังเก่าๆ การ์ตูนเก่าๆ หรือบทจิกกัดต่างๆ (รวมไปถึงคำหยาบระดับด่าพ่อล่อแม่) ถ้าคนที่ไม่ได้เสพงาน Pop Culture มากๆ อาจจะไม่เก็ตมุกได้ ซึ่งเวอร์ชั่นพากย์ไทย เราอาจจะไม่ได้ยินเสียงกวนๆของ “ไรอัล เรย์โนลบด์” แต่ขอให้วางใจได้ว่า “คุณติ่ง สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล” ก็ทำออกมาลื่นไหล และทำเอาแอดมินเชื่อเลยว่า เออ เดดพูลพูดไทยเป็นต่อยหอยจนน่ารำคาญไปเลย อันยนี้ส่วนตัว และขอเห็นต่างจากสายซาวนด์แทรคไปหน่อยละกัน!
ส่วนที่ดีงามที่สุดของหนังเรื่องนี้ ทั้งหมดทั้งมวล อยู่ที่เอนเครดิตทั้ง 2 ตัวครับ มันคือที่สุดจริงๆ
ชนิด “ไม่มีหนังมาร์เวลเรื่องไหนกล้าทำอะไรที่มันโคตรบ้าบอคอแตกขนาดนี้มาก่อน”
และ “เชื่อว่าคงไม่มีใครทำ!”
ตัวอย่างหนัง
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console